Sunday, 5 May 2024
เรือสำราญ

‘บิ๊กตู่’ ปลื้มเกาะสมุย ต้อนรับ นักท่องเที่ยวจากเรือสำราญอีก 2,500 คน ตอกย้ำเที่ยวไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง

17 ธ.ค.2565 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความยินดีภายหลังได้รับรายงานว่าวันนี้(17 ธ.ค.65) เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย จะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากยุโรปพร้อมกับเรือสำราญไมน์ ชิฟฟ์ 5 (Mein Schiff 5) กว่า 2,500 คน ที่มาแวะท่องเที่ยวเกาะสมุยแบบ One Day Trip ซึ่งหน่วยงานในเกาะสมุย และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมเตรียมการต้อนรับ เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวลงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในเกาะสมุย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ให้เกิดการกระจายรายได้สู่ประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ เรือ ไมน์ ชิฟฟ์ 5 ถือเป็นเรือสำราญจากยุโรปลำที่ 2 ที่เดินทางมายังเกาะสมุย ต่อจากลำแรกที่เข้ามาประเทศไทยในรอบ 3 ปีหลังเกิดสถานการณ์โควิด19 เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา และหลังจากนี้ ในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค. 65 จะมีเข้ามาอีก 1 ลำ และข้อมูลจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบุว่าในปี 2566 และ 2567 มีเรือสำราญกำหนดจะเข้ามาเยือนเกาะสมุย เบื้องต้น 31 ลำ และ 32 ลำตามลำดับ

“การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทางเรือสำราญจากต่างประเทศ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นอีกสัญญาณที่ตอกย้ำถึงความคึกคักของการท่องเที่ยวไทย สอดคล้องกับการเดินทางเข้าในช่องทางอื่นๆ ทั้งทางอากาศและด่านทางบก ทำให้ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยตามเป้าหมาย”น.ส.ไตรศุลี กล่าว

เรือสำราญขนาดใหญ่ สร้างขึ้นภายในประเทศลำแรก ตั้งตระหง่าน ณ เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ทางตะวันออกของจีน

(ซินหัว) — วันศุกร์ (19 พ.ค. 66) จีนเปิดเผยชื่อของเรือสำราญขนาดใหญ่ที่ถูกก่อสร้างขึ้นภายในประเทศเป็นลำแรก ณ เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน

สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ และบริษัท ไชน่า สเตท ชิปบิลดิง คอร์ปอเรชัน ครูซ เทคโนโลยี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (CCTD) ระบุว่าเรือสำราญ “อะดอรา แมจิก ซิตี” (Adora Magic City) มุ่งมอบประสบการณ์ล่องเรืออันมีเอกลักษณ์ที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัว

เรือสำราญลำนี้ถูกออกแบบและก่อสร้างโดยซีซีทีดี ร่วมกับบริษัท เซี่ยงไฮ้ ว่ายเกาเฉียว ชิปบิลดิง จำกัด (SWS) มีขนาดยาว 323.6 เมตร ระวางบรรทุกรวม 135,500 ตัน สามารถรองรับผู้โดยสารสูงสุด 5,246 คน คาดว่าจะถูกส่งมอบภายในสิ้นปี 2023 และมีเซี่ยงไฮ้เป็นท่าเรือหลักในช่วงเริ่มต้นการเดินเรือ

อนึ่ง เรือสำราญลำนี้จะเดินเรือบนเส้นทางระหว่างประเทศระหว่างท่าเรือหลักในเซี่ยงไฮ้และท่าเรือจุดหมายในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากมีการส่งมอบอย่างเป็นทางการแล้ว ขณะเดียวกันจะมีการเปิดเส้นทางเดินเรือระยะกลางและระยะยาว เพื่อขยับขยายการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ

ลูกทัวร์กว่า 600 ชีวิต โดนลอยแพ แถมเสียเงินเป็นแสน หลังเรือสำราญอ้าง บริษัททัวร์ไม่ได้ส่งรายชื่อมาให้

