Saturday, 14 June 2025
Hard News Team

AccRevo ผนึกกำลัง Funding Societies 2 แพลตฟอร์ม ด้านบัญชีและสินเชื่อออนไลน์ ผนึกกำลัง ช่วยธุรกิจ SMEs ไทยเข้าถึงสินเชื่อสำหรับขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้น ชูจุดเด่น ‘อนุมัติไว-ไม่ใช้หลักทรัพย์-วงเงินสูง’

อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัญหาสำคัญของภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของไทย คือ การเข้าถึงแหล่งทุน หรือสินเชื่อ เพื่อการขยายธุรกิจ

จากปัญหาอุปสรรคดังกล่าว จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่าง 2 แพลตฟอร์ม อย่าง AccRevo และ Funding Societies ที่จะช่วยให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยธุรกิจที่ใช้โปรแกรมบัญชีของ "AccRevo" จะสามารถขอสินเชื่อได้ ง่ายและรวดเร็ว ผ่าน Funding Societies

สำหรับ AccRevo (Accounting Intelligence Platform) เป็น Platform บัญชีดิจิทัลสำหรับธุรกิจ SMEs ที่ถูกออกแบบมา ช่วยเหลือทำให้กระบวนการทำบัญชีที่เคยช้า น่าเบื่อ และเต็มไปด้วยเอกสารกองโตเปลี่ยนกระบวนการออกเอกสารทางธุรกิจให้เป็นดิจิทัล ให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน ที่รวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิม ลดต้นทุนและปรับปรุงขั้นตอนการทำงานของธุรกิจเชื่อมต่อทุกหน่วยงานในองค์กรและทำงานด้วยการประมวลผลแบบคลาวด์และการวิเคราะห์ข้อมูลระบบอัตโนมัติของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence (AI)

ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการจะได้งบการเงินและรู้สุขภาพทางการเงินขององค์กรแบบ Realtime เพิ่มความสามารถในการคาดการณ์การวิเคราะห์การจัดการประสิทธิภาพและการตัดสินใจเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในโลกใหม่ของการทำงานที่เป็นดิจิทัลที่ต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่ง ตลอดจนการมองการณ์ไกลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดี ด้วยระบบบัญชี ของ AccRevo ที่ผ่านมาตรฐานกรมสรรพากร และได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ โดยมีโปรแกรมเด่น อาทิ

AccRevo Accistant | โปรแกรมจัดการธุรกิจดิจิทัล on cloud ผู้ช่วยนักธุรกิจในการดูแลการเงิน ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องบัญชี ก็สามารถบริหารจัดการ ออกเอกสารทางด้านบัญชีได้ครบถ้วน ได้มาตรฐาน ควบคุมการทำงานทั้งกระบวนการแบบดิจิทัลทั้งด้านรายรับและด้านรายจ่าย ออกรายงานบริหาร (Dashboard) เพื่อการวิเคราะห์ธุรกิจแบบออนไลน์ทุกที่ ทุกเวลา

AccRevo The Book | โปรแกรมบันทึกบัญชีอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence (AI) ผู้ช่วยนักบัญชีในการบันทึกบัญชีเบื้องต้นและการทำบัญชีทั้งกระบวนการแบบไร้เอกสารที่เป็นกระดาษ ทำให้นักบัญชีไม่ต้องปวดหัวกับเอกสารกองโตอีกต่อไป พร้อมเชื่อมต่อระบบงานอื่นๆผ่านเทคโนโลยี API ลดการบันทึกบัญชีซ้ำแบบไร้รอยต่อ

ส่วน Funding Societies เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจ จะมุ่งเน้นสร้างโอกาสแก่ SMEs เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้เข้าถึงเงินทุนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยสมัครง่ายผ่านระบบออนไลน์ อนุมัติไวภายใน 3 วัน และ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์

ทั้งนี้ Funding Societies ก่อตั้งขึ้นปี 2015 ในประเทศสิงคโปร์ และ ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการระดมทุนอย่างถูกต้องทั้งในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เเละ ล่าสุดในไทย โดยก่อนหน้านี้ได้ให้สินเชื่อแก่ SMEs ไปกว่า 65,000 ราย นอกจากนี้ Funding Societies ยังได้รับการระดมทุน Series C 1,300 ล้านบาทจากบริษัทผู้ลงทุนที่มีความน่าเชื่อถือ อาทิเช่น Sequoia India, Softbank Ventures Asia Corp, Qualgro, LINE Ventures

Funding Societies จึงมองเห็นศักยภาพของ SMEs และสตาร์ทอัพที่มีอยู่หลายล้านรายในประเทศไทย พวกเขาควรได้รับโอกาสทางการเงินที่เท่าเทียมแล้ว

สำหรับ ความร่วมมือ AccRevo X Funding Societies สินเชื่อธุรกิจสำหรับผู้ใช้งาน AccRevo ที่จะได้รับ

