Saturday, 18 May 2024
อุบัติเหตุ

‘บีส ดวลเพลงชิงทุน’ ซิ่งเบนซ์ฝ่าฝน แต่ดันเสียหลักพุ่งลงคลอง โชคดี!! บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และรอดมาได้เพราะระบบรถ

(10 ก.ย. 66) แฟนเพลงห่วง นักร้องรายการดัง ‘บีส ดวลเพลงชิงทุน’ เกิดอุบัติเหตุ ซิ่งเบนซ์ลุยฝน พุ่งลงคลอง เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 10 กันยายน บริเวณหน้าบริษัท เอ็นที ออโตโมดด์ จำกัด ซอยสุขสวัสดิ์ 84 หรือ ซอยวัดคู่สร้าง ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

อาสาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ้ง จุดพระสมุทรเจดีย์ เล่าว่า "ตนได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกู้ชีพปราการ ว่ามีอุบัติเหตุรถเก๋งตกลงไปในคลอง ภายในซอยวัดคู่สร้าง จึงรีบมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็พบ รถเก๋ง ยี่ห้อเบนซ์ จมอยู่ในน้ำ ส่วนคนขับรถอยู่ในอาการตกใจ ตัวเปียกปอน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย"

ด้าน ‘บีส ดวลเพลงชิงทุน’ เผย "ตนขับรถมาจากวัดคู่สร้าง เพื่อมุ่งหน้าออกปากซอย ถนนสุขสวัสดิ์ เพื่อจะกลับบ้านพักแถวพระสมุทรเจดีย์ ช่วงขณะนั้นมีฝนตกหนัก ตนขับรถเพื่อจะแซงรถคันหน้า แต่รถเกิดเสียหลักพุ่งลงไปในคลองข้างทาง ก่อนที่รถจะจมลงไปทั้งคัน ตนได้เปิดกระจก ส่วนประตูก็ดีดเปิดเอง โดยที่ตนไม่ได้ทำอะไร คาดว่าน่าจะเป็นระบบของตัวรถ จากนั้นตนจึงพยายามออกมาจากตัวรถโดยทันที พอออกมาได้ ก็มีชาวบ้านแถวนั้น วิ่งมาช่วยให้ตนขึ้นมาอยู่บนสะพานอย่างปลอดภัย"

‘ตำรวจ’ เตรียมแจ้งข้อหา ‘ว่าน ธนกฤต’ ขับรถประมาท!! หลังขับเก๋งชนท้ายรถเก็บขยะ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย

(8 พ.ย.66) จากกรณีนักร้องดัง ‘ว่าน ธนกฤต’ ขับรถหรูวอลโว่ ชนท้ายรถเก็บขยะ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย บริเวณปากซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 13 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี

โดยพบว่าก่อนเกิดเหตุ ว่าน ธนกฤต เพิ่งไปไลฟ์สดกับวง ZEAL ก่อนขับรถชน ทำให้แฮชแท็ก #ว่านธนกฤต ขึ้นเทรนด์ และโซเชียลแห่ถกเถียงสนั่น พร้อมรอให้ดูผลตรวจแอลกอฮอล์ดีกว่า ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้า วันที่ 8 พ.ย.66 พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เผยว่า เบื้องต้นในเหตุการณ์ดังกล่าว ว่านเดินทางมาให้ปากคำเมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยให้ปากคำว่าเหตุเกิดขณะที่กลับมาจากทำงาน ยอมรับมีอาการอ่อนเพลียและอาจหลับใน โดยเจ้าหน้าที่ได้พาว่านไปโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เพื่อตรวจวัดแอลกอฮอล์ในร่างกายแล้ว

“ยอมรับตำรวจไม่ได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุทันที เนื่องจากขณะนั้นผู้บาดเจ็บและตัวของว่านถูกส่งไปรักษาตัวคนละที่กัน โดยเจ้าหน้าที่เลือกเดินทางไปหาผู้บาดเจ็บก่อน หลังจากนั้นเมื่อไปถึงโรงพยาบาลที่ว่านเข้ารับการรักษาก็ไม่พบตัวแล้ว ซึ่งโรงพยาบาลแจ้งว่าว่านบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและขอกลับไปพักผ่อน” พ.ต.อ.จาตุรนต์กล่าว

