Friday, 17 May 2024
สาธารณสุข

'รมว.แรงงาน' มอบ ผู้ช่วยฯ ร่วมแถลงข่าวความร่วมมือการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 อำนวยความสะดวกผู้ประกันตน

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ร่วมงานแถลงข่าวความร่วมมือการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 จัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขรวมถึงโรคระบาดระดับชาติและโรคอุบัติใหม่ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้แรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ร่วมงานแถลงข่าวความร่วมมือการขับเคลื่อน แผนการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1  “ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อ ฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ” ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ณ โรงแรมบัดดี้ โอเรียนทอล ริเวอร์ไซต์ นนทบุรี

โดย นายสุรชัย กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงแรงงานพบว่าระบบการบริหารจัดการด้านฐานข้อมูลผู้ประกันตน และฐานข้อมูลนายจ้างนั้นยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องปรับปรุง แก้ไข รวมถึงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านนโยบาย ด้านการบริการ รวมถึงด้านการเบิกจ่ายต่างๆ การมีฐานข้อมูลและระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการให้บริการประชาชน ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว เกิดความพึงพอใจ และท่านต่อการรักษาอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น 

นายสุรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การปฏิรูประบบประเทศด้านสาธารณสุข Big Rock 1 ภายใต้โครงการ “ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ (Ending Pandemics through Innovation Program)” ถือได้ว่าเป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากสามารถดำเนินงานได้ตามแผนงานที่ทุกท่านร่วมหารือกันในวันนี้ จนสามารถพัฒนาและขับเคลื่อนได้สำเร็จ หากฐานข้อมูลสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างสมบูรณ์ ผู้ใช้แรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมจะได้รับประโยชน์และการอำนวยความสะดวกต่างๆ สามารถใช้สิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลข้ามสถานพยาบาลได้  การเบิกจ่ายก็จะเป็นไปได้อย่างง่ายดาย มีประสิทธิภาพ สามารถนำฐานข้อมูลต่างๆ มาช่วยปรับปรุงการบริการและสิทธิประโยชน์ในการรักษาพยาบาลได้ในอนาคตตามนโยบายการปฏิรูปและการบูรณาความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน 

สธ. เผยผู้ติด 'โอมิครอน' อาการน้อยถึงไม่มี ส่วน 90% ของเชื้ออยู่หลอดลมมากกว่าลงปอด

ที่กระทรวงสาธารณสุข สธ. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงฉากทัศน์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย และอัปเดตสถานการณ์เชื้อโอมิครอน ว่า... 

ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. - 18 ธ.ค. 64 เป็นต้นมา สะสม 514 รายที่เป็นต้นเชื้อ กระจายใน 14 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากระบบเข้าประเทศทั้ง 3 ระบบ ได้แก่ ระบบไม่กักตัว (Test and go), ระบบแซนด์บอกซ์ (Sand box) และระบบกักตัว (Quarantine) แล้วเราตรวจจับได้หลังจากนั้นคนเหล่านี้จะกลับไปพื้นที่ต่างๆ ส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุม แต่บางส่วนเล็ดลอดออกไป พบเป็นการสัมผัสใกล้ชิดผู้เดินทางจากต่างประเทศประมาณ 20% เช่น ไปเยี่ยมญาติ ก็อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ จึงต้องระมัดระวังให้มาก

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับอาการโอมิครอน ของผู้ติดเชื้อมีดังนี้... 

