สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2564
สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2564
ศาลปกครองกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จ่ายค่าชดเชยสินไหมในโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากเห็นว่าคำสั่งของกระทรวงการคลังเป็นคำสั่งมิชอบ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่บุคคลเพียงคนเดียวที่มีอำนาจสั่งการ แต่เป็นการดำเนินการผ่านคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกทั้งยังมีส่วนราชการอื่นๆที่ร่วมพิจารณาด้วย
ศาลฯ ได้รวมพิจารณา 4 คดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ยื่นฟ้อง นายกรัฐมนตรี, รมว.คลัง, รมช.คลัง, ปลัดกระทรวงการคลัง, สำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงคลัง, กรมบังคับคดี, อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร
เนื่องจากถูกเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 3.57 หมื่นล้านบาท จากการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและประธาน กขช. ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยังความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการ
โดยศาลพิจารณาแล้ว แม้ฟังได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น การตรวจสอบคุณสมบัติเกษตรกร การลักลอบนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมาสวมสิทธิ การเก็บรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งการทุจริตดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับปฎิบัติการที่มีเจ้าหน้าที่หลายคนเกี่ยวข้อง แต่การสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกลับไม่ได้มีการดำเนินสอบสวนให้ได้ว่าเจ้าหน้าที่คนใดควรต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใดจากการทุจริต
อีกทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี รับรู้เฉพาะขั้นตอนการทำเอ็มโอยูเพื่อให้มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่ในส่วนการทำสัญญาระบายข้าวไม่ได้เกี่ยวข้อง ส่วนการเป็นประธาน กขช.ก็เข้าประชุมครั้งแรกเพียงครั้งเดียว และมีมาตรการตรวจสอบทุจริตเรื่อยมา จึงไม่ใช่การกระทำที่จงใจปล่อยให้เกิดการทุจริต และไม่ยับยั้งหลังมีหน่วยงานท้วงติง เนื่องจากเป็นการกำกับดูแลของ กขช. ที่มีหลายส่วนราชการ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังรับว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
ขณะเดียวกัน โครงการรับจำนำเป็นนโยบายสาธารณะที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ไม่ใช่นโยบายแสวงหากำไร จึงไม่สามารถประเมินเรื่องความคุ้มค่าจากผลกำไรขาดทุน การคิดคำนวณความเสียหาย โดยไม่หักรายได้จากการระบายข้าวในอนาคต หรือสินค้าเหลือคงคลัง
วันที่ 2 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า จากการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชุดเล็กที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานเมื่อช่วงเช้า ได้มีการพูดถึงการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนที่ขณะนี้ได้ทยอยจัดสรรเข้ามาในประเทศ และได้ทยอยฉีด เพื่อให้ครอบคลุมทุกจังหวัดโดยได้พิจารณาระบบแอปพลิเคชันเพื่อให้ประชาชนลงทะเบียน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและกระจายที่ถูกต้อง และเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนสมบูรณ์
เป็นการต่อยอดจากแอปพลิเคชัน “เป๋าตังค์” มาเป็นแอปพลิเคชันกระเป๋าสุขภาพหรือ "Health wallet” ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย พร้อมประสานหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข จัดทำแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม" เพื่อบริหารจัดการลงทะเบียนให้ประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีน โดยจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบต่อไป
นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯ ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการบริหารจัดการให้ประชาชนคนไทยได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อจะได้เปิดประเทศอย่างเต็มที่ตามที่ได้เคยพูดกันไว้ โดยนายกฯต้องการให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในปลายปี 64 จะทำให้เปิดประเทศได้อย่างเป็นทางการได้ต้นปี 65
นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือน เม.ย.นี้ ธปท. ประเมินว่า ความต้องการใช้ธนบัตรของประชาชนอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าปกติ โดยธนาคารพาณิชย์จะมีการเบิกจ่ายธนบัตรจาก ธปท. ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนเทศกาลสงกรานต์เพิ่มขึ้นจากการเบิกจ่ายปกติ เป็นมูลค่าสุทธิประมาณ 16,000 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นจากปี 2563 ที่มีการเลื่อนวันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และใกล้เคียงกับปี 2562
ทั้งนี้การประเมินดังกล่าว สะท้อนถึงมาตรการภาครัฐเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวภายในประเทศ ในขณะที่แนวโน้มการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ธปท. ยืนยันว่า จะเตรียมสำรองธนบัตรชนิดราคาต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการไว้อย่างเพียงพอ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยผลสำรวจการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ พบว่า ในวันหยุดยาว 6 วันระหว่างวันที่ 10 - 15 เม.ย.นี้ การใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะอยู่ที่ 5,700 บาท โดยการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 24,000 ล้านบาท หดตัว 4% แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงสังสรรค์รับประทานอาหารมากที่สุด อยู่ที่ 9,795 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนวันหยุดเพื่อสังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัว ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมอื่น ๆ ปรับตัวลดลงทั้งหมด
สำหรับสาเหตุของค่าใช้จ่ายที่ลดลงนั้น เป็นเพราะความกังวลเรื่องสถานการณ์โควิด-19 และความเสี่ยงในการไม่มีงานทำหรือภาระค่าครองชีพ สะท้อนแนวโน้มสถานการณ์กำลังซื้อในระยะข้างหน้าจึงยังมีความเปราะบาง ดังนั้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเวลาและรูปแบบที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในช่วงนี้
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจมีสัดส่วน 67% ได้รับสิทธิจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน และมากกว่า 2 ใน 3 ของผู้ได้รับสิทธิ เห็นว่า ปัจจัยด้านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมีผลต่อการตัดสินใจใช้จ่ายในช่วงสงกรานต์
วันที่ 2 เมษายน 2564 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค พท.กล่าวกรณีทหารเมียนมากระทำรุนแรงเข่นฆ่าประชาชนและชาวกะเหรี่ยงไทใหญ่จนบาดเจ็บล้มตาย สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวโลกเป็นอย่างมากว่า กะเหรี่ยงที่ยังมีชีวิตรอดนับพันคนหลบหนีเข้ามาในชายแดนไทยหวังรักษาชีวิต แต่กลับถูกกีดกันไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ โดยทหารไทยที่บริเวณแม่สามแลบ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ตรึงกำลังกั้นแนวชายแดน ห้ามไม่ให้ผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยงข้ามแดนเข้ามา ถือเป็นการกระทำที่สวนทางคำพูดที่สวยหรูของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บอกว่าพร้อมเปิดรับผู้ลี้ภัยและดูแลเต็มที่
