Saturday, 20 April 2024
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

นศ. ม.ขอนแก่น เหิมเกริมหนัก เผาชุดครุยต้านพิธีพระราชทานปริญญาบัตร

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - เหิมเกริมหนักมาก นักศึกษานิติศาสตร์ ม.ขอนแก่น จัดกิจกรรมต้านพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตร 12-13 ธ.ค.นี้ โดยนำชุดครุยจุดไฟเผาถ่ายทอดสดผ่านเพจขอนแก่นพอกันทีและเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์เดอะอีสานเรคคอร์ดของนายเดวิด สเตร็คฟัสส์ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุอันน่าสลดใจที่พี่น้องคนไทยผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้เห็นแล้วไม่สามารถทำใจได้ โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. เมื่อวันที่13 ธ.ค. ที่ผ่านมา ณ บริเวณด้านหน้าอาคารศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาณาบริเวณคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งนำป้ายที่เขียนข้อความว่า ยกเลิก ม.112 และป้ายข้อความ ปล่อยเพื่อนเรา มาชูพร้อมกับยกมือชูสามนิ้ว

หลังจากนั้นนักศึกษากลุ่มนี้ได้นำชุดครุยที่ใช้สวมใส่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรมาจุดไฟเผา โดยนักศึกษากลุ่มนี้เป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ม.ขอนแก่นทั้งหมด เป็นกลุ่มที่เข้าร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด

สำหรับภาพการทำกิจกรรมเผาชุดครุยรับพระราชทานปริญญาบัตรในครั้งนี้ได้มีการ Live เผยแพร่ในเพจขอนแก่นพอกันทีด้วย

ขณะที่เว็บไซต์เดอะอีสานเรคคอร์ดภายใต้การกำกับดูแลของนายเดวิด สเตร็คฟัสส์ ชาวอเมริกันที่เข้ามาเคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันกษัตริย์ของไทยมานานกว่า 20-30 ปีเองก็เกาะติดนำเสนอข่าวกิจกรรมครั้งนี้อย่างใกล้ชิดตั้งแต่ขั้นตอนนัดหมายรวมตัว

โดยเนื้อข่าวระบุว่า วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2564 แกนนำกลุ่มราษฎรขอนแก่น จัดกิจกรรมคัดค้านการรับปริญญา ณ บริเวณลานหน้าคณะนิติศาสตร์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรประจำปี 2564 โดยปีนี้มีผู้ได้รับอนุมัติปริญญาในระดับต่าง ๆ เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวน 7,894 คน โดยมีผู้ไม่เข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรจำนวนกว่า 30% ของทั้งหมด กลุ่มราษฎรขอนแก่น ได้นำป้ายผ้ายกเลิกมาตรา 112 และปล่อยเพื่อนเรามาร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ระหว่างพิธีพระราชทานปริญญาบัตรประจำปี 2564 ณ ลานหอสมุดคณะนิติศาสตร์ 

มข. ร่วม ‘มิส ลิลลี่’ คิดค้นนวัตกรรมต้านโควิดสำเร็จ ด้วย ‘แอนโดรกราโฟไลด์ นาโน อิมัลชัน’ ครั้งแรกของโลก

มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมมือ มิส ลิลลี่ (Miss Lily) คิดค้นเทคโนโลยีแอนโดรกราโฟไลด์ นาโน อิมัลชัน ได้เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์สำคัญในฟ้าทะลายโจร ใช้สำหรับต้านไวรัสโควิด-19 พร้อมเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่ายเร็วๆ นี้

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด ทำให้ชื่อของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรกลายเป็นความหวังในการบรรเทาอาการของผู้ป่วย เพราะมีสรรพคุณที่ป้องกัน รักษาอาการหวัด และยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส โดยสารสำคัญในฟ้าทะลายโจรที่ให้ฤทธิ์ป้องกันและยับยั้งเชื้อโควิดได้ก็คือ ‘แอนโดรกราโฟไลด์’ (Andrographolide) ซึ่งปัจจุบันสารตัวนี้ได้รับความสนใจในระดับสากล มีการนำมาพัฒนามากยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ และมีงานวิจัยข้อมูลทางการแพทย์มากมายในต่างประเทศ 

มหาวิทยาลัยขอนแก่นเอง โดยฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษาก็ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสารดังกล่าวมาโดยตลอด จนล่าสุดประสบความสำเร็จในการคิดค้นแนวทางการนำสารแอนโดรกราโฟไลด์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอยู่ในรูปแบบนาโนอิมัลชัน (nano-emulsion)

