Saturday, 27 April 2024
เรียกค่าไถ่

ย้อนรอยคดีดัง!! สามคนร้ายลักพาตัวเด็กนักเรียนใน Chowchilla หวังเรียกค่าไถ่ ก่อนฝังเหยื่อ ๒๗ รายทั้งเป็น

วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ผู้ปกครองของเด็ก ๒๖ คนในเมืองชนบท Chowchilla มลรัฐแคลิฟอร์เนียต้องเผชิญกับฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดเมื่อลูก ๆ ของพวกเขาหายตัวไป รถโรงเรียนซึ่งมีเด็กนักเรียนอายุระหว่าง ๕ ถึง ๑๔ ปี หายไปอย่างลึกลับระหว่างกลับจากทัศนศึกษาในช่วงฤดูร้อน 

โดยเวลาราว ๑๖.๓๐ น. ขณะที่ รถโรงเรียนที่ขับโดย Frank Edward ‘Ed’ Ray วัย ๕๕ ปี กำลังขับรถพาเด็ก ๆ กลับนั้น ทันใดก็มีรถตู้สีขาวขับปาดหน้ารถโรงเรียนจนต้องจอดกลางถนน ชายสองคนสวมหมวกคลุมศีรษะและถือปืนลูกซองตัดลำกล้องปีนขึ้นไปบนรถโรงเรียน คนหนึ่งควบคุมตัว Ray ไว้ ในขณะที่อีกคนเข้าควบคุมรถ ส่วนชายคนที่สามรออยู่ในรถตู้ที่จอดขวางอยู่

รถบรรทุกที่ใช้ขังเหยื่อถูกฝังไว้ใต้ดินลึก ๑๒ ฟุต

หลังจากขับรถพาเหยื่อออกเดินทางเป็นระยะทางสั้น ๆ คนร้ายสามคนก็จอดรถโรงเรียนไว้ในบริเวณที่เรียกว่า ลำธาร Berenda อันเป็นลำธารสาขาที่แห้งขอดของแม่น้ำ Chowchilla ซึ่งล้อมรอบด้วยพุ่มไม้สูง โดยมีรถตู้อีกคันจอดรอไว้อยู่แล้ว พวกเขาสั่งให้ Ray และเด็ก ๆ ขึ้นไปด้านหลังของรถตู้ทั้งสองคัน ซึ่งดัดแปลงมาจากรถขนนักโทษของเรือนจำ หน้าต่างทาสีดำ และด้านในบุด้วยไม้ระแนงเพื่อกันไม่ให้เด็ก ๆ มองเห็นหรือได้ยินเสียง จากนั้นคนร้ายทั้งสามก็ได้ขับรถตู้สองคันวนไปมาราว ๑๑ ชั่วโมง ในที่สุดก็หยุดจอดที่เหมืองหินที่อยู่ห่างออกไปราว ๑๐๐ ไมล์ในเมือง Livermore พวกเขาบังคับ Ray และเด็กๆ ทุกคนปีนลงบันได และให้เข้าไปในรถบรรทุกซึ่งถูกฝังไว้ใต้ดินลึก ๑๒ ฟุต ซึ่งมีอาหารและน้ำจำนวนเล็กน้อยและฟูกนอนอีกนิดหน่อย

เด็ก ๆ ที่เป็นเหยื่อส่วนหนึ่งกับ Frank Edward ‘Ed’ Ray คนขับรถโรงเรียน

Ray รู้ว่า เขาและเด็ก ๆ คงอยู่ได้อีกไม่นานถ้าอากาศหมด ซ้ำหลังคารถบรรทุกก็ยุบตัวลงมา Ray และบรรดาเด็กโตก็ได้ช่วยกันวางฟูกที่นอนเพื่อให้เอื้อมถึงช่องเปิดที่ด้านบนของหลังรถบรรทุก ซึ่งถูกวางทับด้วยแผ่นโลหะที่หนักมากและแบตเตอรี่อุตสาหกรรมขนาด ๔๕ กิโลกรัมอีกสองลูก 

หลังจากใช้ความพยายามอยู่หลายชั่วโมง Ray และ Michael Marshall เด็กชายที่โตที่สุดวัย ๑๔ ปี ก็สามารถใช้เศษไม้งัดช่องเปิดออก แล้วย้ายแบตเตอรี่จนพ้นช่องเปิด จากนั้นพวกเขาก็ขุดเศษซากสิ่งของที่ปิดทางออกที่เหลือ สิบหกชั่วโมงหลังจากที่ถูกบังคับให้เข้าไปในรถบรรทุก พวกเขาก็สามารถหนีออกมาได้ และพากันเดินไปยังกระท่อมยามของเหมือง ซึ่งอยู่ใกล้กับอุทยาน Shadow Cliffs 