>> อาการน้อยจนถึงไม่มีอาการ 90% 
>> มีอาการเล็กน้อย 10% 
>> อาการมาก 3-4% 

ขณะที่ โอมิครอนพบที่หลอดลมมากกว่าลงปอด 

ดังนั้นอาการที่พบได้มากคือ ‘ไอ’ แต่หากลงปอดก็จะมีความรุนแรงเช่นเดียวกับเดลตา 

ส่วนการศึกษาจากผู้ติดเชื้อโอมิครอน 41 รายที่เราทำการรักษาอยู่ พบว่า อาการไอ 54%, เจ็บคอ 37%, ไข้ 29%, ปวดกล้ามเนื้อ 15%, มีน้ำมูก 12%, ปวดศีรษะ 10% หายใจลำบาก 5% และไม่ได้กลิ่น 2%

ทั้งนี้เราพบอาการไม่ได้กลิ่นน้อย พบเพียง 1 ราย โดยเราให้ยาที่มีอยู่คือ ฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 5 วันตามมาตรฐาน เราจึงพบว่า หากให้ยาตั้งแต่ต้น อาการจะดีขึ้นภายใน 24-72 ชั่วโมง อาการฟื้นกลับมาเป็นปกติได้

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มีเสนอฉากทัศน์พยากรณ์ในกรณีที่มีการแพร่ระบาดของโอมิครอนใน 3 รูปแบบ…

"อนุทิน" ขอทุกฝ่าย ฟังข้อเสนอ สธ.ย้ำ เข้มมาตรการเพื่อความปลอดภัยของ ปชช.

ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร ถึงสถานการณ์ การระบาดของโควิด 19 ว่า 

ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลปีใหม่ เป็นสิ่งที่อยู่ในการประเมิน ซึ่งเรามีแผนจัดการในหลายระดับของความรุนแรงของการระบาด เราได้ปรับมาตรการทุกด้าน  เช่น มาตรการการคัดกรอง การควบคุมโรค การแยกกักตัว 

จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องสังเกต และวิเคราะห์ในรายละเอียด ว่า จากยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น ในนั้น อาการเป็นอย่างไรบ้าง มีอาการหนักเท่าไร ต้องใช้ห้องไอซียูเท่าไร ซึ่งก็หวังว่าจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะได้ฉีดวัคซีนแล้ว การระบาดระลอกนี้ ต้องขอเวลาประมาณ 7-10 วัน เพื่อดูรายละเอียดที่ชัดเจน อาทิ วันนี้ ป่วยไป 5.7 พันร้าย แต่ความสูญเสียไม่ถึง 20 ราย  ในอนาคต อัตราส่วนจะยังคงที่หรือเพิ่มขึ้น เราอยู่กับข้อมูล และปรับแผนต่อเนื่องให้ทันกับสถานการณ์ของโรค

สำหรับการรักษา ขอให้เป็นดุลย์พินิจของแพทย์ ถ้าอาการไม่รุนแรง แล้วแพทย์ ให้กักตัวที่บ้าน ก็ต้องเข้าใจว่า เพราะเราต้องเตรียมอุปกรณ์ และทรัพยากรอื่น ไว้รักษาผู้ที่มีอาการปานกลาง ไปจนถึงหนัก เพื่อจำกัดยอดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องมาตรการ ขอย้ำว่า เราคำนึงถึงในทุก มิติ 

ทางกรมควบคุมโรค จะยกระดับบางพื้นที่ให้ขึ้นเป็นสีส้ม ซึ่งจะมีการจำกัดการบริโภคของมึนเมา นอกจากนั้น ก็ยังมีเรื่อง Test And Go ที่ผู้ลงทะเบียนไว้ ต้องกลับมาในเวลาที่กำหนด และต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เรากำลังจัดการปัญหาเรื่องนี้อยู่ ล่าสุด ได้เสนอให้เลื่อนเดดไลน์การเข้าประเทศไทย จากวันที่ 10 มกราคม ไปเป็นวันที่ 15 มกราคมแทน

'สธ.' ยก 'อสม.' อาวุธลับไทย สู้ทุกภัยด้านสาธารณสุข ต่างชาติให้ความสนใจ ยกไทยประเทศเดียวที่ทำได้

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังจากที่การประชุม World Bio Hub  ที่กรุงโซล ประเทศ เกาหลีใต้ เสร็จสิ้น โดยในงานนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง ได้เข้าร่วมประชุมด้วย

