Monday, 29 April 2024
แพทองธาร

‘อุ๊งอิ๊ง’ จัดเวิร์กช็อปสร้างนวัตกรรมทางการเมือง ชี้ต้องเข้าใจปัญหาให้ถึงแก่น สร้างนโยบายที่ตอบโจทย์

‘อุ๊งอิ๊ง’ จัดเวิร์กช็อปคิด-เปลี่ยน-โลก สร้าง นวัตกรรมทางการเมือง ชี้ต้องเข้าใจปัญหาให้ถึงแก่น สร้างนโยบายตอบโจทย์ประเทศ แก้ปัญหาปชช.

เมื่อวันที่ 2 มี.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดกิจกรรมเวิร์กช็อปในหัวข้อ ‘คิด-เปลี่ยน-โลก สร้างโลกที่ดีกว่าและแก้ปัญหาด้วยความคิดเชิงนวัตกรรม’ บรรยายโดยนายชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท Fire One One และที่ปรึกษาด้าน Business Transformation เพื่อแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking) สำหรับนำไปปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยมีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรค เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก 

‘อุ๊งอิ๊ง’ โชว์ 5 นโยบาย หากมีอำนาจ พร้อมทำทันที มั่นใจ!! จะไม่มีใครอยากย้ายประเทศ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ขอใช้โอกาสในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย 2565 ส่งการบ้าน หลังจากที่ได้เริ่มเข้ามาทำงานการเมืองอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันได้ทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ในพรรคและคนรุ่นใหม่ เพื่อหาแนวทางพัฒนา แก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชนให้หลุดพ้นจากความยากจน ยืนยันว่า จะไม่ทิ้งคนรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ พรรคเพื่อไทยจะใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาประเทศ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าชีวิตจะดีขึ้น ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ที่เข้ามา โดยเฉพาะการกอบโกยหาผลประโยชน์ที่กำลังดำเนินการกันอยู่อย่างมากมายเพื่อพวกพ้องของตัวเอง โดยไม่คำนึงความต้องการและชีวิตของประชาชน

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ยากจนลง จากที่เคยลืมตาอ้าปากได้ เพราะนโยบายที่กินได้ของไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย คนไทยส่วนใหญ่ ยังต้องการพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง อนาคตของลูกหลานที่ไม่มีหนี้ และมีเงินเหลือเฟือ จากนโยบายและการบริหารของผู้มีประสบการณ์จากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรลุไปสู่เป้าหมายนั้น จึงขอส่งการบ้าน 5 ข้อ ได้แก่

1.) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจสู่ระดับประชาชน พรรคไทยรักไทยเคยทำมาแล้ว โดยการจัดงบประมาณภาคประชาชน ลงไปในระดับหมู่บ้านให้ประชาชนตัดสินใจร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาส่วนรวมของหมู่บ้าน รวมทั้งกระจายอำนาจทางการศึกษา การสาธารณสุข การเกษตร และการปกครองท้องถิ่น ให้ตัดสินใจในระดับจังหวัด ไม่ต้องขึ้นกับส่วนกลาง โดยจะทำให้กระทรวงต่างๆ เล็กลง ไม่อุ้ยอ้ายเหมือนในปัจจุบัน รวมทั้งจัดให้มีการรายงานปัญหาของประชาชน และรับฟังข้อเสนอแนะ ผ่านแอปพลิเคชัน แบบ real time เพื่อจะได้วิเคราะห์และแก้ปัญหาให้ถูกทาง และใช้งบประมาณให้คุ้มค่าที่สุด

