Sunday, 28 April 2024
ภาคเหนือ

‘ดีพร้อม’ ยกระดับกาแฟภาคเหนือตอนบนไทย ปั้น ‘แลนด์มาร์กอาราบิก้า’ ชิงแชร์ 4 หมื่นล้าน 

ดีพร้อม ติดสปีดผู้ประกอบการ “กาแฟอาราบิก้าภาคเหนือตอนบน” โตทะลุ 5 พันล้าน พร้อมปรับแนวทางธุรกิจรับยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) - เทรนด์โลกกับคาเฟ่ครบวงจร 

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ต้อนรับเปิดประเทศ และสอดรับนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรมในการยกระดับกาแฟอาราบิก้าอย่างครบวงจรจากต้นสู่แก้ว (Coffee to Cup : C2C) ภายใต้อัตลักษณ์กาแฟภาคเหนือ โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน ได้ทำให้มูลค่าของตลาดกาแฟในภาคเหนือตอนบนเติบโตมากขึ้นถึง 5,000 ล้านบาท พร้อมเผยแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว รับการเติบโตของธุรกิจร้านเครื่องดื่ม (คาเฟ่) รวมถึงพฤติกรรมการเว้นระยะห่าง และการปรับรูปแบบการเลือกซื้อสินค้า อาทิ การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานเมล็ดกาแฟ การเพิ่มโอกาสในการขยายตลาด พร้อมยกระดับกาแฟอาราบิก้าภาคเหนือตอนบนให้มีมาตรฐาน และเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญในระดับโลก

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศ และในช่วงที่ประเทศไทยเริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้มอบนโยบายให้ดีพร้อมเร่งฟื้นฟูภาคส่วนสำคัญทั้งด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว รวมทั้งการเข้าถึงวิสาหกิจชุมชนในหลาย ๆ พื้นที่ โดยนโยบายที่สำคัญด้านหนึ่งคือการยกระดับกาแฟอาราบิก้าให้เกิดขึ้นอย่างครบวงจร ภายใต้อัตลักษณ์กาแฟภาคเหนือ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีคุณภาพและทำให้ภาคเหนือตอนบนเป็นแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟที่มีชื่อเสียง ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวในปี 2562 จนถึงปัจจุบันได้ผลักดันทักษะของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกาแฟในภาคการผลิตและภาคบริการให้ก้าวสู่ทิศทางที่ดีขึ้น

การพัฒนาดังกล่าว ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มูลค่าของตลาดกาแฟของภาคเหนือตอนบน เติบโตมากขึ้นถึง 5,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเป็นแรงผลักดันให้การเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟในประเทศไทยเฉลี่ยปีละ 10-15% โดยตลาดกาแฟในประเทศไทยปี 2562 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ราว 37,000 - 38,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2563 ที่ผ่านมา มูลค่าของตลาดกาแฟในประเทศไทยอยู่ที่ 42,537 ล้านบาท แบ่งเป็นกาแฟสด 4,119 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.7 อัตราขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8% ต่อปี ส่วนกาแฟสำเร็จรูปอยู่ที่ 38,418 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.3 และมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8% ต่อปี นอกจากนี้ เมื่อศึกษามูลค่าในระดับโลกยังมีการคาดการณ์ว่าตลาดกาแฟในช่วงระหว่างปี 2564 - 2566 จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% และมีมูลค่าที่สูงมากถึง 191.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ดีพร้อมยังได้มีการศึกษาภาพรวมในตลาดกาแฟซึ่งพบว่ามีหลายปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการต้องปรับรูปแบบในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของธุรกิจร้านเครื่องดื่ม (คาเฟ่) ที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ การลดบริโภคเครื่องดื่มนอกบ้านจากมาตรการล็อกดาวน์ ภายใต้สถานการณ์การระบาดโควิด-19 และเปลี่ยนพฤติกรรมมาสู่ยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) การดื่มกาแฟสด - เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากช่องทางออนไลน์และดิลิเวอรี่เพิ่มมากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าว ดีพร้อมจึงได้มีแนวทางเพิ่มโอกาสการเติบโตของผู้ผลิตกาแฟในพื้นที่ภาคเหนือผ่านโครงการยกระดับศูนย์กลางการพัฒนาอัตลักษณ์กาแฟอะราบิก้าภาคเหนือ ด้วยแนวทางที่สำคัญดังนี้...

