Saturday, 18 May 2024
อุบัติเหตุ

“รอง ผบ.ตร. เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ช่วงสงกรานต์ พร้อมโชว์แคมเปญ 7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น”

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์รอง ผบช.น. พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. พร้อมด้วย คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ผู้แทนสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงเปิด "ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตร." และเปิดแคมเปญรณรงค์อาสาตาจราจรช่วงสงกรานต์ในชื่อ “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” เพื่อให้ประชาชนช่วยกันเป็นอาสาตาจราจร ตรวจตราการกระทำผิดกฎจราจรและอุบัติเหตุบนท้องถนน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า สงกรานต์ปีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งเตรียมกำลังพล กว่า 80,000 นาย อำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และที่พักอาศัย รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ตลอดเทศกาลฯ โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำจุดกวดขันวินัยจราจร 18,371 นาย จุดตรวจแอลกอฮอล์ 12,139 นาย ชุดเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลืออุบัติเหตุ 9,670 นาย ส่วนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ ธุรการ ที่ระดมกำลังเพื่อกวาดล้างอาชญากรรม และบริการประชาชนตลอดเทศกาล โดยไม่มีวันหยุดพัก สำหรับวันนี้ เป็นวันแรกที่เปิด ศูนย์อำนวยการป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติ ดังนี้

1) การอำนวยความสะดวกจราจรเพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย ให้ทุกหน่วยประสานเจ้าของถนนคืนพื้นผิวการจราจร เช่นจุดที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซมถนน เป็นเหตุให้รถชะลอตัว โดยสามารถคืนพื้นผิวได้แล้ว ทั้งหมด 418 จุดทั่วประเทศ จัดตำรวจอำนวยการจราจร ตามจุดสำคัญที่เป็นปัญหาการจราจร รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ให้มีชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์เช่น รถยก รถสไลด์ เข้าถึงที่เกิดเหตุและคลี่คลายการจราจรได้ทันที นอกจากนี้ ยังได้ออกข้อบังคับเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถ ทั้งขาเข้าและออก กทม. รวมระยะทาง 445 กม. และข้อบังคับห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินในถนนบางสาย เพื่อลดความหนาแน่นการจราจร สำหรับรถบรรทุกที่มีความจำเป็นต้องเดินรถ เช่น รถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารสด สามารถยื่นคำขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ ของ บก.ทล. ได้ที่ www.hwpdth.com

2) การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ให้ทุกหน่วยทำบัญชีกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เพื่อเข้าไปรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องปรามกลุ่มเป้าหมาย ตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 1,937 จุด จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1,430 จุด และชุดสายตรวจจราจรอีก 1,903 ชุด เพื่อกวดขันจับกุมการกระทำผิดกฏจราจรที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเริ่มตั้งแต่ 4 เม.ย.65 เป็นต้นมา และช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น โดยทุกจังหวัดได้ตั้งค่าเป้าหมายการลดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ต้องลดลงจากค่าเฉลี่ยสงกรานต์ 3 ปีย้อนหลัง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5

ทั้งนี้ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่ 10 – 18 เม.ย.65 กำหนดให้มีการประชุมติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุและการจราจรทุกวัน ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (12 – 18 เม.ย.65)โดยมอบหมาย พล.ต.อ.ปรีชาฯ และ พล.ต.ท.ประจวบฯ เป็นประธานการประชุมตลอด 7 วัน และวันนี้เป็นการประชุมเปิดศูนย์ฯ เพื่อสั่งการทุกหน่วยให้เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้าย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า การจะลดอุบัติเหตุบนถนนได้อย่างมีนัยสำคัญ ต้องสร้างจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัยตามกฎหมายจราจรให้กับสังคม ซึ่ง ตร. ได้ทำโครงการ อาสาตาจราจร ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ บ.วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จส.100 และ สวพ.91 เพื่อให้ประชาชนส่งคลิปกล้องหน้ารถ หรือคลิปจากกล้องโทรศัพท์มือถือ ที่บันทึกเหตุการณ์การกระทำผิดกฎจราจรสำคัญที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือบันทึกอุบัติเหตุสำคัญและสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีของตำรวจได้เพื่อช่วยคนดีชี้คนผิดโดยมูลนิธิเมาไม่ขับจะคัดเลือกเดือนละ 10 คลิป เป็นเงินรวม 50,000 บาท ตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา มีประชาชนส่งคลิปมากว่า 100 คลิปแล้ว และสำหรับในเทศกาลสงกรานต์นี้ จะมีแคมเปญพิเศษ