- วงเงินสูงสุดถึง 30 ล้านบาท

- อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดแค่ 1% ต่อเดือน

- อนุมัติไว

- ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

ในภาวะที่ SMEs ต้องการเงินสนับสนุนให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ และยังต้องแข่งกับเวลา ความร่วมมือระหว่าง AccRevo และ Funding Society จะช่วยให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เข้าถึงสินเชื่อในยุคดิจิทัล ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีวงเงินต่อรายสูงสุดถึง 30 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 1% ต่อเดือน อนุมัติไวใน 3 วัน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และสะดวกรวดเร็วไม่ยุ่งยากในการจัดเตรียมข้อมูล มาเติบโตและรับการสนับสนุนด้านการเงินไปกับพวกเราเพื่อความแข็งแรง และธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

ราชกิจจานุเบกษา ตีพิมพ์แบบหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ใช้สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศแล้ว แต่ต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในไทย หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกเท่านั้น

ราชกิจจานุเบกษาตีพิมพ์เอกสาร 2 ฉบับ เกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค หรือ วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) ได้แก่ ประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง แบบหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. 2564 และคำสั่งกรมควบคุมโรค ที่ 587/2564 เรื่อง มอบหมายผู้ที่มีอำนาจออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เอกสารทั้งสองฉบับลงนามโดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค

สาระสำคัญ คือ ให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดทำวัคซีนพาสปอร์ต โดยมีหน้าปกระบุข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า “DEPARTMENT OF DISEASE CONTROL, MINISTRY OF PUBLIC HEALTH THAILAND” (กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข” เครื่องหมายตราครุฑ ระบุข้อความ “COVID-19 CERTIFICATE OF VACCINATION” (หนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) พร้อมเลขที่หนังสือ ขึ้นต้นด้วย ค.ศ. ด้านล่างระบุว่า Issue to ... (ออกให้กับ) Passport No. ... (เลขที่หนังสือเดินทาง) or National identification ... (หรือ เลขประจำตัวประชาชน)

เนื้อหาในหนังสือรับรอง จะมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อใช้สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดยมีเงื่อนไขคือ เอกสารรับรองนี้เป็นการรับรองเฉพาะการได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 โดยต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาของราชอาณาจักรไทย หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก จะต้องมีลายมือชื่อของอธิบดีกรมควบคุมโรค หรือผู้ที่อธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายให้ออกเอกสารรับรอง พร้อมประทับตราหน่วยงานของผู้ที่ออกเอกสารรับรองนั้น เจ้าหน้าที่อาจไม่รับพิจารณาเอกสารรับรองที่มีรอยแก้ไข ขูดลบ ขีดฆ่า หรือมีข้อความไม่สมบูรณ์

โดยให้กรอกข้อมูลในเอกสารรับรองเป็นภาษาอังกฤษอย่างครบถ้วน ทั้งนี้ จะมีข้อความภาษาอื่น ๆ ควบคู่กับภาษาอังกฤษด้วยก็ได้ เอกสารรับรองนี้รับรองเป็นรายบุคคลเท่านั้น ไม่ให้ใช้ร่วมกันเป็นหมู่คณะ และต้องออกเอกสารรับรองแยกสำหรับเด็กด้วย ให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองลงลายมือชื่อในเอกสารรับรองแทน หากเด็ก (อายุต่ำกว่า 7 ปี) ยังเขียนหนังสือไม่ได้ สำหรับผู้ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ ให้ผู้นั้นพิมพ์ลายนิ้วมือแทน (ปกติให้ใช้นิ้วหัวแม่มือขวา)

ส่วนคำสั่งกรมควบคุมโรค มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สังกัดกรมควบคุมโรค ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร หรือ ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) เป็นผู้ที่มีอำนาจออกหนังสือรับรอง และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สังกัดกรมควบคุมโรค 6 ราย เป็นผู้ที่มีอำนาจออกหนังสือรับรอง ได้แก่

1.) นายโรม บัวทอง นายแพทย์เชี่ยวชาญ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค

2.) น.ส.สิริรักษ์ ธนะสกุลประเสริฐ นายแพทย์ชำนาญการ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค

3.) นายรวินันท์ โสมา นายแพทย์ชำนาญการ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค

4.) นางรณิดา เตชะสุวรรณา นายแพทย์ชำนาญการ กองโรคติดต่อทั่วไป

5.) น.ส.กมลทิพย์ อัศววรานันต์ นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และ

6.) น.ส.ปริณดา วัฒนศรี นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศึกษา กรมควบคุมโรค

โดยให้ปฏิบัติตาม ประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. 2564 (ลงในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 31 มี.ค. 2564)


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย พฤติกรรมการหลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ปัจจุบันนายหน้าเถื่อนใช้สื่อออนไลน์โฆษณาจัดหางานอย่างเปิดเผย พร้อมแอบอ้างรู้จักเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พบขบวนการหลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศ อาศัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 โฆษณาการจัดหางาน ทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน และสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้แม้เป็นช่วงแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดยเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการรายละ 10,000 –50,000 บาท แบ่งเป็นค่าดำเนินการ ค่าออกวีซ่า ค่าประกันภัย ฯลฯ ภายหลังรับเงินจะตัดขาดการติดต่อ จนผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง และเข้าแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งประเทศที่พบคนหางานถูกหลอกลวงไปทำงานมากที่สุด ได้แก่ แคนาดา สวีเดน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และนิวซีแลนด์ ตามลำดับ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวน 13,523,004 บาท

“รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญและเน้นย้ำให้กระทรวงแรงงานดูแลแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศให้เดินทางไปทำงานอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เนื่องจากแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศถือเป็นกลุ่มแรงงานที่นำรายได้เข้าประเทศไทย เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานได้มีการสอดส่องดูแล และตรวจสอบผู้มีพฤติการณ์หลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และบริษัทจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีผู้คิดฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าวหลอกลวงคนหางาน

ซึ่งหากตรวจสอบพบว่าผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการโฆษณาการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ขอให้คนหางานที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศตรวจสอบข้อมูลตำแหน่งงาน ลักษณะงาน ตลอดจนประเทศที่จะไปจากเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน ก่อนตัดสินใจจ่ายเงินหรือโอนเงินให้กับผู้ใด และสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตที่เว็บไซต์ www.doe.go.th/ipd โดยปัจจุบันมีบริษัทฯ ที่ได้รับอนุญาต จำนวน 129 บริษัท ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงมหานคร 90 บริษัท และกระจายอยู่ในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ 39 บริษัท ที่ผ่านมาตั้งแต่ เดือนตุลาคม 2563 - เมษายน 2564 ด่านตรวจคนหางานได้ตรวจสอบเอกสารคนหางานที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนหางานทั้งสิ้น 17,922 ราย ตรวจสอบผู้ที่มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานในต่างประเทศ จำนวน 785 ราย และระงับการเดินทาง จำนวน 254 ราย


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ลือหึ่ง!! ห้ามนำเข้า 5 กลุ่มสินค้าไทยทางด่านเมียวดี เหตุบริษัทใต้เงากองทัพ หวังฮุบโอกาสทางการค้าเอง

เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา มีประกาศว่าห้ามนำเข้า 5 กลุ่มสินค้าจากไทยผ่านทางด่านเมียวดี อันได้แก่ น้ำอัดลม, กาแฟปรุงสำเร็จ, ชาปรุงสำเร็จ, กาแฟปรุงสำเร็จ, นมข้นหวานและนมข้นจืด

หลังจากออกข่าวมาได้วันสองวัน ก็มีกระแสบอกออกมาว่า การที่รัฐบาลทหารประกาศแบบนี้เพราะว่าต้องการให้คนเมียนมาหันมาซื้อสินค้าของบริษัทที่กองทัพเป็นเจ้าของบ้างล่ะ หรือมีข่าวถึงขั้นประกาศห้ามส่งออกสินค้าจากไทย 5 กลุ่มนี้ไปยังเมียนมาบ้างล่ะ เอย่าก็อยากจะแถลงไขเป็นข้อๆ ดังนี้นะคะ

1.) ประกาศนี้ประกาศไปยังด่านศุลกากรเมียวดี เพราะสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่มีการนำเข้ามายังเมียนมาแต่ละปีเป็นจำนวนมาก เช่น มูลค่าของกลุ่มสินค้าน้ำอัดลมในปี 2563 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 552 ล้านบาท ดังนั้นหากมีการขนส่งที่ไม่ทำให้สินค้าไม่เน่าเสียหาย แล้วยังผ่อนถ่ายความแออัดของการขนสินค้าที่เมียวดีออกไปได้ดี ก็คือทางเรือนั่นเอง

2.) ในเมียนมาเอง นอกจากสินค้าของบริษัทที่มีกองทัพเป็นหุ้นส่วนแล้ว ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่มีสินค้าที่ผลิตในประเทศโดยเฉพาะชา, กาแฟปรุงสำเร็จ, น้ำข้นหวานและนมข้นจืด ซึ่งมีผู้ประกอบการชาวเมียนมาหลายรายที่เป็นเจ้าตลาดในเมียนมาอยู่ อาทิเช่น One Tea หรือ PEP รวมถึงน้ำอัดลมบางยี่ห้อ ก็ตั้งฐานการผลิตในเมียนมาแล้ว เช่น เป็ปซี่ และ โค้ก ก็มีฐานการผลิตในเมียนมาแล้วตอนนี้

3.) ในประกาศได้มีประกาศชัดเจนว่าให้ปรับเปลี่ยนการขนส่งจากทางรถเป็นทางเรือแทน ซึ่งผลกระทบน่าจะเกิดกับผู้ลงทุนที่จำเป็นต้องสั่งสินค้าให้เต็มตู้หากอยากได้สินค้าเข้าตามเวลา แต่หากไม่สั่งเต็มตู้ ก็ต้องรอขนพร้อมกับสินค้าอื่น ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลถึงยอดขายได้ แต่เอย่าเชื่อว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่น่าจะกระทบ โดยเขาเหล่านั้นน่าจะเลือกนำเข้าสินค้ามาเต็มคอนเทนเนอร์มากกว่าการจะรอรวมคอนเทนเนอร์กับสินค้าอื่น ๆ