เมื่อไม่นานมานี้ ทางเพจเฟซบุ๊ก ‘โหนกระแส’ ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องราวของลูกทัวร์ 500-600 ชีวิตที่โดนลอยแพ หลังจ่ายเงินเป็นแสน แต่ทางเรืออ้างว่าไม่มีการส่งรายชื่อมา จนทำให้เกิดเหตุชุลมุนที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี หลังบริษัทเรือสำราญแห่งหนึ่ง ลอยแพผู้โดยสารจำนวน 500-600 คน โดยอ้างว่าบริษัททวร์ไม่ได้ส่งรายชื่อมาให้

ผู้เสียหายรายหนึ่งได้ให้ข้อมูลกับทีมเพจโหนกระแสว่า ทำไมลูกค้าทัวร์ที่ซื้อโปรฯ ลดราคา หรือโปรฯ 1 แถม 1 ถึงมีรายชื่อขึ้นเรือได้ แต่อีกหลายคนที่ซื้อหลักแสน ซื้อทั้งครอบครัว ไม่ได้ขึ้นเรือ

นอกจากนี้ ยังมีครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ที่มีรายชื่อพ่อและลูกให้ขึ้นเรือ แต่กลับไม่มีชื่อของแม่ รวมถึงศิลปินนักร้องที่ต้องทำการแสดงบนเรือ ก็ไม่มีรายชื่อด้วยเช่นกัน จึงสงสัยในการจัดการว่าเป็นอย่างไร ผิดพลาดที่อะไรกันแน่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว แต่จำนวนผู้เสียหายไม่มากเท่าครั้งนี้

ขณะนี้มีผู้เสียหายบางส่วนที่ดำเนินการเข้าแจ้งความแล้ว มูลค่าความเสียหายน่าจะมากพอสมควร

‘Icon of the Seas’ เรือสำราญหรู 7 หมื่นล้าน ออกท่องทะเลแล้ว ราคา 61,000-94,000 บาท ส่วนไฮซีซั่นเหยียบ 2 แสน

(31 ม.ค.67) เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า ไอคอน ออฟ เดอะซีส์ (Icon of the Seas) เรือสำราญใหญ่ที่สุดในโลกได้แล่นออกจากท่าเรือในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐ เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อออกเดินทางครั้งแรกไปท่องเที่ยวเกาะต่างๆ ในทะเลแคริบเบียนเป็นเวลา 7 วัน

เรือสำราญหรูลำดังกล่าวเป็นของบริษัท รอยัล แคริบเบียน กรุ๊ป มีขนาดความยาวของตัวเรือ 365 เมตร มีน้ำหนัก 250,800 ตัน หรือใหญ่กว่าเรือไททานิคราว 5 เท่า สามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุด 7,600 คน และพนักงานบนเรืออีกกว่า 2,000 คน มูลค่าการลงทุนสร้าง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 72,000 ล้านบาท

สำหรับภายในเรือสำราญมีจำนวน 20 ชั้น มีร้านอาหาร บาร์ และเลาจน์บนเรือมากกว่า 40 แห่ง มีสระว่ายน้ำ 7 สระและสไลเดอร์น้ำ 6 แห่ง เรือลำนี้ถูกต่อที่อู่ต่อเรือในประเทศฟินแลนด์และติดธงบาฮามาส

อีกทั้ง พิธีตั้งชื่อเรือลำนี้ ยังมีลีโอเนล เมสซี่ กองหน้ากัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาของสโมสรอินเตอร์ ไมอามี เข้าร่วมในพิธีในครั้งนี้ด้วย

ในส่วนของราคาตั๋วล่องเรือสำราญบนเรือไอคอน ออฟ เดอะ ซีส์ มีราคาตั้งแต่ 1,723 -2,639 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 61,000-94,000 บาท ขณะที่ราคาตั๋วในช่วงไฮซีซั่นอย่างคริสต์มาสจะอยู่ที่ราว 5,124 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 182,158 บาท