“7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้ประชาชนส่งคลิปในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นของเทศกาลสงกรานต์ 2565 จากคลิปที่ส่งมาทั้งหมด จะมีการคัดเลือกให้เหลือ 7 คลิป และจะมีรางวัลให้คลิปละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 70,000 บาท โดยได้รับสนับสนุนเงินรางวัลจาก บ.วิริยะประกันภัยฯ

27 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ‘แพรวา’ ขับซีวิคชนรถตู้บนโทลล์เวย์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ

ครบรอบ 12 ปี เหตุการณ์ ‘แพรวา’ สาววัยรุ่นขับฮอนด้า ซีวิค ชนรถตู้บนทางด่วนโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ

ย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 12 ปีก่อน หรือคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553  เมื่อเยาวชนหญิงคนหนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่าชื่อ แพรวา หรือ อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขณะอายุ 16 ปี 6 เดือน ขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ชนรถตู้โดยสาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต -อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ บนทางยกระดับโทลล์เวย์ขาเข้า ช่วงด้านหน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ

และสิ่งที่ทำให้คาใจเป็นภาพที่ติดตาคนไทยมากที่สุด นอกจากจำนวนของผู้เสียชีวิตที่มากถึง 9 รายแล้ว ภาพของวัยรุ่นผู้นี้ กับท่ายืนกดโทรศัพท์หลังเกิดเหตุ ราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความสูญเสีย หรือเธอกำลังใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ได้กลายเป็นหนึ่งในชนวนที่ก่อให้เกิดกระแสสังคมรุมโจมตีเธออย่างหนัก แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

'รอง ผบ.ตร.' เผย ปีใหม่ 2566 อุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตลดลงตามเป้าหมาย บังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลักกว่า 500,000 ราย จับกุมเมาแล้วขับ 22,439 คดี พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ

วันนี้ (5 ม.ค. 65) เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์  รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุฯ ตร. , พล.ต.ท.ธนา  ชูวงศ์  ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ รอง จตช. แถลงผลการดำเนินการในการอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุ และการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน เทศกาลปีใหม่ 2566 พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ตร. 

พล.ต.อ.รอยฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการเดินทางให้กับประชาชน และเน้นบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะข้อหาเมาแล้วขับ เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ผ่านมานั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.65 เป็นต้นมาจนถึงวันสุดท้ายคือ  5 ม.ค.66 ซึ่งทุกวันจะมีการติดตามสถานการณ์การจราจร และการปฏิบัติของแต่ละหน่วย ผ่านระบบ VDO Conference  โดยมี  พล.ต.อ.รอยฯ รอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบงานจราจร เป็นผู้กำกับดูแลในแต่ละวัน และให้หน่วยระดับ บช., ภ.จว. และทุกสถานีตำรวจเฝ้าฟัง ทั้งนี้เพื่อลดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด โดยผลการดำเนินการในแต่ละด้าน มีดังนี้ 

1.) การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร จัดกำลังตำรวจกว่า 50,000 นาย ดูแลการจราจรตลอด  7 วัน มีปริมาณรถ เข้า-ออกจาก กทม. รวมจำนวน 7,199,251 คัน ออกจาก กทม. จำนวน 3,428,939 คัน และเข้า กทม. จำนวน 3,770,312 คัน วันที่ประชาชนเดินทางออกจาก กทม. มากที่สุด คือวันที่ 29 ธ.ค.65 วันที่ประชาชนเดินทางเข้า กทม. มากที่สุด คือวันที่ 3 ม.ค.66 มีการเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) จำนวนทั้งสิ้น 117 ครั้ง (ระบายรถขาออก 51 ครั้ง /  ขาเข้า 66 ครั้ง) รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ที่ขออนุญาตเดินรถในช่วงเวลาห้าม ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 23,587 คัน อนุญาตให้เดินรถได้ 23,007 คัน  (รถที่ได้รับอนุญาตมากที่สุด คือ รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส (ร้อยละ 47.43) รองลงมา คือ รถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค (ร้อยละ 44.80) ) ไม่อนุญาตจำนวน 580 คัน  และพบผู้ฝ่าฝืนเดินรถในเวลาห้าม จำนวน 228 ราย เนื่องจากเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด       

