Friday, 6 June 2025
นายหัวไทร

ส่องปรากฎการณ์ ‘โนโหวต – บัตรเสีย’ พุ่ง สะท้อนอารมณ์ประชาชนสั่งสอนนักการเมือง

(4 ก.พ. 68) น่าสนใจศึกษา และถอดรหัสยิ่ง สำหรับปรากฏการณ์ทางการเมืองในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) กับปรากฏการณ์บัตรเสีย และบัตรโนโหวต-โหวตโนจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน

อ.เมืองตรังเขต 2 ถึงขั้นต้องจัดเลือกตั้งใหม่ ส.อบจ.16 มีนาคมนี้ หลังเกิดปรากฏการณ์ประชาชนสอนนักการเมืองจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้ชนะอันดับ 1 ได้ 2,000 กว่าคะแนน แต่แพ้คะแนนโหวตโนที่พุ่งไปเกือบ 3,000 กว่าคะแนน จน กกต.จังหวัดต้องเรียกประชุมด่วน เพื่อเปิดรับสมัคร และจัดการเลือกตั้งใหม่

กกต.ตรังกำหนดแล้ว เปิดรับสมัครใหม่ และเลือกตั้งใหม่ 16 มีนาคมนี้ 

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นปรากฏการณ์อารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง ที่น่าจะเกิดจากความไม่พอใจต่อตัวผู้สมัคร ทั้งในส่วนของฝ่ายบริหาร และฝ่ายสภาประชาชนจึงต้องสั่งสอนนักการเมือง ผ่านการโหวตโน โนโหวต หรือบัตรเสีย เราจึงพบว่า การเลือกตั้งนายกฯอบจ.คราวนี้มีบัตรเสียจำนวนมากผิดปกติ

ขอยกเป็นตัวอย่างจังหวัดที่บัตรเสียจำนวนมาก

ในส่วนของการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหลายจังหวัดมียอดของจำนวนบัตรเสีย กับบัตรไม่เลือกผู้สมัครคนใด หรือ บัตรโหวตโน สูงหลักหมื่นถึงหลักแสนจำนวนมาก อาทิ

จ.นครราชสีมาผู้มาใช้สิทธิ 1,155,142 คน บัตรดี 972,902 ใบ บัตรเสีย 71,306 ใบ (6.17%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 110,934 ใบ (9.60%)

จ.มหาสารคาม ผู้มาใช้สิทธิ 453,567 คน บัตรดี 408,108 ใบ บัตรเสีย 29,007 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 16,452 ใบ

จ.เชียงใหม่ ผู้มาใช้สิทธิ 877,640 คน บัตรดี 778,227 ใบ บัตรเสีย 41,798 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 57,625ใบ

จ.เชียงราย ผู้มาใช้สิทธิ 605,780 คน บัตรดี 525,928 ใบ บัตรเสีย 36,446 ใบ (6.02%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 43,406 ใบ (7.17%)

จ.ยะลา ผู้มาใช้สิทธิ 224,707 คน บัตรดี 176,840 ใบ บัตรเสีย 18,533 ใบ (8.25%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 29,334 ใบ (13.05%)

จ.สงขลาผู้มาใช้สิทธิ 687,944 คน บัตรดี 572,496 ใบบัตรเสีย 28,593 ใบ (4.16%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 86,855 ใบ (12.63%)

จ.สมุทรปราการ ผู้มาใช้สิทธิ 569,659 คน บัตรดี 547,604 ใบ บัตรเสีย 22,055 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 42,142 ใบ

จ.นนทบุรี ผู้มาใช้สิทธิ์ 432,613 คน บัตรดี 382 ,782 ใบ บัตรเสีย 12,268 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 37,562 ใบ (8.68%)

จ.สุพรรณบุรี ผู้มาใช้สิทธิ 393,849 ใบ บัตรดี 353,460 ใบ บัตรเสีย 16,274 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 24,113 ใบ

จ.กำแพงเพชร ผู้มาใช้สิทธิ 272,278 คน บัตรดี 236,084 ใบ บัตรเสีย 14,712 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 21,482 ใบ

จ.ลำพูน ผู้มาใช้สิทธิ 242,381 คน บัตรดี 212,777 ใบ บัตรเสียจำนวน 15,131 ใบ (6.2 4%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 14,473 ใบ (5.97%)

บัตรเสียน่าจะเกิดขึ้นทั้งจากความผิดพลาดในการกาช่องลงคะแนน และเจตนาให้เป็นบัตรเสีย ส่วนการโนโหวต หรือโหวตโนก็ตามเป็นเจตนาของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ต้องการสะท้อนความรู้สึกของประชาชน อันเป็นเรื่องน่าสนใจยิ่งว่าอารมณ์ของคนที่สะท้อนออกมาเช่นนี้เกิดจากอะไร

จากการประมวลความคิดเห็นของนักวิชาการ และวงกาแฟพอจะสรุปได้ใน 4-5 ประเด็น

ประการแรก ประชาชนไม่พอใจต่อการที่ “บ้านใหญ่” เข้าไปจัดการในการคัดสรรบุคคลที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นนายกฯอบจ.และ ส.อบจ.ที่ประชาชนรับรู้ได้จากสื่อที่หลากหลาย และความรวดเร็วของสื่อโซเชียล ซึ่งบางคนไม่ได้มีคุณสมบัติอะไร แต่บ้านใหญ่ชี้ตัวลงมาก็ต้องเอาตามนั้น บางคนมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ และประสบการณ์เพียบ แต่ถูกบีบให้หลุดวงโคจรก็มีไม่น้อย

ประการที่สอง คือประชาชนไม่พอใจต่อพรรคการเมือง และนักการเมืองระดับชาติที่เข้าไปจุ้นจ้านชี้นำประชาชน ทำให้ประชาชนขาดความเป็นอิสระในการตัดสินใจด้วยตัวเองตามหลักการกระจายอำนาจ องค์กรท้องถิ่นต้องมีอิสระปลอดจากการครอบงำ หรือชี้นำของการเมืองสนามใหม่

ประการที่สาม ประชาชนไม่พอใจต่อตัวผู้สมัครเอง ไม่ว่าจะเป็นการนำตัวเองไปสังกัดซุ้มการเมืองต่างๆ การมีประวัติที่ไม่ใสสะอาด บางคนมีเรื่องร้องเรียนเรื่องทุจริตคอร์รัปชน มั่วสุมในวงการพนัน ได้รับโอกาสจากประชาชนแล้ว แต่กลับไม่มีผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

