Saturday, 4 May 2024
อุบัติเหตุ

‘อุบัติเหตุ’ บนท้องถนน... ‘คนบาดเจ็บ’ จากอะไรมากที่สุด?!

รู้หรือไม่? การใช้รถใช้ถนน หรือแม้แต่การใช้ทางเท้านั้นล้วนมีความอันตราย เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ‘อุบัติเหตุ’ จะเกิดขึ้นกับเราตอนไหน 

วันนี้ THE STATES TIMES จะพาทุกคนมาดูสาเหตุที่ ‘คนเดินทาง’ ต้องประสบกับ ‘อุบัติเหตุ’ ว่าบาดเจ็บหรือถึงตายจากสาเหตุอะไรบ้าง มาดูกันเลย!!

“10 ข้อเตือนภัยประชาชน!! ช่วงเทศกาลปีใหม่” ผบ.ตร. มีความห่วงใย จัดเต็มกำลังตำรวจ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์  โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้รับผิดชอบสายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จัดเตรียมมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุในห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2565

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประชุมกำชับสั่งการเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในห้วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2565 และกำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสียหายจากอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในห้วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมทั้งได้จัดทำ

“10 ข้อเตือนภัยประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่” ดังนี้ 

1. ไม่ประดับสวมใส่ทรัพย์สินมีค่า

2. สำรวจทรัพย์สิน และล็อกประตูหน้าต่างที่พัก

3. เจ้าของผู้ประกอบการตรวจสอบความพร้อมเจ้าหน้าที่และกล้องวงจรปิด

4. หลีกเลี่ยงการใช้บริการตู้เอทีเอ็มที่อยู่บริเวณเปลี่ยว

5. ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

6. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับรถ

7. ไม่ใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ

8. ระมัดระวังในการจุดพลุ

9. กรณีพบเห็นบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นคนร้าย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่

10. กรณีพบเหตุด่วนเหตุร้าย แจ้ง 191 หรือ 1599 หรือหมายเลขโทรศัพท์สถานีตำรวจ

 

2 กระทรวง ผนึกกำลัง!! สนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการ จากอุบัติเหตุทางถนน เป็นของขวัญปีใหม่ 2565

ณ ห้องประชุมอาคารสโมสร กระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานร่วมกันในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดสรรเงินเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ อันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนระหว่าง กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) โดยนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมการแพทย์

โดยนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคมและประธานกรรมการกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมการแพทย์ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี

นายอนุทิน กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และมีเจตนารมณ์ที่จะสร้างสังคมแห่งโอกาส ที่มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน “ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยเฉพาะการดูแลคนพิการให้เข้าถึงสิทธิ สวัสดิการ และได้รับการพัฒนาศักยภาพไปพร้อมกัน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงมียุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

โดยการสร้างหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกช่วงวัย ทุกเพศภาวะและทุกกลุ่ม สร้างสภาพแวดล้อมทางกายภาพและทางสังคมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตและการมีส่วนร่วมเป็นพลังในสังคมสำหรับคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้พิการและผู้สูงวัย พัฒนาระบบบริการสุขภาพ ลดความเหลื่อมล้ำของคุณภาพการบริการในแต่ละระบบ เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงหน่วยบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว และได้รับบริการอย่างมีคุณภาพ

โดยในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ให้ประสบความสำเร็จ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในโอกาสนี้จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม สนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเหลือแก่ผู้พิการ เพื่อให้ผู้พิการสามารถดำรงชีวิตประจำวันและประกอบอาชีพได้ใกล้เคียงกับบุคคลทั่วไป

 

ตำรวจสอบสวนกลาง จัดกิจกรรมจิตอาสา “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เตรียมความพร้อมรองรับประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

บนถนนทางหลวงมอเตอร์เวย์สาย 6 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.พร้อมกำลังจิตอาสา จัดกิจกรรมจิตอาสา “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เตรียมความพร้อมรองรับประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยมุ่งเน้น “เปิดจุดอับ ขยายจุดสว่าง จุดพักรับรองเพื่อความสุขของประชาชน” ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.64 - 4 ม.ค.65

