Sunday, 15 June 2025
Hard News Team

ขนส่งทางบก ออกมาตรการป้องกันโควิด-19 ขนส่งทั่วประเทศ ตรวจเข้ม ทั้งสถานีขนส่งผู้โดยสารและจุด Checking point ย้ำ!!! รถโดยสารทุกประเภทปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 20) และสอดคล้องกับนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้กระทรวงคมนาคมหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบและกำกับดูแลการให้บริการขนส่งผู้โดยสารที่เป็นการขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยต้องมีการจัดระบบและระเบียบต่างๆ เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคและแนวปฏิบัติตามพื้นที่สถานการณ์ที่ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กำหนด ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและพื้นที่ควบคุมในหลายจังหวัด 

ดังนั้น เพื่อให้สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรมการขนส่งทางบกได้ให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเข้มงวดตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะและการให้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสาร ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่ง และจุดตรวจเข้มข้นรถโดยสารสาธารณะ Checking Point ทั่วประเทศ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างเคร่งครัด จนกว่าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ และขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งพิจารณาปรับลดจำนวนเที่ยวการเดินรถระหว่างจังหวัดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดเท่าที่สามารถจะทำได้ โดยให้สอดคล้องตามความจำเป็นและให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ ในส่วนของการเดินรถโดยสารสาธารณะในเขตเมืองขอให้ปรับลดการให้บริการในช่วงเวลา 23.00 น. จนถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 
.
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทยังสามารถให้บริการได้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด คือ เว้นระยะห่างระหว่างกันและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น (D-Distancing) สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งพนักงานขับรถ ผู้ให้บริการ และผู้โดยสาร (M-Mask wearing) จัดให้มีจุดบริการเจลแอลกออฮอล์ล้างมืออย่างทั่วถึงเพียงพอ และล้างมือบ่อยๆ (H-Hand washing) ตรวจอุณหภูมิร่างกาย (T-Temperature) ตรวจหาเชื้อ (T-Testing) ใช้แอปพลิเคชันไทยชนะและหมอชนะ (A-Application) หรือกรอกข้อมูลการเดินทางตามแบบฟอร์มที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดทั้งก่อนและหลังการเดินทางทุกคน 

ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้กำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้มงวดการตรวจคัดกรอง หากพบผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ผู้ประกอบการขนส่งสามารถปฏิเสธการให้บริการและให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขทันที นอกจากนี้ให้เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสภายในรถ ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร ขณะเดินทางรถโดยสารปรับอากาศต้องมีการระบายอากาศภายในรถเป็นระยะ และงดการให้บริการอาหารบนรถในระหว่างการเดินทาง รวมทั้งห้ามผู้โดยสารรับประทานอาหารบนรถโดยสารสาธารณะเว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็นเท่านั้น เพื่อลดโอกาสเสี่ยงการแพร่หรือรับเชื้อจากการถอดหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าขณะอยู่บนรถโดยสารสาธารณะ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเหตุจำเป็นขอความร่วมมือให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทาง โดยเฉพาะหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำนวน 18 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ชลบุรี เชียงใหม่ ตาก นครปฐม นครราชสีมา นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต ระยอง สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สระแก้ว สุพรรณบุรี และ อุดรธานี ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโรค อาจเสี่ยงหรือมีโอกาสติดโรค

หน.ศปม. ส่งรถทหาร 10 คัน ช่วยภารกิจลำเลียงผู้ป่วยประเภทสีเขียว ไปส่งรพ.สนาม สั่งแสตนบายอีก 20 คัน

เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2564 พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้นำรถทหาร เข้ามาช่วยในการลำเลียงผู้ป่วยโควิด-19 ว่า จะมาเข้าสนับสนุนในส่วนผู้ป่วยประเภทสีเขียว คือที่แพทย์ได้วินิจฉัยแล้วว่ามีผลเป็นบวก แต่อาการไม่มาก โดยจะเคลื่อนย้ายจากโรงพยาบาล ที่ผู้ป่วยได้เข้ารับการตรวจ และเอ็กซเรย์ปอดวินิจฉัยแล้วเข้าข่ายผู้ป่วยประเภทสีเขียว ไปส่งยังโรงพยาบาลสนาม