ด้าน ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา มข.เปิดเผยถึงข้อมูลวิจัยว่า “แอนโดรกราโฟไลด์ที่เป็นสารในกลุ่มไดเทอร์ปีนแลคโตน (Diterpene Lactone) เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญที่พบในสมุนไพรฟ้าทะลายโจร (Andrographis paniculate) ที่มีรายงานทางวิชาการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศว่า มีฤทธิ์ลดไข้ ต้านการอักเสบ และต้านเชื้อไวรัส เป็นสารที่ให้รสขม ปัจจุบันมีการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรจากใบ หรือส่วนอื่นๆ หรือสารสกัดหยาบในรูปยาผงแบบอัดเม็ดและแคปซูล อย่างแพร่หลายในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การใช้ในรูปแคปซูลดังกล่าวจะมีแอนโดรกราโฟไลด์ที่เป็นสารสำคัญอยู่ประมาณ 1.38-3.21% ขึ้นกับสถานที่ปลูก และเนื่องด้วยเป็นสารที่ไม่ละลายในน้ำ จึงทำให้สารแอนโดรกราโฟไลด์ถูกดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ในร่างกายได้เพียง 2.67% จึงทำให้ต้องรับประทานครั้งละ 4 แคปซูล และต่อเนื่องวันละ 4 ครั้ง รวม 12 แคปซูล/วัน หรือให้ได้ปริมาณผงยา 6,000 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งเทียบเท่ากับสารแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มิลลิกรัม/วัน

โดยทีมงานได้ทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แอนโดรกราโฟไลด์บริสุทธิ์ (>98%) ด้วยเทคโนโลยีนาโนอิมัลชัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมขึ้นอีกหลายเท่า ทำให้ใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยแต่มีประสิทธิภาพในการทำงานในระดับสูง ลดความเสี่ยงของการรับประทานสมุนไพรในรูปปกติในปริมาณมากเกินขนาด (over dose) เป็นการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากงานวิจัยมาใช้ประโยชน์และต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ในการดูแลสุขภาพของคนไทยในสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างแท้จริง

20 ธันวาคม พ.ศ. 2510 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ เปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่น

วันนี้เมื่อ 55 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่นอย่างเป็นทางการ และทรงปลูกต้นกาลพฤกษ์ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย 

ในครั้งนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมอบพระบรมราโชวาทเนื่องในพิธีเปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า

"...การตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่นขึ้นอีกแห่งหนึ่งนั้น เป็นคุณอย่างยิ่ง เพราะทำให้การศึกษาชั้นสูงขยายออกไปถึงภูมิภาคที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของประเทศ ซึ่งต่อไปจะเป็นผลดีแก่การพัฒนา ยกฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคนี้เป็นอย่างยิ่ง ความสำเร็จในการตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงเป็นความสำเร็จที่ทุกคนควรจะยินดี..."

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นอุดมศึกษาสถานแห่งแรก ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้กำเนิดของมหาวิทยาลัยจะมีแนวความคิดย้อนหลังไปได้ถึงก่อน สงครามโลกครั้งที่สอง แต่การเตรียมการก่อสร้างอย่างจริงจัง กระทำกันในรัฐบาล ฯ พณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในขณะที่เริ่ม พัฒนาภูมิภาคส่วนนี้ของประเทศ เมื่อพุทธศักราช 2505 การลงมือก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 2507 โดยมีมติจัดตั้งสถาบันการศึกษาชั้นสูง ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเกษตรศาสตร์ขึ้นที่บ้านสีฐาน จังหวัดขอนแก่น และเสนอชื่อสถาบันนี้ว่า มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Khon Kaen Institute of Technology มีชื่อย่อ K.I.T. โดยมีสภาการศึกษาแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบ

'คณะทันตฯ มข.' จัดกิจกรรมวันสุขภาพช่องปากโลก ระดม นศ.ให้ความรู้ดูแลช่องปากแก่ประชาชน

เมื่อเวลา 09.00 น. (20 มี.ค.66) คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดงาน World Oral Health Day ในฐานะการเป็นภาคีเครือข่าย ภายในงานมีนิทรรศการเกี่ยวกับความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับประชาชนในทุกช่วงวัย มีการสอนแปรงฟันและการใช้เครื่องมือทำความสะอาดซอกฟัน การตรวจฟันฟรี และร่วมกิจกรรมตอบคำถามหลังชมนิทรรศการเพื่อชิงรางวัลรับของที่ระลึก รวมทั้งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากโดยมีส่วนลดพิเศษ ณ บริเวณโถงหน้า รพ.ทันตกรรม ชั้น 1