2.) ดึงศักยภาพคนไทยด้วยการใช้ soft power 1 คน ต่อ 1 ครอบครัว พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ซึ่งถูกกดให้ไม่มีโอกาสและพัฒนาศักยภาพมานาน จึงไม่มีโอกาสทำรายได้ให้สูงขึ้น จัดให้มีระบบค้นหาศักยภาพของคนไทยให้ได้อย่างน้อย 1 คน ต่อ1 ครอบครัว ประมาณ 16 ล้านครอบครัว เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพ มีส่วนร่วมและหาโอกาสทั้งระดับท้องถิ่น หัวเมืองใหญ่ในกรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ตามศักยภาพหลังการฝึกฝนและพัฒนา เมื่อได้รับการฝึกฝนมีงานทำที่มีระดับค่าแรงงานที่สูงขึ้น คนเหล่านี้จะเป็นหลักในการหาเงินเลี้ยงครอบครัวให้หายจน มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะเทรนด์โลกสมัยใหม่ คือการต่อสู้กันด้วยอำนาจของวัฒนธรรม soft power คือพลังหรืออำนาจ ที่ทำให้คนทั่วโลกโอบรับวัฒนธรรมอื่นๆ หากเกิดพลังนี้ขึ้นกับวัฒนธรรมใด จะนำมาซึ่งมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

3.) ใช้เทคโนโลยี Ai เพื่อการเกษตร เพื่อเกิดการวิเคราะห์แม่นยำ และผลผลิตสูง โดยการศึกษาดิน น้ำ ลมฟ้าอากาศ ด้วยเทคโนโลยี Ai ปลูกพืชตามฤดูกาลที่เหมาะสม ลดการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและวิทยาศาสตร์การเกษตร ตลอดจนการถนอมผลิตภัณฑ์ และการกระจายการจัดจำหน่ายที่รวดเร็ว จะเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรไทยได้ พรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมให้ การเกษตรแบบวิถีชีวิต เกิดขึ้นอีกต่อไป

4.) ปรับเปลี่ยนภาครัฐและภาคเอกชนด้วยระบบ Digital Transformation ครั้งใหญ่ ด้วยการสร้างรัฐบาลดิจิทัล (Platform digital Government) ที่ใช้ได้จริง เพื่อแก้ปัญหาระบบราชการใหญ่โตและคอร์รัปชันมากมาย และขาดประสิทธิภาพ ระบบราชการไทยต้องเป็นใช้กระดาษลดลง (paperless) ให้บริการประชาชนผ่านระบบแอปพลิเคชัน เช่น การขอใช้บริการสาธารณสุขในโครงการ 30 บาท ประชาชนสามารถขอเวลานัดหมายทางออนไลน์ได้โดยไม่ต้องรอคิว จะใช้เทคโนโลยีการออกแบบและการทำโมลผลิตจากระบบเครื่องพิมพ์สามมิติ และการตลาดแบบ E-Commerce มาฟื้นคืนชีวิตให้กับสินค้า OTOP กลับมามีคุณภาพที่เป็นสากลมากกว่าเดิม ขายดีกว่าเดิมยิ่งกว่าสมัยไทยรักไทย

5.) เตรียมคนไทยเข้าสู่ยุค Metaverse โลกเสมือนจริงจะนำโลกที่เป็นจริง ซึ่งจะประกอบด้วย NFT (Non-Fungible Token) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่แสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ รวมถึง Games และ E-Sports เพื่อพัฒนาทักษะให้กับเด็กและเยาวชน ตลอดจนเทคโนโลยี AR (Augmented reality) หรือเทคโนโลยีผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน รวมถึง VR (Virtual reality) หรือ การจำลองสภาพแวดล้อมจริงให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัส

‘แพทองธาร’ ร่วมเทศกาลดิวาลี ชี้ช่วยกระชับความสัมพันธ์ไทย-อินเดียแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย  นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นางสาวขัตติยา สวัสดิผล โฆษกกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก.เขตมีนบุรี ประธานสภา กทม. นายวิพุธ สิวะอุไร ส.ก.เขตบางรัก พรรคเพื่อไทย นายนิกร สัจเดว อดีตผู้สมัคร ส.ก. พรรคเพื่อไทย รวมทั้งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ก.ร่วมงานเทศกาลดิวาลี   เทศกาลแห่งแสงสว่างของชาวอินเดีย   บริเวณถนนพาหุรัด คลองโอ่งอ่าง สะพานเหล็กกรุงเทพมหานคร   