เบื้องต้นจนถึงขณะนี้ กองทัพได้สนับสนุนรถทหาร ในภารกิจแล้ว 10 คัน ตามแผนจะใช้ประมาณ 30 คัน โดยจะเป็นรถพยาบาล ของกองพันเสนารักษ์รวมถึงรถสองตอน ที่ต้องแยกระหว่างคนขับกับผู้ป่วยออกจากกัน  ซึ่งส่วนใหญ่จะดำการในกรุงเทพมหานคร เป็นหลัก

"ปลื้มปีติน้ำพระทัย ในหลวง - พระราชินี"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน "น้ำยาตรวจ PCR COVID-19 " ให้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ จำนวน 10,000 ชุด มูลค่ารวม 7,200,000 บาท

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) มีประชาชน และข้าราชการทั้งในส่วนกองทัพอากาศ และนอกกองทัพอากาศ มาขอรับการตรวจเป็นจำนวนมาก และการตรวจแบบเต็มศักยภาพของโรงพยาบาล จะช่วยให้การวินิจฉัยโรคมีประสิทธิภาพ และช่วยลดการแพร่กระจายโรคได้เป็นอย่างดี จำนวนน้ำยาตรวจ PCR COVID-19 ในห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลจึงเริ่มขาดแคลน จึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลขอรับพระมหากรุณาธิคุณขอพระราชทานน้ำยาตรวจ PCR COVID-19 เพื่อให้มีเตรียมพร้อมสำหรับการดูแลประชาชนด้านเหนือของกรุงเทพมหานคร 

ซึ่งมีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ เป็นโรงพยาบาลรัฐแห่งเดียว ที่ดูเเลประชาชนสิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เกือบ ๒ แสนคน ให้ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงต่อไป

ข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการ ลูกจ้างและพนักงานราชการ กรมแพทย์ทหารอากาศ ขอพระบรมราชานุญาต กราบพระบาท ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ 

นพ.ยง เผยผลตรวจภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนแวค พบผู้ฉีดมีภูมิต้านทานขึ้นได้ดีมาก เป็นที่น่าพอใจ ตรวจพบภูมิต้านทาน ต่อสไปรท์โปรตีน หรือหนามแหลม ถึง 99.4%

วันนี้ (22 เม.ย.) นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า โควิด-19 วัคซีน ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากวัคซีนจีน Sinovac

ทางศูนย์ได้ทำการศึกษาร่วมกับโรงพยาบาลบ้านแพ้ว สมุทรสาคร การรายงานเบื้องต้น ถึงภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 Sinovac 2 เข็มห่างกัน 3 สัปดาห์

ตรวจภูมิต้านทานก่อนและหลังการให้วัคซีน พบว่าภูมิต้านทานขึ้นได้ดีมาก เป็นที่น่าพอใจ

4 สัปดาห์หลังฉีดเข็ม 2 ภูมิต้านทานที่ขึ้นได้เท่าเทียมกับภูมิต้านทานที่ตรวจพบจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติที่ 4 ถึง 8 สัปดาห์ ดังแสดงในรูป

 

ผู้ที่ฉีดวัคซีนตรวจพบภูมิต้านทาน ต่อสไปรท์โปรตีน หรือหนามแหลม ถึงร้อยละ 99.4 ในขณะผู้ที่ติดเชื้อตรวจพบภูมิต้านทาน ร้อยละ 92.4 ระดับภูมิต้านทานในกลุ่มที่ฉีดวัคซีน 2 เข็มมีค่าเฉลี่ยเรขาคณิต อยู่ที่ 89.5 u/ml

ส่วนผู้ที่ติดเชื้อในธรรมชาติจะมีระดับภูมิต้านทานค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 61 u/ml แสดงให้เห็นว่าการได้รับวัคซีนมีภูมิต้านทานเกิดขึ้นได้เท่าเทียมกับภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ

ขณะนี้กำลังศึกษาระยะยาวถึงความคงอยู่ของภูมิต้านทาน เพื่อจะคาดการณ์ โอกาสที่จะเกิดการติดโรคหรือเป็นซ้ำ

เพราะเป็นที่ทราบดีแล้วว่าผู้ที่ติดเชื้อโควิด 19 ถึงหายแล้วก็ยังมีโอกาสที่อาจจะติดเชื้อซ้ำได้ แต่ความรุนแรงน่าจะน้อยลง