2.) การบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก มีการตั้งจุดตรวจทุกวันเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน ทั่วประเทศ มีจำนวนจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 2,142 จุดตรวจ จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1,629 จุดตรวจ พบผู้ที่ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 518,367 ราย เป็น ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 22,439 ราย (มากกว่าค่าเฉลี่ยปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง คิดเป็น 21.31 %) ขับรถเร็วเกินกำหนด 199,640  ราย/ไม่สวมหมวกนิรภัย 102,864 ราย/ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย 28,747 ราย โดย 10 ข้อหาหลักนี้ จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการดำเนินคดีเมาแล้วขับ เป็นการนำผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ซึ่งมีโอกาสก่ออุบัติเหตุออกจากท้องถนนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุได้จำนวน 22,439 คน  

3.) การป้องกันและลดอุบัติเหตุ รัฐบาลกำหนดค่าเป้าหมายให้ จำนวนครั้ง การเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (admit) ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 5 % เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (พ.ศ.2563-2565) ซึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุลดลงตามเป้าในทุกด้าน 
- การเกิดอุบัติเหตุ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2566 เกิดจำนวน 2,440 ครั้ง  ลดลงจากค่าเฉลี่ยปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง (3,153 ครั้ง) เป็นจำนวน -713 ครั้ง  (ลดลง -22.61 %) 
- จำนวนผู้เสียชีวิต 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2566 มีจำนวน 317 ราย  ลดลงจากค่าเฉลี่ยปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง (366 ราย) เป็นจำนวน -49  ราย (ลดลง -13.39 %) 
- จำนวนผู้บาดเจ็บ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2566 มีจำนวน 2,437 คน  ลดลงจากค่าเฉลี่ยปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง(3,165 คน) เป็นจำนวน -728 คน (ลดลง 23.00 %) 
ทั้ง 3 สถิติถือว่าลดลงมากกว่า 5% สำเร็จตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด

‘น้องอุ้ม’ พยาบาล รพ.อุ้มผาง ถอดท่อที่คอแล้ว เผยอาการล่าสุด หายใจเอง – นั่งได้ – กำลังฝึกยืน

‘พยาบาลอุ้ม’ ถอดท่อที่คอได้แล้ว หายใจได้เองเป็นปกติ กินอาหารทางสายยางอยู่ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ใบหน้าสวยงามแบบในรูปนี้ ขยับร่างกายด้านขวาได้ ยิ้ม ชูสองนิ้ว นั่งได้ และกำลังฝึกยืน 

เพจ ‘เรื่องเล่าหมอชายแดน’ โพสต์รายงานความคืบหน้าอาการ และความช่วยเหลือ ‘น้องอุ้ม’ ปุณยวีร์ ศรีดวงแปง พยาบาล โรงพยาบาลอุ้มผาง ที่ประสบอุบัติเหตุ และขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ราชวิถี ว่า 

1 ปีที่ผ่านไปกับชีวิตใหม่ของน้องอุ้ม 

ย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่น้องอุ้ม พยาบาลโรงพยาบาลอุ้มผาง ประสบอุบัติเหตุในการปฏิบัติหน้าที่รีเฟอร์ส่งผู้ป่วยบนถนน สายแม่สอด-อุ้มผาง ตอนนี้ก็ครบ 1 ปีแล้วที่น้องอุ้มได้รับการผ่าตัดและฟื้นฟู โดยรักษาที่โรงพยาบาลแม่สอดในช่วงแรก หลังจากที่อาการทรงตัว ได้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี โดยความช่วยเหลือจากกรมการแพทย์ (โดยเฉพาะท่านรองอธิบดี นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอด ท่านช่วยเหลือประสานงานให้โดยตลอด) และสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นต้นสังกัด ทางสำนักพระราชวังที่รับน้องอุ้มเป็นผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์ พระราชทานความช่วยเหลือกับน้องอุ้มและครอบครัว ที่จะลืมไม่ได้เลยคือ ท่านผู้อำนวยการ คณะแพทย์ พยาบาล ทีมกายภาพบำบัด และทุกหน่วยงานของโรงพยาบาลราชวิถีที่ดูแลน้องอุ้มเป็นอย่างดี