8 ปี 'ภาคเหนือ' รัฐบาล 'ลุงตู่' จัดให้!!

ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ เกิดการพัฒนาทั่วทุกภาคของประเทศ ในส่วนการพัฒนาภาคเหนือ มีการกำหนดให้พื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปาง เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือเพื่อยกระดับให้เป็นพื้นที่ลงทุนด้านการพัฒนาให้เป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักของประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 

การพัฒนาและผลงานที่เป็นรูปธรรมและเอื้อประโยชน์ให้แก่พี่น้องชาวภาคเหนือมีมากมายหลายโครงการ ขอยกตัวอย่างมาให้เห็นคร่าวๆ ดังนี้

1.) พัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ ที่เชียงราย

2.) เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา การท่องเที่ยวธรรมชาติและสุขภาพ ตามเส้นทางเมืองเก่าลำพูน ลำปาง เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน

3.) ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 11 ตอนแยกภาคเหนือ-ขุนตาล จาก 4 ช่องจราจรเป็น 8 ช่องจราจร

4.) พัฒนาทางหลวงหมายเลข 116 ตอนป่าสัก-สะปุ๋ง-บ้านเรือน-สันป่าตอง จาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทาง 19 กม.

5.) พัฒนาทางหลวงหมายเลข 10.35 ตอนวังหม้อพัฒนา-แจ้ห่ม ระยะทาง 19 กม.

6.) ก่อสร้างส่วนขยายสะพานข้ามทางแยกต่างระดับ แยกภาคเหนือ จุดตัดทางหลวงหมายเลข 1 ตอนเกาะคา-สามัคคี กับทางหลวงหมายเลข 11 ตอนแยกภาคเหนือ-ขุนตาน

7.) ก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ ทางหลวงหมายเลข 1136 ตอนเหมืองง่า-ลำพูน เพื่อเชื่อมทางเลี่ยงเมืองลำพูน สายเหมืองง่า-ท่าจักร และเชื่อมโยงจังหวัดเชียงใหม่

8.) ก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่ริม เมืองสันกำแพง

9.) สร้างสถานีขนส่งสินค้าจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าในภูมิภาค

10.) ปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่มรดกทางวัฒนธรรม 'เมืองเก่าลำพูน'

11.) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบริเวณถนนนิมมานเหมินทร์ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ

12.) ขยายท่าอากาศยานฯ และการศึกษาความเหมาะสมการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ (Logistic) เชื่อมต่อจากจังหวัดลำปาง-จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน และลดต้นทุนการขนส่งน้ำมัน

ธปท.สำนักงานภาคเหนือ จัดสัมมนาวิชาการ 'Moving beyond the curve:ก้าวข้ามความท้าทาย สู่อนาคตเศรษฐกิจการเงินใหม่ภาคเหนือ'

(14 พ.ย. 65) เวลา 08.30-12.00 น. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จัดงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2565 'Moving beyond  the curve: ก้าวข้ามความท้าทาย สู่อนาคตเศรษฐกิจการเงินใหม่ภาคเหนือ' โดยร่วมสนทนากับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ หัวข้อ 'ก้าวข้ามความท้าทาย วางนโยบายสู่อนาคต'  โดยมีนางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ กล่าวต้อนรับและเปิด  พร้อมด้วยคณะผู้ทำงานศึกษา วิทยากรผู้ร่วมเสวนา และแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน ณ อาคารอเนกประสงค์ ธปท.สำนักงานภาคเหนือ 

นางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ กล่าวว่า สำนักงานภาคเหนือจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2545 (เว้นแค่ปี 2564) ครั้งนี้ก็นับเป็นปีที่ 19 แล้ว งานสัมมนานี้เป็นช่องทางสื่อสารแลกเปลี่ยนแนวคิดมุมมองด้านเศรษฐกิจการเงินและแนวโน้มในระยะข้างหน้ากับหน่วยงาน ธุรกิจเอกชน และประชาชนทั่วไป ปี 2565 นับเป็นปีที่มีความท้าทายสำหรับเศรษฐกิจภาคเหนือ และเศรษฐกิจไทยโดยรวม เพราะยังอยู่ในช่วงแรกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว แล้วยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ในบริบทโลกที่มีความผันผวน และคาดเดาได้ยาก

ในช่วงที่ผ่านมา วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 เป็นทั้งวิกฤตและโอกาส เราเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างรุนแรง แต่เราก็เห็นความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา ปรับตัวรับสถานการณ์ และทำงานร่วมกัน ทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นช่วงที่ยากลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 มาได้

รวมทั้งเห็นการปรับตัวมาใช้ระบบการเงินดิจิทัลอย่างก้าวกระโดดในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มุ่งมั่นดำเนินการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินไทย โดยเน้นการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและยั่งยืน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่ผ่านมา ธปท. ได้มีการสื่อสาร รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และทำงานร่วมกับคนในพื้นที่ ทำให้สามารถออกนโยบาย และมาตรการต่าง ๆ ได้ตรงจุดมากขึ้น และวันนี้เราก็เห็นผลของการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ดี

‘ตำรวจแม่พริก’ จับพิรุธคนขับรถสิบล้อขนสินค้า ตรวจค้นพบ ยาบ้า 5 ล้านเม็ด - ยาเคกว่า 100 กิโล

ผบ.ตร. ชื่นชม ตำรวจแม่พริก ลำปาง มีไหวพริบ รวบหนุ่มขับรถสิบล้อ ขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด เคตามีนกว่า 100 กิโล ตบตา จนท.ซุกซ่อนมากับทิชชู รับมาจากเชียงใหม่ นำส่งสงขลา สั่งการย้ำขยายผลยึดทรัพย์ พร้อมกำชับตำรวจเร่งแก้ปัญหาผู้เสพร่วมกับทุกภาคส่วน 

วันนี้ (22 พ.ย. 65) เวลา 10.00 น. ที่ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ รอง ผบชภ.5, พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.นพดล สอนสำราญ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จว.ลำปาง, นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, ผู้แทน ปปส., ผู้แทน มทบ.32  ร่วมกันแถลงผลการจับกุม คดียาเสพติดรายสำคัญ ผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5 ล้านเม็ด เคตามีน (ยาเค) จำนวน 101 กิโลกรัม และรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 17 พ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก จ.ลำปาง ได้เรียกตรวจรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 66-9601 กทม. พบ นายวัชระ คะรวนรัมย์ อายุ 32 ปี ที่อยู่ 57 ม.5 ต.คูมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ คนขับรถมีท่าทางพิรุธ จึงได้ขอทำการตรวจค้นโดยได้นำรถยนต์บรรทุก เข้าเครื่อง XRAY ประจำด่านตรวจแม่พริก พบวัตถุสงสัยคล้ายก้อนยาเสพติด ปะปนมากับกล่องสินค้า จึงได้ตรวจสอบอย่างละเอียดพบ ยาบ้าจำนวน 850 ก้อน ประมาณ 5 ล้านเม็ด และเคตามีนอีก จำนวน 101 ก้อน ก้อนละ 1 กก. รวมเป็น 101 กก. 