จึงปฏิเสธได้ยากว่าประเทศไทยไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การผลักดันคนหนีตายให้กลับไปในแดนสงครามจึงเท่ากับไล่เขาให้ไปตาย ในทางปฏิบัติแม้ประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีในอนุสัญญาผู้ลี้ภัยปี ค.ศ.1951 และไม่มีกฎหมายว่าด้วยผู้ลี้ภัยอย่างเป็นทางการ แต่ไทยเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารด้านประเด็นผู้ลี้ภัย (Executive Committee : ExCom) ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และยังอยู่ในภาคีกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอย่างน้อย 7 ฉบับ ดังนั้นรัฐบาลไทยควรปฏิบัติกับชาวกะเหรี่ยงตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลเหล่านี้ โดยควรให้ที่พักพิงหรือปัจจัยสี่ตามสมควรแก่การดำรงชีวิตอยู่ หากสถานการณ์สงบลงแล้วจึงควรเนินการส่งผู้ลี้ภัยกลับถิ่นในภายหลัง
นางสาวอรุณี กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ชาติที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งประชาคมอาเซียน อีกทั้งยังเคยเป็นประธานอาเซียนมาก่อน แต่ท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมาซึ่งเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันกลับไม่ชัดเจน แม้กระทั่งในเรื่องมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานที่ควรกระทำ ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งจึงอยากขอร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์เห็นคุณค่าของชีวิตคนให้เท่ากัน โดยขอให้ดูแลผู้ลี้ภัยจากเมียนมาทันทีภายใต้การดูแลป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น และอย่าให้เกิดปัญหาซ้อนปัญหาตามมาภายหลัง สิ่งที่เกิดขึ้นในเมียนมาขณะนี้คือสงคราม เหตุใดเพื่อนบ้านอย่างไทย จึงสนับสนุนอุ้มชูทหาร แต่นิ่งเฉยดูดายกับการเข่นฆ่าประชาชน เหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นการวัดระดับความเป็นมนุษย์ วัดระดับสติปัญญาและความสามารถในการบริหารจัดการปัญหาระหว่างประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นอย่างดี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 เม.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางมาพร้อมทีมทนายส่วนตัวเพื่อยื่นฟ้อง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ และ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส. ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
นายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินมาที่ศาลอาญา เพื่อจะมาฟ้องนายสิระ ในฐานะประธาน ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงนายชัยยันต์ เนื่องจากทั้งสองคนได้แถลงข่าวในลักษณะที่พยายามทำให้สังคมเข้าใจว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องใน การสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จับเด็กไล่ที่ชาวบ้านออกจากที่ดินที่เป็นที่อยู่อาศัยบนเกาะงำ จ.ภูเก็ต การแถลงข่าวดังกล่าวตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนในเวลานั้นเป็น ส.ส. ที่มีอายุงานประมาณ 6 เดือน และเป็น ส.ส. ฝ่ายค้านคงไม่สามารถไปสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการในลักษณะดังกล่าวได้
ดังนั้นการใส่ความดังกล่าวตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่หมิ่นประมาททำให้ตนได้รับความเสียหาย จึงขอมาใช้สิทธิ์ทางศาลเป็นการคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา มูลค่าการฟ้องของทางแพ่งจะอยู่ที่ 50 ล้านบาท ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แต่ก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าว
เมื่อถามว่าการแถลงข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เกิดขึ้นก่อนช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่กี่วันเป็นน่าจะเป็นวันที่ วันที่ 8 - 9 ก.พ. ตอนนั้นตนเองก็ได้ยืนยันกับทางสื่อมวลชนโดยมีรูปภาพ ข้อมูล หลักฐานพร้อมที่จะยืนยันได้ว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวแน่นอน ว่า โดยการชี้แจงของตนก็ชัดเจน เพราะเท่าที่ทราบนายสิระ และนายชัยยันต์ ก็ไม่ได้มีการขยายความต่อมากนัก แต่สิ่งที่ได้ทำไปแล้ว ตนขอใช้สิทธิ์ทางศาลอยู่ดี ไม่เช่นนั้นก็จะมีกรณีการใส่ความ และเผยแพร่กระจายออกไปทำให้ไม่สามารถอธิบายให้สังคมเข้าใจได้ทั้งหมด