4.) หากต้องการจะแบนสินค้ากลุ่มนี้จริง ๆ ทำไมต้องทำแค่ที่ไทยและที่ด่านแม่สอดเท่านั้น ทำให้ไม่ห้ามนำเข้าทุกด่าน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลทหารจะทำให้ประชาชนหันมาซื้อสินค้าของบริษัทที่กองทัพถือหุ้นอยู่ อย่างว่าเงินอยู่ในมือผู้ซื้อมันเป็นสิทธิ์ของผู้ซื้อที่จะซื้อสินค้าหรือต่อให้มีแบรนด์เดียว ผู้บริโภคก็มีสิทธิ์เลือกจะไม่ซื้อหาหรือบริโภคก็ได้

ฉะนั้นข่าวเรื่องรัฐบาลทหารต้องการให้คนเมียนมาหันมาซื้อสินค้าของบริษัทที่กองทัพเป็นเจ้าของ จึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นและยิ่งถ้าเรื่องแบนสินค้าไทยนี่ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เพราะในประกาศระบุชัดเจนว่าให้ส่งทางเรือ!!

เอย่าวิเคราะห์ว่าจากเหตุการณ์ประท้วงและการประทะกันระหว่างกองทัพเมียนมากับกลุ่ม KNU ทำให้ข้าราชการชายแดนส่วนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นชาวกะเหรี่ยง ทำการอารยะขัดขืนไม่มาทำงาน รวมถึงความไม่ปลอดภัยหากส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมาประจำที่นี่

ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้น่าจะเป็นมาตรการชั่วคราวที่ทางรัฐบาลทหารพยายามหาทางออกให้ผู้ประกอบการไทยในเมียนมาหรือแม้กระทั่งผู้ประกอบการเมียนมาเองที่รับสินค้าไทยเข้ามาจำหน่ายให้สามารถนำสินค้าเข้ามาขายเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อไปได้ ในยุคที่ Fake News ยังกลายเป็นข่าวได้อะไรก็เกิดขึ้นได้

ในตอนนี้การหาข้อมูลรอบด้าน จึงมีความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นนักธุรกิจหรือทำธุรกิจในเมียนมา

การฟังความข้างเดียวแล้วจับมาแปลผล อาจจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจของคุณได้ โดยเฉพาะเมียนมาในช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่โอกาสพร้อมจะเป็นของคนที่ไม่ท้อแท้ และรู้จริงในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างที่ไม่เข้าข้างฝ่ายใด เพราะเศรษฐกิจเป็นเรื่องปากท้อง...ไม่ใช่การเมือง!!

 

ที่มา: AYA IRRAWADEE


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

‘แรมโบ้’ กางปีกป้อง ซัด ‘โอ๊ค’ ไล่ ‘บิ๊กตู่’ หวังให้พ่อกับอากลับมาเป็นนายกฯ หรือ โวลั่นสถานการณ์แบบนี้ยิ่งไม่ควรลาออก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทาง เฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาโควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าพาประเทศฝ่าโควิด เหมือนตาบอดคลำทาง ไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ชี้ต้องให้ลาออก ให้คนมีความสามารถมาบริหาร ว่าแม้นายพานทองแท้ จะมองว่าการแก้ไขปัญหาโควิดของนายกฯ และรัฐบาล เหมือนตาบอดคลำทาง แต่ที่ผ่านมา 2 ครั้ง นายกฯ และรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้มาแล้ว และครั้งนี้ตนเองมั่นใจว่านายกฯ จะสามารถทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ อย่าได้มาใช้นิสัยเดิม ๆ มาซ้ำเติมทำร้ายจิตใจคนที่ทุ่มเททำงานแก้ปัญหา

เรื่องการแถลงข่าวของนายกฯ หากนายพานทองแท้ตั้งใจฟังก็จะเห็นว่าได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว และจะทำอะไรต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารจัดการวัคซีนที่กำลังทยอยเข้ามาฉีดให้กับประชาชน อีกทั้งนายกฯ ได้มีการติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศก็มีแนวโน้มว่ามีแนวทางในการจัดหาวัคซีนมากขึ้นอย่างแน่นอน และในเดือนมิถุนายนนี้เราก็จะมีวัคซีนจำนวนมาก เพราะสามารถผลิตได้ในประเทศ สามารถที่จะคำนวณฉีดให้กับประชาชนได้โดยภายในปีนี้จะสามารถฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุดอย่างน้อยร้อยละ 60

นายเสกสกล กล่าวว่า คนทำงานอย่างพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรต้องลาออก เพราะต้องแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและพัฒนาประเทศ ซึ่งเชื่อว่าหากเป็นคนอื่นน่าจะทำไม่ได้เท่ากับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะคงจะไม่เห็นความสำคัญของประชาชน ประเทศชาติ จะเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัวของตัวเองเท่านั้น เหมือนผู้นำบางตระกูลก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ คงจำได้แน่นอน ขอให้นายพานทองแท้ เปิดใจรับฟังคนอื่นบ้าง ไม่ใช่จะว่ากล่าวตำหนิเพียงอย่างเดียว การบริหารจัดการสถานการณ์โควิด ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแต่ทั้งนายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามทำอย่างดีที่สุด ทั้งนี้นายพานทองแท้ จะไม่ให้กำลังใจนายกฯ แต่ก็ขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และคนทำงาน ให้กำลังใจคนไทยในการช่วยกันฝ่าฟันสถานการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้

