Monday, 9 June 2025
Hard News Team

โฆษกรัฐบาล ยืนยัน รัฐบาล คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ 7% ต่อ ย้ำชัด ยังไม่คิดปรับเพิ่ม ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชนช่วงวิกฤติ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลยังไม่มีแนวคิดในการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP ปีนี้ที่ร้อยละ 4

ทั้งนี้ ประเทศไทย ได้กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ไว้ที่ร้อยละ 10 ตามประมวลรัษฎากร ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบภาษีการค้ามาเป็นระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อปี 2535 แต่ได้มีการบรรเทาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีจะออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละ 7 เป็นระยะๆ จะมีเพียงก็แต่เพียงในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 เท่านั้น ที่มีการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 10

โดย คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ให้คงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับรายการที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ซึ่งอัตราส่วน 1 ใน 9 ของภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นจะถูกโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมาย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในแต่ละประเทศมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่แตกต่างกันไป อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม และญี่ปุ่นจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่อัตราร้อยละ 10 สิงคโปร์จัดเก็บที่ร้อยละ 7 มาเลเซียจัดเก็บที่ร้อยละ 6 ซึ่งไทยมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 7 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ด้านเศรษฐกิจ ไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเกินจำเป็น และช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

รมว.อุตสาหกรรม ชี้ เศรษฐกิจฟื้นตัวหลังการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 หลังพบดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ก.พ. 2564 หดตัวลงเล็กน้อย 1.08% แต่ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า การผลิตในอุตสาหกรรมหลักกลับมาขยายตัว อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) และรายการพิเศษ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ขยายตัวร้อยละ 6.94 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัว เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง (ถุงมือยาง) เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์ สอดรับกับตัวเลขการผลิตที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

โดยอุตสาหกรรมรถยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.05 เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 และอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ตามลำดับ เนื่องจากความเชื่อมั่นในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้บริการแก่ประชาชน ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราชนะ และโครงการเรารักกัน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้อย่างหมุนเวียน รวมถึงเศรษฐกิจโลก มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในหลายประเทศ ทำให้ความเชื่อมั่นในการผลิตและการบริโภคดีขึ้น

ด้านนายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกุมภาพันธ์ 2564 หดตัวเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 1.08 โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน ก.พ.64 อยู่ที่ระดับร้อยละ 65.08 ลดลงจากเดือน ม.ค. 64 อยู่ที่ระดับร้อยละ 66.60 เนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ทำให้ภาครัฐออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโดยกำหนดพื้นที่ควบคุม แม้ในเดือนนี้จะมีการผ่อนคลายบางส่วนแล้ว แต่ยังส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อย

นายทองชัย กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมไทยจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราชนะ และโครงการเรารักกัน เป็นต้น อีกทั้งการผ่อนคลายมาตรการควบคุมในบางพื้นที่ ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น และพร้อมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวเร็วกว่าแผนเดิมจากไตรมาส 4 ขยับมาเป็นไตรมาส 3 และมีแผนนำร่องในเดือนเมษายน โดยจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก จะส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวดีในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่

น้ำตาล ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.85 จากปริมาณอ้อยที่เข้าหีบมีมากกว่าปีก่อน 52.77 รวมถึงโรงงานที่ปิดหีบแล้วบางส่วนมีการละลายน้ำตาลดิบเป็นน้ำตาลทรายอย่างต่อเนื่อง

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.30 จาก ความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยังมีความต้องการต่อเนื่อง

รถยนต์และเครื่องยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.97 จากรถบรรทุกปิคอัพ และเครื่องยนต์ดีเซล ที่มีคำสั่งซื้อทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้ง ผู้ผลิตมีการผลิตรถรุ่นใหม่ ๆ

เม็ดพลาสติก ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.43 จากความต้องการที่ขยายตัวในอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่าง ๆ ทั้งบรรจุภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและยานยนต์ ประกอบกับปีก่อนมีผู้ผลิตหลายรายหยุดซ่อมบำรุงตามรอบการซ่อมบำรุง

เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.04 การเร่งผลิตเพื่อขายทำกำไรในช่วงที่ยังมีภาวะขาดแคลนสินค้า (Short Supply) และผลิตรองรับความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่าง ๆ รวมทั้งความต้องการจากอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้น เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมรถยนต์


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ‘ดีพร้อม’ (DIPROM) เร่งสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจใหม่ หรือ สตาร์ทอัพ ให้มีความพร้อมผ่านกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup Connect)

รุ่นที่ 2 มุ่งเน้นการสนับสนุนเงินทุนเพื่อขยายฐานตลาด และสร้างเครือข่าย ผลักดันการนำนวัตกรรมไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ผ่านกลยุทธ์ในการขยายเครือข่ายผู้ประกอบการ ขยายเครือข่ายเงินทุน ขยายเครือข่ายตลาด และขยายเครือข่ายนานาชาติ โดยคัดเลือกผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ 25 ทีม ในกลุ่มอุตสาหกรรมดีพเทค เจรจาธุรกิจเพื่อส่งเสริมการตลาด (Business Matching) กับบริษัทภาคเอกชนที่สนใจร่วมลงทุน (CVC) เพิ่มศักยภาพในการต่อยอดธุรกิจเชิงพาณิชย์ คาดว่าเกิดการร่วมลงทุนคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 500 ล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจใหม่ หรือ สตาร์ทอัพ (Startup) ที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 2,000 ราย ให้มีทักษะทางธุรกิจเพื่อการต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ซึ่งพบว่าอุปสรรคของการเติบโตของสตาร์ทอัพ คือ ปัญหาด้านต้นทุนของธุรกิจ ทั้งต้นทุนในเชิงทักษะทางธุรกิจและต้นทุนในเชิงจำนวนเงิน จึงได้จัดกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Startup Connect

ในประเภทอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงโดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ อุตสาหกรรมดีพเทค (Deep Technology) สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดนวัตกรรมเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนคุณภาพจากบริษัทเอกชนชั้นนำที่สนใจลงทุน (CVC) ในการต่อยอดธุรกิจ โดยมีจำนวนผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมทักษะและการพัฒนาโมเดลธุรกิจ จำนวน 25 ทีม คาดว่าจะเกิดความร่วมมือทางธุรกิจผ่านการสนับสนุนเงินทุนกว่า 500 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์ในการส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ใช้กลไกการเชื่อมโยงธุรกิจเพื่อส่งเสริมเงินทุนและการตลาด ในการสนับสนุนให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จ ซึ่งประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ การขยายเครือข่ายสตาร์ทอัพ เพื่อเฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ มาบ่มเพาะให้มีความพร้อมในการนำเสนอโมเดลธุรกิจกับนักลงทุน การขยายเครือข่ายเงินทุนโดยการสร้างเครือข่ายกับบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพและสนใจร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่ได้รับการบ่มเพาะ เพื่อสร้างความมั่นใจในการร่วมดำเนินธุรกิจ การขยายเครือข่ายตลาด

โดยส่งเสริมให้หน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมหรือเครือข่ายนำโซลูชั่นของสตาร์ทอัพไปใช้งานจริง เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพและนวัตกรรมของไทยและการขยายเครือข่ายนานาชาติ เพื่อต่อยอดไปยังตลาดที่มีมูลค่าสูงขึ้น รองรับความต้องการจากต่างประเทศ

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) กล่าวว่า ดีพร้อม ดำเนินกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup Connect) คัดเลือกผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ 25 ทีม จากจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 100 ทีม ดำเนินการบ่มเพาะความรู้ด้านธุรกิจอย่างเข้มข้นจากผู้เชี่ยวชาญ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา และจัดกิจกรรมการจับคู่เจรจาธุรกิจเพื่อส่งเสริมการตลาด (Business Matching) สนับสนุนให้สตาร์ทอัพที่มีศักยภาพมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนคุณภาพและสามารถต่อยอดธุรกิจในตลาดใหม่ เพิ่มโอกาสในการขยายฐานตลาดไปยังต่างประเทศ

