Friday, 10 May 2024
เอกนัฏพร้อมพันธุ์

'เอกนัฏ' ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณผู้ใหญ่ในพรรคให้โอกาสร่วมสิบกว่าปี

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำกปปส.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ (ขิง)" ระบุว่า ขอบคุณและขอกราบลาพรรคประชาธิปัตย์… 

ขอกราบขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้โอกาสผมได้แจ้งเกิดทางการเมืองกับการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบเขตในกรุงเทพมหานคร กว่าสิบปีที่ผมได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ และได้มีโอกาสเรียนรู้ ฝึกฝน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการเมือง ได้รู้จักกับผู้ใหญ่และพี่ๆ นักการเมืองมากมายหลายท่าน ที่คอยให้การสนับสนุน แนะนำ จนผมได้มีโอกาสเป็นผู้บริหารพรรคการเมือง ได้ทำงานการเมืองที่ผมรัก อย่างสุดเต็มความสามารถ ทั้งหมดคงเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ดีที่ผมจะจดจำไว้ตลอดไป

'รทสช.' เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เพชรบูรณ์ ยัน พร้อมเลือกตั้ง ย้ำ พรรคไม่ใช้ความเกลียดชังในการขับเคลื่อนประเทศ

(16 ก.พ. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้การต้อนรับและสวมเสื้อพรรคให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพชรบูรณ์ ทั้ง 6 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 น.ส.ฐันญาภา โพธิสาร, เขต 2 นายณัฐพล ขวัญแจ่ม, เขต 3 ดร.ภัทรดร พุทธนุรัตนะ, เขต 4 นายสุทธิพงษ์ จุลกะ, เขต 5 นายทองสุข บำรุงนอก และ เขต 6 นายสมโภชน์ นวลสาลี โดยมี ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นายเอกนัฏ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคขอส่งบุคคลคุณภาพให้เป็นตัวเลือกของพี่น้องชาว จ.เพชรบูรณ์ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอให้ชาวเพชรบูรณ์ทุกคนให้การต้อนรับผู้สมัครของพรรค ถ้าใครได้เจอก็สามารถเข้ามาทักทาย ถ้ามีข้อเสนอแนะเรายินดีรับฟังปัญหาของทุกท่าน เพื่อจะนำข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาเป็นนโยบายของพรรค เพื่อกำหนดวิธีการแนวทางการทำงานภายใต้พรรครวมไทยสร้างชาติ

ทั้งนี้ พรรคเรามีความพร้อมในการเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 จนกระทั่งในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข้ามาเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เราก็มีความยินดีที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อที่จะมาสานต่อภารกิจ

ทั้งนี้ มีหลายนโยบายที่เราได้ทำไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การดูแลช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร รวมไปถึงเรื่องสวัสดิการต่าง ๆ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือที่เราเรียกกันว่า 'บัตรลุงตู่'

จากนี้ไป พรรคก็จะได้นำเสนอนโยบาย เป็นการต่อยอดจากผลงานเดิมของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอัปเกรดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การดูแลราคาพืชผลการเกษตร การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน รวมไปถึงการพัฒนาต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง จากนี้ไปเราก็จะเน้นให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกคน ได้มีส่วนร่วมกับการผลักดันการแก้ไขปัญหาด้วยการแก้ไขกฎระเบียบ กฎกติกาต่าง ๆ โครงการรื้อ-ลด-ปลด-สร้าง โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค

ไม่ขายฝัน!! ‘เลขาฯ รทสช.’ ขอปชช. หนุน ‘บิ๊กตู่’ สานต่อนโยบายเดิม ย้ำ!! ทุกนโยบายทำได้จริง ซัดบางพรรคขายฝัน ทำไม่ได้

(12 มี.ค. 66) ที่บ้านเอื้ออาทร หัวหมาก ซอยกรุงเทพกรีฑา 7 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายเกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียนพรรค ลงพื้นที่พบประชาชนช่วย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ อดีตส.ส.กทม. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรครทสช.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง หาเสียง มีผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเอื้ออาทรหัวหมาก ร่วมรับฟังนโยบาย