โดยมีจิตอาสาเข้าร่วมกว่า 200 นาย ประกอบด้วยจิตอาสาตำรวจสอบสวนกลาง  เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครราชสีมา , เจ้าหน้าที่ อบต.หนองสาหร่าย , อาสาจราจรตำรวจทางหลวง , จิตอาสาอำเภอปากช่อง ,  ชมรมฮักเขาใหญ่ , วิทยาลัยอาชีวศึกษากุสุมภ์เทคโนโลยี , นักเรียนโรงเรียนบ้านนา (ประสิทธิ์วิทยาคาร), นักเรียนโรงเรียนไตรรัตน์วิทยาคารในพื้นที่ อ.ปากช่อง และประชาชนจิตอาสา ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาด้านการจราจร พร้อมรับเทศกาลปีใหม่ 2565 ณ บริเวณมอเตอร์เวย์ (M6) สายบางปะอิน – นครราชสีมา ต.หนองสาหร่าย  อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อมเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เช่น ทาสีเครื่องหมายจราจรให้ชัดเจน ตัดแต่งกิ่งไม้ ตัดหญ้าที่บดบังภูมิทัศน์ เก็บเศษขยะที่อาจทำให้เกิดการกีดขวางการจราจร  และล้างถนน

นอกจากนี้ยังมีการทำกิจกรรมพร้อมกันทั้ง 41 สถานีตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ  ถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ เป็นการเตรียมความพร้อมและอำนวยความสะดวก ให้แก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทาง สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมกันรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ตามโครงการแจกหมวกนิรภัยแก่เด็กนักเรียน มอบหมวกนิรภัยให้กับเด็กนักเรียน โรงเรียนในพื้นที่ อ.ปากช่อง

สำหรับการดูแลอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา ในเทศกาลปีใหม่ 2565 นั้น ตำรวจทางหลวง ได้ประสาน กรมทางหลวง ในการคืนพื้นผิวการจราจรในจุดซ่อมสร้างต่าง ๆ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถบรรทุกในการงดเดินรถบรรทุกในบางเส้นทาง พร้อมเตรียมเปิดช่องทางพิเศษและเส้นทางเลี่ยง เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และอาสาจราจรตำรวจทางหลวง ที่ได้ผ่านการฝึกอบรมแล้ว มาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน 

สำหรับประชาชนที่ต้องเดินทางไกล ขับรถเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดความเหนื่อย เมื่อยล้า  ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้จัดห้องพักฟรีทั่วไทย จากใจตำรวจทางหลวง ไว้รองรับประชาชน สามารถจอดรถแวะพักได้ หรือจะพักค้างคืนได้เช่นกัน โดยได้จัดห้องพัก อาหาร ห้องน้ำ wifi และเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการ ซึ่งทุกหน่วยบริการฯ จะมีการตรวจคัดกรองตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด และภายในที่พักยังมีโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้  ขอคำแนะนำจากตำรวจทางหลวงได้ และสามารถนำผลิตผลทางการเกษตรกลับไปได้อีกด้วย ทั้งนี้ ประชาชน ที่สนใจสามารถจองที่พักได้ที่ www.booking.hwpdth.com หรือ สแกนผ่าน QR Code  

 

รองผบ.ตร. พร้อมคณะตรวจเยี่ยมสภาพการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวก ด้านจราจร - ลดอุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ใน พื้นที่จังหวัดสระบุรี

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะเดินทางตรวจสภาพการจราจรและอำนวยความสะดวกในการจราจรเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่บริเวณกิโลเมตรที่ 99 ถนนพหลโยธินเปิดช่องทางพิเศษทางหลวงที่ 1 ตำบลหนองนาก อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรีซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 1

มีพล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรีพล.ต.ต.ชัช สุขแก้วณรงค์ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ2 พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพร ผกก.สภ. หนองแค พ.อ.สมศักดิ์ รักษาแสง รองผล.ศม. นายธนสาร สิทธาภา ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสระบุรี  พร้อมเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง แขวงทางหลวงสระบุรี ให้การต้อนรับ

การจราจรช่วงจังหวัดสระบุรีเริ่มหนาแน่น บรรยากาศการเดินทางกลับของประชาชน ตั้งแต่ 2 มกราคม 2565 สภาพจราจรบริเวณทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ช่วง กม.ที่ 106เป็นต้นไป ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ พื้นที่อำเภอเมืองสระบุรีกม.100 และกม.99 อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี มีประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและจากการท่องเที่ยวในจังหวัดทางภาคอีสานและภาคเหนือ หลังเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 กันเรียบร้อยแล้ว ทำให้ปริมาณรถเริ่มมากขึ้นแต่การจราจรยังคล่องตัวสามารถทำความเร็วได้ตามกฎหมายกำหนด

 

ตร. พอใจ!! ปีใหม่ 2565 พบอุบัติเหตุ - ผู้เสียชีวิตลดลงตามเป้า พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ

วันนี้ (5 ม.ค. 65) เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. /พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. / พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงผลการดำเนินการในการอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุ และการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน เทศกาลปีใหม่ 2565 พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ฯ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.64 เป็นต้นมาจนถึงวันสุดท้ายคือ 4 ม.ค.65 ซึ่งทุกวันจะมีการติดตามสถานการณ์การจราจร และการปฏิบัติของแต่ละหน่วย ผ่านระบบ VDO Conference  โดยมี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้กำกับดูแลในแต่ละวัน และให้หน่วยระดับ บช./ภ. , บก./ภ.จว. และทุกสถานีตำรวจเฝ้าฟัง ทั้งนี้เพื่อลดอุบัติ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด โดยผลการดำเนินการในแต่ละด้าน มีดังนี้ 

>> 1. การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร  จัดกำลังตำรวจกว่า 80,000 นาย ดูแลการจราจรตลอด 7 วัน มีปริมาณรถ เข้า-ออกจาก กทม. จำนวน 7,540,156 คัน  (ออกจาก กทม. จำนวน 3,718,563  คัน  และเข้า กทม. จำนวน 3,821,593 คัน)  วันที่ประชาชนเดินทางออกจาก กทม. มากที่สุด คือวันที่ 30 ธ.ค.64  วันที่ประชาชนเดินทางเข้า กทม. มากที่สุด วันที่ 3 ม.ค.65  

มีการเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) จำนวนทั้งสิ้น 126 ครั้ง (ระบายรถขาออก 52 ครั้ง / ขาเข้า 74 ครั้ง) รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ที่ขออนุญาตเดินรถในช่วงเวลาห้าม ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 23,484 คัน อนุญาตให้เดินรถได้ 20,645 คัน  (รถที่ได้รับอนุญาตมากที่สุด คือ รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส (ร้อยละ 60.3) รองลงมา คือ รถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค (ร้อยละ 24.1) ) ( ไม่อนุญาตจำนวน 2,839 คัน  และพบผู้ฝ่าฝืนเดินรถในเวลาห้าม จำนวน 82 ราย เนื่องจากเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด)      

 

>> 2. การบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก มีการตั้งจุดตรวจทุกวันเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน ทั่วประเทศจำนวน 1,240 จุด (กวดขันวินัยจราจร 769 จุด, ตรวจแอลกอฮอล์ 471 จุด) พบผู้ที่ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 573,837 ราย  ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 19,760 ราย (มากกว่าปีใหม่ปีที่แล้วคิดเป็น 41.52 %) ข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย 167,677 ราย และข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 48,257 ราย โดย 10 ข้อหาหลักนี้ จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าว

>> 3. การป้องกันและลดอุบัติเหตุ รัฐบาลกำหนดค่าเป้าหมายให้จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (admit) ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 5 % เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (ปีใหม่ 2562 – 2564) ซึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุลดลงตามเป้าในทุกด้าน

- การเกิดอุบัติเหตุ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565  เกิดจำนวน 2,707 ครั้ง  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,515 ครั้ง) เป็นจำนวน 808 ครั้ง  (ลดลง 22.99 %)

- จำนวนผู้เสียชีวิต 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565  มีจำนวน 333 ราย  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (388 ราย) เป็นจำนวน 76 ราย   (ลดลง 18.58 %)

- จำนวนผู้บาดเจ็บ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565  มีจำนวน 2,672 คน  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,572 คน) เป็นจำนวน 900 (ลดลง 25.08 %)

ทั้งนี้ บช./ภ. ที่มีผลการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนดีที่สุด ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรภาค 8

>> จังหวัดที่มีสถิติอุบัติเหตุลดลงมากที่สุด (เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปี) 3 จังหวัดแรก คือ จว.อำนาจเจริญ จว.ระยอง จว.พิจิตร

>> จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต  มีจำนวน 9 จังหวัด ได้แก่ นครนายก  แพร่   สุโขทัย  สมุทรสงคราม พังงา ตรัง  สตูล ปัตตานี และยะลา

4. การประชาสัมพันธ์ข้อมูล  มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ facebook ตำรวจทางหลวง และสายด่วน บก.ทล. 1193, จส.100 สวพ.91 รวมทั้งสื่อหลักและสื่อโซเชียล ที่เกี่ยวกับการจราจรต่าง ๆ โดยมีประชาชนสอบถามข้อมูลการจราจรและแจ้งเหตุผ่านทาง สายด่วน 1193 รวมจำนวน 2,463 สาย เป็นการสอบถามเส้นทางและสภาพการจราจรจำนวน 1,773 สาย และขอความช่วยเหลืออีก 566 สาย

 