ตอนนี้น้องอุ้มถอดท่อที่คอ (Tracheostomy) ได้แล้ว สามารถหายใจได้เองเป็นปกติ ได้รับการใส่เครื่องควบคุมการเต้นของหัวใจ เนื่องจากหัวใจเต้นช้า อันเนื่องมาจากความผิดปกติของสมอง กินอาหารทางสายยางอยู่ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ใบหน้าสวยงามแบบในรูปนี้เลย สามารถขยับร่างกายด้านขวาได้ ทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้ เช่น ยิ้ม ชูสองนิ้ว นั่งได้ และกำลังฝึกยืน นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเพราะในวันนั้นพวกเราถอดใจ คิดว่าน้องอุ้มมีโอกาสเสียชีวิตสูงมากและมากที่สุด อาจเป็นได้เพียงเจ้าหญิงนิทรา

เปิดใจ 'น้องมิ้นท์' ช่วยเหลือคนเจ็บจากอุบัติเหตุรถชน เผย อยากศึกษาต่อคณะพยาบาล เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นเรื่องราวที่โลกโซเชียลต่างชื่นชม เมื่อแฟนเพจเฟซบุ๊ก 'ท็อปเรารักแปดริ้ว' ได้โพสต์ภาพของเด็กนักเรียนหญิง ขณะเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พร้อมระบุข้อความว่า....

"#ฮีโร่ที่แปดริ้วใส่ชุดนักเรียน!!

ขอชื่นชมน้องมิ้นท์ น.ส.สุชานันท์ อินทปัญญา นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนดัดดรุณี จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เธอกำลังจะเดินทางมาโรงเรียนตามปกติ บริเวณแยกดอนสีนนท์ อำเภอบ้านโพธิ์ อยู่ ๆ ได้มีอุบัติเหตุรถชนระหว่างรถจักรยานยนต์กับรถเก๋ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งน้องมิ้นท์ได้ตัดสินใจโทร. เรียกรถพยาบาล และช่วยปฐมพยาบาลให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บ จนรถพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บไป ทราบมาว่า น้องมิ้นท์มีใจรักในการช่วยเหลือผู้อื่น ได้มาสมัครเป็นอาสาสมัครกู้ภัยฉะเชิงเทรา จุดบ้านโพธิ์ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะสอบเข้าศึกษาต่อในคณะพยาบาลศาสตร์ พี่ท๊อปขอชื่นชมน้องมิ้นท์และขอให้น้องได้เรียนคณะพยาบาลตามที่น้องตั้งใจนะครับ"

'ดีเจวิว' เจ้าของวลีดัง “เอ้า ไปไป-อะฮิฮิฮิ” เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

(28 ก.พ. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘Sarayut Iammongkhon’ ซึ่งเป็นผู้จัดการดีเจวิว ดีเจเด็กชื่อดัง เผยข่าวเศร้าว่า…

“ธัญยธรณ์ โพธิ์มณี หรือ ‘ดีเจวิว’ เจ้าของวลีดัง “เอ้า ไปไป”, “อะฮิฮิฮิ” เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อช่วงเวลาตี 1 ของวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา”

ก่อนหน้านี้ ทางผู้จัดการของน้องวิวยังระบุว่า…

“จากที่ดีเจวิว ได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผม ผจก.ดีเจวิว ขออัปเดตอาการล่าสุดให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้องๆ ทราบครับ ดีเจวิวหมดสติขณะนำส่งโรงพยาบาล อยู่ในความดูเเลอย่างใกล้ชิดของเเพทย์ครับ ขอกำลังใจจากทุกคนที่รู้จักน้อง ขอให้น้องผ่านพ้นขีดอันตรายนี้ไปได้ ขอปฏิหาริย์จงเกิดกับน้องครับ”

ทุกวินาทีมีค่า!! ‘ชาวโซเชียล’ แห่ชื่นชม สองคุณหมอน้ำใจงาม เข้าช่วยอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ จากคราบน้ำมันรั่ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจของโรงพยาบาลด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ได้มีการโพสต์เรื่องราวของผู้อำนวยการโรงพยาบาล และนายแพทย์ ที่ระหว่างเดินทางกลับจากการปฏิบัติราชการได้พบอุบัติเหตุและมีผู้บาดเจ็บจึงได้รีบลงจากรถยนต์เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและทำความสะอาดพื้นถนนอีกด้วย โดยชาวโซเซียลต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นและชื่นชมคุณหมอทั้งสองท่าน