ในระยะยาว จากผลการศึกษานี้จะช่วยบอกว่าจำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้นด้วยวัคซีนเข็มที่ 3 หรือไม่ และถ้าจะต้องกระตุ้นจะกระตุ้นเมื่อใด

ที่มา : https://www.facebook.com/yong.poovorawan


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“กรณ์” นำทีม บริจาคข้าวอิ่ม 2,000 กิโลกรัมผลิตข้าวกล่อง 30,000 ชุดให้ 'โรงพยาบาลสนาม'

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 จนทำให้มีผู้ติดเชื้อขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ ส่งผลให้โรงพยาบาลมีเตียงไม่เพียงพอต่อการรักษา รัฐบาลต้องจัดหาโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม นอกจากนี้ปัญหาที่ตามมาคือ อาหารเริ่มขาดแคลนในบางพื้นที่เนื่องจากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และบุคลากรทางการแพทย์เองกีมีจำนวนจำกัดจำเป็นต้องมีจิตอาสามาช่วยเพิ่มเติม 

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอะตอม สัมพันธภาพ หัวหน้ากลุ่มกล้าอาสา และพ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้กล้า-ชุมพร เป็นตัวแทนบริจาค “ข้าวอิ่ม” ข้าวหอมมะลิอินทรีย์จาก จ.มหาสารคาม ในรอบแรกจำนวน 2,000 กิโลกรรมให้กับ ทีม Food For Fighters เพื่อนำไปทำข้าวกล่อง ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนาม ซึ่งคาดว่าจะผลิตได้จำนวน 30,000 ชุด 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคกล้าร่วมกับโครงการเกษตรเข้มแข็งของชาวนามหาสารคาม และโครงการ Food For Fighters ของภาคเอกชน นำโดยคุณเต้-พันชนะ ตัวแทนสมาคมท่องเที่ยวและร้านอาหาร เป็นตัวกลางในการรับบริจาคเพื่อสมทบทุนจัดซื้อ “ข้าวเปอร์เซ็นต์-อินทรีย์” ให้กับโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ ซึ่งการบริจาคครั้งนี้ สามารถช่วยคนได้ 2 ต่อ ต่อแรกคือช่วยชาวนาผู้ปลูกข้าวเกษตรอินทรีย์ ต่อที่สองมอบอาหารดีให้แก่จิตอาสา และผู้ป่วยโรงพยาบาลสนาม บุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสมัคร ที่ต้องทำงานกันอย่างหนักต่อเนื่องเป็นเวลานานผู้สนใจสามารถร่วมสมทบทุนเพื่อจัดซื้อข้าวเปอร์เซ็นต์-อินทรีย์ โดยผ่านโครงการ “เกษตรเข้มแข็ง” เลขที่บัญชี 902-7-11390-2 ธนาคารกรุงเทพ

“จุรินทร์” ไม่วิเคราะห์ “บิ๊กตู่” ปรับโฉม รมต.ขับเคลื่อนไทยฯ ส่ง “ธรรมนัส” คุมปักษ์ใต้ ส่วน รัฐมนตรีจองปชป. คุมพื้นที่อื่น เชื่อทุกคนเข้าใจได้ไม่ต่างกัน

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2564 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา รับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรี รับผิดชอบงาน ภายใต้แนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด เพื่อให้การพัฒนา และแก้ไขปัญหาระดับจังหวัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปดูแลจังหวัดใหญ่ ๆ ในภาคใต้ ทั้งสงขลา ,นครศรีธรรมราช และภูเก็ต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ดูแลว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงการแก้ไขปรับเปลี่ยน เพื่อความเหมาะสม ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละคน จะมีส่วนในการรับผิดชอบพื้นที่ที่มีผู้แทนราษฎรอยู่ 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีหลายคนไม่ได้เข้าไปดูแลพื้นที่นั้น เช่นกรณีของนายนิพนธ์ ที่เป็นอดีต ส.ส.สงขลา ดูแลพื้นที่จังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนให้ไปดูแลจังหวัดตรัง และสตูล หรือแม้แต่นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์คนใหม่ และส.ส.สุราษฎร์ธานี ก็ไม่ได้ดูแลพื้นที่ตนเอง แต่ได้ดูแลพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และหนองบัวลำภู หรือแม้แต่นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เป็นอดีต ส.ส.พิษณุโลก ก็ไม่ได้ดูแลจังหวัดพิษณุโลก แต่ไปดูแลจังหวัดอำนาจเจริญ ยโสธร และพัทลุงแทน

เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนดังกล่าวนี้มีนัยยะทางการเมืองใด ๆ หรือไม่  นายจุรินทร์ กล่าวปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้ และไม่ขอวิเคราะห์ด้วย เนื่องจากเชื่อว่า ทุกคนสามารถเข้าใจถึงการปรับเปลี่ยนดังกล่าวได้ไม่ต่างกัน และไม่ขอตอบด้วยว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ จะมีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้ดูแลรับผิดชอบในจังหวัดที่ตนเป็น ส.ส.หรือไม่ 

“ผมไม่ขอตอบตรงนี้ และไม่ขอไปวิเคราะห์ด้วย ผมคิดว่าทุกคนสามารถเข้าใจได้ไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่า รองฯ วิษณุ ได้ชี้แจงในที่ประชุม ครม.แล้วว่าจะมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสม ซึ่งความจริงรัฐมนตรีหลายท่าน จะมีส่วนในการดูแลพื้นที่ที่เป็น ส.ส.อยู่ แต่บังเอิญในส่วนประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีหลายคนไม่ได้เข้าไปดูแลในพื้นที่ตรงนั้น” นายจุรินทร์ กล่าว

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียประกาศว่านักการทูตอเมริกัน 10 คนเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาและให้เดินทางออกจากรัสเซียภายใน 1 เดือน ตอบโต้ที่สหรัฐอเมริกาประกาศขับนักการทูตรัสเซีย 10 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน

ได้เวลาเอาคืน กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียประกาศว่านักการทูตอเมริกัน 10 คนเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาและให้เดินทางออกจากรัสเซียภายใน 1 เดือน ตอบโต้ที่สหรัฐอเมริกาประกาศขับนักการทูตรัสเซีย 10 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แถลงนโยบายเตือนคู่แข่งจากตะวันตกอย่าล้ำเส้น ชี้เอะอะก็โทษรัสเซีย

รัฐบาลรัสเซียเคยขู่ภายหลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเนรเทศนักการทูตรัสเซีย 10 คนเพื่อลงโทษต่อการกระทำที่สหรัฐระบุว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี, การโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ และกิจกรรมปรปักษ์อื่น ๆ ว่ารัสเซียจะตอบโต้สหรัฐในแบบเดียวกัน และในวันพุธที่ 21 เมษายน กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียจึงได้ฤกษ์ประกาศขับนักการทูตสหรัฐ 10 คน โดยประกาศว่าคนเหล่านี้เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา

"บุคคลเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ออกจากดินแดนของประเทศเราภายในสิ้นวันที่ 21 พฤษภาคม" กระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวในแถลงการณ์ โดยบอกว่าเป็นการตอบโต้การดำเนินการปรปักษ์ของฝ่ายอเมริกันในแบบเดียวกันกับที่สหรัฐขับลูกจ้างของสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงวอชิงตันและสถานกงสุลใหญ่รัสเซียในนครนิวยอร์ก และกระทรวงจะดำเนินการเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรที่ "ผิดกฎหมาย" ของสหรัฐฯ ต่อไป

ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตะวันตกดิ่งสู่จุดตกต่ำครั้งใหม่ในเวลานี้ รัสเซียและรัฐบาลตะวันตกหลายชาติกำลังขัดแย้งกันทั้งด้วยกรณีของ อเล็กเซย์ นาวัลนี แกนนำฝ่ายค้านคู่ปรับของปูติน, การวางกำลังทหารจำนวนมากตามแนวชายแดนติดกับยูเครน และเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการจารกรรมในหลายประเทศ

วันเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีปูตินแถลงนโยบายแห่งชาติประจำปีต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภาและผู้ว่าการระดับภูมิภาคต่าง ๆ ตอนหนึ่งเขากล่าวเตือนคู่แข่งจากโลกตะวันตกว่า อย่าได้ล้ำเส้น พร้อมกับตำหนิประเทศอื่น ๆ ว่าเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรก็โทษมาที่รัสเซีย