ผศ.ดร.ทพ.อชิรวุธ สุพรรณเภสัช รองคณบดีฝ่ายการศึกษา คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยว่า เนื่องจากวันที่ 20 มีนาคม ของทุกปีจะเป็นวันสุขภาพช่องปากโลก ซึ่งจะเป็นวันที่คณะทันตแพทยศาสตร์ทั่วโลก รณรงค์ให้ประชาชนดูสุขภาพช่องปาก ในประเทศไทย โดยทันตแพทยศาสตร์สมาคม ร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์ทั่วประเทศ รณรงค์การดูแลสุขภาพช่องปาก โดยในประเทศไทย ร่วมกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ทุกแห่งในประเทศ จัดกิจกรรมทั้งวัน

'ม.ขอนแก่น' มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต จ่อปรับโฉม 'หอพัก-คอมเพล็กซ์' สร้างพื้นที่ 'น่าอยู่-ปลอดภัย' แก่ 'นักศึกษา-คณาจารย์'

มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีการวางแผนยุทธศาสตร์การบริหาร คือการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ (Transformation) เพื่อวิสัยทัศน์ในการเป็น ‘มหาวิทยาลัยวิจัยและพัฒนาชั้นนําระดับโลก’ ทั้งด้านการจัดการศึกษาการวิจัยการบริการวิชาการการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและด้านการบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มหาวิทยาลัยยังคงมีความก้าวหน้าและการพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืน

สำหรับด้านระบบนิเวศของมหาวิทยาลัย (Ecological) ซึ่งอยู่ภายใต้การรับผิดชอบของฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยขอนแก่น นั้น ผศ.อาวุธ ยิ้มแต้ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม เผยว่า การสร้างมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เป็นที่น่าทํางาน (Best place to work) ให้เป็นที่ทํางานที่สนุกและท้าทายทําให้คณาจารย์และบุคลากรอยากทํางานด้วยมากที่สุด โดยจะมีการสร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นที่น่าอยู่ (Great place to live) เพื่อให้เป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมในการใช้ชีวิตมีสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวมีห้องเรียนด้านพฤกษศาสตร์และมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต (Biodiversity)

ผศ.อาวุธ ยิ้มแต้ กล่าวว่า “โครงการที่เป็นเรือธงในการพัฒนามหาวิทยาลัยขอนแก่น (Flag ship projects) ของฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม คือ การเพิ่มจำนวนที่พักบุคลากรที่พักนักศึกษาและบุคลากรให้มีจำนวนมากขึ้น นำพื้นที่สนามซอฟท์บอล หลังหอ 26 สร้างเป็นหอพักนักศึกษา โดยจะจัดหาพื้นที่ใหม่สำหรับสร้างสนามซอฟท์บอลทดแทน และพื้นที่อยู่ด้านหลังปั๊มน้ำมัน ปตท. รวมสองพื้นที่นี้จะรองรับนักศึกษาได้ประมาณ 4,000 คน ส่วนที่พักบุคลากรนั้นจะอยู่บริเวณฝั่งบึงสีฐาน เป็นพื้นที่ใกล้ๆ กันกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ การดำเนินการเป็น 2 เฟส คาดว่าจะรองรับบุคลากรได้ประมาณ 2,000 คน ขณะนี้มีความก้าวหน้าอยู่ในช่วงทำร่างขอบเขตงาน (Term of Reference) หรือ TOR เสร็จแล้ว จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนหาผู้ร่วมลงทุนมาดำเนินการก่อสร้างต่อไป”

“อีกส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับงานพลิกโฉมที่ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบก็คือ เรื่องของการปรับปรุงศูนย์อาหารและบริการ หรือ คอมเพล็กซ์ นั้น เป็นการปรับปรุงใหญ่ซึ่งท่านอธิการให้ความสำคัญเนื่องจาก Complex เป็นพื้นที่ที่บุคลากรส่วนใหญ่ทั้งมหาวิทยาลัยมาใช้งานในพื้นที่นี้ร่วมกัน ขณะนี้อยู่ในช่วงของการออกแบบพื้นที่”