พ.ต.อ.จาตุรนต์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่เตรียมจะแจ้งข้อกล่าวหากับว่าน ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บด้วย

‘นายกฯ’ สั่งคมนาคมเร่งดูแลผู้ประสบเหตุรถทัวร์มรณะ หลังเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง คร่าชีวิต 16 ศพ

(6 ธ.ค.66) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต กรณีเหตุรถทัวร์โดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-นาทวี ประสบอุบัติเหตุเสียหลักตกไหล่ทางชนต้นไม้ริมถนนเพชรเกษม หน้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 14 รายและที่โรงพยาบาล 2 ราย 

นางรัดเกล้า ยังระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยบนท้องถนนมาโดยตลอดไม่ว่าจะช่วงเทศกาลหรือไม่ใช่ช่วงเทศกาลจะมีการรณรงค์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมยังมีมาตรการคุมเข้มอุบัติเหตุช่วงเทศกาลเพื่อ ‘ลดตาย’ ในส่วนของรถโดยสาร 2 ชั้น ได้เปิดจดทะเบียนรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้นแล้วที่ต้องมีความสูงไม่เกิน 4 เมตร จากเดิมไม่เกิน 4.3 เมตร แต่รถทัวร์ 2 ชั้นในระบบจดทะเบียนวิ่งให้บริการได้เหมือนเดิม พร้อมบังคับติดตั้งระบบจีพีเอส เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมผู้ขับรถ ปรับปรุงสภาพรถ ซ่อมตัวถังรถ ต้องปรับระดับความสูงของรถเหลือไม่เกิน 4 เมตร ซึ่งจะมีอายุการใช้งานไปอีกประมาณ 4-5 ปี และจะปิดตำนานรถ 2 ชั้นในเมืองไทย

"นายกรัฐมนตรี ขอให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอำนวยความสะดวกกับผู้ประสบเหตุและญาติ ดังนั้นจะเห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังกับความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างมาก มีการรณรงค์ในทุกเทศกาล เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น" นางรัดเล้า กล่าว

นางรัดเกล้า ยังกล่าวชื่นชมประชาชนในที่เกิดเหตุที่ให้ความช่วยเหลือ ด้วยการเปิดห้องพักในระแวกนั้นให้ญาติผู้ประสบเหตุที่มาติดต่อรับศพ หรือมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บได้พักครอบครัวละ 1 ห้องฟรี เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้าช่วยเหลือ

หลวงพ่อวัดถ้ำกระบอกตกหลังคาเจ็บสาหัส  ลูกศิษย์ต้องเดินหามเกี้ยวส่ง รพ.ไกล 6 กม.

เมื่อวานนี้ (18 ธ.ค.66) จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pakaraporn Bunta ได้โพสต์รูปภาพ เป็นภาพหลวงพ่อรูปหนึ่งอยู่ในกระเช้าที่มีรถเครนยกขึ้นไปบนหลังคาวิหารที่กำลังก่อสร้าง แล้วเกิดพลัดตกทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งลูกศิษย์จำนวนหนึ่งนำหลวงพ่อขึ้นเกี้ยวหามส่งโรงพยาบาล พร้อมกับระบุข้อความไว้ว่า “สัจจะ คือตัวกระทำ ห้ามขึ้นรถลงเรือ” เรื่องคือหลวงพ่อขึ้นไปทำหลังคา แล้วท่านตกลงมาจากข้างบน แต่ประเด็นคือ ท่านไม่ยอมขึ้นรถของ รพ.ที่มารับ แต่จะเดินไป รพ. เอง แต่ด้วยระยะทางเกือบ 6 โลเมตร และเลือดออกไม่หยุด ลูกศิษย์ไม่ให้ท่านเดิน เลยต้องทำเกี้ยวนั่ง