นายวัชรพงศ์ ระบุว่า การประชุมในครั้งนี้ เราได้ประโยชน์ในเรื่องหลัก ๆ คือ การบรรลุสัญญาร่วมเป็นภาคีกับสถาบันวัคซีนนานาชาติ ซึ่งจะทำให้ไทยได้แลกเปลี่ยนข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน กับนานาชาติ ไปจนถึงการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขไทย กับกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ของประเทศไทย โดยเฉพาะ ด้านเทคโนโลยีการสื่อสารสุขภาพ ซึ่งทางเกาหลีมีความโดดเด่นในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก 

นอกจากนั้น การร่วมประชุมในระดับโลกยังเป็นการสะท้อนความยอดเยี่ยมของระบบสาธารณสุขไทย ที่นานาชาติยอมรับ และหวังจะได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์จากไทยโดยเฉพาะในการประเด็นของประสิทธิภาพระหว่างจัดการวิกฤติโรคระบาด 

“เวทีนี้ ให้ความสำคัญกับเรื่องของการพัฒนาและกระจายวัคซีนสำหรับประเทศไทย นอกจากจะสามารถพัฒนาวัคซีนโควิด19 ได้ในประเทศ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยังได้ยกย่องชื่นชม อสม. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่ทำหน้าที่กระจายข้อมูลข่าวสารในการให้บริการวัคซีนของภาครัฐให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ ทั้งยังเป็นผู้ที่ทำงานหนัก อำนวยความสะดวกให้ประชาชนไปถึงจุดบริการด้วย แม้ประเทศไทยจะนำวัคซีนเข้ามาในระบบบริการเป็นจำนวนมาก แต่หากประชาชนไม่ร่วมมือความสำเร็จก็เกิดขึ้นยาก”

‘จุฑาพร’ โว พท. พร้อมยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า ใช้บัตรปชช.ใบเดียว เข้ารักษาได้ทุกที่ทั่วประเทศ

จุฑาพร ชี้ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พร้อมยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาท รักษาทุกโรค ตรวจสุขภาพเชิงรุก เปลี่ยนประเทศด้วยเทคโนโลยี บัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทุกสถานพยาบาล ประชาชนคุณภาพชีวิตดีขึ้น 

จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต บางรัก สาทร ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่คุณแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานด้านนวัตกรรมและการมีส่วนร่วม พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ทางด้านการบริการสาธารณสุขสำหรับประชาชน ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก ส่งผลโดยตรงต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในแต่ละวัน พรรคเพื่อไทยพร้อมยกระดับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท รักษาทุกโรค มีบริการสาธารณสุขเชิงรุก อาทิ เช่น การให้บริการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรีในเด็กหญิงอายุ 9 -11 ปี เป็นวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี และมีประสิทธิภาพสูงสุด และฉีดวัคซีนให้ผู้หญิงที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV : Human Papilloma Virus) อีกทั้งยังจะมีการตรวจและรักษาไวรัสตับอักเสบ-ซี ซึ่งโรคดังกล่าวจะเป็นการป้องกันมะเร็งตับที่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมะเร็งในผู้ชาย ซึ่งปัจจุบันวัคซีนมะเร็งปากมดลูก มีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกนั้น สามารถป้องกันมะเร็งได้หลายชนิด นอกจากนี้ ยังควรรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชายด้วย เพราะผู้ชาย และเพศทางเลือกเองก็มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส และก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่น ๆ ได้เหมือนกัน

‘อนุทิน’ หนุน 3 ประเด็นด้านสุขภาพ ‘ไทย-อินเดีย’ กระชับความร่วมมือการวิจัย ยา และเวชภัณฑ์

‘ไทย-อินเดีย’ กระชับความร่วมมือการวิจัย ยาและเวชภัณฑ์ รองนายกฯ อนุทิน หนุน 3 ประเด็นด้านสุขภาพเพิ่มจุดแข็ง 2 ประเทศ ชื่นชมอินเดียเป็นประธาน G20 ชูโลกหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยกการพัฒนา

(18 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 66 ระหว่างเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้พบหารือกับ นายมานซุกร์ ลัคมาน มันดาวิยา (Mansukh Laxman Mandaviya) รมว.สวัสดิการสาธารณสุขและครอบครัว (Minister for Health and Family Welfare) และ รมว.เคมีภัณฑ์และปุ๋ย (Minister for Chemicals and Fertilizers) อินเดีย

นายอนุทิน และ นายมานซุกร์ ได้หารือถึงแนวทางที่ไทยและอินเดียจะกระชับความร่วมมือกันเพิ่มขึ้น ในประเด็นสาธารณสุข การวิจัย ยา และเวชภัณฑ์ จากปัจจุบันที่ 2 ประเทศมีความร่วมมือผ่านกรอบพหุภาคีและทวิภาคีต่าง ๆ ซึ่งเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข ปัจจุบันไทยและอินเดียมีความร่วมมือผ่านบันทึกความร่วมมือ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ MOU ระหว่างกรมการแพทย์และ Indian Council of Medical Research เพื่อร่วมกันการวิจัยทางสุขภาพและทางการแพทย์ และ MOU ระหว่างกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกับสถาบันอายุรเวทแห่งชาติ เมืองชัยปุระ ในการร่วมมือทางวิชาการสาขาการแพทย์อายุรเวทและการแพทย์แผนไทย

'อนุทิน' กำชับ 'สธ.-คมนาคม-ท่องเที่ยว' พร้อมรับ 'ทัวร์จีน' หลังเปิดประเทศ

(21 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ติดตามรายละเอียดทางนโยบายของทางการจีนอย่างใกล้ชิดที่จะนำร่องให้ชาวจีน เดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศแบบหมู่คณะ หรือกรุ๊ปทัวร์ ได้ใน 20 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 66 เป็นต้นไป และมั่นใจว่าข้อกำหนดที่มีการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย และสามารถควบคุมสถาการณ์โควิด19 ให้อยู่ในขอบเขตที่จำกัดได้ ซึ่งการนำร่องตามที่สถานเอกอัครราชทูตจีนเปิดเผย แสดงให้เห็นว่าประเทศจีนดำเนินมาตรการอย่างรัดกุม มีการแนะนำประชาชนที่จะเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศ ปฏิบัติตามข้อกำหนดของประเทศปลายทาง บริษัทท่องเที่ยว มีการดูแลคัดกรองกรุ๊ปทัวร์และมีระบบการรายงานที่ชัดเจน 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกฯ กำชับกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่อยู่ในกำกับ ติดตามรายละเอียดข้อกำหนดและเตรียมการในทุกด้านให้พร้อมสำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น สำหรับประกาศข้อกำหนดต่างๆ ที่รัฐบาลท้องถิ่นในจีน บริษัทนำเที่ยว ตลอดจนชาวจีนที่จะเดินทางออกไปท่องเที่ยวต้องดำเนินการและปฏิบัติ อาทิ บริษัทนำเที่ยวดำเนินการตามหลักการของประเทศที่จะไป / รัฐบาลท้องถิ่นมีการจัดระเบียบและดำเนินการเพื่อปกป้องความปลอดภัย สิทธิประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของนักท่องเที่ยว / แนะนำบริษัทนำเที่ยวให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดการป้องกันการแพร่ระบาดทั้งของประเทศจีนและประเทศปลายทางอย่างเคร่งครัด และแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวให้เฝ้าระวังตรวจหาเชื้อก่อนการเดินทาง ใส่ใจกับความปลอดภัยและการป้องกันตนเองในระหว่างการเดินทาง ปฏิบัติตามกฎระเบียบการป้องกันการแพร่ระบาด และปฏิบัติตามข้อกำหนดการป้องกันการแพร่ระบาดต่างๆ 

‘ลุงหนู’ ยัน ไม่มีการเมืองชี้นำ ปมย้าย ‘หมอสุภัทร’ มีแต่ชี้นำด้านสาธารณสุข เพื่อประโยชน์ประชาชน

