Monday, 9 June 2025
POLITICS TEAM

ตั๋วช้างนิทานหลอกเด็ก ! ดร.นิวแฉฝ่ายค้านปั้นขบวนการสร้างปมเท็จปรับยศตำรวจ โยงข้อมูลเก่าปัดฝุ่นเล่าจนเป็นนิทานหลอกเด็ก

แม้จะจบศึกอภิปรายซักฟอกรัฐบาลประยุทธ์ 2 โดยมีผลลัพธ์ลงเอยด้วยการสอบผ่านทั้ง 10 รัฐมนตรีไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าจะยังมีอีกหลายประเด็น ที่ฝ่านค้านน่าจะยังเดินหน้าตอแยต่อ

หนึ่งในปมประเด็นที่ถูกทิ้งไว้สังคมสงสัยต่อ คือ ‘ตั๋วช้าง’

‘ตั๋วช้าง’ คืออะไร?

‘ตั๋วช้าง’ นั้นเป็นแฮชแท็กที่เกิดจาก รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปมอ้างว่ามีตั๋วในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ รวมทั้งมีการซื้อขายตำแหน่งอีกด้วย พร้อมโชว์เอกสารลับ ตั๋วช้าง จนทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ ประธานในที่ประชุม ต้องสั่งให้สรุปจบ โดยนายรังสิมันต์ยอมรับว่าเรื่องที่อภิปรายเป็นเรื่องอันตราย แต่ตนได้ทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.

รังสิมันต์ โรม กล่าวอ้างว่า การมีอยู่ของตั๋วช้าง ทำให้เกิดความสมยอมในการกระทำผิด ดังนั้นพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรจะรับผิดชอบอย่างไร เนื่องจากที่ตนเองได้ข้อมูลมานั้นตั๋วเหล่านี้มีมูลค่าหลักล้านหรือหลายล้าน ก็เท่ากับว่าสุดท้ายตำรวจต้องลงเอยด้วยการเรียกเก็บผลประโยชน์จากบ่อน จากธุรกิจผิดกฎหมาย หรือจากการค้ามนุษย์

อย่างไรก็ตาม ได้มีข้อมูลอีกด้านของ ‘ตั๋วช้าง’ ที่น่าสนใจ และดูเหมือนจะเป็นการหักล้างข้อมูลของ รังสิมันต์ โรม จาก ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ (ดร.นิว) นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ซึ่งได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyanไว้ว่า...

ข้อเท็จจริง "นิทานเรื่องตั๋วช้าง"

ได้ด้วยหรือ? อยู่ๆ ก็ยัดเยียดเอกสารฉบับหนึ่งเป็นตั๋วช้างได้หรือ? คำว่าตั๋วช้างก็โยงมาจากข่าวเก่าๆ ด้วยความมั่ว

นิทานเรื่อง #ตั๋วช้าง เป็นการเชื่อมโยงแบบมั่วๆ ปั้นน้ำเป็นตัวแต่งนิทานหลอกเด็ก เพื่อปั่นกระแสแหกตาประชาชน หวังหลอกใช้เป็นเบี้ยในการทำผิดกฎหมายและสร้างความแตกแยก

1.คำว่า "ตั๋วช้าง" มาจากข่าวแฉตำรวจใน https://mgronline.com/specialscoop/detail/9600000061278 วันที่ 15 มิ.ย. 2560

2.ตั๋วลดราคาตำแหน่ง 8 ล้าน ลดเหลือ 4 ล้าน มาจากคำพูดของอดีตผู้การวิสุทธิ์ใน https://www.posttoday.com/politic/report/444162 วันที่ 21 ก.ค. 2559

3.เอกสารที่นายโรมและขบวนการล้มเจ้านำมาปั่นกระแสบิดเบือน ถูกนำมาโยงกับ ข้อ 1-2 แบบมั่วๆ ทั้งๆที่เป็นการปรับตำแหน่งตามปกติให้กับตำรวจที่มีผลงานโดดเด่น และอาจเคยถวายงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาท

ขนาด ส.ส.พรรคล้มเจ้าที่ความดีไม่เคยมีปรากฏ ยังอยากได้เครื่องราชฯ

แล้วทำไมตำรวจดีๆที่มีผลงาน จะขอเกียรติยศให้กับการปรับตำแหน่งของตัวเองที่เป็นไปตามระบบไม่ได้?