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปวัดถ้ำกระบอก หมู่ 11 ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพื่อสอบถามสาเหตุและเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่ภายในวัดถ้ำกระบอก จึงทราบว่าพระที่ได้รับบาดเจ็บคือ พระอาจารย์บุญส่ง ฐานจาโร ประธานมูลนิธิถ้ำกระบอกและประธานสงฆ์วัดถ้ำกระบอก โดยได้พบกับ พระองอาจ ปภากโร อายุ 67 ปี ผู้ดูแลรักษาบำบัดยาและสุรา วัดถ้ำกระบอก กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. เกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย กู้ภัยสังเกตเห็นหูท่านมีเลือดออก เป็นพระที่นี่เป็นพระที่บวชแล้วเอาตัวกระทำเป็นที่พึ่ง คือการทำงานเป็นที่พึ่ง ไม่ได้ออกไปเรี่ยไร หลวงพ่อท่านอายุจะ 80 แล้ว ท่านยังแข็งแรงอยู่ ท่านขึ้นไปมุงหลังคาเอง

เกิดเหตุการณ์กระเช้าเคนหลุด หลวงพ่อเลยร่วงลงมา ค้างอยู่ประมาณ 6 เมตร ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะมีแผล มีเลือดออกจากหูนิดหน่อย แต่ท่านจะไม่ไปโรงพยาบาล ลูกศิษย์ไม่ยอม เลยพากันหามท่านไป เพราะว่าท่านเชื่อเรื่องสัจจะ ไม่ขึ้นรถลงเรือ เป็นอะไรต้องเดิน เดินไม่ไหวก็หามกันไป ปฏิบัติมาตลอดตั้งแต่ พ.ศ.2502 กว่า 60 ปี ตั้งแต่หลวงปู่ใหญ่เป็นผู้ให้กำเนิดวัดถ้ำกระบอก ก็เอาสัจจะเป็นที่พึ่ง ตอนนี้อาการท่านไม่มีปัญหา หมอนัดผลเอกซเรย์วันนี้ช่วงบ่าย มีเย็บ 13 เข็ม มีแผลถลอกนิดหน่อย รอผลเอกซเรย์ศรีษะว่าจะมีกระทบกระเทือนไหม ลูกศิษย์ให้หมอดูแลให้เต็มที่ ถึงท่านจะอายุมากแล้วแต่ท่านยังแข็งแรงอยู่ คนหนุ่มบางคนยังสู้ท่านไม่ได้ ฉันมื้อเดียว ไม่ขึ้นรถลงเรือ ไม่รับกิจนิมนต์ บาดเจ็บสาหัสยังไงก็ไม่ยอมขึ้นรถ

ทางด้านนายอำนวย แก้วศรี อายุ 46 ปี ลูกศิษย์วัดถ้ำกระบอก กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณ 12.00 น.ได้ยินเสียงดัง จึงเดินออกไปดูมีลูกศิษย์วัดอีกคนวิ่งมาว่าหลวงพ่อร่วงลงมาแต่ค้างอยู่บนหลังคาชั้น 2 เมื่อนำท่านลงมาแล้วทำการปฐมพยาบาล มีบาดแผลที่ศีรษะ ที่ขา และอีกหลายแห่ง

เบื้องต้น กู้ภัยมาแล้วจึงได้ประเมินบาดแผล แต่หลวงพ่อไม่ยอมไปโรงพยาบาล เพราะหลวงพ่อท่านไม่ขึ้นรถ เลยเสนอให้ทำเกี้ยวแบกไป อาจารย์บอกว่าจัดการได้เลย ผมจึงไปนำเกี้ยวมา แล้วจึงนำท่านขึ้นเกี้ยว แล้วแบกกันไป เหตุผลที่ท่านไม่ขึ้นรถเพราะท่านรับสัจจะเอาไว้ ว่าจะไม่ขึ้นรถลงเรือ ท่านบวชมา 50 กว่าปี ท่านไม่เคยขึ้นรถ ท่านเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ท่านไม่เคยขึ้นรถ เพราะหลวงพ่อท่านทำงานทุกวัน อายุ 70 กว่า ช่วงที่แบกเกี้ยวไปส่งประมาณ 6 กิโลเมตร