“นอกจากนี้ยังมีระบบประปา ที่มหาวิทยาลัยลงทุนขุดลอกบ่อเก็บน้ำดิบ เพื่อเก็บกักน้ำที่ผลิตได้ให้มากขึ้น ป้องกันการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ลดความเสี่ยงการขาดน้ำของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งได้มีการดำเนินการเกือบสมบูรณ์แล้ว สำหรับการสำรองน้ำที่ผลิตเป็นน้ำประปานั้น มีแผนจะนำเอาถังเก็บน้ำที่เลิกใช้เอากลับมาบูรณะใหม่ เพื่อจะเพิ่มปริมาตรการเก็บกักน้ำที่ผลิตเป็นน้ำประปาให้มีน้ำใช้ได้ตลอดปี ส่วนน้ำที่ใช้ในด้านการเกษตร เช่น คณะเกษตรศาสตร์ได้มีการวางท่อจ่ายน้ำที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย และสูบน้ำดิบที่ได้มาตามธรรมชาติ สุ่มจ่ายไปหลายจุดนำไปใช้รดต้นไม้ ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาบึงต่างๆ ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เช่น การขุดลอกหนองหัวช้างซึ่งเป็นสระเก็บน้ำเก่าแก่ของมหาวิทยาลัยที่ปัจจุบันมีความตื้นเขินเพื่อจัดเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร ทั้งยังสร้างระบบนิเวศให้น่าอยู่ ร่มรื่น เพิ่มความผาสุขการทำงานบุคลากรต่อไป” ผศ.อาวุธ ยิ้มแต้  รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม  กล่าวในที่สุด

‘นศ.เวชนิทัศน์ ปี 2 ม.ขอนแก่น’ วาดภาพกระดูกอาจารย์ใหญ่ โซเชียลสุดทึ่ง!! เป๊ะทุกสัดส่วน เหมือนจริงราวกับภาพถ่าย

เมื่อไม่นานนี้ ได้เกิดไวรัลในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อเฟซบุ๊ก ‘ชมนาด อุปชิตกุล’ โพสต์ภาพ ‘ผลงานภาพวาดกระดูกอาจารย์ใหญ่ด้วยเทคนิคสีน้ำ’ ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 2 อาจารย์ประจำสาขาวิชาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ที่เหมือนจริงราวกับภาพถ่าย จนชาวโซเชียลต่างเข้ามาคอมเมนต์ และแชร์โพสต์ชื่มชนเป็นจำนวนมาก

ดร.ชมนาด อุปชิตกุล อาจารย์ประจำสาขาวิชาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มข.เปิดเผยว่า ผลงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาจิตรกรรมขั้นสูงสำหรับเวชนิทัศน์ ซึ่งอยู่ในสาขาวิชาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ แม้จะอยู่ในสังกัดคณะแพทย์ แต่นักศึกษาสาขานี้ไม่ใช่หมอ ซึ่งสาขาเวชทัศน์ คือการเรียนการสอนเพื่อสร้างสื่อทางการแพทย์ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ หุ่นจำลอง วิดีโอ ภาพถ่ายเพื่อเป็นสื่อการศึกษาทางการแพทย์ หรือแม้แต่แอพพลิเคชั่นเพื่อช่วยสื่อสารให้คุณหมอ นักศึกษาแพทย์ และคนไข้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น

“เวชนิทัศน์ เป็นการเรียนหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต 4 ปีจบ ที่นักศึกษาจะได้เรียนทั้งวิชาด้านการแพทย์ เช่น อาการทางคลินิก วิชาปรสิตวิทยา วิชาพยาธิวิทยา หรือ Gross Anatomy จากอาจารย์หมอ ควบคู่กับการเรียนรู้เทคนิคด้านการสร้างสื่อเทคโนโลยี และศิลปะ เราอาจนิยามได้ว่านักศึกษาเราคือ เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์ อย่างไรก็ตาม การวาดภาพทางการแพทย์นั้น ต้องใช้เทคนิคที่แตกต่างจากการวาดภาพธรรมดา เพื่อให้เห็นภาพความเป็นจริง ใส่รายละเอียด สัดส่วนที่แม่นยำ ถูกต้อง เพื่อให้ใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการได้ ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ หรือคุณหมอ ไม่ใช่เพื่อความสมจริง และสวยงามเท่านั้น” ดร.ชมนาด กล่าว