ขอยกตัวอย่างบุคคลชื่อแรกที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าว พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “มือปราบอาชญากรออนไลน์” มีผลงานรับใช้ประชาชนที่โดดเด่นมากมายดังที่ได้พบเห็นในข่าวสารอยู่เป็นประจำ ช่วยเหลือประชาชนในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากเหล่ามิจฉาชีพต่างๆ ในโลกออนไลน์ จับกุมฉ้อโกง แฮคเกอร์ และเฟคนิวส์ได้เป็นจำนวนมาก เป็นวิทยากรให้ความรู้เพื่อป้องกันตนเองจากอาชญากรรมไซเบอร์มาหลายเวที

นอกจากนี้ยังเคยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจนถูกยิงจากการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกที่คนดีๆมีผลงานโดดเด่นแบบนี้ จะได้รับการพระราชทานเกียรติยศประกอบการเลื่อนตำแหน่งตามที่สมควรได้โดยชอบธรรมอยู่แล้ว ซึ่ง พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง 1 ระดับจาก “ผกก.3 บก.ปอท.” เป็น “รอง ผบก.ปอท”

การเชื่อมโยงแบบมั่วๆ ปั่นกระแสบิดเบือนของนิทานตั๋วช้างในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศได้เห็นแล้วว่า พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และม็อบ รวมถึงขบวนการล้มเจ้า เป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวกัน ที่เคลื่อนไหวปั่นกระแสร่วมกันอย่างเป็นระบบ อยู่เบื้องหลังการยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยก หมกมุ่นอยู่กับการบิดเบือนให้ร้ายหวังบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์

ที่มา:

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3912616712134271&id=100001579425464


อ้างอิง...

https://mgronline.com/specialscoop/detail/9600000061278

https://www.posttoday.com/politic/report/444162

https://provincialnewscenter.com/?p=6373

พลังประชารัฐเตรียมลงดาบ 7 ส.ส. ฝืนแนวทางพรรค งดออกเสียงโหวต ‘ศักดิ์สยาม’ ส่วนข่าวลือคนในพรรคไม่พอใจ ‘ธรรมนัส’ คาดแค่หวังเสี้ยมก่อความขัดแย้ง

แหล่งข่าวจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากผลคะแนนการลงมติของ ส.ส.ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ทางพล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค ในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อประเมินผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจและนำมาพิจารณาในภาพรวม

ทั้งนี้ประเด็นสำคัญในเรื่องของการโหวตลงมติต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พบว่ามี ส.ส. จำนวน 7 คน ที่ไม่ปฏิบัติตามแนวทางของพรรคที่วางไว้ โดย "งดออกเสียง" ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมดังนั้นในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค จะพิจารณามาตรการลงโทษด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค

นอกจากนี้ที่มีรายงานข่าวว่าสมาชิกพรรคหลายคนไม่สบายใจกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่ารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้คะแนนโหวตไว้วางใจมากกว่านายกรัฐมนตรีนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรครู้สึกไม่สบายใจและข้องใจที่มีข่าวแบบนี้ออกมา และไม่พอใจอย่างยิ่งต่อผู้ที่ให้ข่าวเช่นนี้ ถือเป็นการเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งภายใน ทั้งที่มันไม่เป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้น


ที่มา: https://mgronline.com/politics/detail/9640000017042

'รุุ้ง' ออกตัว​ ไม่มีการ์ดคนไหนพกระเบิดปิงปองมาที่ชุมนุม​ มั่นใจชุมนุมหน้าสภาฯ วันนี้ยึดสันติ

น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำม็อบคณะราษฏร โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กระบุว่า...