อาการเบื้องต้นทางโรงพยาบาลเย็บแผลให้ ต้องรอดูอาการท่าน 2 วัน เกรงว่าสมองจะได้รับการกระทบกระเทือน เพราะมีเลือดออกทางหู 

ทาวน์เฮ้าส์เก่า ‘ทรุดถล่ม’ กลางดึกติดกัน 4 หลัง ด้านเจ้าของบ้านหนีตาย เหลือแค่เสื้อผ้ากับมือถือติดตัว

(4 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายพินิจ เติมบุญ นายก อบต.บ้านคลองสวน รับแจ้งว่ามีบ้านลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาด 2 ชั้น ทรุดตัวได้รับความเสียหายหลายหลัง ภายในหมู่บ้านพักครู ใน ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่กองช่างและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรีบไปให้การช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุเข้าจากถนนประชาอุทิศ 90 มุ่งหน้าวัดจันทร์แก้วเพชร ประมาณ 5 กิโลเมตร ด้านขวามือ พบเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาด 2 ชั้น ปลูกติดกันจำนวน 50 คูหา แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 25 หลัง บริเวณทาวน์เฮ้าส์ด้านซ้ายมือ 4 หลัง เกิดการทรุดตัว บริเวณด้านหลังบ้านซึ่งเป็นห้องครัวและห้องน้ำพังถล่มลงมา เศษอิฐ เศษปูนหล่นลงมากองกับพื้น

บริเวณหน้าบ้านพบกำแพงบ้านและหน้าต่างแตกแยก จนเอนเอียงไปทางด้านหลังบ้าน โดยทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.บ้านคลองสวน ปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในบ้านและยังไม่อนุญาตให้เจ้าของบ้านเข้าไปเก็บทรัพย์สินภายในตัวบ้าน เหตุเกรงว่าจะเกิดอันตราย และเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นจนพังถล่ม

นายเล็ก อายุ 63 ปี หนึ่งในเจ้าของบ้านที่บ้านพังถล่ม เล่าว่า ตนเป็นพนักงานรับ-ส่งสินค้า อยู่ในบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยบ้านหลังดังกล่าวตนซื้อต่อมาจากครูที่เกษียณราชการไปเมื่อช่วง 20 ปีก่อน ในราคา 500,000 บาท ปกติจะพักอยู่กับลูกและภรรยารวมกัน 5-6 คน แต่เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาลูก ไปซื้อบ้านอยู่อีกแห่งหนึ่ง ตนจึงอยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว

กระทั่งเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 66 ที่ผ่านมา ตนได้ยินเสียงปูนของบ้านซึ่งอยู่ติดกัน บ้านหลังดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัยมานานกว่า 2-3 ปี ได้ยินเสียงปูนลั่นมาโดยตลอด บางครั้งลั่นทุกชั่วโมง บางครั้ง ลั่น 2-3 ครั้งแต่ไม่ได้เอะใจอะไร

กระทั่งเมื่อเวลา 19.30 น.วันนี้ ในขณะที่ตนนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของตัวบ้านได้ยินเสียงปูนลั่นเหมือนเดิม และเหมือนลั่นในบ้านของตนด้วยจำนวน 2-3 ครั้ง ตนจึงลุกขึ้นเดินดูรอบบ้าน พบว่าปูนบริเวณหลังบ้านเริ่มหล่นลงมาจำนวนมาก ก่อนที่มีเพื่อนบ้านจะตะโกนเรียกตนให้รีบหนีออกมาจากตัวบ้าน