นายเอกนัฏ กล่าวว่า พรรครทสช.ออกนโยบายมาหลายข้อ เพื่อสานต่อนโนบาย ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค อาทิ 5 นโยบายเด่นในการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน การเพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัสเป็น 1,000 บาทต่อเดือน และใช้สิทธิฉุกเฉินกู้ได้อีก 10,000 บาท การตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชนวงเงิน 30,000 ล้านบาท คืนเงิน 30% โครงการปลดหนี้ด้วยงาน โครงการคนละครึ่งจะทำต่อ และแก้กฎหมายที่รังแกประชาชน ที่เป็นอุปสรรคการทำกิน โดยนโยบายเหล่านี้สามารถทำได้แน่นอน หากพรรครทสช.เป็นรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ ดังนั้นจะต้องเลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อให้เข้าไปเป็นส.ส.เพื่อเลือกพล.อ.ประยุทธ์ไปเป็นนายกฯ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า เรารู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ นโยบายของพรรคเป็นนโยบายต่อเนื่องจากการที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯมา 8 ปี รู้ว่าจะมีงบประมาณดำเนินการหรือไม่ ทุกนโยบายพิจารณาอย่างดีแล้วว่าทำได้จริงและมีงบประมาณ ในช่วงใกล้ช่วงเลือกตั้งจะมีหลายพรรคการเมืองมาลงพื้นที่นำเสนอนโยบายต่างๆทั้งที่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ เป็นนโยบายที่สวยหรูแต่ไม่มีงบประมาณ ยิ่งเลือกตั้งเสร็จไม่ได้เป็นรัฐบาลนโยบายเหล่านั้นก็ไม่มีประโยชน์

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขอฝากทุกคนถ้าอยากได้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกฯต้องเลือกบัตรทั้ง 2 ใบเลือกพรรครทสช.และน.ส.ฐิติพัฒน์ อดีตส.ส.ที่เกาะติดพื้นที่มาตลอด ต้องเลือกส.ส.เพื่อให้ส.ส.ไปเลือกนายกฯ การคัดเลือกผู้สมัครของพรรคแม้จะเป็นพรรคใหม่ แต่เราเลือกคนที่มีคุณภาพมาให้ประชาชนเลือก ยิ่งใกล้เลือกตั้งจะมีผู้สมัครหน้าใหม่จากหลายพรรคมาเสนอตัวอ้างสารพัด แต่พรรครทสช.เราเลือกคนที่มีจิตวิญญาณลงพื้นที่มาตลอดมาให้ท่านเลือกเวลาชาวบ้านเดือดร้อนต้องเลือกคนที่ช่วยเหลือได้

‘เอกนัฏ’ ลุยบึงกุ่ม ช่วยผู้สมัครหาเสียง-รับฟังปัญหา ปชช. เผย ‘รทสช.’ กระแสแรง ชาวบ้านพร้อมหนุนลุงตู่แบบใจต่อใจ

(26 มี.ค. 66) ที่สวนเสรีไทยเขตบึงกุ่ม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้บริหารพรรคลงพื้นที่ช่วย น.ส.กาญจนา ภวัครานนท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบึงกุ่ม คันนายาว หาเสียงพบปะประชาชน โดยเดินทักทายแนะนำตัวผู้สมัครกับประชาชนที่มาเดินออกกำลังกายภายในสวนสาธารณะเสรีไทย ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงไปตามเส้นทางหลัก ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่มายืนรอต้อนรับ บางส่วนก็โบกมือให้กำลังใจ และไปเดินหาเสียงที่ตลาดเช้าหมู่บ้านสหกรณ์ รับฟังปัญหาข้อเสนอแนะจากประชาชน เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขหากได้เป็นรัฐบาล ซึ่งในเขตนี้ประชาชนให้การต้อนรับดีมาก หนุนลุงตู่แบบใจต่อใจ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า งานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ มื่อวันเสาร์ที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงอย่างเต็ม 100% ของว่าที่ผู้สมัครทุกคนตั้งแต่ตนทำงานด้านการเมืองมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทุกคนที่มีจิตอาสาจะมาทำงานเพื่อส่วนรวมไม่ว่าจะมาจากที่ไหน ก็ตั้งใจที่จะมารวมกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งทางพรรคเองก็ได้มีการประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โดยเป็นการลงมติเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคในคืนก่อนมีการจัดเวที โดย พลเอกประยุทธ์ได้กล่าวบนเวทีว่า รู้สึกอบอุ่นเพราะมีผู้ที่อยู่ร่วมบนเวทีที่จะต่อสู้ไปด้วยกันอีก 400 คนรวมทั้งสมาชิกอื่น ๆ อีกทั่วประเทศทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ที่จะขับเคลื่อนภารกิจไปด้วยกัน