(3 ก.พ. 66) ที่ รพ.ระนอง อ.เมือง จ.ระนอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีบางฝ่ายตั้งคำถามว่าการย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ไป รพ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นผลจากการเมืองชี้นำ ว่า กระทรวงสาธารณสุขไทยมีแต่คนดี คนเก่ง ที่ออกไปแล้ว ก็เหลือไว้แต่ความดีงาม ข้อวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลาย เกิดขึ้นเพราะเขาอาจจะไม่ได้รู้รายละเอียดครบถ้วน แต่ก็ขอให้บุคลากรในการทรวงสาธารณสุข มีความเข้มแข็ง ตั้งใจทำงาน สิ่งที่ท่านทำมานั้นถูกต้องแน่นอน การทำงานของพวกท่านยอดเยี่ยมมาก ซึ่ง WHO ยกให้เราเป็นแชมเปี้ยนโลกแล้ว เขาบอกว่า “PLEASE DO YOUR BEST TO MAINTAIN CHAMPIONSHIP IN HEALTHCARE OF THE WORLD” ส่วนการโยกย้าย มีกฎระเบียบอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับใครรับผิดชอบ ตนไม่ไปก้าวก่าย

‘ผู้ตรวจฯ สธ. เขต 12’ ยัน!! ย้าย ‘หมอสุภัทร’ ไม่มีการเมือง มีแต่คัดเลือกผู้ที่เหมาะสม เข้าบริหาร รพ.สะบ้าย้อย

ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันคำสั่งย้าย ‘หมอสุภัทร’ พ้นโรงพยาบาลจะนะ ถูกต้องตามขั้นตอน ไร้ประเด็นทางการเมือง ด้าน ผอ.โรงพยาบาลจะนะ คนใหม่ ขอโอกาสทำงาน

(9 ก.พ. 66) จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณี นพ.สวัสดิ์ อภิวัจนีวงค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปฏิบัติราชการแทนปลัด สธ. ลงนามในคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 125/2566 เรื่อง ย้ายข้าราชการ ซึ่งเป็นการโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา ว่า เป็นการโยกย้ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น

ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา ทาง นายแพทย์สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 พร้อมด้วย นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายเเพทย์สาธารณสุขสงขลา และ นายเเพทย์หมัด หีมเหม ผอ.โรงพยาบาลจะนะ (คนใหม่) ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีการโยกย้ายดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยืนยันไม่มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

นายแพทย์สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 ยืนยันว่า เนื่องจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย ที่ว่างลง และยังไม่มีผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล มาตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา จึงต้องดำเนินการให้มีผู้บริหารไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย โดยมีการเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 18 มกราคม 2566 ปรากฏว่า ไม่มีผู้สมัคร

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดอุปสรรคในการบริหารราชการของโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จึงจำเป็นต้องมีการคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสม โดยผ่านคณะกรรมการคัดเลือกของเขตสุขภาพที่ 12 ที่มีผู้ตรวจราชการเป็นประธาน

‘บิ๊กตู่’ สั่ง ติดตามการพัฒนาระบบคลาวด์กลางของ สธ. เชื่อมโยงข้อมูลแบบดิจิทัลให้เข้าถึงได้สะดวก-ปลอดภัย

(7 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญระบบการดูแลสุขภาพของประชาชนทุกคนทั่วประเทศ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามใกล้ชิด ย้ำการทำงานของรัฐบาลต้องพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย (National Health Information Platform) เชื่อมโยงข้อมูล เพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกชีวิต และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุขอย่างทั่วถึง

นายอนุชา กล่าวว่า ตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย วงเงิน 1,514 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบบริการและระบบบริหารจัดการสุขภาพ เชื่อมโยงระบบการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัลเพื่ออนาคต (Digitally connected health care system of the future) เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ไร้รอยต่อและได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย ตลอดจนประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเอง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top