ในระหว่างที่ตนกำลังจะเดินออกจากบ้าน ยังได้ยินเสียงตัวบ้านลั่นอีก 2-3 ครั้ง ตนจึงรีบกระโดดออกทางหน้าต่างวิ่งหนีออกมาจากตัวบ้านรอดตายอย่างหวุดหวิด ทำให้ข้อเท้าด้านขวามีอาการปวดเจ็บ หลังจากที่ได้ออกมาจากตัวบ้านแล้วยืนดูตัวบ้านอยู่สักครู่ใหญ่ นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์อยู่ในบ้านจึงวิ่งเข้าไปเอาโทรศัพท์ในบ้าน ก่อนที่จะวิ่งหนีออกมาได้

หลังจากเกิดเหตุ ตนจะไปพักอาศัยอยู่บ้านลูกและคงต้องรอหน่วยงาน ในพื้นที่มาตรวจสอบและยืนยันโครงสร้างอีกครั้ง ซึ่งตนเป็นห่วงข้าวของที่อยู่ในบ้านเพราะมีหลายอย่าง ตอนที่ตนหนีออกมามีแค่เสื้อผ้าชุดเดียว กับโทรศัพท์มือถือเพียง 1 เครื่องเท่านั้น

กระทั่งเมื่อเวลา 23.00 น. ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญ เดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุพร้อมเดินสำรวจโดยรอบ สันนิษฐานคาดว่าน่าจะเกิดจากฐานล่างของตัวบ้านเกิดการทรุดตัว จากที่ตัวบ้านหลังหนึ่งใน สังเกตด้วยสายตาพบว่าบ้านหลังดังกล่าวทรุดตัวมากกว่าหลังอื่นๆ ก่อนที่จะดึงบ้านข้างเคียงพ่วงลงไปด้วย

จึงประสานเจ้าหน้าที่ในตอนเช้าให้นำอุปกรณ์มาตรวจสอบระดับการทรุดตัวของตัวบ้าน ว่ามีเพิ่มเติมอีกหรือไม่และประชาสัมพันธ์เจ้าของบ้านไม่ให้เข้าไปในตัวบ้านโดยเด็ดขาด

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุไว้โดยรอบพร้อมประชาสัมพันธ์ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในจุดเกิดเหตุดังกล่าว เกรงว่าบ้านจะถล่มลงมาทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตพร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.บ้านคลองสวน เข้ามาอำนวยความสะดวกและป้องกันบุคคลอื่นเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านที่เกิดเหตุ

โดยหลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่โยธาจังหวัดสมุทรปราการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำอุปกรณ์เร่งเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุโดยเร็วเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน อีกทั้งจะจัดตั้งจุดลงทะเบียนพร้อมเยียวยาเจ้าของบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้น

และในวันพรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรปราการ เข้ามาตรวจสอบถึงสาเหตุการทรุดตัวอีกครั้ง และนายพินิจ เติมบุญ นายก อบต.บ้านคลองสวน จะหาแนวทางการช่วยเหลือบ้านผู้เสียหายต่อไป ซึ่งทีมงาน ส.ส. จะติดตามการช่วยเหลือกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

'หลวงพี่' อดีตกู้ภัย ออกบิณฑบาต พบผู้หญิงถูกรถชนนอนเจ็บ รีบเข้าช่วย บอกญาติโยมที่มาใส่บาตรให้ "รอแปบ" ลั่น!! ชีวิตคนสำคัญกว่าอาบัติ

(12 ม.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร เข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ บริเวณปากซอยยิ่งเจริญ ถนนเลียบคลองสี่วาตากล่อม หมู่ที่ 8 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยในภาพดังกล่าวมีพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง ปฐมพยาบาลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พร้อมกับมีข้อความว่า “เช้านี้ ญาติโยมที่จะใส่บาตรรอแปป หลวงพี่ขอช่วยคนเจ็บแปป เสร็จแล้วจะรีบไปรับบาตร” ซึ่งก็มีผู้เข้าไปคอมเมนต์ชื่นชมพระสงฆ์รูปดังกล่าว และแชร์ ต่อๆ กันไปด้วยนั้น