‘เอกนัฏ’ หนุน ‘เกรียงไกร’ หาเสียง อ้อนชาวบางแค กาเบอร์ 2 เผย ปชช. ต้อนรับดี เป็นกำลังใจในการลงพื้นที่อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

เลขาฯ รทสช. ลุย เขตบางแค ถิ่นเก่าเคยเป็นส.ส. ช่วย ‘เกรียงไกร จงเจริญ’ ผู้สมัครเบอร์ 2 ชาวบ้านให้กำลังใจ

(9 เม.ย.66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงพื้นที่หาเสียงขอคะแนนสนับสนุนนายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้สมัครส.ส.เขตบางแค(เฉพาะแขวงบางแคเหนือและแขวงบางไผ่) หนองแขม(ยกเว้นแขวงหนองแขม) เบอร์ 2 บริเวณตลาดรักเจริญ และชุมชนวัดวงษ์ลาภาราม เขตหนองแขม ซึ่งเป็นพื้นที่เลือกตั้งเดิมของนายเอกนัฏสมัยเป็นส.ส. ขณะลงพื้นที่มีประชาชนมารอต้อนรับและขอถ่ายรูปกับนายเอกนัฏ และนายเกรียงยไกร ตลอดเส้นทาง พร้อมให้กำลังใจในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ให้สำเร็จ

‘เอกนัฏ’ ปัด รทสช. ส่งชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งโหวตนายกฯ ย้ำ!! ไม่หนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดคนปล่อยข่าวเท็จ

‘เอกนัฏ’ ยืนยันพรรคไม่เสนอชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งนายกฯ กับ ‘พิธา’ ระบุ รทสช. มีเพียง 36 เสียงไม่เคยมีแนวคิดและสนับสนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดมีความพยายามสร้างข่าวเท็จให้เข้าใจผิด ย้ำจุดยืนไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112

(6 ก.ค. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรค โดยระบุว่า…

“ขอยืนยันว่าการที่ #รทสช ส่งคุณวิทยาฯ สู้กับก้าวไกลในการโหวตรองปธ.สภา เป็นการสู้เพื่อแสดงจุดยืน ไม่นำมาสู่การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างแน่นอน

การโหวตประธานสภาและนายกรัฐมนตรีมีกลไกที่แตกต่างกันครับ

การโหวตประธานสภาฯ จะใช้ ‘เสียงส่วนมาก’ ในที่ประชุม ใครที่ถูกเสนอชื่อแล้วได้คะแนนมากสุดจะได้เป็น หรือหากไม่มีคู่แข่งก็ได้เป็นเลยโดยที่ไม่ต้องโหวตแข่ง

ต่างจากการโหวตนายกฯ ที่ต้องได้ ‘คะแนนเสียงไม่ตํ่ากว่ากึ่งหนึ่ง’ (หรือ 375) ของรัฐสภา หากเสนอชื่อมาคนเดียว ก็ไม่ได้เป็น จะได้เป็นก็ต่อเมื่อข้ามรั้ว 375 เสียงไปได้เท่านั้น

ดังนั้น ในการโหวตรองประธานสภาฯ หากเราไม่ส่งคุณวิทยาไปแข่ง ก็เท่ากับเราสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคก้าวไกลเป็นรองประธานสภาโดยอัตโนมัติ เราจึงส่งแข่ง เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัด ถึงแม้ทราบดีอยู่แล้วว่าแทบจะไม่มีโอกาสชนะเลยก็ตาม