นายรังสิมันต์ เปิดเผยต่อว่า จริง ๆ ตนผิดหวังและเกรงใจ เนื่องจากว่านายชัยยันต์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน เหมือนกับพรรคก้าวไกล แต่กรณีนี้ตนคิดว่าเป็นกรณีส่วนบุคคลดำเนินการแถลงข่าวดังกล่าว และตนได้มีโอกาสพูดคุยกับทางผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยแล้วเรื่องที่จะต้องมาใช้สิทธิ์ทางศาลในวันนี้
วันที่ 2 เมษายน 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดงานวันรณรงค์ตระหนักรู้ออทิสติกโลกออนไลน์ และเยี่ยมชมระบบการเตรียมความพร้อมเพื่อการทำงานและประกอบอาชีพสำหรับบุคคลออทิสติก บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาและการเรียนรู้ มูลนิธิออทิสติกไทย รวมถึงชมการแสดงศักยภาพของบุคคลออทิสติก รับฟังรายงานการขับเคลื่อนและสนับสนุน STS แฟลตฟอร์มสำรวจและคัดกรองเบื้องต้นบุคคลที่มีความจำเป็นพิเศษ การแนะนำ Ambassador ของมูลนิธิออทิสติกไทย การแถลงสาส์นวันออทิสติกโลก และเยี่ยมชมศูนย์ฝึกอบรมเพื่อการทำงานมูลนิธิออทิสติกไทย โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะ เข้าร่วมด้วย
ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า นโยบายการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อยกระดับกระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิด 3 ประการ คือ “สร้าง - ยก - ให้ รวมไทยสร้างชาติ” ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพสำหรับกลุ่มเปราะบาง รวมถึงคนพิการและบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษและครอบครัว ให้เข้าถึงการพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก เพื่อให้อยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤตการณ์ มีอาชีพ มีรายได้อย่างยั่งยืน มีความเข้มแข็ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาวของแรงงานและครอบครัว
รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดหลักสูตรการอบรมการเตรียมความพร้อมด้านอาชีพเพื่อการมีงานทำสำหรับบุคคลออทิสติก บุคคลที่มีความพกพร่องทางสติปัญญา การเรียนรู้ใน 5 หลักสูตรและส่งต่อบุคคลออทิสติกเข้าสู่ระบบการจ้างงานและประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมสำหรับกลุ่มคนพิการเป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย ซึ่งปีนี้มีผู้เข้าการอบรมกว่า 100 คน และได้จัดศูนย์ต้นแบบ เพื่อสนับสนุนระบบการเตรียมความพร้อมเพื่อการทำงานและประกอบอาชีพสำหรับคนพิการในประเทศไทย ตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการต่อไป
การเปิดให้บุคคลออทิสติกได้รับบริการพื้นฐานจากภาครัฐในด้านต่าง ๆ รวมถึงการฝึกทักษะด้านอาชีพ จะทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี และพึ่งพาตนเองได้ ภายใต้แนวคิด “เพิ่มการจ้าง สร้างการจัด และลดการจ่าย” ด้วยการสร้างเครือข่ายทุกภาคส่วนให้เข้ามาร่วมมือมากยิ่งขึ้น เพราะการช่วยคนพิการ 1 คน สามารถช่วยคนในครอบครัวคนพิการได้ 3 - 4 คน นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมั่นคงต่อไป” รมช. แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย
สำนักงานดับเพลิงของไต้หวันเปิดเผยว่า รถไฟขบวนดังกล่าวพร้อมผู้โดยสารราว 350 คนซึ่งมีจุดหมายปลายทางที่เมืองไถ้ตุงนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุตกรางในอุโมงค์ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองหัวเหลียน ซึ่งส่งผลให้ตู้รถไฟบางส่วนกระแทกกับกำแพงของอุโมงค์
ทั้งนี้ กระทรวงการขนส่งไต้หวันระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตได้เพิ่มขึ้นเป็น 36 ราย ขณะที่มีผู้บาดเจ็บกว่า 72 ราย โดยมี 60 ราย ที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ยังมีผู้โดยสารอีกประมาณ 70 ราย ที่ติดค้างอยู่ในรถไฟที่ตกราง
ด้านประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงกระทรวงการขนส่ง ดำเนินความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/75257
พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานะอดีตแกนนำกปปส. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" เมื่อวันที่ 1 เมษายน 64 โดย ระบุว่า...
ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาเจอกัน
๑ เมษายน ๒๕๖๔
สถานการณ์ม็อบวันนี้ จากม็อบล้มเจ้า เอาไม่ชนะเลยต้องไปผสมพันธุ์กับคนปล้นชาติ เพื่อหวังจะเผด็จศึกรัฐบาล
แต่เนื้อแท้แล้ว เป้าก็คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นเอง
วันนี้จึงขอแนะนำกลุ่มคนที่กำลังเอาคนไทย ประเทศไทยเป็นตัวประกัน ทั้งยังซ้ำเติมสถานการณ์ในวิกฤตโควิด ให้คนไทยต้องมาทุกข์ยากมากขึ้น
เดิมทีก็มี กลุ่มสามสัส ที่หลอกใช้เด็กให้ติดคุกแทนตน
กลุ่มอาจารย์ปลวก ที่คอยเสี้ยมสอนให้ลูกไทยเกลียดชังรากเหง้าเผ่าไทย
กลุ่มนักการเมือง ที่มีภารกิจจำเป็นเร่งด่วนในการล้มกฎหมายคุ้มครอง สถาบันพระมหากษัตริย์ และล้มรัฐบาล
กลุ่มนักโทษ ที่อ้างว่าเป็นนักวิชาการ หนีคดีไปอยู่เมืองนอก ที่คอยส่งเสียงเห่าหอนอย่างโหยหวน ขับกล่อมให้เด็กไทยไร้สมองหลงเชื่อ
กลุ่มผู้ตกเป็นเหยื่อถูกยุยงให้หลงเชื่อ และกำลังจะทยอยติดคุกกันทั่วหน้า
กลุ่มแกนนำรับจ้าง ซึ่งก็มีชีวิตเป็นอยู่อย่างอู้ฟู่
กลุ่มฝรั่งล่าอาณานิคม ที่ตั้งตัวเป็นศาสดาประชาธิปไตย และเรียกร้องให้ทุกคนเคารพสิทธิในความเท่าเทียมกันของมนุษย์ แต่ก็ไล่กระทืบคนผิวสีและคนเอเชีย
แต่หลังจากยุยงปลุกปั่นม็อบ รุกไล่รัฐบาล จ้องล้มสถาบัน มาเป็นเวลาแรมปี ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
บัดนี้หุ้นส่วนใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งก็มีทั้งฝรั่งและนักโทษหนีคดีผู้มั่งคั่ง ได้พยายามส่งสัญญาณให้นักรบรับจ้างรุ่นเก่า เตรียมออกมาสมทบ
เห็นว่างานนี้ มีบรรดาสารพัดสีเสื้อ ที่เหมือนจะเหม็นหน้ารัฐบาล เหม็นหน้านายก แว่ว ๆ มาว่าจะเข้าร่วมด้วย โทษฐานรัฐบาลชอบตัดหางพวกเดียวกันและพวกที่เคยสนับสนุน
ทั้งยังมีกลุ่มภิกษุ ผู้ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่อดีตกรรมการมหาเถรและกองเชียร์ ผสมโรงกับลัทธิธรรมกาย ที่เจ้าสำนักยังลี้ภัยอยู่ในรู
ตามด้วยกลุ่มที่มีคดี หากล้มรัฐบาล ล้มรัฐธรรมนูญชุดนี้ลงได้ จะได้แก้ไขกฎหมายให้เอื้อต่อคดี หรือถ้าล้มไม่ได้ก็จะใช้สถานการณ์ม็อบต่อรองกับรัฐบาลและผู้มีอำนาจ ให้ต้องออกกฎหมายพ้นโทษ
แต่ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม ล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มสามสัสทุนหนา และนักโทษปล้นชาติหนีคดีผู้ร่ำรวย และฝรั่งศาสดาประชาธิปไตยผู้ล่าอาณานิคม
โดยมีเป้าเดียวกันคือ ล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ และพยายามกำจัดรัฐบาลที่แสดงพฤติกรรมปกป้องสถาบันอย่างเด่นชัด
ที่หยิบยกมาให้ท่านได้รู้ ก็เพื่อจะได้เตรียมตัว รับสถานการณ์ที่จะเกิดในบ้านเมืองนี้ อย่างมีสติปัญญา
พุทธะอิสระ
ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=157354712923473&set=a.107732904552321