"ในบางประเทศ พวกเขาเริ่มมีธรรมเนียมหยาบคายในการกล่าวโทษรัสเซียทุกเรื่อง" เอเอฟพีอ้างคำกล่าวของปูตินในสุนทรพจน์ที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ "มันเป็นกีฬาบางชนิด เป็นกีฬาชนิดใหม่"

ผู้นำรัสเซียกล่าวด้วยว่า รัสเซียต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศทุกประเทศ แม้แต่ประเทศที่มีความเห็นไม่ตรงกัน "แต่หากใครก็ตามตีความเจตนาอันดีของเราเป็นความอ่อนแอ ปฏิกิริยาของเราจะไม่สมมาตร, รวดเร็ว และรุนแรง"

"ผมหวังว่า จะไม่มีใครคิดข้ามเส้นสีแดงที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย และเราจะเป็นผู้กำหนดเองเป็นกรณีไปว่าเส้นสีแดงนั้นอยู่ตรงไหน" ปูตินกล่าว

ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/100269


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

ไม่รู้ว่า Work From Home แล้วว่างกันมากหรือไง ถึงมีข่าวหลอกข่าวปลอม ว่าจะมีเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน หลัง 4 ทุ่ม ถึง ตี 4 สนุกกันมากสินะ ในการปล่อยเฟคนิวส์ กันเต็มโลกทวิตเตอร์ ขอทีเถอะ เจ้ากระทรวงดีอีเอส คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รับตำแหน่งมาตั้งแต่ วันที่ 22 มีนาคม มาวันนี้จะครบเดือนแล้ว ยังมีข่าวปลอมข่าวลวง ที่เงียบไปสงสัยไปคุมงานต่อสายอินเตอร์เน็ตที่ไหนหรือเปล่า?

อุ้ย! เน็ตหลุด ต้องไปเช็คไวเลสเราเตอร์เน็ต พบสัญญาณกระตุก โถถังกะละมังหม้อ ไม่น่าทักท่านไปเลยพับผ่าสิ วันก่อนน้องรัตนาเอาแคปซูลฟ้าทลายโจรมาให้กิน เพราะบ่นว่ารู้สึกจะเป็นไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ก็ดีใจที่มีติดบ้านเพราะได้ข่าวว่า ของเริ่มขาดตลาด ตรงนี้ถ้าชาวบ้านซื้อไปจริงถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าขาดตลาดเพราะพ่อค้าแอบเก็บสุ่ม ตรงนี้ขอแช่งคนที่กักตุน เวลาแบบนี้ ควรช่วยกันให้คนไทยได้มียาดีไว้ติดบ้าน

กระเดือกยาเทพ ดื่มน้ำตาม ก็เหลือบไปเห็น เด็กน้อยหน้าสามขีด บ่นกันขม เต็มทวิต เรื่องวัคซีน ทำไมอิสราเอลถึงได้ฉีดวัคซีนถึง 60 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว แถมได้ฉีดวัคซีน ของ Pfizer อีก ล่าสุดเค้าประกาศว่าไม่ต้องสวมหน้ากากออกจากบ้านแล้วนะ จะปารตี้รื่นเริงทำได้หมด ชีวิตดีไม่เหมือนอยู่ในกะลาแลนด์!!! คร้าบ ที่อิจฉาคืออยากเที่ยวอยากร่านกันละสิ

ถึงจะแรดจะร่านมันก็เป็นสิทธิส่วนตัว แต่ก่อนว่าอะไรก็ขอให้มีความรู้ มาพี่จะเปิดกะลาน้อย ๆ ให้...