โดยมี Mr.Susheel Kumar Saraff ประธานVHP เจ้าของกลุ่ม Saraff ผู้ประกอบการธุรกิจอัญมณี เครื่องประดับ และโรงไฟฟ้า  Mr. Ravi Sehgal ประธานหอการค้าไทยอินเดีย ITCC   นายนิกร สัจเทพ  กรรมการสมาคมอินเดียแห่งประเทศไทย  นายปินเดอร์ ปาลซิงห์ มาดาน (Mr.Pinder Madan) นายกสมาคมศรีคุรุสิงห์สภา สถาบันศาสนาซิกข์แห่งประเทศไทย  นายชวน ฐกูร นายกสมาคมอินเดียแห่งประเทศไทย  ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์   นายสุขเทพ จันศรีชวาลา ประธานกรรมการมิตรแท้ประกันภัย  และพี่น้องประชาชนชาวอินเดียให้การต้อนรับเป็นอย่างดียิ่ง  

‘แพทองธาร’ จับเข่าคุยผู้ประกอบการท่องเที่ยว แบ่งปันวิสัยทัศน์ท่องเที่ยวปี 2570 ปั้นประเทศไทยจะเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลก

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงการเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่พรรคเพื่อไทย โดยร่วมแสดงความเห็นแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปี 2570 โดยตั้งเป้าหมายประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีข้อความดังนี้  

“ใครๆ ก็บอกว่าการท่องเที่ยวเป็น engine สำคัญที่สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย แต่พอถึงวิกฤตโรคระบาคโควิด-19 การท่องเที่ยวไทยก็ล้มลงทันที จนทุกวันนี้แม้โควิด-19 จะซาลง รัฐบาลลดมาตรการควบคุมโรคระบาด นักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาเที่ยวกันแล้ว แต่ปัญหาหลายอย่างก็ยังคงอยู่ อนาคตการท่องเที่ยวไทยจะไปทางไหนก็ยังไม่มีทิศทางชัดเจน

คือเสียงสะท้อนจากวงแลกเปลี่ยนความคิดจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ทำให้กลับมาคิดตกตะกอนอะไรได้หลายอย่างมากเลยค่ะ  

พูดกันตามจริง ในฐานะผู้ประกอบการเหมือนกัน การท่องเที่ยวบ้านเรายังไม่ฟื้นค่ะ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะตั้งแต่ก่อน โควิด-19 การท่องเที่ยวของบ้านเราไม่มีรากฐานที่แข็งแรงมากพอ เมื่อเจอ worst case scenario จึงล้มลงและยากที่จะฟื้นฟูให้เป็นเหมือนเดิม 



จะดีกว่าหรือเปล่านะ ถ้ารัฐบาลในสมัยหน้ามองการณ์ไกลหรือรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที จนไม่ทำให้ engine ที่สำคัญของ GDP ไทยต้องตกหลุมตกบ่อ ชะงักงันขนาดนี้ และจากการพูดคุยในวงนี้ทำให้รู้เลยค่ะ การพาให้การท่องเที่ยวไทยเติบโตมากกว่าก่อนโควิด-19  มี 4 เรื่องที่ต้องทำดังนี้ค่ะ

1) อ่านเทรนด์โลกให้ขาด แต่เดิม ภาพรวมตลาดการท่องเที่ยวไทยพึ่งตลาดจีนกว่า 60% แต่พอมีนโยบาย Zero-Covid ก็ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถมาเที่ยวเมืองไทยได้ การท่องเที่ยวไทยก็ล้มลงทันที การท่องเที่ยวบ้านเราจะทำแบบนั้นไม่ได้แล้วค่ะ เราควรมองเทรนด์ผู้บริโภคให้ขาด ทุกวันนี้คนเราหันมาสนใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 ตัวเลขจาก Global Wellness Institute ประเมินว่า ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลกมีแนวโน้มเติบโตจาก 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020 เป็น 11 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 ขณะที่ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 15 ของตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลกในปี 2020 และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เห็นตัวเลขอย่างนี้แล้วก็น่าสนใจนะคะ เพราะตลาดนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์และอิสระทางเวลา ถ้าประเทศไทยสามารถปักหมุดเรื่องนี้ เท่ากับเราสามารถกำลังดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงเข้ามา 