ด่วน! มีคนปล่อยข่าวเท็จว่าแนวร่วมมธ. และ We Volunteers จะนำระเบิดปิงปองมา 40 ลูก เพื่อสร้างภาพความรุนแรงในม็อบ

เราขอยืนยันตรงนี้ว่า ไม่จริง และไม่มีทางเป็นไปได้ พวกเราไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ และเรายึดถือแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด

และขอความร่วมมือจากทุกคนมา ณ ที่นี้ว่ารบกวนไม่พก/นำอาวุธทุกชนิดมาที่ม็อบอย่างเด็ดขาดนะคะ เราต้องการสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อกัน หาใช่การรบกันไม่

และขอให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตา และคอยห้ามปรามกันด้วยหากมีใครที่พยายามจะสร้างความรุนแรงในม็อบ

สำหรับหัวข้อที่จะเน้นในวันนี้​ คาดว่าจะเกี่ยวกับการปราศรัย​ ที่สุดท้ายแล้วผลการอภิปรายในสภาก็ไม่สามารถตอบโจทย์ และแก้ปัญหาอะไรให้ประชาชนได้ ซึ่งการที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว ก็เป็นเพราะเหตุนี้

ทั้งนี้​ รุ้ง​ ยังเผยอีกว่า​ คาดว่าผู้ชุมนุมจะเดินทางมาเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม​ ส่วนตัวอยากให้จบการชุมนุมในเวลา​ 21.30 น. เพราะค่าบริการสาธารณะในบริเวณนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางของประชาชน

ส่วนการปิดถนน จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งจากจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุม ขณะที่เวทีอื่นๆ​ ซึ่งมีการประกาศนัดรวมมวลชนต่างๆ ตน​ ก็เพิ่งทราบ แต่ตนเองจะเป็นหลักอยู่ที่หน้ารัฐสภา


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/221675

https://www.nationtv.tv/main/content/378816462

'มาดามเดียร์' แจงชัด!! งดออกเสียง 'ศักดิ์สยาม'​ เพราะไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ปมเปลี่ยนเงื่อนไข (TOR) และล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม พร้อมทั้งไม่ปกป้องและเรียกคืนที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย เขากระโดง จ.บุรีรัมย์

'มาดามเดียร์ - วทันยา วงษ์โอภาสี'​ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี'​ ว่า...

การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร 'กลุ่มดาวฤกษ์'​ ใช้สิทธิ 'งดออกเสียง'​ ในการลงคะแนน ญัตติไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคลกับรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ด้วยเหตุผลว่า ตลอดการอภิปรายและการชี้แจง 4 วัน (16 - 19 กพ.) ที่ผ่านมา ไม่พบคำชี้แจงที่ชัดเจนเพียงพอ ในการตอบคำอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน

ทำให้สังคมตั้งข้อกังขา และข้อสงสัยใน 2 ประเด็นหลัก ที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน กล่าวคือ เรื่องการเปลี่ยน เงื่อนไข (TOR) และการล้มการประมูล โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และข้ออภิปรายเรื่องการไม่ปกป้องหรือเรียกคืนที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในพื้นที่ เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์

ทั้ง 2 ประเด็นที่ยังไม่ได้รับคำตอบอย่างชัดเจน เป็นสองประเด็นที่ สองรัฐวิสาหกิจอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมโดยตรง คือ รฟท. และ รฟม.

ส.ส. ในกลุ่มดาวฤกษ์ ได้พยายามอย่างที่สุดในการปฏิบัติตามมติพรรค ด้วยการไม่ลงคะแนนไม่ไว้วางใจ

อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปฏิบัติตามจิตวิญญาณ ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ด้วยการ 'งดออกเสียง'​ ส่วนผลที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากการลงมติครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านใด ส.ส. ในกลุ่มทั้งหมด พร้อมน้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยถือว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชน อย่างดีที่สุดแล้ว

สำหรับ​ ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ นั้น​ มีอยู่​ 6 คน ได้แก่

1.) น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ

2.) นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.เขตหนองจอก

3.) นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.เขตคลองเตย-วัฒนา

4.) น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.เขตราชเทวี-พญาไท-จตุจักร