ประการที่สี่ ประชาชนเรียนรู้มากขึ้นผ่านสื่อต่างๆมากมาย สืบค้นได้ด้วยตัวเอง เมื่อประชาชนได้ศึกษาเรียนรู้แล้ว วิธีการที่ประชาชนทำได้คือการสะท้อนผ่านการเลือกตั้งนั้นเอง

ประการที่ห้า ปรากฏการณ์การใช้เงินจำนวนมากของผู้สมัครนายกฯอบจ.บางคน ที่มีข่าวสะพัดกับการจัดการหัวละ 500 หัวละ 1000 เมื่ออเทียบกับเงินเดือน ค่าตอบแทนของผู้บริหารแค่หลักแสน ปีละล้านกว่าบาท สี่ปีก็แค่ไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่กลับทุ่ม 200-300 ล้านเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่การถอนทุนในอนาคตบนตำแหน่งบริหาร

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นฝ่ายที่เกี่ยวข้องน่าจะได้นั่งลงถอดรหัส และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนวิถี หมายรวมถึงฝ่ายนิติบัญญัติด้วยในการคิดแก้กฎหมาย เช่น การแก้ปิดทางนักการเมืองใหญ่เข้าไปบงการ สั่งการ จัดการกับการเมืองท้องถิ่น รวมถึงจะแก้เรื่องฝ่ายบริหารลาออกก่อนหมดวาระอย่างไม่จำเป็น ทำให้สูญเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งใหม่ และต้องใช้งบประมาณซ้ำสองครั้ง

ปรากฏการณ์บัตรเสีย โนโหวต เป็นปรากฏการณ์ชัดเจนว่า ประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิ์สั่งสอนนักเมืองแล้ว เหลือแค่นักการเมืองจะสำนึกหรือไม่

‘เจือ ราชสีห์’ เผย ปี 69 ‘กรมทางหลวงชนบท’ เตรียมตั้งงบฯ ศึกษาความเป็นไปได้สร้างสะพานเชื่อมเมืองสขลา - สงหนคร

(3 ก.พ. 68) คืบหน้า…ปีหน้าทางหลวงชนบทตั้งงบศึกษาความเป็นไปได้สร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา

นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค) อดีต สส.สงขลา ผู้ผลักดันเต็มที่ และต่อเนื่องให้มีการสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา บริเวณหัวเขาแดง เพื่อเชื่อม อ.สิงหนครกับ อ.เมือง เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบทว่า ได้ข้อสรุป กรมทางหลวงชนบท จะตั้งงบประมาณ ปี 69 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้การก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เพื่อเชื่อม อ.เมืองสงขลา กับ อ.สิงหนคร จ.สงขลา และมีความน่าจะเป็นการสร้างในรูปแบบ ‘สะพานเปิดปิด’ ซึ่งจะรองรับการข้ามผ่านของเรือและยังสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดในพื้นที่ได้สะดวก 

ทั้งนี้ปัจจุบันผู้ที่สัญจรไปมาระหว่าง อ.สิงหนคร และอำเภออื่นๆ เพื่อเข้าไปยังตัวเมืองสงขลา มีทางเลือกอยู่สองทาง คือ ข้ามด้วยแพขนานยนต์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ซึ่งมีแพอยู่ 4 ลำ มีท่าเทียบแพฝั่งละสองท่า ในช่วงเช้าๆ การจราจรจะหนาแน่น บางครั้งรถติดยาวเป็นกิโล เพราะมีทั้งคนเดินทางไปทำงาน และนักเรียนเข้ามาเรียนหนังสือ นายเจือจึงเคลื่อนไหวผลักดันให้มีการสร้างสะพานข้ามทะเลสาบ หรือจะสร้างเป็นอุโมงค์ก็ได้

อีกทางเลือกหนึ่งคือ อ้อมไปขึ้นสะพานติณสูลานนท์ ผ่านเกาะยอ แล้วอ้อมสี่แยกเกาะยอมาเข้าเมือง เส้นทางสายนี้ก็สะดวก แต่อ้อมไกลไปประมาณ 20 กิโลเมตร

สมัยนายไพเจน มากสุวรรณ์ เป็นนายกฯอบจ.สงขลา ก็พยายามแก้ปัญหาความคับคั่งของรถข้ามแพ ด้วยการเพิ่มจำนวนแพขนานยนต์ และเพิ่มท่าเทียบแพ ก็พอจะบรรเทาการจราจรไปได้บ้าง

นายไพเจนเคยให้สัมภาษณ์ว่า ยินดีถ้าจะมีการสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เพราะการให้บริการแพขนานยนต์ ก็เป็นการให้บริการที่ขาดทุนอยู่แล้ว แต่ถือว่าเป็นภารกิจในการให้บริการสาธารณะ จึงต้องตั้งงบสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงการให้บริการมาโดยตลอด เช่นล่าสุดการติดตั้งระบบแพขนานยนต์อัจฉริยะ เป็นต้น

เปิด 14 นายกฯ อบจ.ภาคใต้ ผลการเลือกตั้งออกแล้ว ปชน. ยังปักธงไม่ลง!! ผมทายพลาดไปสองจังหวัด

(2 ก.พ. 68) ผ่านพ้นไปสำหรับศึกชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.47 จังหวัด ผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว มีทั้งคนที่ผิดหวังและสมหวัง ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง การเลือกตั้ง

กล่าวสำหรับภาคใต้เลือกตั้งไปแล้ว 3 จังหวัดคือ ชุมพร ระนอง นครศรีฯ เหลือต้องเลือกตั้งแค่ 13 จังหวัด พรรคประชาชนยังไม่สามารถปักธงส้มได้แม้แต่ยังหวัดเดียว

สุราษฏร์ธานี เมืองคนดี ป้าโสแก้แค้นแทนสามีได้สำเร็จ ยึดเก้าอี้นายกฯอบจ.จากกำนันศักดิ์มานั่งแทน “หมอมุดสัง”แห่งพรรคประชาชน พลาดคะแนนต่างอำเภอ พ่ายไปอย่างน่าเสียดาย