สอบสวนนายวัชระ ให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายวสันต์ ให้มาขนยาเสพติดดังกล่าว โดยซุกซ่อนยาเสพติดมากับสินค้าจำพวกกล่องทิชชูเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ โดยต้นทางของยาเสพติดมาจาก  อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ปลายทาง จ.สงขลา และนายวัชระ รับว่าได้เสพยาบ้ามาด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีและทำการขยายผลยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป 

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องในทุกมิติ ต้องขอชื่นชมในไหวพริบของตำรวจด่านแม่พริก จ.ลำปาง ที่มีปฏิภาณไหวพริบในการตรวจค้น จนนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ โดย ด่านตรวจยาเสพติดแห่งนี้ มีผลงานจับกุมยาเสพติดมาต่อเนื่อง

เริ่มแล้ว!งานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 'นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน'

เริ่มแล้ว งานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 'นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน' ชูนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ กระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565

เมื่อวันที่1 ธันวาคม 2565 ที่ ศูนย์วิจัย สาธิตและฝึกอบรมการเกษตรแม่เหียะ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง ประธานในพิธีเปิดงานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 'นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน' ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันสถาปนาครบรอบ 55 ปี ของคณะเกษตรศาสตร์ และเผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการเกษตรของในหลวงรัชกาลที่ 9 และการสืบสาน รักษา ต่อยอด แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 10 พร้อมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้ ผลงานวิจัย และนวัตกรรมด้านเกษตรอัจฉริยะของคณะเกษตรศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ดรุณี นาพรหม คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน และประชาชนชาวเชียงใหม่ เข้าร่วมพิธีฯ

โอกาสนี้ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง  กล่าวชื่นชมยินดีกับพันธกิจที่คณะเกษตรศาสตร์ได้ดำเนินการ ทั้งในด้านการผลิตบัณฑิตที่มุ่งเน้นการเป็นวิทยาศาสตร์เกษตร การวิจัยค้นคว้าเพื่อสร้างนวัตกรรมสมัยใหม่ และแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร การบริการวิชาการเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ไปสู่ชุมชน เกษตรกรและหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการเกษตรกับองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน 

เชียงใหม่-สัมมนาผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์พลังงานภาคเหนือเตรียมพร้อมเผยแพร่ผลสำเร็จโครงการ Energy Points 3

สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรมฯ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ จัดสัมมนาผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์พลังงานภาคเหนือ เตรียมพร้อมเผยแพร่ผลสำเร็จโครงการ Energy Points 3 ภายใต้โครงการสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและลดต้นทุนในอุตสาหกรรมขนาด SME ภายในเดือนมีนาคมนี้ ณ กรุงเทพมหานคร
 
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 เวลา 09.00 น. ณ ห้องบุษราคัม ชั้น 1 โรงแรมฟูราม่า จ.เชียงใหม่ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสนับสนุนโดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน จัดเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing) ระหว่างคณะทำงานโครงการฯ และที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเตรียมพร้อมเผยแพร่ผลสำเร็จโครงการสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและลดต้นทุนในอุตสาหกรรมขนาด SME โดยมี นายรุ่งเรือง สายพวรรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ,ผศ.ดร.ชลธิศ เอี่ยมวรวุฒิกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีประทุม และนายกิตติ์ จิรกิตยางกูร  รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการเสวนาร่วมกับที่ปรึกษาฯ จากกลุ่มจังหวัดในภาคเหนือ ประกอบไปด้วยภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่), ภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย), ภาคเหนือตอนล่าง 1 (พิษณุโลก), ภาคเหนือตอนล่าง 2 (นครสวรรค์) โดยช่วงบ่ายเป็นการเข้าเยี่ยมชมโรงงานตัวอย่างด้านอนุรักษ์พลังงาน ณ โรงงานน้ำแข็งธารทอง

ู้รู้คุณ รู้โทษ กลุ่ม ‘THE NEXT GEN’ จัดงาน ‘Cannabis Literacy’ สร้างเสริมความรู้เรื่อง ‘กัญชง-กัญชา’ ให้เยาวชนภาคเหนือ

เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.66) กลุ่มเยาวชน ‘THE NEXT GEN’ รวมกลุ่มเยาวชนภาคเหนือ จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความรอบรู้ทางสุขภาวะที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชงโดยเด็กเยาวชนภาคเหนือตอนบน (Cannabis Literacy) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยจัดเสวนาในหัวข้อห่วงใยนโยบาย ‘กัญชาเสรี’ และการปกป้องเด็กและเยาวชนไทย บริเวณลานหน้า ห้างเมญ่าไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ โดยวิทยากรในการบรรยายครั้งนี้ได้แก่ ผศ.ดร.พีระ จูน้อยสุวรรณ ที่ปรึกษา THE NEXT GEN ต่อมาคือ ธันวา พานิช นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และ ประธานเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ภาคเหนือ และ ศุภวิชญ์ อยุทธ์ ตัวแทนกลุ่ม THE NEXT GEN โดยภายในงานได้มีการดึงตัวแทนกลุ่มเยาวชนในภาคเหนือหลายองค์กรเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ ในครั้งนี้ 

โดย ผศ.ดร.พีระ จูน้อยสุวรรณ ที่ปรึกษา THE NEXT GEN ให้ความคิดเห็นว่า “ความรอบรู้เรื่องกัญชามีความจำเป็นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งและเท่าทัน ให้กับเด็กและเยาวชน การให้ความรู้เกี่ยวกับกัญชาต้องเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาเพื่อความปลอดภัยจากการใช้ที่ผิด อาจเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่อยากคาดเดาได้ในอนาคต หลังจากนี้คงเห็นหลาย ๆ สถาบันการศึกษาทุกระดับจะให้ความจริงจังกับเรื่องนี้”

ในส่วนของ นายธันวา พานิช นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา, ประธานเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ภาคเหนือ ให้ความคิดเห็นว่า “ควรสร้างกระบวนการเรียนรู้สู่เด็กและเยาวชน เพื่อปลูกฝังให้กลุ่มเยาวชนมีภูมิคุ้มกันที่ดี และสามารถต่อยอดในการขยายชุดความรู้ตัวนี้สู่ครอบครัวของตนเอง สู่ชุมชนของตนเองต่อไป เนื่องจากปัจจุบันกัญชาเข้ามามีส่วนผสมในอาหารค่อนข้างหลากหลายช่องทางทั้งเป็นขนม อย่างเจลลีกัญชา น้ำหวานกัญชา ที่เด็กจะเข้าถึงได้ง่าย และถ้าเด็กและเยาวชนหรือคนอื่น ๆ ขาดความตระหนักรู้หรือข้อมูลถึงโทษของการใช้สารกัญชาที่ผิด หรือหากผู้บริโภคแพ้ อาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงถึงขั้นการสูญเสียเลยก็ว่าได้”

นอกจากนี้ นายศุภวิชญ์ อยุทธ์ ตัวแทนกลุ่ม THE NEXT GEN กล่าวว่า “พืชนี้มีประโยชน์มาก หากดึงส่วนสำคัญมาใช้ในการแพทย์ ส่วนในเรื่องของการใช้เพื่อนันทนาการนั้นก็คงจะต้องปรับแก้ทางกฎหมายกันต่อไป”

8 ปี 'ภาคเหนือ' 'รัฐบาลลุงตู่' จัดให้!!

#จดหมายเหตุลุงตู่ #8ปีที่เปลี่ยนไป #ยุบสภา

ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ เกิดการพัฒนาทั่วทุกภาคของประเทศ ในส่วนการพัฒนาภาคเหนือ มีการกำหนดให้พื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปาง เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือเพื่อยกระดับให้เป็นพื้นที่ลงทุนด้านการพัฒนาให้เป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักของประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 

การพัฒนาและผลงานที่เป็นรูปธรรมและเอื้อประโยชน์ให้แก่พี่น้องชาวภาคเหนือมีมากมายหลายโครงการ ขอยกตัวอย่างมาให้เห็นคร่าวๆ ดังนี้

1.) พัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ ที่เชียงราย

2.) เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา การท่องเที่ยวธรรมชาติและสุขภาพ ตามเส้นทางเมืองเก่าลำพูน ลำปาง เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน

3.) ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 11 ตอนแยกภาคเหนือ-ขุนตาล จาก 4 ช่องจราจรเป็น 8 ช่องจราจร

4.) พัฒนาทางหลวงหมายเลข 116 ตอนป่าสัก-สะปุ๋ง-บ้านเรือน-สันป่าตอง จาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทาง 19 กม.

