Friday, 29 March 2024
เศรษฐกิจสายมู

‘กรณ์’ ชู ‘ศก.สายมู’ สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อ!! ดูด นทท.ทั่วโลก สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท

‘กรณ์’ เดินหน้า ‘เศรษฐกิจสายมู’ หนึ่งในยุทธศาสตร์ Spectrum Economy หารายได้ 5 ล้านล้านบาท ดันส่งเสริมจังหวัดละพันล้าน สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสายมู หรือเศรษฐกิจสีขาว เป็นหนี่งในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่เราได้มีการพูดถึงและนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยังไม่แถลงนโยบาย เนื่องจากเห็นว่า ท่องเที่ยวสายมูไม่ใช่ความงมงาย ‘มูเตลู’ คือความเชื่อและความศรัทธา เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะคนไทยเรา หลอมรวมกลายเป็นประเพณี วัฒนธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แม้แต่ในช่วงโควิด ที่ทุกจังหวัดเหลือเที่ยวบินเพียงวันละเที่ยวสองเที่ยว แต่ที่นครศรีธรรมราชกลับมีเที่ยวบิน 50 กว่าเที่ยว เพราะมีวัดเจดีย์ไอ้ไข่ เงินสะพัดสู่ชุมชน ทำให้ชาวบ้านที่ค้าขายอยู่รอบ ๆ รวมทั้งโรงแรมที่พัก ยังคงมีนักท่องเที่ยวไปอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง 

“เศรษฐกิจสายมูกำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก สามารถใช้ศรัทธาและแรงบันดาลใจแปรเปลี่ยนเป็นรายได้อย่างมหาศาล พรรคชาติพัฒนากล้า จึงได้นำมาบรรจุในนโยบายเศรษฐกิจ 7 สี หรือ Spectrum Economy ที่จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว   

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธามากมาย ถ้าเราฟื้นฟูหรือสร้างสตอรี่เรื่องเล่า คิดดูว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนแค่ไหน นโยบายของเราคือ 1 จังหวัด 1 พันล้าน โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ ยกตัวอย่าง หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่อยุธยา ที่นายกอุ๊ วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการสร้างขึ้นมา มีการวางแผนเป็นอย่างดี มีตลาดที่ชาวบ้านสามารถนำสินค้ามาค้าขายโดยรอบ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้คนอยุธยาอย่างประเมินค่าไม่ได้ หรือแม้แต่พระพิฆเนศองค์ยืนที่องค์ยืนที่ฉะเชิงเทรา ที่เกิดขึ้นมาได้ก็มีนายกอุ๊เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ขึ้นหลากหลาย

นอกจากนี้นายกอุ๊ ยังเป็นกำลังหลักในการสร้างหลวงปู่โต วัดโบสถ์ อ.สามโคก จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.ปทุมธานีด้วย 

“นายกอุ๊ ก็คือที่ปรึกษาด้านนโยบายของชาติพัฒนากล้าด้วย พวกเราเห็นความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจสีขาว หรือสายมู ที่ถ้าเราลงทุนหลักพันล้านต่อ 1 แหล่งท่องเที่ยว เราจะได้เงินกลับคืนมาอย่างมหาศาล ดูแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเจ้าแม่กวนอิมที่ฮ่องกง วัดอาซากุสะที่ญี่ปุ่น โบสถ์ที่งดงามในยุโรป หรือแม้แต่พระพรหมเอราวัณที่บ้านเรา ต่างก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกอยากมาชมด้วยตาตัวเอง” นายกรณ์ กล่าว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวคือต้องมี 3 มิติควบคู่ ได้แก่ 

1. เพิ่มนักท่องเที่ยว ที่เราต้องลงทุนในระบบสาธารณูปโภค ลงทุนในการอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติ 

2. เพิ่มเวลาที่นักท่องเที่ยวอยู่กับเรา จาก 10 วันเป็น 12 วัน ต้องเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้หลากหลายและดึงดูด 

และ 3. เพิ่มเงินที่นักท่องเที่ยวใช้ตอนอยู่กับเรา เพิ่มการใช้จ่ายจับจ่าย ต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเราให้มีราคามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของฝาก อาหาร ที่พัก ฯลฯ ซึ่งยุทธศาสตร์สายมูตอบโจทย์ทั้ง 3 มิติ

'กรณ์' นำทีมพรรคชาติพัฒนากล้า บุก 'ฉะเชิงเทรา' ซูมแนวทางปั้นรายได้เข้าจังหวัดปีละ 3,000 ล้านบาท

(4 ก.พ.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือนายกอุ๊ ที่ปรึกษาพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า เดินทางไปยัง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อดูต้นแบบเศรษฐกิจสายมู ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคชาติพัฒนากล้า 