รู้ไหมว่า ประเทศเค้ามีคนแค่ 9 ล้านคน แต่เอามาเทียบคนบ้านเราที่มีถึง 66 ล้านคนก็ได้เหรอ แถมเจ้าของ Pfizer ก็เป็นคนยิว แม่เค้าก็อยู่ในอิสราเอล ทำไมถึงจะช่วยคนยิวกันเองไม่ได้ แถมนายกเนธันยาฮู ยังไปตกลงกับ Pfizer อีกว่ายอมจ่ายค่าวัคซีนแพงสองสามเท่าของราคาตลาด แถมข้อมูลผู้ได้ฉีดวัคซีนทุกคนจากดาต้าเบส โอนให้ Pfizer ไปวิจัยต่อ โดยไม่ต้องถามใจถามสิทธิคนฉีดเลยแต่น้อย ไงล่ะสิทธิส่วนบุคคลที่จะเป็นหนูลองยาแลกวัคซีนป้องกันโรคร้าย หนูสามขีดคงชอบกันสินะ

ส่วนเรื่องวัคซีนของบ้านเรา ตอนนี้ลุงตู่ จ่ายเงินซื้อไปแล้ว 61 ล้านโดส สำหรับฉีด 30 ล้านคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และจนถึงปลายปี จะต้องได้ร่วมกันให้ได้ 100 ล้านโดส โดยจะเริ่มฉีดให้คนทั่วไปเดือนมิถุนายน แบบฟรี ไม่เสียเงิน !!! ฟังไม่ผิดหรอก “ฟรี” จากภาษีที่เราจ่ายกันไปแล้วนั้นแหละ

ส่วนใครกลัวของรัฐ อยากเก๋อยากเดิ้น อยากเสียตังค์ เค้าไม่ได้ห้าม รพ.เอกชน นำเข้านะจ๊ะ แต่ตอนนี้ใครมันจะหาได้ ถ้าไม่ได้รับการ “ประกัน” จากรัฐบาลล่ะ เพราะถ้าเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ รพ.เอกชนที่ว่าแน่ก็ต้องจอด เชื่อเลยก่อนฉีด เค้าจะให้คุณเซ็นยินยอมไม่เอาผิดเอาโทษกับ รพ. ถ้าเกิดคุณตาย จากการฉีดวัคซีนจากเขา...

ที่สำคัญ จะฉีดวัคซีน อายุต่ำกว่า 18 เจอเรท ฉ. ด้วยละ เพราะเค้าไม่ให้ฉีด เนื่องจากผลการวิจัยยังไม่แน่นอน เข้าใจกันด้วยล่ะ อย่าเอาแต่ทำตัวเป็นนกกระจอกในทวิตเตอร์

ส่วนเรื่องข่าว ประชาชน 6 คน โดยทั้ง 6 คนเป็นผู้หญิง ที่ระยอง ได้รับวัคซีน ซิโนแวค แล้วเป็นอัมพฤกษ์ ตรงนี้ ศบค. และ สธ. แถลงชี้แจงแล้วว่า เป็นอาการคล้ายอัมพฤกษ์ เป็นอาการชั่วคราว ซึ่งคาดว่าเกิดจากลิ่มเลือด เวลานี้ทั้ง 6 ท่านที่เกิดผลข้างเคียง ต่างก็มีอาการดีขึ้น แถมวัคซีนล็อตนี้ที่ได้รับมากว่า 5 แสนโดส ตอนนี้ฉีดจะหมดล็อตอยู่แล้ว อย่ากลัวอย่าตระหนก

ข่าวฝากจากสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และสถาบันบำราศนราดูร สำหรับท่านที่ได้รับการตรวจที่รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยแล้ว ให้จำรหัสประจำตัวในการรับการตรวจให้ดี ซึ่งจะมีข้อมูล รหัสตรวจ : TCN no. ชื่อ-สกุล : เลขบัตรประชาชน : เบอร์โทรศัพท์ : จะท่องจำหรือจดใส่กระดาษ ถ้าจะให้ดีพกติดตัว หากมีความสงสัย หรืออยากสอบถาม สามารถโทรได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค และถ้าได้รับแจ้งว่าผลเป็น Positive หรือเป็นบวก จงกักตัวเองอยู่ที่บ้าน แล้วโทรแจ้งประสานงานหาเตียงไปยังสายด่วน 1668, 1669, 1330 ทันที สำหรับพื้นที่กรุงเทพ โทร 1646 ศูนย์นเรนทร นะ

หากเริ่มมีไข้ แต่ยังไม่มีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก หากมีฟ้าทลายโจร ก็สามารถทานได้ แต่ขอย้ำตรงนี้ หากทานแล้วภายใน 2 วัน อาการไม่ดีขึ้น หรืออาการป่วยเริ่มแย่ลง อย่ารอช้า ให้รีบโทรติดต่อทางการทันที

ด้วยรักและห่วงใย จากคนที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน และอาศัยเมียหาข้าวหาปลาให้ ใจอยากจะหนีออกไปกินนอกบ้านก็ไม่ได้ แต่ทำไม่ได้เดี๋ยวกระบาลแยก!!