สามคนร้ายจากซ้าย Frederick Newhall Woods IV พี่น้อง James และ Richard Schoenfeld

Frederick Newhall Woods IV ลูกชายเจ้าของเหมืองหิน วัย ๒๔ ปี ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นหนึ่งในคนที่มีกุญแจของเหมืองหินแห่งนั้น และสามารถเข้าไปในเหมืองได้ลึกมากพอที่จะฝังรถบรรทุกไว้ที่นั่น เขากับเพื่อนอีกสองคน พี่น้อง James และ Richard Schoenfeld (อายุ ๒๔ และ ๒๒ ปี) เคยถูกตัดสินว่า มีความผิดฐานขโมยรถยนต์ ซึ่งพวกเขาถูกตัดสินลงโทษโดยการถูกคุมประพฤติ มีการออกหมายค้นที่ดินของพ่อของ Woods แล้วตำรวจก็พบอาวุธปืนหนึ่งกระบอกที่ใช้ในการลักพาตัว เช่นเดียวกับร่างจดหมายเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่คนร้ายทั้งสามหนีไปแล้ว

สองสัปดาห์ต่อมาหลังจากการลักพาตัว Woods ถูกจับตัวได้ในนคร Vancouver มณฑล British Columbia ประเทศแคนาดา James Schoenfeld ถูกจับในวันเดียวกันที่ Menlo Park มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่ Richard Schoenfeld สมัครใจมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแปดวันหลังจากการก่อเหตุลักพาตัว


สภาพของรถบรรทุกที่ใช้ขังเหยื่อถูกฝังไว้ใต้ดินลึก ๑๒ ฟุต หลังจากถูกขุดขึ้นมา 

ผู้ลักพาตัวไม่สามารถติดต่อเรียกค่าไถ่จำนวน ๕ ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่ากับ ๒๓.๘ ล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔) เนื่องจากโทรศัพท์ของสถานีตำรวจ Chowchilla ไม่ว่างเลย ด้วยสายเข้าจากโทรศัพท์ของสื่อและครอบครัวที่ตามข่าวลูก ๆ ของพวกเขา ในตอนดึกของวันที่ ๑๖ กรกฎาคม รายงานข่าวทางโทรทัศน์ก็แจ้งว่า เหยื่อสามารถหลบหนีออกมาได้โดยปลอดภัยแล้ว 

ในภายหลัง James Schoenfeld เล่าว่า แม้จะเขามาจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ทั้งเขา Richard และ Woods ต่างก็มีหนี้สินมากมาย “เราต้องลักพาเหยื่อหลายรายเพื่อให้ได้เงินหลายล้าน และเราตัดสินใจเลือกเด็ก เพราะเด็กมีค่าเสมอ รัฐยินดีจ่ายค่าไถ่สำหรับพวกเขา และเด็ก ๆ มักจะไม่ต่อสู้ขัดขืน อ่อนแอ และเอาแต่ใจ" ผู้กระทำความผิดทั้งสามสารภาพว่า ได้ปล้นรถ และลักพาตัวเด็ก ๆ เพื่อเรียกค่าไถ่ แต่ปฏิเสธที่จะสารภาพว่า ได้ทำร้ายร่างกายเด็ก ๆ เนื่องจากเชื่อว่าการถูกดำเนินคดีในข้อหานั้นร่วมกับข้อหาลักพาตัวจะมีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ต้องรอลงอาญา หรือไม่ได้รับทัณฑ์บนเพื่อลด/พักโทษในภายหลัง 

พวกเขาถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายด้วย และถูกตัดสินว่า มีความผิดและได้รับโทษจำคุก แต่ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำพิพากษาของพวกเขาโดยพบว่าอาการบาดเจ็บทางร่างกายของเด็ก ๆ (ส่วนใหญ่บาดแผลและรอยฟกช้ำ) ไม่เป็นไปตามเกณฑ์การทำร้ายร่างกายภายใต้กฎหมาย

‘ตร.’ รวบ 3 ผู้ต้องสงสัย บุกอุ้มสาว ป.โท เรียกค่าไถ่ 3 ล้าน เผย 1 ใน 3 คือ เพื่อนของผู้เสียหาย ทำหน้าที่เป็นนกต่อ!!

(19 มี.ค. 66) จากกรณี หญิงสาว อายุ 23 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวและนักศึกษา ระดับชั้นปริญญาโท เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ทองหล่อ ว่า ถูกกลุ่มคนร้ายเป็นชายอุ้มขึ้นรถตู้อัลพาร์ด สีดำ ขณะเดินออกจากร้านอาหารย่านเอกมัย เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 มี.ค. 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น และ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 สั่งการให้ชุดสืบสวนนครบาล พร้อมด้วยชุดสืบสวนนครบาล 5 และ สน.ทองหล่อ เร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว

‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ลวงนักศึกษาจีน เดินทางข้ามประเทศ จากสิงคโปร์มาเขมร เพื่อจับตัวไปเรียกค่าไถ่ 3 ล้านหยวน!!