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีกระแสข่าวว่า รทสช.จะส่งคุณพีระพันธุ์แข่งกับคุณพิธานั้น ไม่เป็นความจริงครับ

ผมเองอยากเห็นคุณพีระพันธุ์เป็นนายกฯ และเชื่อว่าท่านจะเป็นนายกฯ ที่ดีเพราะท่านเป็นนักการเมืองนํ้าดี สุจริต เที่ยงธรรม แต่ต้องยอมรับว่าพรรคเรามีเพียง 36 เสียง ไม่พอที่จะไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

และคุณพีระพันธุ์กับผม ก็ไม่เคยมีความคิด และไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาฯ อย่างเด็ดขาด ถึงจะตั้งไปก็อยู่ไม่ได้ครับ

อย่างไรก็ตาม การแสดงจุดยืนว่า เราไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112 สามารถทำได้ด้วยวิธีไม่โหวต โหวตไม่รับ หรืองดออกเสียงครับ ไม่ต้องส่งแข่งก็สู้ได้ (ต่างจากรองประธานสภาฯ)

การไม่ส่ง ไม่โหวต หรืองดออกเสียง ด้วยกลไกการโหวตที่ไม่เหมือนกัน จึงมีผลไม่เหมือนกัน

มีคนพยายามกุข่าวลือ สร้างข่าวเพื่อให้การต่อสู้ของเรานั้นสูญเสียความชอบธรรม เข้าใจผิดคิดว่าเป็นขบวนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ผมขอปฏิเสธชัดๆไปเลย ว่า “เราไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย” หากจะต้องเป็นฝ่ายค้านก็เป็นครับ คุณพีระพันธุ์ ผม และเพื่อน ส.ส.ของ #พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ติดใจ

การจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่สำคัญไปกว่าการรักษาจุดยืนของเราครับ

เราจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สร้างความมั่นคงให้ชาติ สร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ สร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ผดุงความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรม

แต่จะ #ไม่แก้112 #ไม่เปลี่ยนวันชาติ #ไม่แบ่งแยกดินแดน เราจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้วยการเสริมเติมต่อจากสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่แล้วในประเทศของเราครับ
#รวมไทยสร้างชาติ #เลขาขิง

‘เอกนัฏ’ ขอยุติสงครามหลากสี เดินหน้าตั้งรัฐบาลปรองดอง เร่งพา ปชช.ฝ่าวิฤกต วอนสังคมอย่าจมกับความขัดแย้งในอดีต

(18 ส.ค. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า มีการพูดคุยกันมาตลอด โดยคณะเจรจามีเพียงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและตนที่เข้าไปคุยกับทีมบริหารของพรรคเพื่อไทยเป็นการคุยอย่างเป็นทางการได้ระบุเงื่อนไขว่า จะต้องไม่มีการแก้ไข ม.112 ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีการแก้ไข และยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการแบ่งกระทรวง โดยพรรคเพื่อไทยรับปากว่า จะไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติติดแค่เรื่องการเดินหน้าแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลเท่านั้น

เงื่อนไขสำคัญ เรามีแค่ 2 ข้อคือไม่มีพรรคก้าวไกลและไม่มีการแก้ ม.112 ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า อยากรีบจัดตั้งรัฐบาล เพราะบ้านเมืองไม่มีรัฐบาลก็จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนลำบาก จึงขอความร่วมมืออย่าไปจมกับความขัดแย้งในอดีต ควรเดินหน้าด้วยความปรองดองสมานฉันท์ดีกว่า