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ภาคธุรกิจเอกชน เล็งเสนอแผนกระจายวัคซีนต่อนายกรัฐมนตรี หวั่นโควิดทำเลื่อนเปิดประเทศ คาดกระทบแผน กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ 3 เดือนข้างหน้า ย้ำพร้อมควักเงินซื้อวัคซีนโควิด 10-15 ล้านโดส

วันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในฐานะประธานที่ประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน 2564 คาดว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศอย่างน้อย 3 เดือน โดยจะกระทบการท่องเที่ยวและทำให้การกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ทำได้ยาก หรืออาจต้องเลื่อนออกไป

รวมทั้งกระทบอย่างมากต่อกำลังซื้อ เพราะแรงงานในภาคบริการต้องหยุดหรือลดชั่วโมงการทำงาน ดังนั้นรัฐจำเป็นต้องใช้เม็ดเงินที่มีกว่า 2 แสนล้านบาท เข้ามาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการประคับประคองกำลังซื้อในประเทศ และการขยายระยะเวลามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงาน

นอกจากนี้ การแจกกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะมันเป็นปัจจัยที่สร้างเสริมความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชนได้มากที่สุด จะทำให้ภาพของอุปสงค์ในประเทศกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะขยายตัวดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าค่อนข้างมาก เป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าโลกมีทิศทางฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ประเมินไว้ สอดคล้องกับรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ได้ประเมินเศรษฐกิจโลกในปี 2564 ว่าจะขยายตัว 6% สอดคล้องกับรายงานขององค์การการค้าโลก (WTO) ณ เดือน มี.ค. ที่ประเมินว่า ปริมาณการค้าโลก (World Merchandise Trade) ในปี 2564 จะขยายตัวได้ถึง 8.0% ส่วนเศรษฐกิจไทยได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ขยายตัวดีขึ้น

ขณะที่ปัญหาขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้าและค่าระวางเรือที่ทรงตัวในระดับสูง รวมถึงต้นทุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูง ยังเป็นแรงกดดันสำคัญต่อความสามารถของผู้ส่งออกของไทยในระยะต่อไป และยังเผชิญความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการระบาดระลอกใหม่ที่รวดเร็วและรุนแรง กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้นมาก

ที่ประชุม กกร. จึงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย GDP ปี 2564 ขยายตัวได้ในกรอบ 1.5% ถึง 3.0% (จากเดิม 1.5-3.5%) ซึ่งประมาณการนี้ขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายและมาตรการของรัฐที่มีขนาดกว่า 2 แสนล้านบาท ที่จะเข้ามาเยียวยาเศรษฐกิจ โดยหากไม่มีเม็ดเงินดังกล่าว GDP จะไม่ขยายตัวหรือเติบโต 0%

ด้านการส่งออก กกร. ปรับเพิ่มประมาณการการส่งออกในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 4.0% ถึง 6.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2%

อย่างไรก็ตาม เอกชนยังมีความเป็นห่วง เรื่องการกระจายวัคซีนที่ยังล่าช้าและแผนงานยังไม่ชัดเจน จึงได้ร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานใน 4 ด้าน เพื่อจัดทำข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี คือ

1.) คณะแก้ไขปัญหาการกระจายและฉีดวัคซีน โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนในเรื่องโลจิสติกส์ การขนส่งและสถานที่ในการฉีด เช่น ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร นิคมอุตสาหกรรม ปั๊มน้ำมัน เป็นต้น

2.) คณะสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ โดยประสานข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน

3.) คณะสนับสนุนระบบอำนวยความสะดวกระบบงานต่าง ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการฉีด จนถึงการออกใบรับรอง และการจัดทำระบบ Vaccine Passport เพื่อใช้แสดงในการเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ

4.) คณะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ที่ผ่านมาได้รวบรวมความต้องการภาคเอกชนในการซื้อวัคซีนเพื่อเร่งการฉีดให้เร็วขึ้น โดยมีผู้ซื้อแสดงความจำนงมาแล้วกว่า 5 ล้านโดส ขณะที่เอกชนพร้อมควักเงินจ่าย-ซื้อเอง รวมแล้วคาดว่าจะมีถึง 10-15 ล้านโดส และขอให้ อย. ผ่อนคลายระเบียบเพื่อให้มีการซื้อวัคซีนได้มากขึ้น โดยจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้าของ 3 สถาบัน จากนั้นจะสรุปเพื่อเสนอนายกฯ

“การที่มีการประชุมของภาคเอกชน และได้ส่งข้อมูลไปให้ภาครัฐนั้น ทางภาคเอกชน ต้องขอขอบคุณ ท่านนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ตอบรับข้อเสนออย่างรวดเร็วในการเร่งหาวัคซีนทางเลือก

โดยได้อำนวยความสะดวกในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม พร้อมกับ จะจัดหาวัคซีน COVID-19 อีก 2-3 ยี่ห้อ เพิ่มเติม 35 ล้านโดส นอกเหนือจากที่ ภาครัฐดำเนินการไว้แล้ว ซึ่งภาคเอกชนนำโดย กกร. จะช่วยรัฐบาลจัดหาให้กับพนักงานลูกจ้างเองด้วย เพื่อช่วยลดงบประมาณของรัฐบาล”

ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เสนอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขยายเวลา พรก.กำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ที่ได้ขยายระยะเวลามา 1 ปี และจะครบกำหนดเดือน พ.ค.นี้ออกไปก่อน

เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องรายละเอียดการบังคับใช้ ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปฎิบัติตามได้ นอกจากนี้ จะขอให้กระทรวงฯ ทบทวนพรบ. PDPA ที่มีรายละเอียดและบทลงโทษเข้มงวดเกินไปให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“กห.” สั่งขยาย รพ.ทหาร และเพิ่ม รพ.สนาม รองรับผู้ป่วยโควิด ที่อาจมีปริมาณเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับทุกเหล่าทัพ เพื่อรับทราบความพร้อมของ รพ.สนาม สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก 

สำหรับภาพรวม สถานภาพโรงพยาบาลสนาม ที่กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ เร่งจัดตั้งขึ้นสนับสนุน กระทรวงสาธารณะสุข ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดต่างๆรวม 24 แห่ง จำนวน 3,725 เตียง ปัจจุบันอยู่ในสถานะพร้อมใช้งาน

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหม โดย กองทัพบก (ทบ.)ยังได้สนับสนุน กำลังพล ยานพาหนะ เตียงและเครื่องใช้ กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดตั้ง รพ.สนาม อีก 7 แห่งในพื้นที่ต่างๆ รวม 3,085 เตียง ซึ่งอยู่ในสถานะพร้อมใช้งานเช่นกัน โดย รพ.สนาม ดังกล่าว มีการทำงานร่วมกันแล้วกับ รพ.หลักในพื้นที่ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น เช่น รพ.มงกุฎวัฒนะ ทำงานร่วมกับ รพ.สนาม ของหน่วยทหาร ปตอ.1 พัน 6 ในการส่งตัวผู้ป่วยในพื้นที่ กทม.เข้ารับการรักษา เป็นต้น

ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำขอให้ทุกเหล่าทัพ เร่งสนับสนุนนโยบายของ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในการจัดตั้ง รพ.สนาม สนับสนุนกระทรวงสาธารณะสุข ให้มีปริมาณเพียงพอ รองรับผู้ป่วยที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และให้พิจารณาขยายขีดความสามารถของ รพ.ทหารในพื้นที่ต่างๆ ที่ปัจจุบันดูแลประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่รัฐที่เจ็บป่วยอยู่ ให้สามารถรองรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในพื้นที่ โดยให้สำรวจและเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในสังกัดกระทรวงกลาโหม  ที่มิได้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล ให้พร้อมสนับสนุนทางการแพทย์เมื่อจำเป็นด้วย พร้อมทั้งยังได้กำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพ ประสานกับ ศปม. เพื่อสนับสนุนการทำงานของ ศบค.ในการดูแลรักษาผู้ป่วยและการควบคุมโรคในพื้นที่ต่าง ๆ  เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโรคระดับพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top