5.) น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง

6.) น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.เขตดุสิต-บางซื่อ

ควันหลงซักฟอก​ 'ธนาธร' สะใจอย่างแรง!! หลังลูกน้องในสภาฯ เปิดคลิปแฉไอโอกองทัพ

ควันหลง​ หลังจากนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเปิดคลิปวิดีโอ อ้างว่า​ กองทัพปฏิบัติการไอโอ เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามที่เห็นต่างทางการเมือง

ซึ่ง พรรคก้าวไกล ได้นำการอภิปรายของนายณัฐชา โพสต์เป็นคลิปพร้อมข้อความลงบนทวิตเตอร์ ระบุว่า "แหกแรกของวัน! @Nattacha_mfp เปิดคลิป #คอนคอล ของทีม IO กองทัพ เรียกคนในประเทศว่า "ฝ่ายตรงข้าม" และชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีและประชาสัมพันธ์ให้ร้ายฝ่ายดังกล่าวในวันยุบพรรคอนาคตใหม่"

ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้าได้แชร์ข้อความและคลิปดังกล่าว พร้อมโพสต์ข้อความว่า "55555555555555"

นายธนาธร ยังโพสต์อีกด้วยว่า...

เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เผื่อทุกท่านลืมนะครับ ทหารในคลิปนี้พยายามกลบเกลื่อน "เหตุร้าย" ที่ผ่านมา และเตรียมตัวรับมือการยุบพรรคอนาคตใหม่

"เหตุร้าย" นั่นคือเหตุ #กราดยิงโคราช

สุดยอดจริงๆ พยายามลบลืมความผิดตัวเองแล้วรอไปป้ายสีให้คนอื่น เพียงไม่กี่วันหลังเหตุกราดยิงโคราช สุดยอดจริงๆ


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/93532

.

'ก้าวไกล'​ ไปต่อ เดินหน้ายุทธการกรีดแผลโรยเกลือ 'นายกฯ-รมต.'​ ไม่ให้มีชีวิตรอดหลังซักฟอก จ่อส่ง ปปช.ถอดถอน 'นิพนธ์'​ คนแรก หลักฐานชัด ผิดจริยธรรมการเมืองร้ายแรง รมต.คนอื่นรอคิวต่อไป

ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่า เรายืนยันว่าเราตั้งใจทำใน 4 วันนี้ให้ออกมาอย่างสุดความสามารถ​ แม้ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างที่เห็น 

แต่อย่างไรก็ตาม​ เราได้กรีดแผลไปในสภา ซึ่งแผลที่เกิดขึ้น​ ก็ได้สะท้อนปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหรือแรงงาน ต่อไปปีนี้จะไม่เหมือนปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ยืนยันจะมียุทธการโรยเกลือย้ำแผลที่เราได้กรีดไว้ โดยจะมีกระบวนการทำงานต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยื่นต่อปปช. ต่อศาลในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน 