"นายพานทองแท้ ไล่นายกฯ ให้ออกจากตำแหน่ง ขอถามกลับว่าคงอยากให้คุณพ่อหรือคุณอา กลับมาเป็นนายกฯ อีกใช่ไหม ช่วยถามหัวใจคนไทยส่วนใหญ่หน่อยว่า รับได้หรือเปล่า ก่อนจะไล่ใคร ช่วยย้อนกลับมามองตัวเองก่อน อย่าเอาอคติความแค้นส่วนตัวมาจ้องทำลายคนอื่น เพราะสิ่งที่เสียหายในอดีตมากมายมหาศาล นายกฯ คนนี้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา ยังไม่ได้ทำให้ประเทศชาติประชาชนเสียหายอะไร แต่ในภาวะวิกฤติทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหากับโควิด ประเทศเราก็ย่อมส่งผลกระทบความเดือดร้อนบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เหมือนการทุจริตคอร์รัปชัน โกงบ้านโกงเมืองแต่อย่างใด" นายเสกสกล กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘รองโฆษก ปชป.’ แนะรัฐบาล เร่งหามาตรการช่วยแบ่งเบาภาระช่วงใกล้เปิดเทอมฯ ให้เป็น ‘ผู้ปกครองและเด็กชนะ’ ฝ่าวิกฤติโควิด

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการใช้เงินตามโครงการ เราชนะ ไปจนถึง 30 มิ.ย.นี้ และมีการพิจารณาในการดำเนินการโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ว่า ตนขอขอบคุณรัฐบาลแทนประชาชนที่เข้าใจถึงสถานการณ์ความยากลำบากในช่วงของการระบาดระลอกใหม่ เพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดนี้ สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายและอันตรายต่อผู้ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งจากยอดติดเชื้อที่ยังคงอยู่ในระดับหลักพัน และคาดว่าจะยังคงสถานการณ์แบบนี้อีกหลายวัน ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกชักหน้าไม่ถึงหลัง พะว้าพะวังเป็นอย่างมาก

ดังนั้น การขยายระเวลาใช้สิทธิตามโครงการดังกล่าว ถือว่ารัฐบาลได้นำเสียงของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาร่วมพิจารณา ซึ่งมติ ครม.ที่เกิดขึ้นจะเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนได้เป็นอย่างดี มีข้อพิสูจน์แล้วว่า ประชาชนต่างมีความกล้าในการจับจ่ายซื้อของมากขึ้น เพราะรัฐบาลได้สนับสนุนเงินทั้งประชาชนผู้ใช้สิทธิ์และร้านค้าผู้เข้าร่วมโครงการ ทำให้ภาพรวมสามารถประคับประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเอาไว้ได้

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่มีความกังวลในช่วงนี้คือความวิตกกังวลของผู้ปกครองที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายให้กับลูกหลานในวัยเรียน ถึงแม้กระทรวงศึกษาธิการจะพยายามให้มีการเปิดเรียนในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด จะเบาบางลงวันไหน ดังนั้นหากรัฐบาลมีแนวคิดที่จะช่วยเหลือผู้ปกครองให้ผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากเพื่อสร้างอนาคตของชาติแล้ว จะต้องนำแนวคิดที่เคยมีผู้เสนอ เช่น การลดค่าเทอม 40 % การสนับสนุนค่าใช้จ่ายหรือการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษาค้นคว้าฟรี หากจะต้องมีการเรียนผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น หรือการขยายสิทธิ์ของโครงการเยียวยาของรัฐบาล ให้ครอบคลุมหรือระบุวัตถุประสงค์ว่า จะต้องใช้จ่ายให้กับบุตรหลานในการเรียนเท่านั้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง และสร้างความสบายใจให้กับเด็กในช่วงเวลาใกล้เปิดเทอมที่จะถึงนี้

“ผมเข้าใจว่า ขณะนี้ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนส่วนใหญ่ นอกจากค่าชุดนักเรียน หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนพื้นฐานแล้ว ก็มาจากการที่โรงเรียนเก็บเป็นเงินบำรุงหรือเงินอุดหนุนการศึกษา เพื่อดำเนินการจัดการเรียนการสอนเพิ่มเติมตามแต่ละโรงเรียน ซึ่งถือว่า เป็นภาระของผู้ปกครองที่จำเป็นจะต้องใช้จ่าย เพื่ออนาคตของบุตรหลาน ดังนั้น แนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีมาโดยตลอดคือการสนับสนุนเด็ก ๆ ให้มีอนาคตสดใส โดยพยายามแก้ไขปัญหาระหว่างทางให้มีน้อยที่สุด