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 11 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดสุวรรณรัตนาราม (วัดแคราย) ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นวัดที่พระลูกวัดรูปนี้อยู่ พบกับพระมาย หรือ พระจิตตฺสีโล หรือ นายบุญชัย ทองเรืองรอง อายุ 32 ปี บวชที่วัดแห่งนี้มาเป็นเวลา 6 เดือนกว่าแล้ว โดยพระมายเล่าให้ฟังว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ซึ่งตนผ่านไปพบในช่วงเช้าเวลาราว 06.40 น. ขณะที่กำลังออกไปบิณฑบาต ตอนนั้นเห็นมีคนมุง จึงได้เดินย้อนกลับไปแล้วก็เห็นว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนกับรถจักรยานยนต์ มีคนเจ็บอยู่ตรงที่พักรอรถข้างทางจำนวน 2 คน เป็นผู้หญิงวัยกลางคน 1 คน กับ เด็กผู้ชาย อีก 1 คน พอตนเข้าไปถึงชาวบ้านก็บอกว่า “อย่าจับ อย่าจับ โทรเรียกรถพยาบาลแล้ว แต่ผมก็บอกกลับไปว่า ไม่เป็นไร ตอนนี้รถพยาบาลยังไม่มา ขอผมดูคนเจ็บเพื่อประเมินอาการก่อน เพราะตอนที่ยังไม่ได้บวชนั้น ผมเคยเป็นเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย (มูลนิธิร่วมกตัญญู) สามารถช่วยผู้บาดเจ็บและประเมินคนเจ็บได้”

ซึ่งพอเห็นอาการของน้องผู้ชายนั้นมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่ผู้บาดเจ็บอีกรายที่เป็นหญิงนั้น บาดเจ็บค่อนข้างสาหัส มีกระดูกโผล่ที่หัวเข่าและข้อเท้าขวา พอดีกับที่ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิการกุศลสมุทรสาครมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งน้องมาคนเดียวนั้น ตนจึงขอน้องกู้ภัยฯ อาสาที่จะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บร่วมกัน เพราะต้องดามขา และใส่บอร์ดก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาล โดยตอนนั้นทีแรกผมก็รู้สึกลังเลเรื่องความไม่เหมาะสม ที่จะถูกตัวคนเจ็บที่เป็นผู้หญิง แต่เมื่อตัดสินใจแล้วว่า ชีวิตคนสำคัญกว่าอื่นใด จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ ทั้งนี้พอช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนก็เดินกลับไปรับบิณฑบาตจากญาติโยมที่รอใส่บาตรอยู่

ขณะที่ ‘นายเอกสิทธิ์ พรอยศรี’ เจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร เล่าว่า วันนั้นตนได้รับแจ้งให้เข้าตรวจสอบและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชนกัน เมื่อไปถึงก็พบพระรูปหนึ่ง อยู่ข้างๆ ผู้บาดเจ็บ 2 คน โดยเด็กผู้ชายมีอาการเล็กน้อย แต่ผู้หญิงค่อนข้างหนัก พระรูปนั้นได้บอกว่า เคยเป็นเจ้าหน้าที่อาสาฯ มาก่อน จึงขอช่วยผู้บาดเจ็บด้วย จะได้รีบนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล

ตอนแรกตนก็ถามพระว่า “ไม่กลัวอาบัติเหรอ แต่พระก็บอกว่า ไม่เป็นไรชีวิตคนต้องมาก่อน หลวงพี่ขอช่วยด้วยอีกแรง เพราะคนเจ็บรอไม่ได้” จากนั้นก็ได้ช่วยกันให้การปฐมพยาบาลแล้วนำผู้บาดเจ็บส่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ผมมองว่า พระรูปนี้น่าชื่นชม เพราะไม่ว่าคนเราจะอยู่ในฐานะอะไร แต่ชีวิตของเพื่อนมนุษย์นั้นสำคัญที่สุด

'สาวจีน' เซ็ง!! เล่นร่มร่อนที่ภูเก็ต 'ขาหัก-กระดูกโผล่' แต่คู่กรณีหาว่าสำออย ร้องเตือนชาวจีน "ผู้ประกอบการไม่เห็นความสำคัญของชีวิตพวกเรา"