โดยนายกอุ๊ ได้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวสายมู ของ จ.ฉะเชิงเทรา เชื่อมต่อจากวัดหลวงพ่อโสธร และวัดสมานรัตนาราม โดยได้จัดสร้างพระพิฆเนศ องค์ยืน และ ตลาดชุมชน ขึ้น ณ อุทยานพระพิฆเนศคลองเขื่อน  

นายกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธามากมาย หากมีการฟื้นฟูหรือสร้างสตอรี่เรื่องเล่า จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มากมาย นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า คือ 1 จังหวัด 1 พันล้านบาท โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ เช่น ที่ จ.ฉะเชิงเทรานี้ เป็นต้นแบบสำคัญ และสามารถขยายผลต่อไปทั่วประเทศได้ สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนปีละหลายพันล้านบาท 

'ชาติพัฒนากล้า' ลุยสำรวจปทุมธานี - อยุธยาฯ ผลักดัน 'ศก.สายมู' ดึงดูด นทท. สร้างรายได้ให้ประเทศ

(13 ก.พ. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ นายกอุ๊ ที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วย นางสาวยศยา ชิยาปภารักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร, นางสาววิเวียน จุลมนต์ และนางสาวกชพร คีรีโชติ ทีมนโยบายพรรค เดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสายมู ณ วัดโบสถ์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี, วัดไชยวัฒนาราม และอุทยานหลวงปู่ทวด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยวัดโบสถ์นั้น มีการสร้างหลวงพ่อโต องค์ใหญ่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา โดย นายกอุ๊ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเมื่อกว่า 10 ปี ที่แล้ว จากวัดเล็ก ๆ ขยายเติบโตเป็นวัดขนาดใหญ่ ที่ประชาชนจากทั่วประเทศ เข้ามาสักการะไม่ขาดสาย สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ที่นำของมาจำหน่าย สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน

ส่วนที่วัดไชยวัฒนาราม ก็เป็นแลนด์มาร์กสำหรับแหล่งเช็กอินของชาวไทยและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับร้านค้า เช่าชุดไทย ที่นักท่องเที่ยวนิยมใส่ถ่ายรูปกันอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และที่อุทยานหลวงปู่ทวด ซึ่งนายกอุ๊ ได้จัดสร้างขึ้นมาใหม่ จากพื้นที่นาโล่ง ๆ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ที่สร้างรายได้ให้กับร้านค้าชุมชนในพื้นที่ต่อเดือนตั้งแต่ 100,000 – 350,000 บาท

นางสาวยศยา หรือ นุ่น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งเป็นผู้ที่ทำธุรกิจสายมู กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อและความศรัทธาในศาสตร์การกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่คู่คนไทยมาช้านานตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาล การกราบไหว้และบูชาในศาสตร์ต่าง ๆ เปรียบดั่งการยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมถึงปลุกขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตทางโลกได้อย่างเสถียรภาพและมีคุณภาพ มีบทวิจัยจากนักวิจัยหลายประเทศ เป็นเครื่องยืนยันว่าศาสตร์ของการมูเตลูและการนั่งสมาธิสามารถเยียวยาจิตใจ รักษาโรคภัย และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับมวลมนุษย์ได้

นางสาวยศยา กล่าวว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ในการบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและศาสตร์การบูชาองค์เทพสายขาวทุกแขนง เริ่มต้นจากผู้ศรัทธากลายมาเป็นผู้บูชา จนมาถึงเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ one stop services เกี่ยวกับการมูเตลู นุ่นเป็นทั้งผู้ซื้อสินค้าและบริการ จนกลายมาเป็นผู้ให้บริการทางด้านสินค้าและบริการทางศาสตร์มูเตลู เป็นเครื่องยืนยันได้จากประสบการณ์จริงว่า ความศรัทธา สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเงิน และต่อยอดทางธุรกิจและเศรษฐกิจได้อย่างไม่รู้จบ

'ชาติพัฒนากล้า' ชู 'เศรษฐกิจสายมู' หนุนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว | TIME TO LISTENING EP.8

'คุณกรณ์ จาติกวณิช' หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ดึง 'คุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์'

มาเป็นที่ปรึกษาพรรค พร้อมหนุนทัพไอเดีย 'เศรษฐกิจสายมู' กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างรายได้มหาศาลเข้าประเทศ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร...ติดตามได้ใน EP. นี้เลย 

 

ดำเนินรายการโดย ไอยรา อัลราวีย์ Content Manager 

 

แขกรับเชิญ คุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจชุมชน พรรคชาติพัฒนากล้า

 

ติดตามได้ใน THE STATES TIMES PODCAST

และสามารถรับชมคลิปอื่น ๆ ได้ที่ : https://youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyLBnnkZJ5-QgtyID5DqrnG4 .