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการล่องเรือสำราญถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุด สมาคมเรือสำราญระหว่างประเทศ (Cruise Lines International Association : CLIA) ระบุว่า คนวัยหนุ่มสาวให้ความสนใจกับการท่องเที่ยวพักผ่อนบนเรือสำราญเป็นพิเศษ

โดยอุตสาหกรรมล่องเรือสำราญสร้างรายได้แก่เศรษฐกิจโลกในปี 2564 รวมมูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.66 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้เตือนว่าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่ถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อขับเคลื่อนเรือลำดังกล่าวจะปล่อยก๊าซมีเทนขึ้นไปในอากาศ ถึงแม้ว่าแอลเอ็นจีจะมีการเผาไหม้ที่สะอาดกว่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในเรือเดินสมุทรในอดีต

อาทิ น้ำมันเตา แต่ทางบริษัทรอยัล แคริบเบียน กล่าวว่า เรือไอคอน ออฟ เดอะซีส์ ประหยัดพลังงานมากกว่าที่ทางองค์การทางทะเลระหว่างประเทศกำหนดไว้สำหรับเรือรุ่นใหม่ถึงร้อยละ 24

'เรือสำราญ' แหล่งรายได้มหาศาล ที่เดินทางมากับเรือลำยักษ์ ไทยควรเร่งสร้างท่าเรือสำราญในจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ

ปัจจุบันการท่องเที่ยว โดยการโดยสารเรือสำราญขนาดใหญ่ เป็นที่นิยม ในหมู่นักเดินทางที่มีรายได้ค่อนข้างสูง และที่สำคัญประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งง่ายต่อการเชิญชวนให้สายการเดินเรือต่าง ๆ เข้ามาเปิดสาขาได้ โดยงานในเงื่อนไขที่หากเรามีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอย่างสมบูรณ์

ซึ่งการที่เราจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญนั้น สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทคือ...

1. รายได้จากนักท่องเที่ยวที่ลงจากเรือสำราญมาเที่ยว (นักท่องเที่ยวที่เดิน เรือสำราญ และลงจากเรือมาเที่ยววันเดย์ทริป ตามสถานที่ต่าง ๆ) ความเหมาะสมของประเทศไทยคือประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยว ที่สามารถเข้าถึงจากเรือสำราญได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเกาะรัตนโกสินทร์ ที่สามารถเดินทางจากท่าเรือคลองเตยได้ในระยะทางไม่เกินครึ่งชั่วโมง หรือแม้กระทั่งเดินทางไป อยุธยาจากท่าเรือคลองเตยก็ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงไม่เกิน 

2.รายได้จากนักท่องเที่ยวที่เดินทาง มาใช้บริการท่าเทียบเรือสำราญ (นักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ และเดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่ประเทศ ไทย เพื่อที่จะลงเรือ) เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาโดยเครื่องบินแล้วส่วนใหญ่ก็จะมีการ พักค้างคืนอย่างน้อยก็ 1 ถึง 2 คืนก่อนลงเรือ ซึ่งก็จะก่อให้เกิดรายได้ในส่วนตรงนี้ และที่สำคัญการเตรียมเรือ อาหารการกินต่าง ๆ วัตถุดิบต่าง ๆ ก็ต้องโหลดจากประเทศไทย ซึ่งอันนี้ก็เป็นการกระจายรายได้ในอีกส่วนหนึ่งเหมือนกัน

โดยปกติแล้ว นักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยเรือสำราญ มีการ เดินทางลงมาเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของแต่ละพื้นที่ ในรูปแบบวันเดย์ทริป ซึ่งก็คือ เที่ยวในช่วงกลางวันและกลางคืนกลับไปนอนบนเรือสำราญ ดังนั้นการลงเรือสำราญ เพื่อที่จะมาเที่ยวนั้น จึงมีรูปแบบด้วยกัน สอง รูปแบบคือ...