เมื่อถามถึงประเด็นความขัดแย้งในอดีตของกลุ่ม กปปส.กับกลุ่มเสื้อแดงในอดีตนายเอกนัฏ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ลบไม่ได้อยู่แล้ว ตนก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เคยทำมาได้ แต่ต้องดูว่าเหตุผลที่เคยทำมาตอนนั้นคืออะไร มีความพยายามจะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม จึงได้มีการออกมาชุมนุมต่อต้าน แต่ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวก็ไม่มีแล้ว เหตุการณ์ผ่านมากว่า 10 ปี ความขัดแย้งที่คนเข้าใจว่ามีระหว่างเสื้อเหลือง เสื้อแดง กปปส.ควรยุติ ควรจะร่วมมือกันเดินหน้าประเทศ ให้โอกาสซึ่งกันและกัน

“หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็มีการเลือกตั้งมาแล้ว 2 ครั้ง ทุกพรรคเข้าสู่การเลือกตั้ง ที่ผ่านมาต่างคนต่างเจ็บด้วยกัน ผมเองก็ถูกคดี หลายคนอาจคิดว่าเวลานี้มีเรื่องการต่อรองเก้าอี้ ขอบอกว่าเจรจากับผมดีที่สุด เพราะผมเป็นอะไรไม่ได้เพราะติดคดีอยู่ และผมจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นอุปสรรคในการเดินหน้าประเทศ เพราะหากจมอยู่แต่ในอดีตก็จะไม่สามารถเดินหน้าไปสู่อนาคตได้ ในฐานะเลขาธิการพรรค ผมไม่สามารถไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ แต่ส่วนตัวมีความตั้งใจในการทำงานการเมืองและเร่งพัฒนาพรรครวมไทยสร้างชาติให้เป็นสถาบันการเมือง ในส่วนของการทำงานในรัฐบาลก็จะมีบางส่วนเข้าไปร่วม แต่ในส่วนงานการเมืองของพรรคก็เป็นเรื่องสำคัญที่มีความตั้งใจว่า พรรคจะได้นำเสนอแนวทางการทำงานเป็นทางเลือกอีกแบบหนึ่งที่ทันสมัย” เลขาพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว

เมื่อถามว่าการคุยเรื่องโควตารัฐมนตรีมีการต่อรองหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี ตนและหัวหน้าพรรคไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องตำแหน่ง โดยเฉพาะนายพีระพันธุ์ หากจำได้ในช่วงที่เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนเดียวที่ประกาศชัดว่า ขอปฏิเสธทุกตำแหน่งใน ครม.หากเป็นหัวหน้าพรรค วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ตนก็ไม่สามารถเป็นอะไรได้เพราะติดคดี ดังนั้นจึงต้องตัดสินใจบนพื้นฐานการเดินหน้าประเทศ ส่วนจำนวนคณิตศาสตร์คำนวณเก้าอี้ยังไม่ทราบชัดเจน แต่ที่สำคัญคณิตศาสตร์ในระบบรัฐสภาต้องมีเสียงสนับสนุนในสภาฯ เกินครึ่ง เนื่องจากมีบทเฉพาะกาล คือการออกมาร่วมโหวตนายกฯ จะต้องผ่านมติด้วยคะแนน 375 เสียงตอนนี้ต้องช่วยกันให้ผ่าน แต่การจะช่วยหาเสียง สว.นั้นก็เป็นเรื่องยาก เสียงของรวมไทยสร้างชาติ 36 เสียงถือว่าไม่มาก ไม่สามารถไปช่วยมากกว่านั้นได้

เมื่อถามว่าเห็นใจพรรคเพื่อไทยหรือไม่ที่จะต้องมาชี้แจงกับกลุ่มสนับสนุนหลังจากตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ต้องยอมรับในผลการเลือกตั้งที่อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่พรรคเพื่อไทยหวัง แต่ระบบของไทยจะต้องโหวตนายกฯ และจะต้องหาทางจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยสามารถชี้แจงได้ สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกกับตนชัดเจนว่าต้องการวางมือ ทั้งหมดอยู่ที่มุมคิด ถ้าทำใจได้ ละได้ คิดเป็นบวกก็เป็นบวกถ้าคิดเป็นลบก็จะไม่จบ จากที่คุยกันเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีหลายเรื่องที่จะต้องทำและเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย

นายเอกนัฏ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับว่า ได้มีการพูดคุยกันแต่ยังไม่ตกผลึกมีบางประเด็นในรัฐธรรมนูญที่พรรครวมไทยสร้างชาติคิดว่ายังไม่ควรแก้ เช่น หมวดเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ดังนั้นจึงจะต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง หากจะแก้ไขจะต้องมีหลักประกันว่าแก้แล้วจะดีขึ้นไม่กลับมาสร้างปัญหา ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เข้าใจ นั่นคือไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ทำไปแต่จะต้องไม่มีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มาจากประชาชน จะแก้ก็จะต้องถามประชาชนด้วย ถ้าประชาชนส่งเสียงว่าต้องการแก้รวมไทยสร้างชาติก็ไม่มีปัญหาอะไร

‘รทสช.’ ยัน!! ‘เจ๋ง ดอกจิก’ หลุดคณะทำงานพรรคตั้งแต่ ธันวา 66 ลั่น!! จุดยืนพรรคชัดเจน ‘ทำผิด-หลักฐานชัด’ ขับพ้นสมาชิกลูกเดียว

(27 ม.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลังตำรวจรวบตัว นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ ‘เจ๋ง ดอกจิก’ สมาชิกพรรค รทสช. ภายในทำเนียบรัฐบาล หลังมีการกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการข่มขู่เรียกเงินอธิบดีกรมการข้าว 3 ล้านบาทว่า…

กรณีของนายยศวริศ ตามที่ปรากฏบนสื่อต่างๆ ขอชี้แจงว่า…

1.) พรรคฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหา และขอสนับสนุนให้พิจารณาไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเจ้าตัวก็มีสิทธิ์ที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง 

2.) กรณีที่มีคำสั่งแต่งตั้ง นายยศวริศ หรือ ‘คุณเจ๋ง’ เป็นคณะทำงานนั้น ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่เดือน ธ.ค. 66 แล้ว ส่วนของ น.ส.พิมณัฏฐา ก็ถูกยกเลิกทันทีที่ทราบข่าว 

3.) กรณีที่สมาชิกคนไหนไปกระทำความผิด มีหลักฐานชัดเจน กรรมการบริหารฯ จะพิจารณาขับออกจากสมาชิกตามข้อบังคับ ซึ่งเคสนี้จะมีการนำเข้าเพื่อพิจารณาในการประชุมกรรมการบริหารในรอบต่อไป

‘รทสช.’ รุกเอง!! เตรียมยื่นญัตติด่วนต่อสภาฯ  เร่งหาแนวทางป้องกันพฤติกรรมข่มขู่-ป่วนขบวนเสด็จฯ

(11 ก.พ. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า…

“เรื่องพฤติกรรมไปรบกวนขบวนเสด็จฯ ค่อนข้างชัดเจนว่า ฝ่ายต่างๆ ก็ออกมาประณาม แม้กระทั่งกลุ่มที่ไปยุยงกันเองแต่ต้น ก็แห่กันตัดหางประณามพฤติกรรมดังกล่าว เพราะค่านิยมการให้ร้าย ข่มขู่ ท้าทาย ไม่ให้เกียรติพระบรมวงศานุวงศ์นั้น เป็นการกระทำที่ด้อยค่าสังคม ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสื่อมถอย

ประเด็นของผมคือ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลความปลอดภัย ถวายการอารักขา ฝ่ายข่าว ส่วนล่วงหน้า ส่วนติดตาม ควรจะทบทวนแผนและแนวทางการปฏิบัติ (Protocol) ให้รัดกุม และเร่งรัดการนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว หากไม่แสดงท่าทีให้ชัดเจน จะเกิดแรงปะทะในหมู่ประชาชน ขยายรอยร้าว สร้างความแตกแยกโดยใช่เหตุ 

ดังนั้น วันอังคารนี้ผมจะนำประเด็นเข้าที่ประชุมพรรคขอมติ ให้ยื่นญัตติด่วนต่อสภาฯ และให้ สส.รทสช. เสนอเรื่องต่อกรรมาธิการฯ ทุกคณะที่เกี่ยวข้อง ทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยฯ รวมถึงแนวทางการป้องกันปราบปรามพฤติกรรม ข่มขู่ ท้าทาย ให้ร้าย ในลักษณะเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
 