ในสถานการณ์ท่ามกลางการระบาดของโควิดขณะนี้ ผมจึงอยากให้รัฐบาล หามาตรการในการช่วยเหลือเด็กนักเรียนและผู้ปกครองอย่างรวดเร็วที่สุด โดยรัฐบาลจะต้องประสานงานในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาความร่วมมือ จนมาออกเป็นมาตรการเร่งด่วน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และทำให้เป็น ‘ผู้ปกครองและเด็กชนะ’ ได้ในที่สุด ” นายชัยชนะกล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

นายกรัฐมนตรี ร่วมบำเพ็ญกุศลองค์พระหลักเมือง กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 239 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ

นายกรัฐมนตรี ร่วมบำเพ็ญกุศลองค์พระหลักเมือง กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 239 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ

เมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 21 เม.ย. 2564 ก่อนจะเดินทางเข้าทำเนียบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้แทนประชาชน ทำหน้าที่ประธานพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาพุทธและจัดพิธีบวงสรวงสังเวยตามพิธีพราหมณ์อย่างเรียบง่าย ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ครบรอบ 239 ปี และ 21 เม.ย. คือวันตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 239 ปี

โดยนิมนต์พระสงฆ์ ประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อความเป็นศิริมงคลของประชาชนชาวไทยทุกคนและประเทศชาติ


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเศรษฐกิจไทยปี 2564 โตลดลงที่ 1.8% หลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่

จากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองเศรษฐกิจไทยปี 2564 มีแนวโน้มเติบโตลดลงที่ 1.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.6% โดยมองว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่มีความรุนแรงกว่าในระลอกก่อนหน้านี้ ในขณะที่แม้ว่าจะไม่ได้มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวด แต่ความกังวลต่อสถานการณ์จะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน รวมถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงมีผลต่อการบริโภคครัวเรือนให้มีทิศทางต่ำกว่าที่ประเมิน

อย่างไรก็ตาม ประมาณการเศรษฐกิจใหม่ได้รวมปัจจัยบวกจากแนวโน้มการส่งออกที่จะเติบโตดีกว่าที่เคยประเมินไว้จากอานิสงส์ของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีกว่าคาด นอกจากนี้ยังได้รวมถึงปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไปแล้ว โดยมีโครงการที่ยังดำเนินอยู่ เช่น โครงการเราชนะ และโครงการเรารักกัน ขณะที่มีมุมมองว่า ภาครัฐจะมีมาตรการต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศภายใต้วงเงินกู้ 1 ล้านล้าน ซึ่งยังมีวงเงินคงเหลืออยู่ราว 2.4 แสนล้านบาท ประกอบกับยังมีเงินจากงบกลาง ภายใต้ พรบ.งบประมาณปี 2564 ที่สามารถนำมาใช้ได้อีกราว 1.3 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ยังมีความกังวลถึงการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2 ล้านคน

ตัวแปรสำคัญคือการเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งหากการฉีดวัคซีนมีความล่าช้า ก็มีความเป็นไปได้ที่การแพร่ระบาดจะยืดเยื้อหรืออาจเกิดการแพร่ระบาดอีกระลอก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก และทำให้ความหวังของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวให้ทยอยกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอาจต้องล่าช้าออกไป

ทั้งนี้ ในกรณีที่การแพร่ระบาดยืดเยื้อหรือมีการระบาดที่รุนแรงอีกรอบไตรมาส 3/2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้มที่จะไม่เติบโตจากปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดรวมถึงการเร่งปูพรมกระจายวัคซีนเป็นภารกิจเร่งด่วน เนื่องจากระบบสาธารณสุขไทยมีขีดจำกัดในการรองรับผู้ติดเชื้อ หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับสูงมากกว่าพันคนอย่างต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ อาจเกิดภาวะระบบสาธารณสุขล่ม และส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยอาจต้องเผชิญกับต้นทุนแฝง (Hidden cost) ที่อาจประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มเห็นหลายโรงพยาบาลเผชิญกับปัญหาเตียงผู้ป่วยเต็ม และขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเครื่องช่วยหายใจ

ขณะที่ต้นทุนต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนจะเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยธรรมดาก็ไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้เป็นปกติเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อประสิทธิภาพของแรงงานให้ลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะมีมากกว่าการบริโภคที่ลดลงและรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไป


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

รัฐบาลเดินหน้าลุยต่อภูเก็ตโมเดล เปิดรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก ด้าน ‘สุพัฒนพงษ์’ เผยมีเงินเพียงพอ เยียวยาตามมาตรการรัฐ ไม่ต้องกู้เพิ่ม เตรียมกดรับสิทธิ์ แพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ พ.ค.นี้