 

🎥 ช่องทางรับชม

Facebook: THE STATES TIMES PODCAST

YouTube: THE STATES TIMES PODCAST

TikTok: THE STATES TIME PODCAST 

‘ชพก.’ ย้ำนโยบาย ศก.สายมู เดินสายขอพร-เสริมบารมี เข้าสักการะศาลหลักเมือง-พระพรหมเอราวัณ ก่อนสู้ศึกเลือกตั้ง

(3 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จสิ้นการจับหมายเลขผู้สมัคร ที่ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง เรียบร้อยแล้ว นายกรณ์ จาติกวณิช พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และผู้สมัครเดินทางเข้าสักการะศาลหลักเมืองเป็นพรรคแรก จากนั้นนายกรณ์ ได้นำทีม ผูกผ้า 3 สี ก่อนที่ทั้งหมดจะนำพวงมาลัยดอกดาวเรือง เดินเข้ามาสักการะ องค์พระหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนลุยศึกเลือกตั้งต่อไป 

นายกรณ์ เปิดเผยว่า ตนได้ขอพรเพื่อให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีมีสุข อิ่มท้อง มีงานการดีๆ ทำ มีเงินในกระเป๋า และข้าวของต้องไม่แพง ซึ่งตนจะเป็นหนึ่งในผู้ช่วยผลักดันให้ความหวังเหล่านี้เป็นจริงได้ด้วยความเป็นมืออาชีพทางเศรษฐกิจของทีมชาติพัฒนากล้า

‘นุ่น ยศยา’ ตอกย้ำจุดยืนสายมู นิมนต์พระเจิมป้ายเสริมสิริมงคล หวังคว้าชัย เข้าไปผลักดันนโยบาย ‘เศรษฐกิจสายมู’ ของ ‘ชพก.’

(11 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงาน สีสันการเลือกตั้งช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงของ ผู้สมัคร ส.ส.อย่างวันนี้ นางสาวยศยา ชิยาปภารักษ์ หรือนุ่น ผู้สมัคร ส.ส. เขตพระโขนง บางนา เบอร์ 2 จากพรรคชาติพัฒนากล้า ตอกย้ำจุดยืนความเป็นสาวสายมู นิมนต์พระเกจิอาจารย์มาเจิมและสวดมนต์เอาฤกษ์เอาชัยป้ายเพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่ป้ายประชาสัมพันธ์ตนเอง ทั่วเขตพระโขนง และเขตบางนา สร้างความฮือฮาแก่ผู้คนที่ละแวกนั้นไม่น้อย นับเป็นสีสันแห่งการทิ้งโค้งช่วงสุดท้ายที่สะท้อนให้เห็นถึงหลักความเชื่อ และศิลปะวัฒนธรรมของชาวไทย เชื้อสายพุทธที่มีมาช้านาน 

นางสาวยศยา กล่าวว่า ตนลงพื้นที่ พบปะพี่น้องประชาชนและขอคะแนนเสียง มาจนถึงวันนี้ มั่นใจเกินร้อยว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนส่ง ‘นุ่น ยศยา’ เบอร์ 2 เข้าไปทำงานในสภา เพื่อเข้าไปผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสายมู สร้างแลนด์มาร์คเชิงศรัทธาทั่วไทย 77 จังหวัด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และเพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ใหม่ให้คนไทยทั้งประเทศ

นายสาวยศยา กล่าวว่า แม้จะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่ให้จำสโลแกนที่ใช้หาเสียงมาตลอดคือ “สายมู พร้อมอยู่คู่ประชาชน” ตนพร้อมอาสาเข้ามาทำงานการเมือง หญิงแกร่งคนนี้จบการศึกษาปริญญาเอกสาขาบริหารธุรกิจ อาสามาทำงานการเมืองโดยมุ่งทุบทุนผูกขาด สร้างแหล่งรายได้ใหม่ให้คนไทยทุกคน เพื่อให้คนไทย “งานดี มีเงิน ของไม่แพง” ทั่วทั้งประเทศ ฝากพี่ ๆ น้อง ๆ เป็นกำลังใจให้น้องนุ่น ยศยา ชิยาปภารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต เขตพระโขนง และเขตบางนา วันที่ 14 พฤษภาคม กาเบอร์ 2 เพื่อให้นุ่นได้เข้าไปทำงานในสภา และกาเบอร์ 14 เพื่อให้ทีมเศรษฐกิจจากพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าไปแก้ไขปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top