ดร.ชมนาดกล่าวอีกว่า ด้วยความตั้งใจที่อยากให้นักศึกษามีกำลังใจในการเรียน และเป็นเหมือนบอร์ดเก็บผลงานลูกศิษย์ ตนจึงตัดสินใจโพสต์ภาพวาดบนโซเชียล แต่ผลตอบรับที่ได้กลับมานั้นเกินความคาดหมาย เพราะยอดไลก์ ยอดแชร์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันอาจารย์หมอ หรืออาจารย์คณะอื่นๆ ก็ติดต่อเข้ามาว่าสนใจให้นักศึกษาไปช่วยวาดภาพวิทยาศาสตร์การแพทย์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนด้วย

“ผู้ที่สนใจเข้าศึกษาต่อที่สาขาวิชาเวชนิทัศน์ ไม่จำเป็นต้องวาดภาพเก่ง หรือถนัดทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์ แต่ขอให้เป็นคนที่ชื่นชอบการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริง เพราะตั้งแต่ปี 1-2 นักศึกษาจะได้เรียนรู้การสื่อสารสำหรับเวชนิทัศน์ ฝึกฝนการ Drawing พื้นฐานศิลปะ กราฟิก และการปั้น ขึ้นปี 3 จะเริ่มเรียนรู้วิชาหุ่นจำลองทางการแพทย์ ฝึกฝนการทำ Motion Graphic, Coding การวาดการ์ตูนสำหรับเวชนิทัศน์ ไปจนถึงถ่ายภาพทางการแพทย์ เป็นการสร้าง Multi skill ก่อนชั้นปี 4 ได้เรียนรู้วิชานิทรรศการ สร้างโปรเจ็กต์สื่อทางการแพทย์จากสิ่งที่แต่ละคนชื่นชอบ และสนใจ ซึ่งอาจร่วมมือกับอาจารย์ หรือนักศึกษาคณะอื่นๆ เพื่อบูรณาการศาสตร์ต่างๆ ให้นักศึกษาได้เรียนรู้บริบทการทำงานของนักเวชนิทัศน์ในโรงพยาบาล และการสร้างสื่อการเรียนการสอนในสายการศึกษาด้วย” ดร.ชมนาด กล่าว

ดร.ชมนาดกล่าวอีกว่า มีนักเรียนสมัครเข้ามามากขึ้น เพราะเราพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริง เมื่อแต่ละคนไปฝึกสหกิจ ก็ทำให้สถานประกอบการสนใจ และให้ทำงานต่อทันทีกว่า 30% ทั้งในไทย และประเทศอาเซียน ซึ่งพบว่าหลังจากจบการศึกษา มีภาวะว่างงานน้อยในสายงานการตลาดที่หลากหลาย

นายนนทกรณ์ จันทร์หวาน นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มข.กล่าวว่า หลังเห็นฟีดแบ็กบนโซเชียลก็ดีใจ ที่มีคนชื่นชอบผลงานภาพวาดครั้งนี้ เพราะเป็นการวาดภาพกระดูกอาจารย์ใหญ่ของจริงครั้งแรก และเป็นภาพวาดที่ใช้เทคนิคสีน้ำขั้นสูงครั้งแรก ก่อนวาดก็จะวัดสัดส่วนกระดูก ดูมุมแสง และเงา เก็บรายละเอียดต่างๆ จนมั่นใจว่าเหมือนจริง และถูกต้องทุกรายละเอียด จึงรังสรรค์มาเป็นผลงานกระดูกแขน และมือ

“ผมเลือกวาดกระดูกส่วนแขน และมือ เพราะเป็นส่วนที่มีรายละเอียดเยอะ ใช้เวลาวาดประมาณ 3-5 ชั่วโมง ผลงานก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ และหวังว่าภาพวาดนี้จะถูกนำไปเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือสื่อการศึกษาทางการแพทย์ในอนาคต แม้จะไม่เคยรู้จักสาขาวิชาเวชนิทัศน์มาก่อน แต่ผมเลือกที่จะลองเข้ามาเรียนรู้ เพราะสนใจในหลักสูตรที่บูรณาการทั้งวิทยาศาสตร์ และศิลปะไว้ด้วยกัน โดยหวังว่าการผลิตสื่อทางการแพทย์ของตัวเอง จะไม่ใช่เพียงสื่อที่ให้แพทย์ได้ศึกษาเท่านั้น แต่จะเป็นตัวกลางระหว่างหมอกับคนไข้ ให้สื่อสารเรื่องยากได้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น” นายนนทกรณ์ กล่าว