ด้าน​ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเตรียมข้อมูลของการอภิปรายพรรคก้าวไกล รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง แม้เราสร้างแผล​ ไม่ว่าจะเป็นแผลข่วน ไฟไหม้ และแผลฉกรรจ์ โดยเฉพาะนายกฯ​ ที่หนีภาษีไปจนถึงคอร์รัปชั่นในระดับนโยบาย รถไฟฟ้า อุตสาหกรรม พลังงาน รวมทั้งการเอื้อประโยชน์นายทุนหลายรายให้เข้ามาใช้ทรัพยากรของชาติแบ่งปันผลประโยชน์เพื่อพวกพ้องตัวเองและเครือข่าย แต่อย่างไรก็ตามผลการลงมติครั้งนี้อาจจะสะท้อนว่าเราทำงานยังไม่หนักพอ เพราะคนที่จะตัดสินคือประชาชน ว่าจะยังไว้ใจให้คณะรัฐมนตรี รวมถึงนายกฯ​ ชุดนี้ให้ทำงานต่อไปหรือไม่ 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า มาตรการโรยเกลือที่เราจะทำต่อคือจะมีการยื่นจดหมาย หนังสือร้องเรียนต่างๆ​ ไม่ว่าจะเป็นการยีนถอดถอนรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน กรณีของการผิดจริยธรรมนักการเมืองไปที่​ ป.ป.ช.โดยจะมีการยื่นขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนในหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นการขอข้อมูลกองทัพบก กรณีการใช้ที่ดินราชพัสดุ เพื่อการปฏิรูปกองทัพ และยื่นตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างทุกกระบวนการโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม สำหรับกระทรวงศึกษาเราจะยื่นตรวจสอบการกลับมติครม. กรณีการลดงบประมาณกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ นี่คือกระบวนการโรยเกลือเพื่อให้แผลที่เราเปิดไว้ในสภาออกไปสู่นอกสภา เพื่อติดตามผลว่านายกฯ​ และรัฐมนตรีต่างๆ​ จะยังมีชีวิตรอดหลังจากอภิปรายไว้ต่อไปหรือไม่ จึงขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ส่งข้อมูลและสนับสนุนพรรคก้าวไกล เพื่อเป็นเบาะแสในการตรวจสอบนำมาสู่การอภิปรายในครั้งนี้ 

“รัฐมนตรีที่จะยื่นให้ป.ป.ช.​ ถอดถอนคือนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นคนที่มีหลักฐานพร้อมที่จะยื่นเป็นคนแรก กรณีผิดจริยธรรมของนักการเมืองอย่างร้ายแรง

นอกจากนี้ก็ยังมีกรณีนายบอส อยู่วิทยา ที่นายกฯ​ และรองนายกฯ​ ที่มีส่วนแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเปิดเผยรายงานข้อเท็จจริงที่นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งมีรายชื่อและรายละเอียดชัดเจนว่ามีใครบ้างที่พัวพันกับคดีนี้”  น.ส.ศิริกัญญา กล่าว 

เมื่อถามว่าจะดำเนินการลงโทษส.ส.​ ที่โหวตลงมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข อย่างไร? นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคมีคณะกรรมการที่ตรวจสอบวินัยสมาชิกพรรคอยู่แล้ว ซึ่งเราไม่อยากเตะหมูเข้าปากหมา อย่างการไล่ส.ส.​ ออกไปตอนนี้ มีแต่จะไปเข้าทางของผู้มีอำนาจ แต่เราจะมีกระบวนการลงโทษที่ชัดเจน เช่น ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคทั้งหมด รวมถึงการทำงานในสภาในนามพรรคทั้งหมด เราไม่นิ่งนอนใจ ซึ่งยอมรับว่าหากมีส.ส.​ ในพรรคแหกมติจริง ก็ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคะแนนเสียงที่เลือกเรามาแล้วผิดหวัง ประสบการณ์ครั้งนี้จะนำมาสู่การปฏิรูปพรรคอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการทำงานที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราทำงานเต็มที่ 

เมื่อถามผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่ามีการประสานงานกันกับคนในพรรคเพื่อให้ลงมติให้นายอนุทิน เพราะเมื่อครั้งยุบพรรคก็เสียส.ส.​ ไปหลายคน นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าเป็นความจริงตนในฐานะหัวหน้าพรรคก็ผิดหวัง แต่ไม่ผิดคาด เพราะเรามีกระบวนการในพรรคเตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายกฯ​ ได้คะแนนโหวตไม่มาก นายชัยธวัช กล่าวว่า สะท้อนว่าเป็นระบบการเมืองแบบเก่า ที่ยังมีอิทธิพลและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นปัญหาสภาพแวดล้อมที่เราเคยอยู่พรรคอนาคตใหม่ ก็พยายามต่อสู้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เฉพาะเราที่เป็นพรรคการเมืองเท่านั้นที่ไม่อยากเห็น แต่ประชาชนก็ไม่อยากเห็นการเมืองแบบนี้ ซึ่งถอยย้อนหลังมาเรื่อยๆ ตั้งแต่รัฐประหาร 

กระทรวงศึกษารั้งบ๊วย วิเคราะห์เบื้องหลังผลสอบณัฏฐพลบู่ คาดปมส่งภรรยาลงชิงผู้ว่ากรุงเป็นเหตุ

หากเรียงอันดับคะแนนสอบ​ผลลงมติซักฟอก​ 'รัฐบาลตู่ 2'​ จากมากไปน้อย​ จะมีหน้าตาเรียงกันออกมาดังนี้... 