'เอกนัฏ' ยัน!! กมธ.งบประมาณฯ พิจารณางบคลังอย่างดีแล้ว  ย้ำ!! งบที่ทุกกรมได้รับแม้จะน้อย แต่จะใช้อย่างมีประสิทธิภาพ 

เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ได้ชี้แจงข้อสงสัยของสมาชิกในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระ 2 ในส่วนมาตรา 9 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังว่า กระทรวงการคลังมีภารกิจสำคัญมากโดยเฉพาะการจัดเก็บรายได้ให้ประเทศ ถ้ากระทรวงการคลังไม่สามารถทำงานตามเป้าหมายได้ เราคงไม่ต้องมีงบประมาณมาพิจารณากันในที่ประชุมแห่งนี้

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบงบประมาณที่กระทรวงการคลังได้รับกับกระทรวงอื่นถือว่าน้อยมากจำนวน 1.1 หมื่นกว่าล้าน ส่วนหนึ่งเป็นงบที่ตั้งโดยกรมธนารักษ์สำหรับจ่ายค่าเช่าตามมติครม.เกือบ 4 พันล้าน งบที่กรรมาธิการฯ ปรับลดเหลือเพียง 7 พันกว่าล้านเท่านั้น มีทั้งหมด 10 หน่วยงาน เฉลี่ยได้ว่าแต่ละหน่วยงานมีงบประมาณใช้น้อยมาก แต่มีภารกิจสำคัญ ต้องจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ตนได้ฟังคำชี้แจงของผู้บริหารกระทรวงการคลัง นอกจากเห็นใจแล้ว ตนการันตีกับทุกคนได้ว่า มั่นใจเข้าใจภารกิจในการทำงานของแต่ละกรมเป็นอย่างดี มีความมั่นใจว่าเป้าหมายในการจัดเก็บที่ตั้งไว้ และการปราบปรามการกระทำผิดสามารถลุล่วงได้อย่างดีแน่นอน

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในการพิจารณากรรมาธิการฯ อาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานมาช่วยกันกลั่นกรองงบประมาณที่เป็นส่วนเกินให้สามารถใช้ได้ทันในปี 2567 โดยหน่วยงานยืนยันไม่กระทบกับภารกิจและเป้าหมายของทุกหน่วยงาน เช่น กรมสรรพสามิตที่ทำภารกิจร่วมกับจเรตำรวจแห่งชาติได้ปรับลดอากาศยานไร้คนขับที่เติมน้ำมันออกไป ส่วนโดรนที่เหลืออยู่ใช้ระบบไฟฟ้า หน่วยงานยืนยันยังมีความสำคัญต่อภารกิจจึงต้องคงไว้ในงบส่วนนี้