พัทลุง นายกพร วิสุทธ์ ธรรมเพ็ชร ยังเหนียว รักษาแชมป์ไว้ได้ เอาใหม่นะ ‘สาโรจน์ สามารถ’ มนต์ขลังของ ‘พิพัฒน์’ยังไม่พอ ต้องกลับไปนอนเคลียร์กับ ดร.นทีก่อน

สงขลา ‘สุพิศ’ เข้าวินตามคาด แต่น่าสนใจว่าทำไมคะแนน ‘โนโหวต-โหวตโน’ จึงพุ่งแรงที่สงขลา ฝากให้ช่วยกันคิดครับ

ปัตตานี เศรษฐ์ ยังเหนียว รักษาเก้าอี้เอาไว้ได้อีกสมัย เป็นสมัยที่ห้า แม้จะถูกพลพรรคภูมิใจไทยโจมตีอย่างหนักก็ตาม

นราธิวาส กูเซ็ง กับการถูกรุมกินโต๊ะ ทั้งจากพรรคกล้าธรรม และพรรคภูมิใจไทย ‘ธรรมนัส-ชาดา’ นำทัพลุยเอง แต่ผู้เฒ่าจอมยุทธ์แก้กล้า รักษาฐานไว้ได้ สมัยหน้าสงสัยต้องเปลี่ยนตัวเล่นแล้วกับอายุ 85 อีก 4 ปีก็ 89 แล้ว

ยะลา ชื่อชั้นของ ‘มะทา’ ยังขายได้ มุขตาร์ ยังคงนั่งบริหารต่ออีก 4 ปี สมัยหน้าว่ากันใหม่

สตูล สัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ เดิมตั้งใจว่าจะไม่ลงสมัครแล้ว แต่ท้ายสุดหาตัวแทนไม่ได้ก็ต้องลงเอง คู่แข่งยังไม่แกร่งพอ เหนื่อยอีกสัก 4 ปีนะ แล้วค่อยพักผ่อน แต่บ้านใหญ่ต้องหาตัวแทนให้ได้นะ

ตรัง บุนเล้ง โล่สถาพาพิพิธ บ้านใหญ่สายชวนไม่พลาด เมื่อคู่แข่งที่คู่ควร ‘สาทิตย์’ ถอยในนาทีสุดท้าย บุนเล้งก็สบายตัวไป

กระบี่ คุณปูสมศักดิ์ ยังรักษาแชมป์ที่ครองมายาวนานได้สบายๆ ยังครองใจขาวกระบี่ไม่เสื่อมคลาย สมัยหน้าคุณปู่จะไหวไหมเนี่ย

พังงา จังหวัดนี้น่าสนใจ เนื่องจากผลออกมาพลิกความคาดหมาย ‘บำรุง’ กลับมาทวงเก้าอีคืนได้สำเร็จ หลังจากพรรคพวกนักการเมืองมาออกแรงช่วยกันรุม ‘ธนาธิป’ กระเด็นตกเก้าอี้

ภูเก็ต ไข่มุกอันดามัน แหม…ตอนแรกคิดว่า เรวัตหยัดได้ จะพลาดท่าเสียแล้ว เมื่อถูกพรรคประชาชนบดขยี้หนัก กับ สส.เต็มจังหวัด 3 คน ช่วย ‘หมอเลอสันต์’ แต่คุณงามความดีอาจจะยังไม่พอนะ หรือคนภูเก็ตคิดได้แล้ว ไม่เอา มา.112

การเมืองมีโอกาสเปลี่ยนได้ตลอดเวลา พลาดนิดเดียวก็เปลี่ยนได้ทันที คงจำกันได้กับวลี ‘สินค้าแบกะดิน’ ของ ‘พิชัย รัตตกุล’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ ‘ชนะ รุ่งแสง’ พ่ายแพ้ ‘พล.ต.จำลอง ศรีเมือง’ ได้เป็นผู้ว่าฯกทม.คนแรกจากการเลือกตั้งตามกฎหมายใหม่มาแล้ว ทั้งๆที่กระแสชนะดีมากๆ

ขออนุญาตเขียนชื่อ 14 นายกฯ อบจ.ในจังหวัดภาคใต้ไว้ก่อน รอดูว่า กกต.จะรับรองผลทั้งหมดหรือไม่ จะมีใบแดง ใบเหลืองหรือเปล่า

สำหรับ #นายหัวไทร ทำนายผิดไปสองจังหวัด คือ สุราษฏร์ธานี ที่คาดว่า หมอมุดสังจะมา แต่กลับเป็นป้าโสมาแทน และพังงาที่คาดว่า ธราธิป จะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ แต่กลับถูกบำรุงพาพวกมารุมกระชากจนตกเก้าอี้

สำหรับ 14 นายกฯ อบจ.ภาคใต้ ประกอบด้วย
1.นายนพพร อุสิทธิ์ จากค่ายบ้านใหญ่ (เลือกตั้งแล้ว ไม่มีคู่แข่ง)

2.สีหราช สรรพกุล” คว้าชัยเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ระนอง (เลือกตั้งแล้วล้มแชมป์เก่า)

3.น้ำ-วาริน ชิณวงค์ เลือกตั้งแล้ว ล้มแชปม์เก่า ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’

4.ป้าโส โสภา กาญจนะ (เลือกตั้ง 1 ก.พ.นี้)

5.วิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกฯ อบจ.พัทลุง (เลือกตั้ง 1 ก.พ.)

6.สุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกฯ อบจ.สงขลา (เลือกตั้ง 1 ก.พ.)