2)สร้างแรงงานให้พร้อม ไทยเรามีแรงงานด้านการท่องเที่ยวประมาณ 1.4 ล้านคน แต่ช่วงโควิด-19 ทำให้ต้องลดพนักงานลง พอประเทศเปิด ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มเข้าที่เข้าทาง แรงงานไทยเราก็กลับเข้าสู่ระบบไม่ทัน ตั้งแต่กลุ่มอาชีพสายบริการ การโรงแรม จนไปถึงธุรกิจการบิน ถ้าไทยจะปักหมุดเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้อยู่ในใจคนทั่วโลก การส่งเสริมและสนับสนุนภาคการศึกษาเพื่อเตรียมแรงงานให้พร้อมสำหรับธุรกิจนี้ หรือจะเป็นการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศเพิ่มขึ้นในบางสาขางานของอุตสาหกรรมนี้ที่หาแรงงานได้ยากจริงๆค่ะ ก็น่าจะนับเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวที่น่าสนใจค่ะ 

3)กิโยตินกฎหมาย กฎหมายไทยเราซับซ้อนมากเกินไป แต่ละหน่วยงานมีระเบียบของตัวเอง บางระเบียบก็ขัดแย้งกัน เช่น เรามี พ.ร.บ.โรงแรมที่ดูแลเรื่องมาตรฐาน แต่ พ.ร.บ. นี้กลับอยู่ในอำนาจมหาดไทย ขณะที่เรื่องโฮมสเตย์ กลับอยู่ในอำนาจของกรมการท่องเที่ยว ส่วนเรื่องการทำแพ เป็นเรื่องของกรมเจ้าท่า การอนุญาตให้ตั้งที่พักในอุทยานแห่งชาติ ก็เป็นอำนาจของกรมอุทยานฯ ฉะนั้นแล้ว กฎหมายอะไรที่ล้าสมัย ไม่ตอบโจทย์ยุคสมัย ควรยกเลิก/แก้ไขได้แล้วค่ะ เพราะว่าไปแล้ว กฎหมายนอกจากทำหน้าที่ควบคุมระเบียบสังคมแล้ว ก็ควรเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการทำธุรกิจด้วยหรือเปล่าคะ?

4)สุดท้ายคือ สร้างการตลาดทำให้คนทั่วโลกเชื่อมั่นและมั่นใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย แต่เดิม Sea Sand Sun ของบ้านเราเป็นที่นิยมชมชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเพิ่มมูลค่าของการท่องเที่ยวให้มากกว่าแค่เรื่องธรรมชาติ แต่เป็น ‘ธรรมชาติ+สุขภาพ+วิทยาศาสตร์’ แล้วใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการเพิ่มความรับรู้ของนักท่องเที่ยวผ่านหลายช่องทางของการสื่อสาร จะสร้างมูลค่าได้เพิ่มอีกมากเลยค่ะ 

‘เพื่อไทย’ ปัดดีลดัน ‘บิ๊กป้อม’ นั่งนายกฯ ย้ำจับมือกับคนที่ไม่ขัดประชาธิปไตย - มีนโยบายตรงกัน ลั่นต้องเคารพเสียงของประชาชน

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นายอนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคพท.และส.ส.ภาคอีสานจังหวัดใกล้เคียง ร่วมลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนชาวสวนยางพารา โดยทันทีที่น.ส.แพทองธารและคณะมาถึง ได้มีประชาชนมารอต้อนรับ จากนั้นน.ส.แพทองธารได้ทดลองกรีดยางพารา ก่อนที่น.ส.แพทองธารและคณะจะรับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่

หลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ดันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ขึ้นนายกฯ ว่า ตนขอพูดในหลักการของพรรคก่อนว่า แน่นอนว่าเราต้องหาเสียงเพื่อการแลนด์สไลด์ เพื่อทำทุกนโยบายที่สัญญาไว้ให้สำเร็จ หากจะต้องจับมือจริงๆ เราจะจับมือกับคนที่ไม่ขัดกับประชาธิปไตย มีความคิดเห็นด้านนโยบายตรงกัน เพราะเราคิดนโยบายมาไม่ใช่แค่ให้ชนะเฉยๆ แต่เราต้องการทำให้สำเร็จ ถ้าคนที่จะมาจับมือไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบาย หรือไม่ได้เห็นด้วยกับประชาธิปไตย  ก็คงจะไม่ใช่แนวทาง