โดยทางเพจได้โพสต์ข้อความว่า "นายแพทย์เดชา พงษ์สุพรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลด่านช้าง และนายแพทย์ธีรวัต รัตนพิชญชัย แพทย์ศัลยกรรมของโรงพยาบาลด่านช้างให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ลื่นล้มเนื่องจากคราบน้ำมันรั่วไหลบนพื้นถนนและโทรประสานงาน 1669 เพื่อให้มารับผู้ประสบเหตุเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอู่ทองต่อไป"

HIGHWAY TO HELL วิเคราะห์ 'ถนนสายย่างกุ้ง-เนปิดอว์-มัณฑะเลย์' เหตุใด 587 กม.นี้ จึงมีแต่ 'อุบัติเหตุ' และ 'ความตาย'

เกิดอุบัติเหตุใหญ่เมื่อเช้าของวันที่ 4 มีนาคม เมื่อมีรถโดยสารระหว่างเมืองย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์ เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์นี้นับ 10 รายและมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตคืออดีตแชมป์มวยคาดเชือกของเมียนมานาม Shwe Du Wun  

วันนี้จึงมีเหตุให้เรามาทำความรู้จักกับถนนเส้นนี้กัน..

เส้นทางไฮเวย์ 'สายย่างกุ้ง-เนปิดอว์-มัณฑะเลย์' ได้ชื่อว่าเป็นถนนแห่งความตาย เพราะตั้งแต่ถนนเส้นนี้เปิดใช้มีคนต้องสังเวยชีวิตให้กับถนนเส้นนี้แล้วนับหลายร้อยศพและเกิดอุบัติเหตุบนถนนเส้นนี้นับร้อยๆ ครั้งต่อปี 

เส้นทางไฮเวย์ 'สายย่างกุ้ง-เนปิดอว์-มัณฑะเลย์' เส้นนี้ มีระยะทาง 587 กิโลเมตรนับจากหัวถนนที่นอกเมืองย่างกุ้ง ซึ่งเปิดใช้เมื่อธันวาคม 2010 โดยถนนเส้นนี้ทำการลดระยะเวลาการเดินทางไปยังมัณฑะเลย์จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการเดินทาง 13-15 ชั่วโมงให้เหลือเพียง 7-8 ชั่วโมงเท่านั้น  

ว่ากันว่าถนนเส้นทางนี้วางแผนการสร้างกันมาตั้งแต่ปี 1954 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ Naypyitaw ของรัฐบาล U Nu ต่อมาในปี 1959 ทางสหรัฐอเมริกาเข้ามาเสนอความช่วยเหลือด้านการสำรวจและวิศวกรรมทางหลวงเป็นจำนวนเงิน 750,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งการสำรวจได้เสร็จสิ้นในปี 1960 แต่เนื่องจากต้นทุนการสร้างที่สูง จึงทำให้รัฐบาลในตอนนั้นชะลอแผนการสร้างออกไปจนเมื่อเกิดการปฎิวัติในปี 1962 สหรัฐอเมริกาก็เริ่มจะถอยห่างออก 

จากนั้นแม้จะมีการสร้างมาเป็นระยะๆ แต่โครงการก็ขับเคลื่อนไปอย่าช้าๆ และหยุดชะงักเป็นช่วงๆ จนกระทั่งในปี 2005 จึงเริ่มมีการก่อสร้างอีกครั้งอย่างจริงจังจนสำเร็จและเปิดใช้ในช่วงสิ้นปี 2010 และเส้นนี้ยังมีการทำต่อเพิ่มเติมในเมืองย่อยๆ ของมัณฑะเลย์อีกในช่วง Saga-In ไป Tagundaing ซึ่งแล้วเสร็จในปี 2011

ทว่า จากการสร้างถนนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคสมัย ทำให้ถนนที่สร้างขึ้นมานี้ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น ถนนไม่รับโค้ง ทำให้รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วส่วนใหญ่เกิดอุบัติเหตุหลุดโค้ง รวมถึงเรื่องอื่นๆ เช่น ไม่มีรั้วกั้นระหว่างทางหลวงกับชุมชนข้างเคียง ทำให้เกิดอุบัติเหตุอันที่เกี่ยวข้องกับคนและสัตว์เลี้ยงของชุมชนที่อยู่ข้างเคียงเรียงรายตามเส้นทางไฮเวย์ดังกล่าว  