7.เศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกฯ อบจ.ปัตตานี แชมป์เก่า 4 สมัย

8.กูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกฯ อบจ.นราธิวาส แชมป์เก่า 5 สมัย

9.มุขตาร์ มะทา นายกฯ อบจ.ยาลา แชมป์เก่า น้องชายวันนอร์

10.สัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกฯ อบจ.สตูล อดีตแชมป์เก่า

11.เรวัต อารีรอบ นายกฯ อบจ.ภูเก็ต แชมป์เก่า เจ้าของสโลแกน ‘เรวัติหยุดได้’

12.บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิศ นายกฯ อบจ.ตรัง บ้านใหญ่ค่ายนายหัวชวน

13.สมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกฯ อบจ.กระบี่ แชมป์เก่าหลายสมัย

14.นายบำรุง ปิยะนามวนิช นายกฯ อบจ.พังงา กลับมาทวงแชมป์คืน

ศาลยังไม่ตัดสินคดีใบแดง ‘มุกดาวรรณ’ แต่ไต่สวนเสร็จแล้ว รอนัดอ่านคำพิพากษา

(29 ม.ค. 68) ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับ ‘มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล’ สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ให้ใบแดง และศาลประทับรับฟ้อง พร้อมกับต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

แต่วันนี้มีข่าวอื้ออึงไปทั่วเมืองนคร ว่า ศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยข่าวออกมาจากบ้านฝ่ายผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง (ฝ่ายคัดค้าน) ก็นั่งสงบ และข้อเท็จจริง คือศาลยังไม่นัดอ่านคำพิพากษา ยังอยู่ในขั้นตอนการไต่สวนพยานฝ่ายค้าน (ผู้ถูกร้อง)

โดยศาลฎีกาออกประกาศนัดไต่สวนพยานคดีใบแดง ‘มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล’ สส.นครศรีฯพรรคภูมิใจไทย ฝั่ง ผู้ร้อง – คัดค้าน รวม  9 ครั้ง  23 ธ.ค. 67  สุดท้าย 29 ม.ค.68

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ศาลฎีกาได้ออกประกาศ แจ้งวันนัดพิจารณา คดีเลือกตั้งหมายเลขที่ ลต สส 5/2567  ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ผู้ร้อง  นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล  (สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย)  ผู้คัดค้าน เรื่อง ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และเรียกค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง  ศาลฎีกามีคำสั่งให้ไต่สวนพยานผู้ร้อง วันที่ 23 -25 ธ.ค.2567, 20-21 ม.ค.2567, 27 ม.ค.2567  นัดไต่สวนพยานผู้คัดค้าน วันที่ 27-29 ม.ค.2567 รวมทั้งสิ้น 9 ครั้ง (ดูประกาศ)

ก่อนหน้านี้ศาลฎีกามีคำสั่งนัดตรวจพยานหลักฐานคดีนี้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ต่อมา วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ศาลฎีกาออกประกาศเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานเป็นวันที่ 17 ก.ย.2567  

สำหรับคดีนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนางมุกดาวรรณ เลื่องศรีนิล สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 226 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.มาตรา 138 และมาตรา 139 ศาลฎีกาได้มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ 5 ก.ค.2567 จึงมีผลให้นางมุกดาวรรณ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษา  คดีนี้ เป็นกรณีถูกร้องเรื่องการแจกเงินไปลงคะแนนให้ตัวเอง หัวละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 25,000 บาท และเรื่องการแจกเงินให้ไปฟังการปราศรัย

คดีของนางมุกดาวรรณ ถือเป็นคดีแรกที่ กกต.แจกใบแดงให้ สส.จึงเป็นคดีที่สังคมติดตามความคืบหน้ากันมาก อันจะเป็นการพิสูจน์ผลงานของ กกต.ด้วยกับคำร้องค้านผลการเลือกตั้งมากมายถึง 72 เขตเลือกตั้ง

ที่สำคัญถ้าศาลฎีกาให้ใบแดงมุกดาวรรณจริง นอกจากเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้งแล้ว ยังจะต้องชดใช้ค่าจัดการเลือกตั้งใหม่เป็นเงินหลายล้านบาทแล้ว และในการเลือกตั้งซ่อม ก็จะเป็นสนามที่ต่อสู้กันดุเดือด เข้มข้นแน่นอน เพราะจะเป็นสนามพิสูจน์ฝีมือนักการเมืองระดับหัวทั้งสองสามขั้ว

นายหัวไทร ลงพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ประเมินแล้ว ขอฟันธง!! เขียนชื่อแปะข้างฝาได้เลย ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ นายกฯ อบจ.สงขลา

(26 ม.ค. 68) เข้าสู่โค้งสุดท้าย ถ้าเป็นมวยก็ยกฟ้าปลายๆแล้วสำหรับศึกชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.สงขลา ที่มีคนหาญกล้าลงชิงมากถึง 9 คนที่ถือเป็นประวัติการณ์ที่มีคนลงสมัครมากถึงขนาดนี้

เกมเดินมาถึงยกสุดท้ายแล้วสำหรับศึกชิงนายกฯ อบจ.สงขลา เริ่มเห็นเค้าเห็นลางว่า ใครจะเดินเข้าสู่ชัยชนะ ใครจะตกสวรรค์บ้าง

สำหรับ #นายหัวไทร ที่เฝ้าติดตามข้อมูลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนสมัครรับเลือกตั้ง หลังสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งเดินทางลงพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ก็พอประเมินออกว่า ใครจะเข้าวิน

วินาทีฟันธงได้เลยครับว่า ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เด็กบ้านปะโอ อ.สิงหนคร น่าจะได้รับความไว้วางใจจากชาวสงขลาให้เป็นนายกฯอบจ.คนต่อไป ต่อจาก ‘ไพเจน มากสุวรรณ์’ ที่ตัดสินใจไม่ไปต่อ

ไม่ใช่นั่งชี้นอนชี้แต่มีเหตุผลในการฟันธง ประการแรก คือความพร้อมของสุพิศเอง ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจสูงมากในการเปลี่ยนแปลงเมืองสงขลาบ้านเกิด ยอมเสียสละหน้าที่ราชการในตำแหน่งอธิบดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไต่เต้าจาก ซี 1 จนได้ ซี 10 กับอายุราชการที่ยังมีอีกหลายปี โอกาสคว้าเก้าอี้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ยังมีอยู่ แต่สุพิศ ก้าวกระโดดออกมาเสี่ยงลงชิงเก้าอี้นายกฯ อบจ.