'อัษฎางค์' ถาม 'อุ๊งอิ๊ง-นักข่าว' ใช้ภาษาอังกฤษคุยกันเพื่อ? สื่อสารกับ 'ชาวต่างชาติ' หรือ สื่อสารกับ 'คนไทย'

(11 ก.พ.66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก กรณีบทสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร กับพิธีกรในรายการหนึ่ง ที่พูดไทยคำอังกฤษคำ จนไม่แน่ใจว่าอยากสื่อสารให้คนไทยหรือคนต่างชาติฟัง ว่า...

น้องอุ๋งอิ๋งและนักข่าวใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนาด้วยจุดประสงค์ใด?

1. เพื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติ หรือ
2. เพื่อสื่อสารกับคนไทย

แต่การพูดอังกฤษหลายคำแล้วแทรกไทยหนึ่งคำ ทำให้ชาวต่างชาติฟังไม่เข้าใจแน่นอน ในขณะที่คนไทยที่รู้ภาษาอังกฤษเข้าใจทั้งหมด

ในเมื่อเป็นคนไทยคุยกันเอง ให้คนไทยฟังแล้ว...จะสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ เพื่อ...?

ผมอยู่เมืองนอกมานานพอสมควร แต่เวลาได้ยินคนพูดไทยคำอังกฤษสองคำ สมองผมจะงง สมองมันสวิตช์ไปมาไม่ทัน ผมคงไม่เก่งเรื่องภาษาเหมือนคนที่เขาพูดสลับไปมาได้

น้องอิงลูกชายของผม โตที่ออสเตรเลีย เรียนหนังสือที่นี่ตั้งแต่อนุบาลถึงมหาวิทยาลัย เวลากลับเมืองไทยทุกครั้งตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ มักมีญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน อยากให้น้องอิงพูดอังกฤษให้ฟัง 

แต่น้องอิงไม่พูดอังกฤษกับคนไทยเลย แม้แต่เจอคนไทยในออสเตรเลียก็ไม่พูดอังกฤษกับคนไทย ยกเว้นจะพูดอังกฤษกับเพื่อนเด็กไทยที่โตในออสเตรเลียมาเหมือนกัน เพราะเขาเคยชินกับการคุยภาษาอังกฤษกันในโรงเรียน

คำไทยคำไหนที่น้องอิงไม่รู้จัก พูดไม่ได้ มักจะคอยกระซิบถามว่า คำภาษาอังกฤษคำนั้นคำนี้ ภาษาไทยพูดว่ายัง เสมอ

จนถูกแซวว่า ตกลงพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย

‘ส.ว.’ แนะ 'อุ๊งอิ๊ง' เร่งเสริมกระดูกการเมือง แล้วค่อยกลับมาอีกทีในสถานการณ์โลกแบบนี้

(13 ก.พ. 66) นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ระบุ ส.ว.พร้อมแลนด์สไลด์ไม่โหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ไปรวบรวมเสียงให้เกิน 376 เองว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่เชื่อว่า ส.ว.ส่วนใหญ่จะเคารพเสียงของประชาชน และทำเพื่อบ้านเมือง ส.ว.จะดูว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ต้องเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ไม่มีเบื้องหลังทุจริต นำพาบ้านเมืองไปสู่ความสงบเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่าการความเห็นของนายวันชัย ในเรื่องดังกล่าวจะกระทบภาพลักษณ์ ส.ว.หรือไม่ เพราะขณะนี้ ส.ว.ถูกกระแสตีกลับว่าไม่เคารพเสียงประชาชน นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วง สมาชิกท่านอื่น ให้ไปถามที่เจ้าตัว ส่วนที่มองว่า ส.ว. ไม่เคารพเสียงประชาชนนั้น ยอมรับว่ากังวล ประชาชนและสื่อมวลชนจะเข้าใจผิดว่า ส.ว. คิดแบบเดียวกันทั้งหมด

นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า กรณีพรรคเพื่อไทยจะชู น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี หากมีเสียงเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นลำดับที่ 1 ส.ว.จะพร้อมโหวตให้หรือไม่นั้น ต้องขอดูก่อน เพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์และได้ ส.ส.เกินครึ่งก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ การรวบรวมเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรี 376 เสียงนั้นต้องขอดูก่อน ว่า หากใกล้ ๆ น.ส.แพทองธาร สามารถปรับลุคและมีผลงาน มีนโยบายที่ดีอาจจะพิจารณาอาจจะพิจารณาหน้างานอีกครั้ง

'เหลิม' ซัด!! ส.ว.ปัญญาทึบ ไม่โหวต 'อิ๊ง' เป็นนายกฯ ด่ากราด พปชร. แค่พวกอวดรู้ที่มาก่อตัวเป็นพรรค

(14 ก.พ. 66) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ขู่จะไม่โหวตให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า การเป็น ส.ว.เขาเรียกว่าสภาสูง โดยหลักต้องเป็นคนมีความรู้ความสามารถถึงจะได้รับแต่งตั้ง

"กรณีที่ส.ว.มีการพูดว่าหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยยังมีอายุน้อยและไม่มีความเหมาะสมเป็นนายกฯนั้น ฟังดูคำให้สัมภาษณ์บอกว่าหัวหน้าครอบครัวยังอายุน้อย แสดงถึงปัญญาทึบไม่ได้มองโลก โดยนายกฯ ประเทศนิวซีแลนด์ก็อายุ 30 ปี นิดๆ ขณะที่นายกฯ ฝรั่งเศสก็ 30 ปีหน่อยๆ ส่วนผู้นำครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งไม่ทราบว่าในอนาคตจะเป็นนายกฯหรือไม่นั้น ก็อายุ 37 ปี เรียนจบคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เรียน ป.โท จบเมืองนอก เหมาะสมไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง การที่ส.ว.มาพูดว่ายังละอ่อน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว 

'อุ๊งอิ๊ง' นำทัพเพื่อไทยปราศรัย จ.อำนาจเจริญ อ้อน ปชช. เลือกทั้งคนทั้งพรรค เปิดโอกาสแก้วิกฤติประเทศ

(18 ก.พ.66) ที่สวนมิ่งเมืองเฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองอำนาจเจริญ พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยต่อเนื่องเป็นวันที่สอง นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แกนนำพรรค ส.ส.ในพื้นที่อำนาจเจริญและยโสธร รวมถึงว่าที่ผู้สมัครทั้งสองพื้นที่ เดินทางมาร่วมเวทีอย่างพร้อมเพรียง โดยมีประชาชนชาวอำนาจเจริญ มารอฟังการปราศรัยจนเต็มพื้นที่ลานด้านหน้าสวนเฉลิมพระเกียรติฯ 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรายกทัพใหญ่มาพบประชาชนเพื่อต้องการเน้นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อำนาจเป็นของประชาชน เราต้องการเอาอำนาจของประชาชนคืน วันนี้พี่น้องคิดถึงอดีตนายกฯ ที่อยู่แดนไกลหรือไม่ เสียใจที่วันนี้ท่านไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่ท่านจะแปลงกายใส่วิกอุ้มท้องในร่างของ น.ส.แพทองธารมาพบพี่น้อง ขอให้เลือกเพื่อไทยยกจังหวัดทั้งอำนาจเจริญ และยโสธร 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนเจอกับความยากลำบาก ถ้าเลือกเขาต่อไปได้นโยบายกัญชาเสรี แต่กฎหมายที่ให้ปลูกกัญชา 6 ต้น มันเอาไปกินไปขายไม่ได้ แต่ทำให้ลูกหลานติดกัญชา