โฆษก ตร. เตือน!! "เมาแล้วขับ" คุก 10 ปี เพิกถอนใบขับขี่ เสี่ยง "อุบัติเหตุร้ายแรง"

11 ม.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบผู้หญิงรายหนึ่งขับรถไม่ไปตามทิศทางที่กำหนด (ย้อนศร) และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าของรถไม่ยินยอม จึงได้นำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของรถไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แล้วพบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมตัว และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ห้ามขับขี่ขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้ไม่มีสติในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น จนทำให้เกิดความสูญเสีย ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย

>> พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522

>> มาตรา 43 (2) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น

>> มาตรา 160 ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 6 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาทถึง 120,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

>> พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557

>> มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 142 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

>> มาตรา 142 เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถในเมื่อ

(1) รถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 

(2) เห็นว่าผู้ขับขี่หรือบุคคลใดในรถนั้นได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้น ๆ

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจรพนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่

ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ทดสอบ ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจกักตัวผู้นั้นไว้ดําเนินการทดสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จําเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การทดสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว หากผู้นั้นยอมให้ทดสอบและผลการทดสอบปรากฏว่าไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น หากผู้นั้นยังไม่ยอมให้ทดสอบตามวรรคสามโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) การทดสอบตามมาตรานี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างเข้มงวด และมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคน ซึ่งในหลาย ๆ คดี ศาลได้มีคำพิพากษาจำคุก และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 

 

‘เอ้ สุชัชวีร์’ เสนอ 3 ทางออก แก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเสนอ 3 แนวทางในการแก้ปัญหาโศกนาฏกรรมบนท้องถนน หลังเกิดเหตุเศร้า ส.ต.ต.ขี่บิ๊กไบค์ชนแพทย์หญิงเสียชีวิต

จากกรณีข่าวสุดสลด เมื่อ ส.ต.ต.ควบจักรยานยนต์ big bike ducati สีแดง ชนขณะที่ พญ.วราลัคน์เดินข้ามถนนบริเวณทางม้าลาย หน้าสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท เป็นเหตุให้ พญ.วราลัคน์เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ตำรวจนครบาลเผยแจ้ง 5 ข้อหา "ส.ต.ต." ขี่บิ๊กไบค์ชนแพทย์หญิงเสียชีวิต "ขับรถโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย" และข้อหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ในข้อหา นำรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทาง, ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย และไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง (ไม่หยุดรถให้คนข้าม) และพ.ร.บ.รถยนต์ฯ ข้อหา ฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (23 ม.ค.) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเพจ "เอ้ สุชัชวีร์" เสนอทางแก้ปัญหาเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยได้ระบุข้อความว่า

"แค่เสียใจ คงไม่พอ สามทางแก้ ผมขอเสนอ โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญบนถนนใจกลาง กทม. เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ชนคุณหมอเสียชีวิตขณะข้ามทางม้าลาย”

ผม เอ้ สุชัชวีร์ ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุด ต่อครอบครัวคุณหมอกระต่าย และเพื่อนร่วมงานทุกท่าน แต่แค่เสียใจ คงไม่พอ เมื่อผมอาสามารับใช้ กทม. ก็ต้องมาพร้อมการแก้ปัญหา ไม่ให้ความสูญเสียเกิดขึ้นอีก ในฐานะวิศวกร อดีตนายกวิศวกรรมสถานฯ และอดีตนายกสภาวิศวกร ผมขอเสนอ (อีกครั้ง) ว่า ในประเทศที่อุบัติเหตุบนถนนน้อยมาก เขาทำอย่างไร ทำไมเราต้องเปลี่ยนถนน กทม. ให้ปลอดภัย

1.) "ต้องไม่ยอมให้ผ่านไปเหมือนไฟไหม้ฟาง มีหน่วยงานหาความจริง"

เมื่อมีอุบัติเหตุบนถนน เขาจะตั้งกรรมการผู้เชี่ยวชาญเพื่อถอดบทเรียนจริงจัง ไม่รอข่าวเงียบ เพื่อหาต้นตอปัญหา ไม่ใช่แค่รู้ว่าใครชน คนนั้นรับผิดชอบ เพราะมันอาจเกิดจากปัจจัยอื่นด้วย ดังนี้ "เกิดจากถนน และสิ่งแวดล้อม" หรือ "เกิดจากยานพาหนะ" หรือ "เกิดจากคน ผู้ขับขี่" หรือทุกปัจจัย เพื่อนำไป "แก้ไขที่ต้นเหตุ!!!" ลดความเสี่ยง หยุดการสูญเสียในอนาคต