ประการต่อมาสุพิศมีความพร้อมด้านทุนทรัพย์ ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรับช่วงต่อมาจากพ่อ ได้ทำงานรับเหมาใหญ่หลายงาน ทั้งงานในกรมชลประทาน และงานอื่นๆ จนถือว่าเป็นคนร่ำรวยคนหนึ่งของสงขลา

ประการที่สาม ด้วยหน้าที่การงาน และฐานะ ยอมสร้างบารมีขึ้นมาได้ เป็นที่ยอมรับของแวดวงราชการ และธุรกิจ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับการมีบริวารแวดล้อม เครือข่ายมากมายที่พร้อมสนับสนุนผลักดัน

ประการที่สี่ ต้องยอมรับความจริงว่า สุพิศลงสมัครได้รับการสนับสนุนด้วยดีจาก ‘นายกฯชาย เดชอิศม์ ขาวทอง’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รมช.สาธารณะสุข แม้จะอยู่ห่างๆสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เป็นการห่างในเชิงยุทธวิธี เช่นเดียวกับ ‘พี่จ่า-นิพนธ์ บุญญามณี’ อดีต รมช.มหาดไทย อดีตนายกฯอบจ.สงขลา ที่รักษาระยะห่าง แต่การเมืองมันกรี๊งกร้างกันได้ แต่มีสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ออกหน้าในพื้นที่อยู่แล้ว

ประการที่ห้า นโยบายบางอย่างถือว่าโดดเด่นในการสร้างเมือง เช่น ถนน อบจ.ต้องไม่เป็นหลุมเป็นบ่อแม้แต่หลุมเดียว และต้องชื่นชมในการหยิบนโยบายบางเรื่องของนายกฯไพเจนมาทำต่อ สานต่อ เมื่อเห็นว่าเป็นนโยบายที่ดี เช่น พลิกนาร้างเป็นสวนปาล์ม เป็นต้น

แม้อาจจะขัดใจอยู่บ้างในช่วงแรกสำหรับการใช้สื่อโซเชี่ยลหาเสียงเข้าถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เข้าใจว่าเป็นช่วงการปรับตัว แต่ช่วงหลังใช้สื่อมากขึ้น กระแสดีขึ้น

สำหรับผู้สมัครคนอื่นๆ ผมเชื่อตาม ‘นิด้าโพล’

นิด้าโพล สำรวจพบ ‘สุพิศ’ มีคะแนนนิยมสูงสุด ตามด้วย ‘นิรันดร์’ นายกฯแบบมาอันดับ 3

นิด้าโพลทำการสำรวจความคิดเห็นของชาวสงขลาต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.) ซึ่งมีผู้ลงสมัครมากถึง 9 คน

ผลการสำรวจพบว่า ชาวสงขลา 26.36% เชื่อว่านายสุพิศ พิทักษ์ธรรม จากกลุ่มสงขลาพลังใหม่น่าจะมีโอกาสได้รับเลือก ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่าทุกคน

ตามด้วยนายนิรันดร์ จินดานาค จากพรรคประชาชน 16.44% ซึ่งห่างจากนายสุพิศถึง 10%

นายประสงค์ บริรักษ์ นายกแบน จากทีมสงขลาเข้มแข็ง ได้แค่ 14.13%

ส่วนคนอื่นๆคะแนนอยู่ที่ 1-5% เท่านั้น แต่ยังมีอึก 25.54% ที่ยังไม่ตัดใจว่าจะเลือกใคร

วันนี้วันที่ 19 แล้ว มีเวลาเหลือสำหรับการหาเสียงแค่ 12 วัน เพราะจะมีการหย่อนบัตรลงคะแนนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง กินขนมเชื่อก่อนได้เลยว่า นายสุพิศน่าจะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ อบจ.สงขลา เว้นเสียแต่ว่า นายสุพิศสดุดขาตัวเอง ซึ่งในทางการเมืองวันเดียวก็มีโอกาสพลิกได้ ถ้าผิดพลาด กระแสจะไปเร็วมาก

ในสถานการณ์นี้นายสุพิศต้องประคองสถานการณ์ให้ได้ รักษาระดับเอาไว้ และสร้างกระแสดีดตัวเองให้พุ่งนำไว้เรื่อยๆ จนถึงวันหย่อนบัตร ก็เรียก ‘นายกฯ สุพิศ’ไว้ก่อนได้เลย

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ!! ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ชาวสงขลา เลือกหนุน ‘สุพิศ’ นั่งนายกฯ อบจ.

เมื่อวานนี้ (19 ม.ค. 68) ‘นิด้าโพล’ ทำการสำรวจความคิดเห็นของชาวสงขลาต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.) ซึ่งมีผู้ลงสมัครมากถึง 9 คน

ผลการสำรวจพบว่า ชาวสงขลา 26.36% เชื่อว่านายสุพิศ พิทักษ์ธรรม จากกลุ่มสงขลาพลังใหม่น่าจะมีโอกาสได้รับเลือก ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่าทุกคน

ตามด้วยนายนิรันดร์ จินดานาค จากพรรคประชาชน 16.44% ซึ่งห่างจากนายสุพิศถึง 10%

นายประสงค์ บริรักษ์ นายกแบน จากทีมสงขลาเข้มแข็ง ได้แค่ 14.13%

ส่วนคนอื่นๆคะแนนอยู่ที่ 1-5% เท่านั้น แต่ยังมีอึก 25.54% ที่ยังไม่ตัดใจว่าจะเลือกใคร

มีเวลาเหลือสำหรับการหาเสียงแค่ 12 วัน เพราะจะมีการหย่อนบัตรลงคะแนนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง กินขนมเชื่อก่อนได้เลยว่า นายสุพิศน่าจะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯอบจ.สงขลา เว้นเสียแต่ว่า นายสุพิศสดุดขาตัวเอง ซึ่งในทางการเมืองวันเดียวก็มีโอกาสพลิกได้ ถ้าผิดพลาด กระแสจะไปเร็วมาก

ในสถานการณ์นี้นายสุพิศต้องประคองสถานการณ์ให้ได้ รักษาระดับเอาไว้ และสร้างกระแสดีดตัวเองให้พุ่งนำไว้เรื่อยๆ จนถึงวันหย่อนบัตร ก็เรียก ‘นายกฯสุพิศ’ ไว้ก่อนได้เลย

อบจ.นครศรีฯ ตัดงบ!! อุดหนุน โรงพยาบาล ไม่ผ่านสภา!! ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

(18 ม.ค. 67) ต้องยอมรับความจริงก่อนว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (อบจ.) มีการตัดงบอุดหนุนหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชจริง มีการตัดงบอุดหนุนโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ และโรงพยาบาลยุพราช อ.ฉวาง จริง

ไม่ใช่แค่นี้ยังตัดงบอุดหนุนโรงเรียนต่าง ๆ อีกสี่สิบกว่าโรง รวมทั้งหมด 154 โครงการ เป็นวงเงิน 47 ล้านบาท เพื่อนำเงินงบประมาณไปใช้ในการจัดการเลือกตั้ง ส.อบจ.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้