1.​ ร​มว.สาธารณสุข​ นายอนุทิน ชาญวีรกุล
2.​ รองนายกรัฐมนตรี​ พลเอก​ประวิตร​ วงศ์สุวรรณ
3.​ รมช.เกษตร​ ร้อยเอก​ธรรมนัส​ พรหมเผ่า
4.​ นายกรัฐมนตรี​ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา
5.​ รมว.มหาดไทย​ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา
6.​ รมช.มหาดไทย​ ​นายนิพนธ์ บุญญามณี
7.​ รมว.คมนาคม นายศักดิ์สยาม​ ชิดชอบ
8.​ รมว.พาณิชย์​ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
9.​ รมว.แรงงาน​ นายสุชาติ​ ชมกลิ่น
และ​ 10.​ รมว. ศึกษาธิการ​ ณัฏฐพล​ ทีปสุวรรณ

คะแนนที่ออกมา​ น่าจะดูจากการตอบคำถาม!! 

ทำไมรมต.อนุทิน​ ได้คะแนนสูงสุด!! 
เชื่อว่าน่าจะมาจากการตอบคำถามสวนหมัดตรงจากคำถามอันกร้าวร้าวของ ส.ส.วิโรจน์​ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่แทนที่จะกดหัวหมอหนูให้อยู่หมัด​ กลายเป็นเข้าทาง รมว.สาธารณสุข​ เต็มๆ ขณะเดียวกันก็มีแรงเสริมจากการช่วยตอบของทีมแพทย์​กระทรวงสาธารณสุข​ที่ต้องบอกว่าข้อมูลแน่นเอี้ยด​ ดังนั้น​ รมว.สาธารณสุข​สมควรได้คะแนนสูงสุด​ จึงถูกต้องแล้ว

ส่วนคนที่ตอบคำถามชัดเจนภาษาชาวบ้านได้ดีอีกคน​ จนทำให้บรรดาชาวบ้านและสื่อมวลชนที่ฟังอยู่เข้าใจง่ายและเคลียร์ คือ​ ร​มช.มหาดไทย​ นายนิพนธ์​ บุญญามณี ในเรื่องมีผลประโยชน์รู้ข้อมูลซื้อขายที่ดินในการจัดตั้งนิคมภาคใต้ ที่​อ.จะนะ จ.สงขลา​ ทำให้ผลจากการอภิปรายของ ส.ส.พรรคก้าวไกล​ เป็นรองไปในบัดดล

ส่วน​ รมว.คมนาคม​ นายศักดิ์สยาม​ ชิดชอบ  และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย​ที่โดน​ ​ส.​ส.พรรค​แดง​และพรรคส้ม รุมกระหน่ำเรื่องความไม่ชอบมาพากล ในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ระดับวงเงินสูงกว่าหนึ่งแสนล้านบาทนั้น​ แม้จะตอบคำถามไม่เคลียร์ทั้งหมด แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดได้ในที่สุด  ถึงคะแนนจะห่างจากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไปหลายคะแนน​ ก็เป่าปากสุดปอด

ส่วน​ รมว.กระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น​ ที่ตอบคำถามได้เคลียร์​ แต่ด้วยสถานการณ์ที่มีแรงงานตกงานเพราะพิษโควิด รวมทั้งการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ ที่เกิดจากแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร​ เลยได้คะแนนน้อยไปนิด