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ นับวันยิ่งมีกลยุทธเหนือเมฆขึ้นทุกวัน ล่าสุดสามารถหลอกเหยื่อให้เดินทางข้ามประเทศมาให้จับตัวเรียกค่าไถ่กันเลยทีเดียว

เมื่อไม่นานนี้ หน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายในหลายประเทศ และสถานทูตจีนในสิงคโปร์ ได้รับแจ้งเหตุการลักพาตัวเรียกค่าไถ่ของนักศึกษาจีนคนหนึ่ง ที่กำลังเรียนในสิงคโปร์ ว่าเขาถูกจับตัวเรียกค่าไถ่เป็นเงินสูงถึง 3 ล้านหยวน (ประมาณ 14.4 ล้านบาท) โดยกลุ่มมิจฉาชีพในกัมพูชา

เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา นักศึกษาจีนรายนี้ได้รับโทรศัพท์ปริศนา อ้างว่าเขากำลังถูกตามจับโดยรัฐบาลจีน และควรหลบหนีออกจากสิงคโปร์เพื่อซ่อนตัว

ด้วยความกลัว นักศึกษาจีนขอความช่วยเหลือจากปลายสาย และได้รับคำแนะนำให้เดินทางมายังสีหนุวิลล์ เมืองชายฝั่งชื่อดังของกัมพูชา โดยจะมีคนช่วยหาที่หลบซ่อนตัวให้

นักศึกษาจีนหลงเชื่อ รีบจับเครื่องบินจากสิงคโปร์ ไปลงที่สีหนุวิลล์ทันที และถูกแก๊งมิจฉาชีพจับตัวไปขัง พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอเรียกค่าไถ่จำนวน 3 ล้านหยวน ส่งไปให้พ่อแม่ของเขาที่ประเทศจีน

แต่เมื่อครอบครัวของนักศึกษาจีนผู้เคราะห์ร้ายได้รับคลิปวิดีโอข้อความเรียกค่าไถ่ พวกเขารีบแจ้งตำรวจทันที ซึ่งทางการจีนก็ประสานงานไปยังสถานทูตจีนในกรุงพนมเปญ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการตามล่าจับตัวคนร้าย และสามารถช่วยเหลือนักศึกษาจีนที่ถูกลักพาตัวได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีการจ่ายเงินค่าไถ่

ปฏิบัติการครั้งนี้ ต้องใช้เจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนทั้ง จีน กัมพูชา และสิงคโปร์ กว่าจะจับกุมแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ และช่วยเหลือเหยื่อออกมาได้ ต่อมา สถานทูตจีนในสิงคโปร์ได้ออกประกาศเตือนนักศึกษา และ ชาวจีนในสิงคโปร์ ให้ระวังอย่าหลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามประเทศ

ทางการสิงคโปร์ย้ำว่า เจ้าหน้าสิงคโปร์ไม่เคยขอข้อมูลส่วนตัวทางโทรศัพท์ และไม่ควรเปิดเผยชื่อ ที่อยู่ สถานะครอบครัว หรือเลขบัญชีธนาคารกับคนที่เราไม่รู้จักทางโทรศัพท์โดยเด็ดขาด

ในปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนักในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจากข้อมูลของหน่วยงานด้านคดีค้ามนุษย์และลักลอบเข้าเมืองของตำรวจสากล พบว่ากลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้เริ่มมองหาเหยื่อที่เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาดี จบระดับมหาวิทยาลัยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เชี่ยวชาญด้าน IT หรือสนใจเรื่องเทคโนโลยี ที่มักถูกหลอกไปลงทุนในธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซี แชร์ลูกโซ่ หรือเล่นพนันออนไลน์

ในปี 2022 ที่ผ่านมา มีคดีที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในสิงคโปร์มากถึง 771 เคส ที่รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 97.6  ล้านเหรียญสิงคโปร์ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมักพบว่าแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ฝังตัวอยู่ในกัมพูชา ลาว และ พม่า

มาคราวนี้ หลอกลักพาตัวข้ามชาติกันไปเลย แต่ยังโชคดีที่สามารถติดตามตัวช่วยเหลือได้ทันท่วงที เพราะหลายครั้ง เหยื่อที่ถูกลักพาตัวมักถูก กักขัง ทำร้ายร่างกาย หรือล่วงละเมิดทางเพศ 

ดังนั้น เราจึงไม่ควรหลงเชื่อปลายสายที่เราไม่รู้จัก หรือติดต่อเข้ามาด้วยหมายเลขแปลกๆ หากสงสัย หรือรู้ตัวว่าอาจถูกหลอก ควรรีบแจ้งตำรวจก่อนจะทรัพย์จะหายจนสายเกินแก้
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top