ต้นสายปลายเหตุมาจากการที่ ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’ อดีตนายกฯอบจ.นครศรีฯ ลาออกก่อนหมดวาระ ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งสองครั้ง คือเลือกนายกฯอบจ.ก่อน แล้วมาเลือกตั้ง ส.อบจ.อีกครั้ง ในขณะที่ อบจ.นครศรีฯ ตั้งงบประมาณเพื่อจัดการเลือกตั้งไว้ 86 ล้านบาท ใช้เพื่อเลือกตั้งนายกฯอบจ.ไปแล้ว 74 ล้านบาท เหลืองบเพื่อใช้จัดการเลือกตั้ง ส.อบจ.เพียง 10 กว่าล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่า ไม่เพียงพอ อบจ.นครศรีฯจึงต้องจัดหางบเพิ่มเติม เพื่อจัดการเลือกตั้ง ส.อบจ.ให้แล้วเสร็จตามช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด ช่วงเวลาสั้นๆ ง่ายๆ คือการ ‘ตัดงบอุดหนุน’ อันเป็นภารกิจรองของท้องถิ่น

ผู้บริหารท้องถิ่นอย่าง อบจ.นครศรีฯในเวลานั้น เมื่อนายกฯอบจ.ลาออก ปลัด อบจ.ต้องทำหน้าที่แทน จนกว่าจะได้นายกฯคนใหม่ อันเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับการเตรียมการเลือกตั้ง ส.อบจ. เมื่อได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการแล้ว จึงตัดสินใจหางบประมาณจัดการเลือกตั้งด้วยการตัดงบประมาณอุดหนุนส่วนราชการต่างๆ และเลือกที่จะตัดงบอุดหนุนโรงพยาบาล โรงเรียน จึงทำให้เกิดกระแสดราม่าขึ้น เมื่อ ‘น้ำ-วาริน ชิณวงค์’ นายกฯอบจ.นครศรีฯ เป็นคนลงนามในหนังสือแจ้งการตัดงบประมาณอุดหนุนให้หน่วยงานต่าง ๆ ทราบด้วยตัวเอง ทำให้ตกเป็นเหยื่อ เป็นขี้ปากของฝ่ายตรงข้ามทันที

เราจะลองย้อนหลังไปดูเส้นทางการตัดงบอุดหนุนของ อบจ.นครศรีฯ กันว่า เกิดในช่วงไหนอย่างไร เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

การดำเนินการพิจารณาตัดงบอุดหนุนนี้ได้ดำเนินเสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2567 โดยปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในขณะนั้น ในระหว่างรอนายกฯคนใหม่

ความจำเป็นในการตัดงบอุดหนุน เนื่องจากข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2568 ได้ตั้งงบประมาณเป็นค่าจัดการเลือกตั้งนายก อบจ. และส.อบจ. ไว้ 86 ล้านบาท 

ภายหลังจัดการเลือกตั้งนายก อบจ. มีงบประมาณคงเหลือประมาณ 10 กว่าล้านบาท ได้จัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งส.อบจ แล้ว ต้องตั้งงบประมาณเพิ่มเติม 47 ล้านบาทเศษ

ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนของ อปท. พ.ศ.2559 ข้อ 4(3) อปท.ต้องให้ความสำคัญกับโครงการอันเป็นภารกิจหลักตามแผนพัฒนาท้องถิ่นที่จะต้องดำเนินการเอง และสถานะทางการคลังก่อนที่จะพิจารณาให้เงินอุดหนุน

แต่ประเด็นคือ อบจ.นครศรีฯ ภายใต้การบริหารชั่วคราวของ ‘ดุษฎี จันทร์พุ่ม’ เลือกที่จะตัดงบอุดหนุนโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ และโรงพยาบาลยุพราช ฉวาง (คุณภาพชีวิต)รวมถึงงบอุดหนุนโรงเรียน (การศึกษา) เมื่อเลือกตัดงบโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จึงหลีกหนีไม่พ้นการตกเป็นขี้ปากของฝ่ายตรงข้าม เพราะอย่าลืมว่า ฝ่ายตรงข้ามเขาอยู่ร่อนพิบูลย์ ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ สส.ในเขตนั้นจึงฟูมฟายผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ทันที

จริง ๆ อบจ.ยังมีทางเลือกในการตัดงบก้อนอื่น เช่น งบกลาง งบสร้างถนน งบสร้างสะพาน ที่ตอนหาเสียงก็กล่าวหาเขาว่า สร้าง ๆๆๆ สร้างถนนเยอะ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ประเด็นพิจารณา คือ การตัดงบอุดหนุนโดยฝ่ายบริหารนั้น ชอบหรือไม่ อย่าลืมว่า ข้อบัญญัติงบประมาณ ได้รับอนุมัติจากสภา อบจ.การจะเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในข้อบัญญัติ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา.อบจ.ก่อนหรือไม่ ฝ่ายบริหารเปลี่ยนแปลงเอง โดยสภาไม่รับรู้ด้วย ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

การเปลี่ยนแปลงข้อบัญญัติงบประมาณโดยสภาไม่รับรู้ น่าจะเป็นปัญหาต่อไปของ อบจ.นครศรีฯ

‘ไพเจน’ ยืนยัน!! ไม่ทิ้งชาวสงขลา ควงภรรยากินโจ๊ก ในวันที่ไม่มีหัวโขน ย้ำ!! จะมืดจะค่ำ ก็ยังดูแล เพราะเป็นงานที่ชอบ ขออาสา มาดูแลประชาชน

(29 ธ.ค. 67) ‘ไพเจน มากสุวรรณ์’ ในวันที่ไม่มีหัวโขน ควงภรรยากินโจ๊กร้านดังเกาะยอ หน้าโรงเรียนวัดแหลมพ้อ

เช้าวันหนึ่งผมชวน ศักดิ์สิทธิ์ สุวรรณโชติ เพื่อนรักสมัยเรียนโรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา ไปหาอาหารมื้อเช้าทานกัน หลังจากเสร็จภารกิจอันเหนื่อยล้าเมื่อวานนี้

“หาโจ๊กกินกันดีกว่า” โก้ (ศักดิ์สิทธิ์) เอ่ย ก็ไม่รอช้ารีบเดินทางไปตามนัด “ลุงเสรีป้าจิ” ร้านโจ๊กชื่อดังบนเกาะยอ สงขลา อยู่หน้าโรงเรียนวัดแหลมพ้อ