ขอนแก่น-มข. มอบหมวกกันน็อกฟรีให้ นศ. ดัน “สวมหมวก 100% ลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์”

มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น จัดพิธีมอบหมวกนิรภัยให้นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น การดำเนินงาน “จังหวัดขอนแก่นขับขี่ปลอดภัย  365 วัน” บริเวณโถง ชั้น 1 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันพฤหัสบดีที่  28  กันยายน 2566

ในการนี้ รศ.นพ.ชาญชัย  พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น โดยระบุว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ขับเคลื่อนงานเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนมาโดยตลอด  ทั้งในส่วนของการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้  การกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัย  เสริมสร้างวัฒนธรรมในการขับขี่อย่างปลอดภัย ให้กับนักศึกษาและบุคลากร  รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางการจราจร ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมาอย่างต่อเนื่อง
 
การที่จังหวัดขอนแก่น โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ประกาศวาระ “จังหวัดขอนแก่นขับขี่ปลอดภัย 365 วัน” และนำหมวกนิรภัย จำนวน 500 ใบมาส่งมอบให้นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นในวันนี้ นับเป็นโอกาสอันดียิ่ง ที่จะช่วยเสริมสร้างให้เกิดพฤติกรรมการขับขี่จักรยานยนต์อย่างปลอดภัย  เป็นส่วนผลักดันที่สำคัญ ในการลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บ ลดความสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สินของนักศึกษา ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติร่วมในพิธีมอบหมวกนิรภัยให้นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และขอต้อนรับทุกท่าน ด้วยความยินดียิ่ง
 

ขณะที่ รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ กล่าวรายงานว่า ตามที่จังหวัดขอนแก่นได้ประกาศวาระ จังหวัดขอนแก่นขับขี่ปลอดภัย 365 วัน การสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็น นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุระหว่าง 15 – 22 ปีนั้น สอดคล้องกับนโยบายด้านความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ได้จัดทำกิจกรรมรณรงค์เพื่อส่งเสริมป้องกัน รวมถึงการสร้างความตระหนักในการป้องกันการบาดเจ็บจากการใช้รถใช้ถนนของนักศึกษา และบุคลากรมาโดยตลอด

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้สำรวจความต้องการหมวกนิรภัยของนักศึกษาจากทุกคณะ โดยมีนักศึกษาแจ้งความประสงค์ จำนวน 574 คน โดยจังหวัดขอนแก่นได้สนับสนุนหมวกนิรภัยเพื่อมอบให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 500 ใบ และในวันนี้มีตัวแทนนักศึกษาเข้ารับมอบหมวกนิรภัยจำนวน  90 คน
 
ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ประธานในพิธี กล่าวว่า ทางจังหวัดจึงได้ดำเนินงาน “จังหวัดขอนแก่นขับขี่ปลอดภัย 365 วัน” มาต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยนอกจากการให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายจราจรแล้ว จังหวัดขอนแก่นยังดำเนินการแจกหมวกนิรภัยซึ่งเป็นหนึ่งในการป้องกันอุบัติเหตุ โดยตลอด 2 เดือนที่ทำโครงการมาพบว่า สถิติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลงจริงถึงครึ่งหนึ่ง และคาดว่าในเดือนสุดท้ายของโครงการจะมีตัวเลขลดลงต่อไป “หากขับขี่แล้วสวมหมวกนิรภัยอย่างน้อยจะช่วยลดอาการบาดเจ็บจากหนักเป็นเบา ป้องกันการสูญเสีย เพราะเรื่องอุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ หวังว่าหมวกนิรภัยนี้จะช่วยปกป้องชีวิตของน้อง ๆ ให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ขอบคุณอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอบคุณมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ได้ร่วมผลักดันให้จังหวัดขอนแก่นกลายเป็นจังหวัดสวมหมวกกันน็อก 100%”
 
ภายในงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ยังได้เป็นเกียรติมอบรางวัลแก่ นายวิทวัส นามคำมูล และนายนพพล ช่างชัย นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ ชั้นปีที่ 2 ผู้ได้รับรางวัลจากการประกวดโปสเตอร์รณรงค์และประชาสัมพันธ์การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ภายใต้หัวข้อ “การสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์” จัดโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย 