ส่วนที่น่าแปลกใจหน่อย​ คือ​ รัฐมนตรีว่ากา​ร​กระทรวงศึกษาธิการ​ 'ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ'​ ที่อาการไม่ค่อยดี​ จากผลคะแนนน้อยที่สุดได้อันดับที่ 10 ทั้งที่ตอบกระทู้ดีมากและเคลียร์ น่าจะมาจากการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ​ ที่มีส.ส.ในมือน้อยที่สุด​ โดยแว่วมาว่า ส.ส.กทม. ในมือที่มี 12 คน​ ตอนนี้เหลือแค่ 6 คน​ จากการที่หลายคนได้ออกไปตั้งกลุ่มเอง หรือ​ ​'​กลุ่มดาวฤกษ์'​ แต่เชื่อว่ากลุ่มนี้คงยกมือให้นายเก่าโดยพร้อมเพรียงกัน​ 

ทว่าน่าจะมีกลุ่ม​ ส.ส.ภายในพรรคที่น่าจะยกมือสวนทาง​ ซึ่งอาจจะสืบเนื่องจากปมภายในพรรคพลังประชารัฐ​ ที่หัวหน้าพรรค​ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ สนับสนุนพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจ​แห่งชาติ​ ลงสู้ในสนามแย่งผู้ว่า​เมืองหลวง​ แต่​ ณัฏฐพล​ ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1​ ของพรรค ก็ไม่ถอย และแว่วว่าผลักดันภรรยาตัวเอง​นางทยา ทีปสุวรรณ ที่เป็นอดีตรอง​ผู้ว่า​กทม.​ และแกนนำ กปปส.​ แข่งกับ พลตำรวจเอกจักรทิพย์​ เช่นกัน​ เพราะถือว่าพรรคมีมติไม่ส่งผู้ว่า กทม.​ ดังนั้นใครๆ​ ก็ส่งได้สิ

ฉะนั้นคะแนน​สอบของ ​ณัฏฐพล​ ได้น้อยที่สุดน่าจะเกี่ยวข้องทางตรง หรือทางอ้อมกับการส่งภรรยาลงผู้ว่ากทม.​ ซึ่งมีผลของการตัดคะแนนกันเอง ในฐานเสียงที่สนับสนุนรัฐบาลลุงตู่  

แต่​มาดู​คะแนน​ฟาก​ ธรรมนัส​ พรหมเผ่า ที่ได้ข่าวว่ามีส่วนในการสนับสนุนพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา​ มีคะแนนห่างอย่างมีนัยยะกับ ณัฏฐพล​ ทีปสุวรรณ​ นี่คือวัดพลังกันในการแย่งชิงแคนดิเดตในนามพรรคพลังประชารัฐ​หรืออิสระ หรือไม่​น่าติดตามจริงๆ

แต่ที่เห็นในการลงมติครั้งนี้ รัฐมนตรีศึกษาฯ​ ณัฏฐพล​ ดูจะเสียรังวัดไปพอสมควร ในการประลองในสนามแรก
 

'บิ๊กตู่' ขอบคุณสภาฯ​ ผ่านซักฟอกด้วยดี ขอความรัก สามัคคีกลับคืนมา เตรียมนำข้อมูลในสภาไปใช้ทำงานต่อ ย้ำไม่ใช่ศัตรูใคร​ พร้อมยันยังไม่คิดปรับครม. ขอประเมินที่ผลงานก่อน

วันนี้ (20 ก.พ.2564) ภายหลังที่ประชุมสภาผ่านมติไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้อย่างเข้มข้น 

หลายเรื่องก็เป็นประโยชน์หลายเรื่องก็เรื่องเดิมๆ เป็นแบบนี้มาตลอด แต่เรื่องไหนเป็นสิ่งที่ดี รัฐบาลจะไปดำเนินการต่อ รวมทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกทุกคน ซึ่งเราไม่ใช่ศัตรูกันอยู่แล้ว ส่วนวิถีทางทางการเมืองก็ว่ากันไป 

“ขอขอบคุณที่ทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี ขอความรักความสามัคคีกลับคืนมาเป็นของพวกเราให้มากที่สุด”

เมื่อถามว่าจะปรับขณะนี้คณะรัฐมนตรีเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดอะไรตอนนี้ โดยประเมินด้วยผลงาน ถึงเวลาก็จะดำเนินการอยู่แล้ว 