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เรียกทีมเศรษฐกิจหารือบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหามาตรการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด 19 รอบที่ 3 เพิ่มเติม ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด รวมถึง แผนการเปิดประเทศภูเก็ตโมเดล ว่า ที่ประชุมได้หารือ ถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งจะดำเนินการตามแผนเดิม คือ วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เนื่องจากความต้องการท่องเที่ยวยังไม่ลดลง โดยจะเน้นการท่องเที่ยวจากประเทศระยะไกล และเชื่อว่าการแพร่ระบาดโควิด 19 ไทยระลอกนี้ไม่ส่งผลต่อนักท่องเที่ยว เพราะจากมาตรการของรัฐบาล รวมถึงการดูแลสุขภาพของประชาชนจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันเดินหน้าโครงการช่วยเหลือประชาชนในแพ็คเกจเดิม อาทิ โครงการเราชนะ คนละครึ่ง ม.33 เรารักกัน หรือแม้แต่ มาตรการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นมา คือเราผูกพัน ที่จะช่วยเหลือข้าราชการ อีกทั้งเตรียมมาตรการดึงเงินฝากที่มีอยู่ 5-6 แสนล้านบาท ออกมาใช้จ่าย ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และคาดว่าปลายเดือนพฤษภาคมจะดำเนินการเรียบร้อย และประกาศใช้ในเดือนมิถุนายนนี้

พร้อมยืนยันรัฐบาลได้มีการจัดสรรคงบประมาณไว้ช่วยเหลืออย่างเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม เพราะงบประมาณที่กู้ยังเพียงพอ และยังเดินหน้าดึงดูดนักลงทุน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดโดยช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นผล ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการระบาดในระลอกนี้จะส่งผลกระทบต่อจีดีพีของประเทศหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ในช่วงเดือนนี้ก่อน ถ้าหากสถานการณ์สามารถควบคุมได้ในสิ้นเดือนนี้ ก็หาทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่า หลังมีมาตรการยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดใน 14 วันนี้ สถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากทุกคน

พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาเราเตรียมการควบคุมไว้ แต่บังเอิญเกิดความประมาทเสียเอง ซึ่งหากถ้าควบคุมสถานการณ์ได้ การฉีดวัควีนในเดือน พฤษภาคมและมิถุนายน ก็จะเป็นไปตามแผน และน่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยที่เราทำตัวเราเอง จนเกิดเหตุการณ์ขึ้นจากคนกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ใช่เฉพาะคลับทองหล่อเท่านั้น แต่ยังมีภาพที่เกิดขึ้น พื้นที่ จ.ภูเก็ต ที่เห็นภาพนักท่องเที่ยวไม่สวมหน้ากากอนามัย เดินท่องเที่ยวชายหาด ซึ่งส่วนตัวเสียดายที่ไม่มีการป้องกันดูแลตัวเองตามนโยบายของรัฐบาล เพราะ จ.ภูเก็ตคือตัวแทนประเทศไทยในการเปิดประเทศ โดยยืนยันนายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ที่จะเร่งรัดหาวัคซีนอย่างเต็มที่ โดยที่ทุกคนจะได้ฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุม


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

วันนี้กรุงเทพมหานคร ฝนตกอากาศขมุกขมัว แต่ต้องเดินตลาดหาข้าวหาปลาให้พี่โกสินทร์ ที่ต้อง Work From Home

ก่อนออกจากบ้าน รู้สึกตัวรุม ๆ เหมือนจะมีไข้ ว่าแล้วขอทาน “สารสกัดฟ้าทลายโจร” (ก่อนซื้อตรวจข้างขวด ต้องมี สารแอนโดรกราโฟไลด์ ไม่ต่ำกว่า 6 %) ที่กรมการแพทย์แผนไทยพึ่งออกประกาศความคืบหน้า ในการใช้สมุนไพรฟ้าทลายโจร รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่าให้ผลดีในผู้ป่วยถึง 280 ราย จาก 9 โรงพยาบาลของรัฐ ที่มีอาการป่วยไม่รุนแรง จนหายขาดเป็นปกติ

ฟังแล้วดีงามสะพานพุทธ ที่สมุนไพรพื้นบ้านของเราเยี่ยมยอดเช่นนี้ ราคาไม่แพงไม่ต้องนำเข้าเสียเงินทองให้ฝรั่ง...ว่าไหม?

แต่การทาน “ฟ้าทลายโจร” ต้องทานให้เป็นเพราะหมอเค้าห้ามกินก่อนป่วยหรือเพื่อป้องกันโรค ถ้าไม่ป่วยมีอาการ “คล้ายเป็นหวัด ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดหัวปวดเมื่อยตามตัว” อย่ารีบทาน แต่ถ้ามีอาการก็ทานได้เลย

บ้านไหนมีปลูกก็เด็ดกินใบสดวันละ 2-3 ใบ ส่วนถ้าทานแล้ว 2-3 วันไม่ดีขึ้นรีบไปหาหมอนะจ๊ะ

เขมือบฟ้าทะลายโจรปุ๊บ ก็ขอทากันแดด สวมหน้ากากปั๊ป แต่มือมันคันยับ ๆ เลยคว้าหมับมือถือมาไถดู Tiktok พลาง แม่จ้าว!! เจอคลิป HAPPYDAY HAPPYLIFE นั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ ประกอบเพลง How Do I Live ของสาวสวยหิ้วกระเป๋า Jacquemus ปี 2019 เบอร์แพง ที่แชร์กันกระแทกตาให้ได้ริษยา

จริง ๆ งานนี้ไม่รู้ว่า She อยากอวดหลัว หรือโยนหลัวให้ตก ฮ. เพราะชาวเน็ตสามัคคีกันขุด จนรู้ยศคนพานั่ง ฮ. เป็นถึงนายตำรวจยศพันโท ร้อนหูไหม้ถึง สตช. จนโฆษกตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ต้องออกมาแจงว่า คลิปดังกล่าวถ่ายโดย ภรรยา พ.ต.ท. อรรถพล ยี่เกาะ สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี หน้าห้องของอดีตรอง ผบช.ภ. 4 โดยเป็นสตอรี่ของวันที่ 28 กันยายน 2562 ขณะที่ พ.ต.ท. อรรถพล ไปราชการกับผู้บังคับบัญชา และได้พกภรรยานั่ง ฮ. ไปด้วย

จ๊ะ... เคลียร์!!