โดย ดีพร้อม มุ่งเน้นคัดเลือกผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ 4 สาขา ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในตลาดโลก ได้แก่ สาขาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (Industrial Tech) สาขาเทคโนโลยีการแพทย์ (Medical Tech) สาขาเทคโนโลยีการเงิน (Fin Tech) และสาขาไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Tech) ซึ่งมีนวัตกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นวัตกรรมแพลตฟอร์มวินิจฉัยปัญหาและควบคุมระบบปรับอากาศแบบอัจฉริยะที่สามารถประหยัดพลังงานได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 นวัตกรรมระบบเก็บข้อมูลหมายเลขทะเบียนรถยนต์และรถบรรทุกแบบอัตโนมัติผ่านระบบ AI และกล้อง CCTV นวัตกรรมช่องทางการรับชำระเงินที่หลากหลาย (Payment Gateway)

พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลเพื่อการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM Feature Subscription) นวัตกรรมเครื่องช่วยฝึกเดินสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวได้ดีกว่าวิธีการกายภาพบำบัดและนวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้จุลินทรีย์สายพันธุ์พิเศษเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นกระแสไฟฟ้า (BioCircuit) เป็นต้น

“นวัตกรรมที่ผ่านการคัดเลือกและบ่มเพาะส่วนใหญ่ อยู่ในรูปแบบแพลตฟอร์ม ที่เกิดขึ้นจากการกำหนดปัญหาเป็นมูลเหตุ ต่อยอดพัฒนาเป็นนวัตกรรม โดยผนวกองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไทย โดย ดีพร้อม พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการให้มีศักยภาพในการต่อยอดนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ และเป็นตัวกลางเชื่อมโยงสู่แหล่งเงินทุนคุณภาพ เพิ่มอัตราการอยู่รอดของธุรกิจใหม่ และสนับสนุนการคิดค้นนวัตกรรมในอนาคต” นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย

อย่างไรก็ดี โครงการเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup Connect) ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจการส่งเสริม สนับสนุน ผู้ประกอบการให้มีสมรรถนะและขีดความสามารถในการประกอบการ เป็นกิจกรรมการจับคู่เจรจาธุรกิจเพื่อส่งเสริมการตลาด (Business Matching) ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ The Grounds ชั้น 31 อาคาร G Tower กรุงเทพฯ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2202 4414-18 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dipindustry และ www.dip.go.th


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

จากวิกฤตเรือขวางคลองสุเอซที่ทำให้การจราจรทางน้ำ การขนส่งระหว่างประเทศกลายเป็นอัมพาตไปเกือบสัปดาห์ มูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมหาศาล แต่ใครจะคาดคิดว่าหนึ่งในเหตุที่ทำให้ เรื่องนี้ ได้รับการคลี่คลายปัญหาอย่างรวดเร็วมาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่าง Super Moon

>> ปรากฏการณ์ Super Moon คืออะไร?

สำหรับปรากฏการณ์ Super FullmoonหรือSuper Moon นั้น เป็นเหตุการณ์ ที่จะต้องมี ปัจจัยสำคัญ 2 อย่างซึ่งเกี่ยวข้องกับดวงจันทร์ โดยสองสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันก็คือ

1.) ดวงจันทร์เต็มดวง

2.) ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุด

ในความเป็นจริง ปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวง และดวงจันทร์ใกล้โลกนั้นเกิดขึ้นอยู่ทุกเดือน เนื่องจากดวงจันทร์เต็มดวงเกิดขึ้นจากการที่ดวงจันทร์ไปอยู่ตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ จึงเกิดขึ้นทุกๆ 29.5 วัน แต่วงโคจรของดวงจันทร์นั้นเป็นวงรี จึงมีระยะห่างใกล้ไกลจากโลกเปลี่ยนไปตามวงโคจร ซึ่งใช้เวลา 27 วัน ด้วยเหตุที่สองช่วงเวลานี้ไม่เท่ากัน ทำให้สองปรากฏการณ์เกิดขึ้นเหลื่อมกันไปเรื่อยๆ แต่จะกลับมาประจวบเหมาะกันอีกครั้งประมาณทุกๆ 14 รอบจันทร์เต็มดวง กล่าวคือ ราว ๆ 1 ปี 2 เดือน จะเกิด Super Moon สักครั้ง และเมื่อวันที่ 29 มีนาคม เป็นอีกหนึ่งครั้งที่สองสิ่งนี้เกิดขึ้นพร้อมกันพอดิบพอดี