นายวิทวัส และ นายนพพล กล่าวว่า หลังจากอาจารย์มาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการนี้ทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมประกวด และได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ทั้งเรื่องเทคนิคการจัดวางและการออกแบบโปสเตอร์จนได้รับรางวัลกลับมา ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลมีจุดเด่น คือ การออกแบบ Pop art ผสมผสานกับ Isometric ส่วนอีกชิ้นงานมีจุดเด่น คือ การใช้สี โดยเลือกสีแดงและเขียว เพื่อเป็นการสื่อสารเกี่ยวกับจราจรและเป็นเฉดสีที่โดดเด่นด้วย “หวังว่าโปสเตอร์ของพวกผมจะทำให้คนเล็งเห็นว่าการสวมหมวกนิรภัยเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นความปลอดภัยของชีวิตทุกคน”
 
จากนั้นผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น และผู้บริหารจังหวัดขอนแก่น ได้ร่วมมอบหมวกนิรภัยให้แก่ตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยตัวแทนนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ชั้นปีที่ 3 ระบุว่า ในมหาวิทยาลัยขอนแก่นนักศึกษาใช้รถมอเตอร์ไซค์เยอะ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ฝนตก หากมีอุปกรณ์ที่มาช่วยป้องกันอุบัติเหตุให้เราได้แบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก ซึ่งนอกจากแจกหมวกกันน็อกแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจรและอบรมเกี่ยวกับใบขับขี่มาอย่างต่อเนื่อง ขอบคุณทางมหาวิทยาลัยที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักศึกษาจริง ๆ

‘มาดามเดียร์’ ปลื้ม!! ผลสำรวจนิด้าโพล ชี้!! เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป

‘มาดามเดียร์’ ร่วมเป็นกรรมการตัดสินประกวด ‘Policy Hackathon’ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมพบตัวแทนสาขาพรรคฯ เน้นย้ำความตั้งใจลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่ออนาคตของพรรคและประเทศ ขอบคุณหลังผลนิด้าโพลประชาชนยกให้เหมาะสมเป็นหัวหน้าคนต่อไป

(3 ธ.ค. 66) ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางร่วมกิจกรรมเป็นกรรมการตัดสินกิจกรรม การประกวดนโยบาย Policy Hackathon ในงาน ‘มหกรรมสิงห์วิชาการ ครั้งที่ 9’ ซึ่งจัดโดยสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ในโอกาสนี้ น.ส.วทันยา ยังได้พบปะตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ประจำจังหวัด และสมาชิก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากหลายจังหวัด เพื่ออธิบายถึงความตั้งใจในการประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 และแนวทางในการทำงานเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์และความศรัทธาของพรรค ให้ได้รับการยอมรับและเป็นที่ไว้ใจให้กับประชาชนอีกครั้ง รวมถึงยังได้มีการแลกเปลี่ยนรับฟังถึงปัญหาและความต้องการจากตัวแทนสาขาพรรค เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมต่อไป

โดยในการพูดคุยตัวแทนสาขาพรรค มีความเห็นพ้องร่วมกันว่าอยากให้ น.ส.วทันยา ได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทั้งด้านธุรกิจและด้านการเมือง จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถฟื้นฟูและนำพาพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้อีกครั้ง

ขณะที่ น.ส.วทันยา ได้กล่าวย้ำถึงความตั้งใจที่เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ และชวนทุกคนมาร่วมสร้างพรรคการเมืองให้เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมในทุกมิติของพรรค

นอกจากนี้ น.ส.วทันยา ยังได้กล่าวถึงผลสำรวจของนิด้าโพล ที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าตนมีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพความตั้งใจของตน ที่ได้เสนอตัวต่อพี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

มิติใหม่!! 'นิติศาสตร์ ม.ขอนแก่น' เชิญป้าแม่บ้านคณะฯ ขึ้นโพเดียม  แสดงความยินดีบัณฑิตใหม่ อวยพร "ขอให้ทุกคนเป็นเจ้าคนนายคน"

เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค. 66) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพจากเพจที่ชื่อว่า LAW KKU_News ของกลุ่มงานการบริหารเครือข่ายและการขับเคลื่อนยุทธศาตร์คณะ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โพสต์ภาพแม่บ้านคณะนิติศาสตร์ขึ้นไปบนโพเดียม กล่าวแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษา ระบุว่า "ในพิธีแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ ที่สำเร็จการศึกษาประจำปี 2566 ณ เซนทรัลฮอล์ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซนทรัลขอนแก่น