กทม. จะต้องมีหน่วยงานกลางเพื่อไต่สวนหาสาเหตุที่แท้จริง ถอดบทเรียนเพื่อนำมาดำเนินลดความเสี่ยง หน่วยงานนี้ต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านถนนและวิศวกรรมจราจร ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญอิสระภายนอก ดำเนินการเก็บข้อมูลหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถวิเคราะห์สาเหตุได้ถูกต้อง แล้วเสนอทางแก้ไข ทั้งด้วยการเปลี่ยนกายภาพถนน ใช้เทคโนโลยี และใช้กฎหมายเข้มข้น กทม. มีสำนักจราจร มีสำนักโยธา มีสำนักการแพทย์ มีคณะวิศวะ คณะแพทย์ มีคนเก่ง พร้อมครับ ต้องทำ #เราทำได้

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ จับมือ กทม. คมนาคม ลงพื้นที่สำรวจแก้ปัญหาทางม้าลาย!!

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.  พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ  เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พร้อมด้วย  พล.อ.ต.นพ.อิทธิพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภาสำนักงาน คณะผู้บริหารสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร นายสุจิณ มั่งนิมิตร ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัยคมนาคม กระทรวงคมนาคม นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณทางข้าม (ทางม้าลาย) ตรงโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์  ถนนพญาไท ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุเฉี่ยวชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล เพื่อสำรวจสภาพด้านวิศวกรรมจราจร ส่วนควบและอุปกรณ์ของทางข้าม  สำหรับเป็นข้อมูลในการปรับสภาพแวดล้อมบริเวณทางข้ามดังกล่าว ให้เหมาะสม  เกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนนสูงสุด 

โดยจะรวบรวมข้อมูล นำเสนอคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ( หรือ นปถ.) ในการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 27 ม.ค.65 ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน นอกจากนั้น ทาง ตร. จะได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยทางถนน ร่วมประชุมหารือ เพื่อกำหนดแนวทางการสำรวจข้อมูลทางข้ามในภาพรวมทั่วประเทศ และการปรับปรุงสภาพแวดล้อม รวมถึงแนวทางการใช้เทคโนโลยีมาติดตั้งบริเวณทางข้าม เพื่อจัดการความปลอดภัยและบังคับใช้กฎหมายในวันศุกร์ที่ 28 ม.ค.65 ต่อไป

สำหรับโดยทางข้ามหน้าสถาบันโรคไตฯ นั้น จัดทำครั้งแรกเมื่อปี 2558  มีประชาชนใช้ทางข้ามประมาณ ชั่วโมงละ 30 คน อยู่ห่างจากแยกพญาไทประมาณ 120 เมตร เป็นทางข้ามที่ยังไม่ได้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจร

นครนายก – จัดกิจกรรมสัปดาห์รณรงค์ เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม และการขับเคลื่อนวาระจังหวัดนครนายก “นครนายกปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน”

ที่บริเวณด้านหน้าวิทยาลัยเทคนิคนครนายก ถนนสาย 305 รังสิต-นครนายก อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก จัดกิจกรรมสัปดาห์รณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม และการขับเคลื่อนวาระจังหวัดนครนายก “นครนายกปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน” โดยมี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นประธานเปิดงาน นายภราดล รุ่งโรจน์ธีระ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครนายก กรรมการและเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนครนายกกล่าวรายงาน ในพิธีได้มีหัวหน้าส่วนราชการ ขนส่ง ทางหลวง ตำรวจ ผู้บริหารสถานศึกษา และนักศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก รับมอบหมวกนิรภัยจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และได้ร่วมทำกิจกรรม ทาสีบริเวณทางข้าม เยี่ยมชมนิทรรศการจากส่วนราชการและการรณรงค์ในสถานศึกษาให้มีความปลอดภัยบริเวณทางข้าม โดยใช้ธงสีเขียวเป็นสัญลักษณ์

พร้อมเร่งมาตรการด้านผู้ใช้รถใช้ถนน โดยให้ดำเนินการสร้างการรับรู้และความตระหนัก ด้านความปลอดภัยทางถนน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ให้มีจิตสำนึกและตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขับรถที่ไม่มีวินัยและไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด และมอบแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งดำเนินการปรับปรุง แก้ไขด้านกายภาพของถนนในความรับผิดชอบ รวมทั้งตรวจสอบและปรับปรุง แก้ไขเครื่องหมายจราจร สัญญาณไฟและป้ายเตือนให้มีความชัดเจนบริเวณทางข้าม ทางร่วม ทางแยก และจุดคับขันต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย ใช้ความระมัดระวัง และลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน

 

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top