ไม่ผิดคาดคนเกือบเต็มร้าน กาแฟ 1 แก้ว โจ๊ก 1 ชาม สั่งมา

โจ๊กยังไม่หมดชาม รถตู้สีดำวิ่งเข้ามาจอด ชายสูงวัย แต่ยังแข็งแรง ทะมัดทะแมง กระโดดลงมาจากรถ ผู้หญิงอีกคนลบรถตามมา เดินเข้ามาในร้านลุงเสรีป้าจิ ทักทายผู้คนในร้านเหมือนรู้จักมักคุ้น

ไพเจน มากสุวรรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พร้อมภรรยาคุณกัลยานั้นเอง ซึ่งเพิ่งพ้นตำแหน่งหมดวาระไป และโจ๊กใส่ไข่ คืออาหารมื้อแรกในวันที่ไม่มีตำแหน่งนายกฯอบจ.สงขลา ไม่มีหัวโขนใดๆ

“แม้จะไม่มีตำแหน่งอะไรแล้ว แต่ยังสำนึกในบุญคุณของชาวสงขลาที่เลือกให้มาเป็นนายกฯอบจ.ก็จะยังคงทำหน้าที่ช่วยเหลือชาวสงขลาต่อไป โดยเฉพาะงานด้านการเกษตร ที่ริเริ่มไว้หลายเรื่องก็จะสานต่อภารกิจช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรต่อไป”

ไพเจนอธิบายถึงภารกิจในวันที่พ้นตำแหน่งนายกฯอบจ.สงขลา และในระหว่างนี้ก็จะช่วยผู้สมัคร ส.อบจ.ที่เคยอยู่ในทีมเดียวกันหาเสียงต่อไป และจะยังคงพักอาศัยอยู่ในจังหวัดสงขลา

“ผมจบวิศวะ มีใบอนุญาตประกอบอาชีพวิศวกร ยังสามารถทำงานได้ เป็นที่ปรึกษาบริษัทต่างๆด้านวิศวกรรมได้ มีติดต่อมาจะให้เป็นที่ปรึกษาก็หลายบริษัท” ไพเจนอธิบายถึงภาพในอนาคต แต่เลี่ยงที่จะกล่าวถึงอนาคตทางการเมือง

“ผมเป็นคนไม่เครียด แม้จะทุ่มเททำงานหนัก เช้าจรดเย็น มืดค่ำก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นงานที่เราชอบและขันอาสามาแล้ว ประชาชนไว้วางใจแล้ว

ค่ำของวันเดียวกัน ”ไพเจน“ยังไปที่ร้านมะม่วงเบา ย่านสิงหนคร ซึ่งเพื่อนร่วมรุ่น มว.74 (มหาวชิราวุธ รุ่น 74) นัดเลี้ยงส่งหลังพ้นจากตำแหน่งนายกฯอบจ.สงขลา ด้วยมิตรไมตรี และมิตรภาพที่มีต่อกันมายาวนานด้วยบรรยากาศที่แสนจะอบอุ่น

”เมื่อเลือกว่าที่นี้ดีที่สุด คือมหาวชิราวุธวิรุจค่า ก้าวมาแล้วจงทำตนพ้นราคา
ประหนึ่งเกลือคงวารักษาเค็ม”

นี้คือสิ่งที่ชาวมหาวชิราวุธ ครองตนและยึดมั่นเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต

”รกฺขาม อตฺโน สาธุํ“ 

รักษาความดี ประดุจเกลือรักษาความเค็ม

‘ถาวร‘ นัดถกทีม ส.อบจ.สาย ‘ไพเจน’ ก่อนตัดสินใจลงชิงเก้าอี้ นายกฯ อบจ.สงขลา

(9 ธ.ค. 67) ถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม เดินทางกลับบ้านที่หาดใหญ่ พร้อมนัดสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (ส่วน.อบจ.) ในสายของ ’ไพเจน มากสุวรรณ์’ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดคนปัจจุบันมาร่วมประชุม และรับประทานอหาร

ซึ่งนอกจาก ส.อบจ.ในสายของไพเจนเข้าร่วมประชุม นำทีมโดยอริย์ธัช ทองเพชร ประธานสภา อบจ.สงขลา แกนนำทีม ”รวมพลังร่วมสร้างสุข” ซึ่งมีว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.อยู่ในมือแล้ว 27 คน จากทั้งหมด 32 คน

“พี่ยังยืนยันในหลักการเดิมในการตัดสินว่าจะลงสมัครหรือไม่ลงสมัคร คือขอประเมินคดีก่อน คดีที่ถูกกล่าวหาว่าขัดขวางการเลือก สมัยการชุมนุมของ กปปส.คดีอยู่ระหว่างเตรียมการฎีกา” ถาวร กล่าว

ถาวร เปิดเผยว่า การประเมินผลทางคดี ต้องรอประชุมร่วมกับทีมทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ที่ใช้ทนายความถึง 10 คน

“ไม่เกินกลางเดือนผมจะตัดสินใจ และจะแถลงให้ได้รับทราบถึงการตัดสินใจ ซึ่งเราจะสู้ในประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก ประเด็นว่า เมื่อการเลือกตั้งเป็นโมฆะไปแล้ว ยังจะมีความอีกเหรอ และ กกต.เองก็จัดการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการเลือกตั้งทั่วไป กฎหมายกำหนดให้เลือกตั้งพร้อมกันทั่วประเทศ แต่ครั้งนั้น กกต.ไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้พร้อมกันทั่วประเทศ ยังขาดอีก 38 เขตเลือกตั้ง”

ถาวร กล่าวขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งสัญญาณกันมา สนับสนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกฯอบจ.สงขลา แต่สำหรับตนแล้ว ไม่อยากให้ อบจ.สงขลาต้องสูญเสียงบประมาณจัดการเลือกตั้งใหม่ถึงเกือบ 100 ล้าน ถ้าคดีออกมาเป็นลบ

“เงินเกือบ 100 ล้าน เป็นเงินมาจากภาษีประชาชน สร้างอะไร ทำอะไรได้อีกมาก ไม่ควรเอามาใช้จ่ายเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่” ถาวร กล่าว