(28 ก.พ. 67) บนโซเชียลฯ แชร์โพสต์จาก เพจ ‘ลุยจีน’ เป็นเรื่องราวของนักท่องเที่ยวชาวจีนรายหนึ่งนามว่า น่าต๋าหาน 娜达韩 เล่าให้ฟังผ่านแพลตฟอร์ม Douyin ว่าประสบอุบัติเหตุเล่นพาราไกลดิ้ง หรือร่มร่อนชายหาด แล้วเกิดอุบัติเหตุที่หาดกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่กลับพบว่าผู้ประกอบการร่มร่อนชายหาดรับผิดชอบเพียงแค่ 5 หมื่นบาท

ซึ่งน่าต๋าหาน เล่าว่า ระหว่างมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เห็นร่มร่อนตรงหาดกะรน จึงไปทดลองเล่น ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุตอนร่อนลง ร่มควบคุมไม่อยู่ ทำให้ขาลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง แข้งซ้ายหักครึ่งกระดูกโผล่ออกมา คนขายร่มร่อนปฐมพยาบาลขั้นต้น ก่อนเรียกรถพยาบาล แต่เนื่องจากการจราจรติดขัด ใช้เวลา 2 ชั่วโมง โรงพยาบาลแรกพบว่าเครื่องมือไม่พร้อม ผ่านไป 5-6 ชั่วโมงจึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต ผ่าแข้งที่หักแล้วใส่ดามเหล็กเข้าไป แผลเย็บยาว 15 เซนติเมตร ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการความปลอดภัยต่ำมาก จ่ายเงินเสร็จลากไปใส่เสื้อชูชีพแล้วมีคนให้บริการมาประกบหน้าหลังทันทีโดยไม่อธิบายใดๆ พูดแค่ "Hurry Hurry, Safe Safe" แล้วลากไปเล่นเลย

หลังเกิดอุบัติเหตุ ผ่าตัดใส่เหล็กดามเรียบร้อย คู่กรณีแสดงท่าทีฉุนเฉียว กล่าวหาว่าสำออยอยากได้เงิน พยายามทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่เชื่อผล CT scan และคำบอกเล่าอาการจากแพทย์และพยาบาล กล่าวหาว่ากุเรื่องเพื่อจะเอาเงินอย่างเดียว ทั้งนี้ ค่ารักษาพยาบาลจากการผ่าตัด 150,000 บาท น่าต๋าหานเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีเพียง 200,000 บาท เพราะไม่อยากให้ยืดเยื้อ อยากให้เรื่องจบเร็ว แต่คู่กรณีกลับตอบกลับมาว่ามีให้แค่ 50,000 บาทเท่านั้น และมีท่าทีแข็งกร้าวอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมจ่ายเพิ่มใดๆ บอกห้ามแจ้งความ สุดท้าย น่าต๋าหานให้ทางโรงพยาบาลเปิดแผลให้คู่กรณีดูชัดๆ ถึงมีท่าทีอ่อนลง

พร้อมกันนี้ น่าต๋าหานเตือนชาวจีนว่าอย่าเล่นกีฬาผาดโผนในไทย เพราะมีความเสี่ยงต่อชีวิต สังเกตว่าไม่มีคนไทยในพื้นที่เล่น มีแต่ชาวต่างชาติรวมทั้งชาวจีนที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก เห็นว่าผู้ประกอบการไม่เห็นความสำคัญของชีวิตพวกเรา เห็นคนต่างชาติแบบตนเป็นแค่แหล่งเงินเท่านั้น และจากที่สอบถามฝั่งที่ขายบริการร่มร่อน พบว่าทุกปีมีอุบัติเหตุแบบที่ประสบหลายเคส แต่ไม่เคยเป็นข่าว ยิ่งทำให้บริการแบบนี้น่ากลัวมากๆ เพราะหลังจากที่แข้งหักเข้าโรงพยาบาล คู่กรณีก็ยังคงขายบริการนี้ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติเหมือนเดิม เหมือนไม่เคยมีความผิดพลาดเกิดขึ้น

ตร.สรุปผลการปฏิบัติและปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2567 ภาพรวมอุบัติเหตุลดลง 7.22% พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และขอบคุณ ปชช.ที่เป็นส่วนสำคัญทำให้อุบัติเหตุลดลง

วันนี้ (18 เมษายน 2567) เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมและแถลงปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2567 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ดังกล่าวได้มีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 - 18 เมษายน 2567 ในการขับเคลื่อนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนทุกมิติ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายและสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน 

โดยการอำนวยความสะดวกและจัดการจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีการจัดกำลังตำรวจกว่า 30,000 นาย ดูแลการจราจรตลอด 7 วัน มีปริมาณรถเข้า-ออกจากกรุงเทพมหานคร บนทางหลวงสายหลักและมอเตอร์เวย์ จำนวน 6,882,802 คัน (ออกจาก กทม. จำนวน 3,469,720 คัน และเข้า กทม. จำนวน 3,413,082 คัน) วันที่ประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร มากที่สุดคือ วันที่ 12 เมษายน 2567 วันที่ประชาชนเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครมากที่สุดคือ วันที่ 17 เมษายน 2567

มีการเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) จำนวน 108 ครั้ง (ระบายรถขาออก 63 ครั้ง / ขาเข้า 45 ครั้ง) ,รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ที่ขออนุญาตเดินรถในช่วงเวลาห้าม ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 36,423 คัน อนุญาตให้เดินรถได้ 35,632 คัน รถที่ได้รับอนุญาตมากที่สุดคือ รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส รองลงมาคือรถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค มีรถที่ไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 791 คัน และพบผู้ฝ่าฝืนเดินรถในเวลาห้าม จำนวน 785 ราย เนื่องจากเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด

สำหรับการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก มีการตั้งจุดตรวจทุกวันเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนทั่วประเทศ แบ่งเป็น จุดกวดขันวินัยจราจร 11,883 จุด, จุดตรวจแอลกอฮอล์ 7,953 จุด พบผู้ที่ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 281,602 ราย ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 21,670 ราย ข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย 31,234 ราย และข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 119,816 ราย โดย 10 ข้อหาหลักนี้ จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

ส่วนการป้องกันและลดอุบัติเหตุ รัฐบาลกำหนดค่าเป้าหมายให้จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (สงกรานต์ 2564-2566) โดยการเกิดอุบัติเหตุ 7 วันของเทศกาลสงกรานต์ 2567 เกิดจำนวน 2,044 ครั้ง ลดลงจำนวน 159 ครั้ง (ลดลง 7.22%) จำนวนผู้เสียชีวิต มีจำนวน 287 ราย เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 23 ราย (เพิ่มขึ้น 8.71%) จำนวนผู้บาดเจ็บ มีจำนวน 2,060 คน ลดลง 148 คน (ลดลง 6.7%) และการดำเนินคดีข้อหาเมาขับซ้ำสอง มีจำนวน 96 ราย

พล.ต.ท.กรไชยฯ กล่าวว่า การอำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เทศกาลสงกรานต์ 2567 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ที่ต้องการให้ตำรวจอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนเดินทางโดยสวัสดิภาพ ลดอุบัติเหตุ และการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด โดยจากสถิติพบว่าปีนี้การเกิดอุบัติเหตุลดลงมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยลดลงถึง 7.22% แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในการดูแลตนเอง คนรอบข้าง และสังคม มีวินัยจราจร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้อุบัติเหตุทางถนนลดลง นอกจากนี้ ขอขอบคุณข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่ภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลผู้ใช้ทางอย่างเต็มกำลังความสามารถตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการสรุปข้อมูล วิเคราะห์สภาพปัญหาและถอดบทเรียน ปัญหาการปฏิบัติทุกๆ ด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงเทศกาลสำคัญต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top