เคลียร์เรียบจริง ๆ เพราะล่าสุดต้นสังกัดได้มีคำสั่งย้าย พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยหลัวคุณเธอว์เรียบร้อยซะงั้น และที่แน่ ๆ ตอนนี้ คุณนายตำรวจคนสวยคงร้องท่อนฮุก “How do I live without you?” สามเวลาหลังอาหารแน่นวล

ปิด Tiktok แล้วเดินถึงบล็อกตลาดสดแถวบ้าน ระหว่างทางเดินปะฉะดะกับแม่ค้าพอหอมปากหอมคอ จะต่อราคาอะไร แม่ค้าต่างโต้ “อย่านะคะ อย่านะคะ” (ดีดกระดิ่ง ติ้งๆๆ) ชวนรมย์เสีย กับวลีฮิตตลาดสด ของแม่ค้าออนไลน์สวยศัลย์ “พิมรี่พาย” ที่ล่าสุดขายไปด่าไปตามสไตล์ รอบนี้ไม่รู้ยอดขายตกหรือรับเงินผ่านแอฟเป๋าตังไม่ได้ถึงพาลอวดดีด่าผ่าน live ว่า...

“ไม่ต้องสาระแนสอนชาวบ้านว่าทำโน้นนี่นั้น

เค้าทำกันอยู่แล้ววินัยเค้าดีกว่าคนใหญ่คนโต

ที่ทำให้ติดโรคอยู่ตอนนี้ด้วย เออฟาดนะ กุชอบมาก คนใหญ่คนโตขอร้องเลยอย่าสำส่อน ชาวบ้านจะได้ไม่ซวย 55555555 นัมเบอร์วันนะน้องนะ”

ฟังแล้วระคายหูปกติก็หยาบเกินเบอร์ รอบนี้ไม่รู้ฉีดโบท็อกเกินโดสมาหรือเปล่า ด่าหมอ ศบค. “สาระแน” ไม่พอยังบอกว่าชาวบ้านเค้ามีวินัย

จ้าแม่!!!! วัน ๆ คงเอาแต่ไลฟ์สด เลยไม่ออกมาดูเดือนดูตะวันสินะ เพราะที่ระบาดรอบนี้ มันมาจากวัยรุ่นวัยแรดไร้วินัยไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วพกโควิดนั่งรถด่วนแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ หลายเคสเอาเชื้อไปแพร่ให้คนที่บ้านตายเสียด้วยซ้ำ เธอว์มุดอยู่ในไลฟ์เหรอถึงไม่ทราบ...

เสียรมย์ เสียหู เดินผ่านแผงขายหมูซะหน่อย แต่เห็นหมู ก็นึกถึงหน้าแกนนำสามนิ้วที่อดอาหาร แต่เรื่องนี้ขอผ่าน เพราะมันเป็น “สิทธิเสรีภาพของเค้า” น้องเพนกวินจะขอถอนทนาย ไม่ยอมรับกระบวนยุติธรรม มันเป็นสิทธิของน้อง ตัวเจ๊ไม่ก้าวก่าย

แต่ประท้วงศาลด้วยการอดอาหารเพื่อขอประกัน มันเหมือนเรียกร้องขอสิทธิพิเศษเลยว่าไหม?

พูดถึงสิทธิพิเศษ เฟซบุ๊ก ก็ขึ้นเตือนทันที ขอแสดงความยินดีกับ น้องอแมนด้า ด้วยนะจ๊ะ ที่ได้สิทธิพิเศษในการฉีดวัคซีนชิโนแวค พร้อมผู้ติดตาม 5 คน ก่อนเดินทางไปประกวดนางงามจักรวาล ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ว่าแต่ก่อนหน้านี้ ที่ออกมาด่ารัฐบาลสารพัดอย่างเรื่องความเท่าเทียม แต่สุดท้ายวันนี้ได้ยิ้มแป้นแล้น เพราะกระทรวงสาธารณะสุขให้ฉีดวัคซีนก่อนลุงชวน หลีกภัยอีกซะนั้น แบบนี้เธอจะไปแก้ข่าวหรือบีบน้ำตาน้ำตาบนเวทีโลกแบบ ฮัน เลย์ๆ มั่งไหมเนี่ย

รัตนา งงงวย ลืมต่อราคาแม่ค้าซื้อสตอเบอรี่ถุงใหญ่ กลับบ้านไปฝากพี่โกสินทร์ด้วยอาการเพลียแดด...


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top