กล่าวสำหรับทีมรวมพลังร่วมสร้างสุข แม้จะยังไม่มีหัว แต่หาง (ส.อบจ.)พร้อมแล้ว และนายกฯไพเจน ก็จะยังให้การสนับสนุนทีมรวมพลังร่วมสร้างสุขต่อไป และถาวร เสนเนียม จะลงหรือไม่ลงสมัคร ก็น่าจะสนับสนุนทีมรวมพลังร่วมสร้างสุขแน่นอน

ส่วนประสงค์ บริรักษ์ ที่เปิดตัวลงชิงนายกฯอบจ.สงขลาด้วย น่าจะเป็นการลงแบบอิสระ ไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย และไม่ส่ง ส.อบจ.ด้วย แต่มีทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.กลุ่มหนึ่งใช้ชื่อ “ภูมิใจสงขลา” ครบ 32 คน อันทำให้เข้าใจว่า ภูมิใจไทยสนับสนุน 

ส่วนสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ที่เปิดตัวลงชิงตั้งแต่ไก่โห่  ประกาศความพร้อมอาสาเข้ามาเปลี่ยนสงขลา และเริ่มปล่อยรถตระเวนออกหาเสียงในทุกอำเภอแล้ว แม้จะประกาศลงสมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรคไหน แต่การปรากฏตัวของนายกฯชาย เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในศูนย์ประกาศสานงาน ทำให้คราบของประชาธิปัตย์ และคราบของนายกฯชาย ติดตัวสุพิศไปด้วยอย่างสลัดออกยาก

เป็นภาพติดตัวสุพิศในสถานการณ์ที่ประชาธิปัตย์อ่อนแอยิ่ง นายกฯชายก็ใช้ว่าจะได้รับการยอมรับมากนักกับการนำพาพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่ทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลัง

สุพิศต้องสลัดประชาธิปัตย์ ออกจากตัวให้ได้ และต้องอยู่ห่างนายกฯชายเข้าไว้ ทุกอย่างจะดีเอง

‘ถาวร’ ยังไม่ชัด ‘ไพเจน-แบน-สุพิศ’ ชัดเจนแล้ว ศึกเลือกตั้ง ครั้งใหญ่!! ชิงนายกฯ อบจ.สงขลา

(7 ธ.ค. 67) แม้ ‘ถาวร เสนเนียม’ อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม จะยังไม่ชัดว่าจะลงสมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาหรือไม่ แต่สำหรับ ‘นายกฯแบน’ ประสงค์ บริรักษ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเขารูปช้าง ได้ตัดสินใจแล้ว ลงสมัครนายกฯอบจ.สงขลาแน่นอน แต่ไม่ส่ง ส.อบจ.นะ

“ลงสมัครแน่นอน ถ้าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับคดีที่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ รอประชุมกับทีมทนายความประเมินคดี แนวทางการสู้คดี ถ้าทนายความประเมินผลออกมาทางบวก ก็จะลงสมัคร ถ้าผลออกมายังไม่แน่ใจ หรือออกมาเป็นลบ ก็จะไม่ลงสมัคร” ถาวร กล่าว

ถาวร กล่าวต่อว่า คดีในชั้นอุทธรณ์น่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปี ถ้าตนลงสมัครแล้วได้รับเลือก แต่ประมาณ 1 ปี ถ้าศาลตัดสินจำคุก ก็จะขาดคุณสมบัตินายกฯ อบจ.ต้องจัดเลือกตั้งใหม่

“ผมไม่อยากให้ อบจ.สงขลาต้องสูญเสียงบประมาณร่วม 100 ล้านบาทมาจัดการเลือกตั้งนายกฯอบจ.ใหม่ อันเป็นงบประมาณจากภาษีประชาชน 100 ล้านทำอะไรได้อีกมาก สร้างถนนในระดับหมู่บ้านได้หลายสาย” ถาวร กล่าว

ถาวร กล่าวย้ำว่า กลางเดือนธันวาคมจะทราบผลการประเมินคดีจากทีมทนายความ ทราบผลก็จะได้ตัดสินใจ และแถลงข่าวให้ประชาชนทราบ

หลังสื่อบางสำนักรายงานว่า ถาวรจะจับมือกับโกเกี๊ยะ (ภูมิใจไทย) ส่งถาวรลงชิงนายกฯ อบจ.สงขลา มีกระแสตอบรับดีมาก ร้านน้ำชา-กาแฟ มีการพูดถึงในเชิงบวก บางคนพูดย้ำว่าพร้อมสนับสนุนช่วยเหลือในการหาเสียง รอเพียงถาวรตัดสินใจเท่านั้น

สำหรับ ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ อดีตอธิบดีกรมฝนหลวง หลังเปิดตัวลงชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.สงขลา ครึกโครม แต่หลังจากนั้นเงียบไปในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ของสงขลา เข้าใจว่าเดินทางไปต่างประเทศที่เตรียมการไว้ก่อนน้ำท่วมแล้ว ประกอบกับไม่อยากแจกของในช่วงใกล้วันสมัคร จะวุ่นวายกับการถูกร้องเรียน แน่นอนว่าถ้าถาวรลงก็จะไปชิงคะแนนของสุพิศ เพราะถาวรอยู่คนละขั้วกับ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ และ ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทั้งสองให้การสนับสนุนสุพิศ และคะแนนของไพเจน มากสุวรรณ์ นายกฯอบจ.คนปัจจุบันที่ไม่ลงสมัครต่อ ก็จะไหลไปทางอื่น ไม่ใช่ไหลไปสุพิศ ถ้าถาวรลง คะแนนไพเจนจะไหลไปถาวร ถ้าถาวรไม่ลงสมัครคะแนนอาจจะไหลไปพรรคประชาชน (นิรันดร์ จินดานาค)

แม้ไพเจนจะได้ประกาศชัดผ่านแถลงการณ์ ยืนยันไม่ลงสมัครต่อ แต่แฟนคลับ ขาเชียร์ก็ยังหนาแน่น วันที่ 19 ธันวาคม จะหมดวาระ ก็จะอำลาตำแหน่ง ทราบว่า จะมี ส.อบจ.ปัจจุบัน และว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.ที่ไม่ใช่สายสุพิศ นำมวลชนมาให้กำลังใจไพเจน 2-3000 คน พร้อมกับโน้มน้าวให้กลับใจลงสมัครอีกสมัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top