สำหรับ การเคลื่อนที่ของดวงจันทร์ อย่างที่ทราบกันดีจากว่ามีผลทำให้เกิดปรากฏการณ์ ‘น้ำขึ้น - น้ำลง’ และการเกิด Super Moon นั้นเป็น ถือว่าเป็นกรณีที่จะช่วยให้เกิดแรงน้ำขึ้นน้ำลงได้สูงที่สุดแล้ว…

>> ปรากฏการณ์น้ำเกิดมาพร้อมซูเปอร์มูน

เหตุการณ์ ‘น้ำเกิด’ (Spring tide) จะเกิดน้ำขึ้น - น้ำลงได้สูงสุด และจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มี Super Moon แต่ในทางตรงกันข้ามในช่วงเวลาที่ ดวงจันทร์ห่างโลกที่สุดจะอยู่ในช่วง ‘น้ำตาย’ (Neap tide) ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับน้ำขึ้น - น้ำลงต่างจากค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด

สำหรับปรากฏการณ์ ‘น้ำเกิด’ จะเกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ อยู่ในทิศทางเดียวกัน หรือตรงข้ามกันพอดี เช่น ในวันเพ็ญที่ดวงจันทร์อยู่ตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์พอดี ซึ่งครั้งนี้ประจวบเหมาะกับการกู้โลก ช่วยเหลือ ‘เรือขวางคลองสุเอซ’ พอดี

>> Super Moon กู้เรือขวางคลองสุเอซ

ด้วยระดับน้ำที่ขึ้นสูงกว่า 2 เมตรในช่วงน้ำขึ้นสูงสุดในช่วง Super Moon เมื่อคิดจากขนาดเรือ 400x56 เมตร จะพบว่าน้ำที่ขึ้นมา 2 เมตรนี้เทียบเท่าได้กับแรงลอยตัวที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 45,000 ตัน อธิบายให้เห็นภาพคือถ้าหากไม่สามารถลากเรือออกมาได้ในช่วงน้ำขึ้นสูงสุดในวัน Super Moon แล้ว คงจะไม่มีวันที่จะสามารถลากเรือออกมาได้อีกต่อไป ซึ่งก็คงจะต้องหันไปใช้ทางเลือกอื่น แต่แล้วในที่สุด เรือ Ever Given ก็สามารถกลับมาลอยลำได้อีกครั้ง

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้มาจากผลของSuper Moon เพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นจากการทำงานแก้ปัญหาอย่างไม่ลดละของทีมงานกู้เรือ ตั้งแต่การขุดลองคลองบริเวณใต้เรือ การขุดดินด้วยรถตักคันจิ๋ว ไปจนถึงเรือลากจำนวนมากที่คอยผลักดัน

แต่อย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ก็คือการที่ทีมงานมีความรู้ความเข้าใจทางด้านดาราศาสตร์เกี่ยวกับซูเปอร์มูนและน้ำขึ้นน้ำลงนั้น เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้การกู้เรือขวางคลองสุเอซสำเร็จลุล่วง...

ที่มา: ข้อมูลจาก อ.มติพล ตั้งมติธรรม นักวิชาการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

https://www.springnews.co.th/global/807332


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

HAN​ LAY​ Miss Grand เมียนมาเพราะความกล้าทำให้กลับบ้านไม่ได้! | News​ มีนิสส​ More​ Minutes Contrast

HAN​ LAY​ Miss Grand เมียนมาเพราะความกล้าทำให้กลับบ้านไม่ได้!