ช่วยด้วยใจ!! เปิดใจ ‘ไรเดอร์’ ทิ้ง จยย. ช่วยเด็ก 4 ขวบวิ่งข้ามถนน เผย ดีใจที่ช่วยเด็กไว้ได้ทัน ไม่ขอรับสิ่งตอบแทนใดๆ

(6 มี.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ม๋อง ม๋อง’ ได้โพสต์ข้อความว่า…

“เกือบขิตทั้งคู่ ถนนสาวประชาราษฎร์ ลำลูกกาคลอง 4”

พร้อมกันนี้ ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะขับรถจักรยานยนต์ จากนั้น มีเด็กวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งจนเจ้าตัวได้ทิ้งรถจักรยานยนต์แล้ววิ่งเข้าไปคว้าเด็กวัย 4 ขวบ ได้ทัน

หลังจากที่โพสต์ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบริเวณ ถนนไสวประชาราษฎร์ ลำลูกกา คลอง 4 ตรงข้ามโรงเรียนแย้มสะอาด ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยคลิปหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ และได้พบหนุ่มไรเดอร์ ภายหลังทราบชื่อว่า นายพีรพงศ์ ชุมพลวดี อายุ 32 ปี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่รับอาหารเสร็จเพื่อที่จะไปส่งให้ลูกค้า ขณะกำลังจะขับรถกลับไปยังอีกฝั่ง ได้หยุดจอดรถอยู่หน้าหมู่บ้านจัดสรร ในระหว่างนั้น ได้ยินเสียง รปภ.ตะโกน บอกว่า เด็กวิ่งข้ามถนน ตนเองได้ตัดสินใจทิ้งรถทันที แล้วรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวเด็ก ซึ่งในระหว่างที่วิ่งไปนั้นตัวเองไม่ได้คิดอะไรเลย และได้อุ้มเด็ก แต่ก็โชคดีรถที่วิ่งมาทางตรงนั้นได้เบรกทัน เด็กปลอดภัย ส่วนอาหารที่สั่งนั้นก็ได้รับความเสียหายก็มีกาแฟ 2 แก้ว หกหมดเลย ส่วนรถจักรยานยนต์นั้นก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก รู้สึกดีใจที่น้องปลอดภัย แต่ก็อยากจะเตือนให้ดูแลเด็กที่อยู่ใกล้ริมถนนให้มากขึ้น ฝากให้ผู้ปกครองช่วยดู สวนสินน้ำใจที่ผู้ปกครองมอบให้ก็ไม่รับ เพราะการทำในครั้งนี้ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ 
 

นาทีระทึกกลางดึก!! เกิดอุบัติเหตุ ‘รถเครน’ ล้มขวางถนนพระราม 2 พบเหล็กยึดฐาน-ตัวรถ หลุดออกจากกัน โชคดีไร้คนบาดเจ็บ

(8 มี.ค.66) เมื่อกลางดึกของคืน สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งมีเหตุรถเครนที่ใช้ทำทางยกระดับพระราม 2 ล้มขวางถนนพระราม 2 เหตุเกิดบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร  

พ.ต.ท.โสภาส ถนนทิพย์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถเครนมีลักษณะเป็นรถเครนแขนยาว ซึ่งส่วนของตัวรถยังอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างทางยกระดับ สภาพตัวรถตีนตะขาบยกล้อขึ้นด้านหนึ่ง ขณะที่ตัวเครนรถยกของนั้น ล้มลงมาพาดขวางถนนพระราม 2 จนถึงขอบฟุตบาทหน้าปั๊มน้ำมัน ทำให้รถไม่สามารถขับผ่านได้ ต้องปิดช่องจราจรฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ทั้งหมด

รอจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ฯ ผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างเข้าเคลียร์พื้นที่จนเรียบร้อยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถเคลียร์พื้นที่ได้ การสัญจรจึงกลับมาเป็นปกติ

ช่วงเวลาเกิดเหตุเพียงเสี้ยววินาที เป็นจังหวะช่วงวินาทีที่ที่รถเครนกำลังจะขับผ่าน แต่สามารถเบรครถได้ทันชนิดเส้นยาเเดงผ่าแปด เครนล้มมากระแทกได้รับความเสียหายไม่มาก แค่แขนเครนมาขวางถนนเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็จะต้องมีการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top