น.ส.แพทองธาร ปราศรัยว่า อาทิตย์หน้าจะท้องครบ 7 เดือน กลัวคุณหมอไม่ให้เดินทาง เลยมาพบพี่น้องอีสานก่อนใครเพื่อน ทั้งนี้ พรรคพท.คิดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้ชาวอีสานหายจน แต่เกิดรัฐประหาร และมีปัญหาโควิดการจัดการของรัฐบาลไม่ดี ทำให้ประชาชนเป็นหนี้มาถึงทุกวันนี้ และยืนยันนโยบายค่าแรง 600 บาท ถ้าพรรคพท.เป็นรัฐบาลครบ 4 ปี ค่าแรงได้ 600 บาทแน่นอน และสินค้าการเกษตรต้องราคาขึ้นยกแผงด้วยการเปิดตลาดให้ขายได้ทั่วโลก วันนี้ปัญหาความยากจนแก้ไม่จบเสียทีเลยมาขอคะแนนให้เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อเข้าไปโหวตนโยบายที่เราตั้งใจมาแก้ไขให้พี่น้อง 

จากนั้น น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์กรณีที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ระบุว่าดวงของน.ส.แพทองธารจะดีขึ้นในปี 2567 หลังจากที่ส.ว.หมดวาระแล้วว่า ขอบคุณค่ะ ไม่รู้จะตอบอะไรเลย ข้ามไปๆ อันนั้นเหมือนไม่ใช่ดวง เหมือนเป็นข้อเท็จจริง

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวเสริมว่า ส.ว.ที่ยกมือสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เหมือนทำให้คนทั้งประเทศดวงตกมาตลอด 4 ปีแล้ว หากเรื่องนี้จะถือว่าเป็นโชคชะตา การเลือกตั้งประชาชนจะเป็นคนกำหนดชะตาตัวเอง โดยการลงคะแนนและพรรค พท.ก็อาสาเข้ามาทำงานชนะให้เด็ดขาดแลนด์สไลด์เอาชนะส.ว.ที่ต้องการจะสร้างเกมปลุกปั่นสกัดกั้นพรรค พท.และประชาชน 

‘อุ๊งอิ๊ง’ เผย เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่เป็นลูกพ่อ ดีใจ!! โพลโตขึ้นตามท้อง สะท้อน ปชช. วางใจ 

‘อุ๊งอิ๊ง’ รับหวัง ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน เผย “เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่เป็นลูกพ่อ” ถ้ายุติธรรมจริงคงไม่เป็นเช่นนี้ ยันปมนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค ขอบคุณและดีใจเห็นโพลโตตามท้อง 

(26 มี.ค.66) ที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานส.ส.พรรค พท. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครปฐม เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเดินทางมาพูดคุยกับผู้ประกอบการค้าสุกรใน จ.นครปฐมที่ห้องประชุม สนามกีฬากลาง 1 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม

จากนั้น เวลา 17.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน พร้อมให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพ่อ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนประเทศญี่ปุ่นว่า พร้อมกลับประเทศไทยภายในปีนี้และรับโทษนั้น ว่า ตนได้คุยกับนายทักษิณแล้ว ซึ่งประโยคเช่นนี้เราก็ได้คุยในครอบครัวตลอด ถ้าเหตุการณ์ปกติที่คดีต่าง ๆ ดำเนินไปตามปกติ ไม่ใช่หลังรัฐประหาร ก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ แต่ที่ต้องเป็นแบบนี้ หากกระบวนการยุติธรรม ยุติธรรม มันก็ดี อย่างไรก็ตาม ตนเคารพการตัดสินใจของนายทักษิณอยู่แล้ว เพราะเขาออกไปนอกประเทศนานแล้ว เขาจะตัดสินใจอย่างไรเราก็เคารพการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว และเป็นกำลังใจให้