.

.



สนับสนุนโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ข้าราชการได้เฮ!! ธนารักษ์ดีเดย์ เปิดจองคอนโดราคาถูก 12 จังหวัด ผ่านออนไลน์ 1 - 30 เมษายนนี้ ทีเด็ดคอนโดทำเลสุขุมวิทไม่ถึงล้าน

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์เตรียมเปิดให้จองสิทธิเข้าร่วมโครงการสวัสดิการที่พักอาศัยของข้าราชการในที่ราชพัสดุ ประจำปี 64 เพิ่มอีก 12 แปลง ผ่านทางเว็บไซต์กรมธนารักษ์ http://www.treasury.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เม.ย. 64

โดยมีไฮไลต์เป็นคอนโดมิเนียม ในกรุงเทพมหานคร ย่านถนนสุขุมวิท 1 โครงการ อาคาร สูง 28 ชั้น จำนวน 650 ห้อง ขนาดพื้นที่ห้องพัก ประมาณ 34 ตารางเมตรต่อห้อง ราคาเริ่มต้น ชั้น 4-6 จำนวน 78 ห้อง ราคา 999,999 บาท และหลังจากนั้นราคาจะเพิ่มขึ้นตามความสูงของอาคาร ชั้น 7 - 15 จำนวน 234 ห้อง ราคา 1.25 ล้านบาท ชั้น 16 - 28 จำนวน 338 ห้อง ราคา 1,499,999 บาท

ส่วนอีกจำนวน 11 แปลง ในต่างจังหวัดประกอบด้วยพื้นที่เชียงราย นครนายก อุบลราชธานี อุดรธานี สุราษฎร์ธานี ยะลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ นนทบุรี นครราชสีมา และจันทบุรี โดยเป็นอาคารพักอาศัยรวม สูง 7 ชั้น จำนวน 76 ห้อง ขนาดพื้นที่ห้องพัก 40 ตารางเมตรต่อห้อง ราคาห้องละ 999,999 บาท

นายยุทธนา กล่าวต่อว่า ในปีนี้กรมฯ ได้ขยายสิทธิการจองเข้าร่วมโครงการสวัสดิการที่พักอาศัยของข้าราชการในที่ราชพัสดุให้ข้าราชการ 14 ประเภท และข้าราชการบำนาญ รวมทั้งสามารถจองข้ามเขตสถานที่ทำงานหรือภูมิลำเนาได้ แต่ในการพิจารณาคัดเลือกจะพิจารณาผู้ที่มีสถานที่ทำงานหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่โครงการฯ ก่อน โดยผู้จองสามารถเลือกจองได้เพียง 1 ห้อง เท่านั้น และต้องไม่เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิในโครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ

สำหรับขั้นตอนในการจองต้องเตรียมเอกสารในการจองสิทธิให้พร้อม อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาบัตรข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน และเอกสารยินยอมให้ต้นสังกัดหักเงินเดือน ส่วนสิทธิประโยชน์จะได้รับสิทธิการเช่าที่ดินราชพัสดุที่เป็นที่ตั้งโครงการฯ เป็นระยะเวลา 30 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุสัญญาเช่า รวมทั้งการนำสิทธิการเช่าไปผูกพันในการกู้เงินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/834297


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2564


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

"อนุทิน" ลุยยกระดับสิทธิ์ "บัตรทอง" พัฒนางานบริการประชาชน

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่สำนักพิมพ์ มติชน ในงานเสวนาพิเศษ "ร่วมทางเดียวกัน จาก 30 บาทรักษาทุกโรค สูตร 30 บาทรักษาทุกที่" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานเปิดตัวหนังสือ “ระหว่างบรรทัด" นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโครงการบัตรทอง โดยระบุว่า  ในอดีตสิ่งที่ตนเกลียดมากคือคำว่าผู้ป่วยอนาถา เป็นผู้ป่วย เป็นคนไทยที่มีสิทธิ์ในชีวิต น้อยกว่า แต่โครงการบัตรทองได้เข้ามาทำลายภาพดังกล่าวจนหมด ทำให้คนไทยมีสิทธิ์ ในการรักษาพยาบาล เป็นสิทธิ์ที่จะได้รับการบริการจากภาครัฐ ในฐานะคนไทย