“ไม่มีการปรับครม.​ ผมยังไม่ได้คิดอะไรตอนนี้ ผมประเมินด้วยผลงาน และการอภิปรายครั้งก็จะรวบรวมเพื่อไปใช้ประโยชน์ ส่วนการทำงานของพรรคร่วม เป็นมติความเห็นส่วนตัวของแต่ละคน”

เมื่อถามว่าหลังอภิปรายเสร็จแล้ว จากนี้รัฐบาลเดินหน้าทำงานโดยปราศจากข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านใหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า​ "ไม่เคยหยุดงาน ผมก็ทำงานทุกวันแล้ว และไม่ว่าจะอภิปรายไม่อภิปรายก็ทำงานตลอด ส่วนสถานการณ์ภายนอกจากการชุมนุม ได้มีการพูดคุยกับผบ.ตร.​ ถึงสถานการณ์แล้ว"

กลาโหมย้ำจุดยืนทำหน้าที่ พร้อมขอบคุณและน้อมรับข้อคิดเห็นของสภาฯ ร่วมเสริมสร้างกองทัพ​ นำไทยเดินหน้าพัฒนาทุกมิติ

กลาโหมย้ำจุดยืนทำหน้าที่ พร้อมขอบคุณและน้อมรับข้อคิดเห็นของสภาฯ ร่วมเสริมสร้างกองทัพ​ นำไทยเดินหน้าพัฒนาทุกมิติ

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวย้ำ หลังปิดการอภิปรายในสภาว่า  กองทัพเป็นของประชาชนและยังดำรงจุดยืนอันมั่นคงในการทำหน้าที่ ร่วมปกป้องการดำรงอยู่ของสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ รวมทั้งผลประโยชน์ของชาติเคียงข้างกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

โดยที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ย้ำสั่งการในที่ประชุมสภากลาโหม ให้ทุกเหล่าทัพดำรงจุดยืนอันสำคัญนี้เคียงข้างกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ร่วมสร้างความรัก ความสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติ เพื่อเป็นกำลังหลักสำคัญ “รวมไทยสร้างชาติ” ขับเคลื่อนพัฒนาประเทศในทุกมิติไปข้างหน้า  

โดยย้ำให้ความสำคัญในการติดตาม ศึกษาและวิเคราะห์ ถึงสถานะการดำรงอยู่ของประเทศอย่างสมดุลและมั่นคง ท่ามกลางการเผชิญหน้าของมหาอำนาจโลกในภูมิภาค ที่เชื่อมโยงต่อสถานการณ์ภายในประเทศ โดยเราทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ เข้าใจและเท่าทัน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสร้างความแตกแยกกันเองภายในชาติ ที่อาจส่งผลให้การพัฒนาผลประโยชน์ของประเทศต้องชะลอตัวหรือหยุดชะงัก

โฆษก กห.กล่าวอีกว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง ทางสังคมที่มีมาต่อเนื่อง การดำเนินงานของหน่วยงานความมั่นคง และ กระทรวงกลาโหม จำเป็นต้องประสานและทำหน้าที่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทั้งการติดตาม การทำความเข้าใจและบังคับใช้กฎหมาย เฉพาะกับการปฏิบัติของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี อันส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศโดยรวม  

“ขอยืนยันว่ากระทรวงกลาโหม ไม่เคยมีนโยบายในการไปบิดเบือน ให้ร้ายกับกลุ่มบุคคลใด อันนำมาซึ่งความแตกแยกของคนในชาติ ท่ามกลางสถานการณ์การบิดเบือนข้อมูลและการเผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News) ที่มีในสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น” พล.ท.คงชีพ กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ขอขอบคุณและน้อมรับความคิดเห็นของฝ่ายนิติบัญญัติทุกท่าน จากการอภิปรายที่ผ่านมา เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลประกอบการพัฒนาและเสริมสร้างกองทัพ ให้สามารถเป็นกลไกหลักของรัฐบาลในการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเคียงข้างกับประชาชนต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top