“อิ๊งค์พูดจากใจเลยว่า อิ๊งค์เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่อิ๊งค์เป็นลูกของคุณพ่อ และอิ๊งค์ก็ไม่อยากจะเปลี่ยนด้วย ฉะนั้น การนำพรรคเพื่อไทยต่อไปสำหรับการเลือกตั้ง และยื่นนโยบายสู่ประชาชน เป็นหน้าที่หลักซึ่งเราจะทำต่อไป ในสิ่งที่คุณพ่อพูด ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น และเป็นผลอย่างไร ก็อยากให้เป็นส่วนของท่าน เพราะท่านพูดอยู่แล้วว่าการที่จะกลับมาหรืออะไรก็ตามไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย และบอกว่าจะไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น คุณพ่อพูดมาก่อนหน้านี้ตั้งหลายเดือนแล้ว ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่า นายทักษิณระบุเวลากลับประเทศแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้บอก ถ้าบอกแล้วตนอาจจะตื่นเต้นจนหลุดไปแล้วก็ได้ ทั้งนี้ จากใจตนหวังตลอด ทำไมเราจะไม่อยากให้คุณพ่อกลับบ้าน ทำไมจะไม่อยากให้คุณตากลับมาเลี้ยงหลาน โดยเฉพาะตอนนี้ที่เหลือไม่ถึง 2 เดือนก็จะคลอดแล้ว ฉะนั้น มีความหวังแน่นอน 

ถามต่อว่า การที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในช่วงนี้ เกี่ยวข้องกับการหาเสียงแบบแลนด์สไลด์ เพื่อจะนำนายทักษิณกลับมาประเทศไทยได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราถามหัวหน้าและทุกคน คุณพ่อก็คือหนึ่งในแรงใจของเรา นั่นเป็นสิ่งที่เถียงไม่ได้ เป็นกำลังใจสำคัญ ท่านเป็นคนก่อตั้งพรรคตั้งแต่ไทยรักไทย ฉะนั้น ตอนนี้ไม่เกี่ยวกัน 

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า ตัวชี้วัดที่แท้จริงคือประชาชนก่อนการเลือกตั้ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า คนอีกกลุ่มหนึ่งพยายามใช้สถานการณ์นี้ กล่าวหาและโจมตีพรรค พท. เสมือนต้องการดิสเครดิตแลนด์สไลด์ วิธีการแบบนี้ปรากฏขึ้นเมื่อเขามีโอกาส พรรคพท.จึงมองว่า ท่านเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนที่รักไทยรักไทย พลังประชาชน ความเชื่อความศรัทธาเราห้ามไม่ได้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมนี้อยู่แล้ว แต่หากใช้ประโยชน์นอกเหนือข้อกฎหมายจนพรรคเสียหาย พรรค พท.ก็ต้องใช้สิทธิของเรา

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วิจารณ์ถึงพรรค พท.ว่าระวังจะแลนด์สไลด์ออกนอกเลน น.ส.แพทองธาร นิ่งครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “นายกฯ เป็นคนครีเอทีฟเนอะ ให้ท่านครีเอทีฟไป เราก็เดินหน้าหาเสียงต่อ” 

เมื่อถามถึง กรณีมีรายงานข่าวรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน แต่ไม่ปรากฏชื่อของ น.ส.แพทองธาร ที่ถูกจับตาว่าอาจเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. น.ส.แพทองธาร หันไปถามนพ.ชลน่านว่า “เห็นว่าจะสรุปรายชื่อกันเมื่อไหร่” 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในวันที่ 26-28 มีนาคม เราจะส่งรายชื่อผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและเขต ให้ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ความเห็นชอบหรือไพรมารีโหวต ซึ่งบัญชีรายชื่อที่ปรากฏไปแล้ว ก็ต้องมาฟังความเห็นว่าประชาชนในเขตเลือกตั้งทั้งประเทศเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ซึ่งกรรมการบริหารจะเป็นด่านสุดท้ายในการประกาศรายชื่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีควรเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่จำเป็น จะมีหรือไม่มีก็ได้ เราก็ทำหน้าที่ของเราต่อ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในจุดของตนจะเดินหน้าทำเพื่อประชาชนต่อไป ในฐานะอะไรก็ได้ เพราะประเทศไม่ไหวแล้ว และต้องการการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก

เมื่อถามว่า นายทักษิณให้การสนับสนุนและได้ฉันทามติจากประชาชนแล้ว หากจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่หนึ่ง พร้อมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “เขินเลย อิ๊งค์คิดว่าขอคนที่เหมาะสมและดีที่สุด เป็นอย่างนั้นดีกว่า”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top