เมื่อย้อนกลับไป ในวันที่เดินหน้าโครงการ ไม่เคยกังวลเรื่องโรงพยาบาลจะล้มละลาย เพราะรัฐดูแลอยู่แล้ว ที่สำคัญยังเป็น Pilot Project ที่ทุกฝ่ายช่วยกันผลักดัน และต้องทำให้สำเร็จ 20 ปีที่ผ่านมามีการปรับปรุงพัฒนาระบบของโครงการ จึงเป็นที่มาของคำว่า 30 บาทรักษาทุกที่เพราะรักษาทุกโรคอย่างเดียวไม่พอ ต้องรักษาทุกที่ งานสาธารณสุข ต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โครงการนี้ มีความขลัง ผู้บริหารที่เข้ามาดูแลกระทรวงฯ ต้องสานต่อ ส่วนตัว เมื่อได้เข้ามาทำงาน ก็พยายามทำให้ดีขึ้นและได้สื่อสารเสมอว่า ให้ใช้งานตนอย่างเต็มที่ เพราะเป็นรัฐมนตรี ที่มาจากหัวหน้าพรรค ในรัฐบาลผสม อย่างไรเสียคณะรัฐบาลก็ต้องฟังกัน กระทรวงสาธารณสุข มีอิสระในการทำงาน 

"ผมห้อยหลวงพ่อเลี๊ยบ ตอนที่รู้ตัวว่าต้องเข้ามาเป็นรัฐมนตรีฯ ซึ่งจริง ๆ  ผมตั้งเข็มมาทางนี้ไม่มีทางเลือกอื่นเลย เมื่อทราบผลการเลือกตั้งคนแรกที่ผมติดต่อคืออาจารย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะความตั้งใจแรกคือการดูแลยกระดับโครงการบัตรทอง ก็ต้องหวังพึ่งพาคนมีประสบการณ์ มีความสามารถ"

สำหรับ สปสช. สิ่งที่ขอคือการทำงานต้องต่อเนื่อง ไม่ขาดช่วง จะมีบางช่วงเวลาที่ สปสช.ไม่มีเลขาฯ บางคนทำงานได้ไม่นานก็ไป องค์กรที่ไม่มั่นคง ย่อมเดินหน้าลำบาก จากนี้ เหตุการณ์ข้างต้นต้องไม่เกิดขึ้น คนเก่าไป คนใหม่ต้องทำงานทันที เพราะนี่คืองานที่เกี่ยวกับสุขภาพของประชาชน จะสะดุดหยุดลงไม่ได้ ตอนแรกโครงการรักษาทุกโรค ก็ยังรักษาได้บางโรค แต่วันนี้ พัฒนา มาจนรักษาได้ทุกโรค โรคหายาก ก็ยังรักษา

ยิ่งกว่านั้น มะเร็ง ก็รักษาทุกที่ได้เช่นกัน มะเร็งเป็นโรคที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากที่สุด ปีนี้ไทยเพิ่มเครื่องฉายรังสี 7 เครื่อง กระจายอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นศูนย์มะเร็งต่างๆทั่วประเทศไทยจะสามารถรับผู้ป่วยได้มากขึ้น ทำให้ประชาชนไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องรอคิวนาน ประชาชนได้รับความสะดวก จากนี้จะพัฒนาสถานที่ให้บริการ ต้องจอดรถได้มากขึ้น ในสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นทุกๆ ด้าน งานสุขภาพเป็นงานที่ต้องพัฒนา หยุดไม่ได้

ขนส่งยืดเวลาทำใบขับขี่ได้ก่อนนาน 6 เดือน

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเปิดเผยว่า กรมฯ ได้ขยายระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ (ใบขับขี่) ส่วนบุคคลและใบขับขี่รถสาธารณะ ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ทุกประเภท ให้สามารถยื่นคำขอต่ออายุใบขับขี่ได้ก่อนใบขับขี่สิ้นอายุไม่เกิน 6 เดือน จากเดิมกำหนดไว้เพียง 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป 