รองศาสตราจารย์วนิดา แสงสารพันธ์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ สักทองรุ่นที่ 16 พร้อมทั้งให้ข้อคิดแนวทางในการใช้ชีวิต นอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และตัวแทนบุคลากร ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบแรงบันดาลใจให้กับบัณฑิตใหม่ของคณะฯ

โดยครั้งนี้ พี่มัส หรือป้ามัส แม่บ้านคณะนิติศาสตร์ได้กล่าวแสดงความยินดีและอวยพรให้กับบัณฑิตใจความสำคัญว่า “สวัสดีค่ะ ป้ามัสนะคะ เป็นแม่บ้าน มีหน้าที่ทำความสะอาดห้องเรียน และพื้นที่ต่าง ๆ ภายในคณะฯ มาหลายปี วันนี้รู้สึกขอบพระคุณท่านคณบดีฯ และทุกคนที่ได้ให้โอกาส ทำให้ป้ามายืนอยู่ตรงนี้เป็นคนยินดีกับบัณฑิต ป้ามัสขอแสดงความยินดีในความสำเร็จขอทุกคนในวันนี้นะคะ ป้าขอให้บัณฑิตทุกคนนำความรู้ที่ได้จากท่านอาจารย์สอนไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และขอให้ทุกคนเติบโตไปได้เป็นเจ้าคนนายคนนะคะ”

ทั้งนี้ ในปี 2566 มีผู้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิติศาสตร์ จำนวน 732 คน ซึ่งจะได้ทำการฝึกซ้อมตั้งแต่วันที่ 15 - 17 ธันวาคม 2566 และจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น"

ด้านชาวเน็ตต่างแสดงความชื่นชมแนวคิดของคณะนิติศาสตร์ ที่นำแม่บ้านขึ้นมาแสดงความยินดี เพราะแม่บ้าน รปภ. ร้านขายอาหาร และช่างซ่อมบำรุง ล้วนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการเรียน รู้สึกขอบคุณและเคารพรักไม่น้อยไปกว่าเพื่อนและอาจารย์

'อัษฎางค์' ข้องใจ!! ม.ดัง ให้แม่บ้านขึ้นแสดงความยินดีผู้สำเร็จการศึกษา ส่อ 'แซะ-บั่นทอน' ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่ต้องสงสัย

(18 ธ.ค. 66) อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ พร้อมภาพแม่บ้านขึ้นไปบนโพเดียม กล่าวแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษา หัวข้อ ‘ความเท่าเทียมๆ’ ระบุว่า เรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นสิ่งดีงาม เพราะความสำเร็จของคนหนึ่งคนย่อมมาจากแรงสนับสนุนจากทุกคนทุกฝ่าย

แต่เรื่องนี้มีนัยหรือเลศนัยแน่นอน เพราะสถาบันการศึกษาแห่งนี้เป็นแหล่งรวมคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ดังนั้น กิจการแบบนี้ ก็หวังแซะหรือบั่นทอนหรือสร้างความสั่นคลอนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่ต้องสงสัย คนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ทำเป็นไปยกย่องเชิดชูคนรากหญ้าคือ ความตอแหลของผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร อาจารย์หรือนักศึกษา

ผมขอย้ำว่า การยกย่องคนรากหญ้า หรือการยกย่องคนทุกระดับ ทุกชนชั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม แต่พวกคุณทำเป็นการยกย่องคนรากหญ้า หรือการยกย่องคนทุกระดับ ทุกชนชั้น ในขณะที่กลับไป ดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มันย้อนแย้งกับเปลือกนอกที่ทำเป็นคำนึงถึงมนุษยธรรมและความเท่าเทียม ๆ น่าคลื่นไส้ กับพวกผู้บริหาร อาจารย์หรือนักศึกษา ที่ทำเป็นคำนึงถึงเรื่องความเท่าเทียมและสิทธิมนุษย์ชน แต่มันจอมปลอม

สถาบันพระมหากษัตริย์เสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรและกล่าวโอวาทพร้อมแสดงความยินดี พวกคุณกลับต่อต้าน แต่เอาคุณพี่แม่บ้านมาให้โอวาทพวกคุณบอกว่าน่ายินดี ยินดีต้อนรับคุณพี่แม่บ้าน และยินดีต้อนรับสถาบันพระมหากษัตริย์จากใจให้เหมือนกันไม่ได้หรือ ความเท่าเทียม ๆ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top