- หนึ่ง ต่อเรือเล็ก จากเรือใหญ่เข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยว 
- สอง เรือใหญ่เข้าเทียบท่าแล้วนักท่องเที่ยว สามารถเดินขึ้นบกได้ อย่างสะดวกสบาย ซึ่ง ท่าเรือเหล่านี้เรียกว่า Port of call 

ซึ่งข้อแตกต่างในการลงเรือของทั้งสองประเภท นั่นก็คือ การต่อเรือเล็กจะได้รับความนิยมน้อยกว่า การขึ้นบกโดยตรง เพราะมีความยุ่งยากมากกว่า และนักท่องเที่ยวหลายๆ คน อาจจะไม่ชอบความยุ่งยากเหล่านี้ จึงทำให้การตัดสินใจลงมาเที่ยว น้อยลงเพราะบางคน แค่เพียงพักผ่อนอยู่บนเรือก็เพียงพอแล้ว

ดังนั้น จึงควรมีการสร้างท่าเรือสำราญในจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิเช่น ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือสมุย, ท่าเรือคลองเตย, ท่าเรือภูเก็ต เป็นต้น 

การที่มีท่าเรือสำราญนั้นในท่าเรือใหญ่ ๆ จะต้องมีท่าเรือแบบ Home port ซึ่งจะใช้ในการเตรียมตัวเดินทาง พร้อมการซ่อมบำรุงเบื้องต้น ส่วนแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ควรมี Port of call หรือท่าเรือจุดแวะพักระหว่างทาง

โดย Home port เปิดให้บริการ ใกล้กับสนามบิน อย่างเช่นท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือคลองเตย, ท่าเรือภูเก็ต เป็นต้น ส่วน Port of call จะเปิดให้บริการ ในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างเช่น เกาะสมุย, เกาะพงัน, พัทยา, หัวหิน, สงขลา เป็นต้น 

ซึ่งการที่มีท่าสำหรับจอดเรือสำราญนั้น สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเพราะว่า เรือสำราญในปัจจุบันแต่ละลำสามารถบรรทุกนักท่องเที่ยวได้ จำนวนหลายพันคนต่อเที่ยว ยกตัวอย่างเช่นเรือ Ovation of the Sea ของบริษัท Royal Caribbean หนึ่งลำสามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 4,500 คน ซึ่งหากเรือลำนี้เทียบท่ารับนักท่องเที่ยวขึ้นเรือ (Home port) แหลมฉบัง หรือ คลองเตย อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ย่อมจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย 18,000 คนต่อเดือน หรือ 216,000 คนต่อปี และถ้าหากมีเรือแบบนี้ 20 ลำต่อเดือน ซึ่งถ้ากระจายไปยังท่าเรือต่าง ๆ แล้วไม่ถือเยอะ แต่เราจะได้นักท่องเที่ยวจากอุตสาหกรรมนี้ไม่น้อยกว่า 4 ล้านคนต่อปี 

ที่สำคัญกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง เพราะฉะนั้น เมื่อมีการแวะพัก เที่ยวตามจุดแวะพักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น คลองเตย เกาะสมุย, เกาะพะงัน, เกาะเต่า, เกาะช้าง, เกาะพีพี,  พัทยา, หัวหิน, จันทบุรี, ปัตตานี, สงขลา, นครศรีธรรมราช ย่อมจะสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในพื้นที่เป็นจำนวนมหาศาล 

หวังว่าบทความนี้ จะชี้ให้เห็นถึงโอกาสใหม่ ๆ สำหรับคนที่ได้อ่านนะครับ และสักวันหนึ่ง ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางของสายการเดินเรือสำราญ ที่ทุกบริษัทแวะเข้ามาท่องเที่ยว หรือใช้เป็นศูนย์กลางในการโหลดนักท่องเที่ยวลงเรือ เพื่อที่จะเดินทางไปยังท่าเรือในแต่ละประเทศต่าง ๆ ต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top