เนื่องจากปัจจุบันจำนวนผู้ครอบครองใบขับขี่รถส่วนบุคคลและใบขับขี่รถสาธารณะมีจำนวนมากขึ้น ขณะที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งได้เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการให้บริการประชาชน รวมถึงได้นำระบบอบรมออนไลน์ e-Learning เข้ามาช่วยลดขั้นตอนแล้ว แต่ยังไม่สามารถรองรับความต้องการใช้บริการของประชาชนได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มระยะเวลาดำเนินการให้มากขึ้น จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน

ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการเพิ่มประโยชน์และขยายโอกาสให้ผู้ได้รับใบขับขี่มีเวลาในการดำเนินการขอต่ออายุใบขับขี่มากขึ้น พร้อมขยายระยะเวลารับรองผลการอบรมออนไลน์ผ่านระบบ e-Learning ทางเว็บไซต์ http://www.dlt-elearning.com จากเดิมมีอายุรับรอง 90 วัน เป็น 6 เดือนนับแต่วันที่ผ่านการอบรมให้สอดคล้องกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ได้รับใบขับขี่สามารถดำเนินการต่ออายุใบขับขี่ได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด

นอกจากนี้ยังได้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ต้องการต่อใบขับขี่ สามารถเลือกอบรม e-Learning ทางเว็บไซต์ http://www.dlt-elearning.com ผ่านเว็บไซต์ได้ด้วยตนเองจากสถานที่ใดก็ได้ตลอด 24 ชม. โดยมีการอบรมทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ การอบรมต่ออายุใบขับขี่รถส่วนบุคคล การอบรมต่ออายุใบขับขี่รถขนส่ง การอบรมต่ออายุใบขับขี่รถสาธารณะ และการอบรมต่ออายุใบขับขี่รถส่วนบุคคล ที่สิ้นอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป

เพื่อไทยติง “ประยุทธ์” ต้องมีมารยาทก่อนสั่งคนอื่น เย้ย! ใครกันแน่ที่มีปัญหา

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ตำหนินักข่าวนั่งไขว่ห้างระหว่างฟังการแถลงผลการประชุม ครม.ว่า ตามอารมณ์และวิธีคิดของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ถูกจริง ๆ ก่อนหน้านี้นึกจะโยนเปลือกกล้วยใส่นักข่าวก็โยน นึกจะไล่ฉีดแอลกอฮอล์ใส่นักข่าวก็ฉีด แม้จะอธิบายว่าล้อเล่น ต้องการสร้างความเป็นกันเองกับนักข่าว แต่สังคมประเมินได้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวพึงกระทำหรือไม่ บทจะโมโหโทโสฉุนเฉียวเจ้ายศเจ้าอย่าง แสดงอำนาจบาตรใหญ่ขึ้นมา สั่งนักข่าวห้ามนั่งไขว่ห้างก็สั่ง ทั้งที่หากว่ากันตามจริงบุคลิกภาพและภาษากายของ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะมีปัญหามาโดยตลอด 

ไม่ว่าจะในเวทีระดับประเทศหรือการปรากฏตัวในเวทีระหว่างประเทศ ประชาชนต้องอดทนมาโดยตลอด บุคลิกภาพสีหน้าแววตาภาษากายการควบคุมอารมณ์ที่แสดงออกของบุคคลระดับผู้นำประเทศ น่าจะต้องมีมาตรฐานที่สูงกว่านี้ “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะไปห้ามปรามหรือสั่งการใครให้มีมารยาท ต้องเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน เพราะตราบที่การสั่งการสวนทางกับสภาพที่แท้จริงที่ตัวพล.อ.ประยุทธ์แสดงออกต่อบุคคลอื่น คำสั่งการนั้นย่อมไม่เป็นผล” นายอนุสรณ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top