นายเอกนัฏ กล่าวว่า งบของกรมศุลกากรได้มีการปรับลดด่านที่ไม่สามารถทำได้ในปี 2567 รวมถึงกรมธนารักษ์ตั้งงบประมาณมากว่า 4 พันล้าน ก็เป็นงบจ่ายค่าเช่าแทนหน่วยงานราชการทั้งหมดที่มีการเช่าพื้นที่ในศูนย์ราชการ มีการปรับลดงบซื้อเครื่องปั๊มลมสำหรับผลิตเหรียญกษาปณ์ ส่วนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.ก็ปรับลดค่าจ้างที่ปรึกษาที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันไปในปี 2567 ออกไปทุกคนช่วยกันเต็มที่ แต่ตนยืนยันว่างบประมาณที่เหลืออยู่มีความจำเป็นมากกับการต้องลงทุนกับระบบของกระทรวงการคลัง งบส่วนมากเป็นการบำรุงรักษาระบบไอที เครื่องคอมพิวเตอร์ งบส่วนมากถูกจัดสรรไปซื้อคอมพิวเตอร์แทนเครื่องเก่า สำหรับกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต ตนขำอยู่ในใจแต่หัวเราะไม่ออก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ปกติแล้ว 7-8 ปี เปลี่ยนครั้งหนึ่ง แต่สำหรับ 2 กรมนี้ใช้งานเกิน 10 ปีจนเป็นตู้ปลา จนลือกันว่าเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขอบเขตอำนาจของกรรมาธิการฯมีข้อจำกัด เช่น เรื่องการชำระค่าเช่า 3,976 ล้านของกรมธนารักษ์เป็นไปตามมติครม. ในส่วนของการบริหารจัดการมีประสิทธิภาพคุ้มค่าหรือไม่ อยู่นอกอำนาจของกรรมธิการฯ พิจารณา ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติงานโครงการดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพหรือมีปัญหาสามารถไปยื่นเรื่องต่อกรรมาธิการฯ สามัญคณะอื่นๆตรวจสอบ เพื่อให้ทบทวนได้ กรณีของสแตมป์ในกรมสรรพสามิต งบประมาณปี 2567 ล่าช้า มีการจัดสรรงบประมาณให้ใช้พรางก่อนแล้ว 134 ล้านบาทเต็มจำนวน ถ้าจะไปปรับลดจะมีปัญหา แต่ว่าข้อสังเกตของเพื่อนสมาชิกสามารถส่งไปยังกรมสรรพสามิตได้ ถ้ามีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะช่วยทำให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นทางผู้บริหารไม่ขัดข้องที่จะดำเนินการ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในส่วนของกรมบัญชีกลาง กรรมาธิการฯพิจารณาในส่วนของงบประมาณเท่านั้น งบส่วนใหญ่ที่ให้กรมบัญชีกลางมีความสำคัญกับการพัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างให้ทันสมัย ระบบบล็อกเชนที่ถูกพัฒนาขึ้นมาและใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ช่วยทำให้การจัดซื้อจัดจ้างมีความโปร่งใส ทำให้ได้รับการยอมรับจากกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจากองค์กรระหว่างประเทศ เราก็อยากจะสนับสนุนให้ทำมากกว่านี้ แต่ในส่วนการพิจารณาเงื่อนไข หลักเกณฑ์ต่างๆ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของกรรมาธิการฯ แต่ก็มีข้อสังเกตไปถึงหน่วยงานหลายเรื่อง เช่น การจัดซื้อจัดจ้างของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่กรรมาธิการฯ มีความกังวลมากว่า จะไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปี 2567 ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เพราะมีความล่าช้าจากเรื่องร้องเรียน หรือ กระบวนการประมูลมีปัญหา ทั้งเรื่องคุณภาพ การฟันราคา การทิ้งงาน สิ่งเหล่านี้เป็นข้อสังเกตที่เราส่งให้หน่วยงานทั้งหมด

“ทั้งหมดเป็นข้อสังเกตที่เราควรตั้งไว้ แล้วเก็บไว้ใช้เป็นประโยชน์ในการพิจารณางบประมาณในปีถัดไป ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่มีงบผูกพันโดยมติครม. โครงการที่มีงบผูกพันมาอย่างต่อเนื่องในปีก่อนๆ หรือข้อสังเกตที่สำคัญเป็นการเฉพาะสำหรับปีงบประมาณปี 2567 ที่มีการใช้งบปี 2566 ไปพลางก่อน ส่วนไหนที่เราปรับลดได้โดยไม่กระทบกับภารกิจสำคัญของหน่วยงานเราใช้วิธีการทำความร่วมมือกับทุกหน่วยงานเข้ามายืนยันหมด ส่วนไหนที่ซ้ำซ้อนหรือบางส่วนก็เลื่อนออกไปเพื่อตั้งงบประมาณดำเนินการในปี 2568 -2569 อย่างไรก็ตามขอยืนยันต่อเพื่อนสมาชิกว่ากรรมาธิการฯได้พิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงการคลังอย่างดีแล้วจึงขอยืนตามมติของกรรมาธิการฯ” นายเอกนัฏ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top