5.) พัฒนาทางหลวงหมายเลข 10.35 ตอนวังหม้อพัฒนา-แจ้ห่ม ระยะทาง 19 กม.

6.) ก่อสร้างส่วนขยายสะพานข้ามทางแยกต่างระดับ แยกภาคเหนือ จุดตัดทางหลวงหมายเลข 1 ตอนเกาะคา-สามัคคี กับทางหลวงหมายเลข 11 ตอนแยกภาคเหนือ-ขุนตาน

7.) ก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ ทางหลวงหมายเลข 1136 ตอนเหมืองง่า-ลำพูน เพื่อเชื่อมทางเลี่ยงเมืองลำพูน สายเหมืองง่า-ท่าจักร และเชื่อมโยงจังหวัดเชียงใหม่

8.) ก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่ริม เมืองสันกำแพง

9.) สร้างสถานีขนส่งสินค้าจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าในภูมิภาค

10.) ปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่มรดกทางวัฒนธรรม 'เมืองเก่าลำพูน'

‘ปชป.’ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ ครบ 68 เขต มั่นใจ!! ได้เก้าอี้มากกว่าครั้งก่อน ย้ำ!! พร้อมรับใช้ ปชช.

(27 มี.ค.66) น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย พร้อมด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคเหนือ ได้เปิดตัวว่าผู้สมัคร ส.ส. ที่เหลือ 12 เขต และบัญชีรายชื่ออีก 3 คน

โดยนายนราพัฒน์ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัครคือ 
จ.พิษณุโลก 
น.ส.ปุญชรัสมิ์ ศิริสวัสดิ์ เขต 2 
นายวิมล สารมะโน เขต 3 
นายพลิ้ง บุญแสงสวัสดิ์ เขต 5  

จ.เชียงราย 
นายไอใจ ปู่หมื่อ เขต 1 (เป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์)
นายนิกร จันทร์หอม เขต 2 
นายหาญ ดอนลาว เขต 3 
นายปิยะวัฒน์ ปิยะวัฒน์หิรัณย์ เขต 7  

จ.แพร่ 
นายสุรกิจ ศิริวาท เขต 1         
นายวิโรจน์ ยิงช้าง เขต 2
นายมงคล ภัทรทิพย์มงคล เขต 3  

จ.ตาก 
น.ส.ถนอมจิต แสงงาม เขต 2 (ลงสมัครแทนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีต ส.ส.ตาก ปชป. ที่ประกาศไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้)

จ.น่าน 
นายเรืองเดช จอมเมือง เขต 3 (ซึ่งเป็น ส.อ.จ.น่านเขต 1 และยังเป็นผู้ร่วมจัดตั้งมูลนิธิกลุ่มฮักเมืองน่าน)

ส่วนผู้สมัคร ส.ส.บัญชีราย คือ
1.นายณัฐชา ลิขิตกิตวรกุล  
2. นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล
3. นายฉัตรณพัฒน์ เทียนมงคล

ตำรวจ ปส.(NSB) รวบเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ ยึดยาบ้ากว่า 6.7 ล้านเม็ด คีตามีน 400 กก. ก่อนกระจายช่วงเทศกาลสงกรานต์

(28 มี.ค. 66) เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ภายใต้การสั่งการอย่างเข้มข้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ (NSB) เดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ และรายย่อย ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร ซึ่งจะพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดขณะนี้เครือข่ายมีความพยายามอย่างหนักในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถจับกุมได้ 3 เครือข่าย พร้อมของกลาง ยาบ้า 6.7 ล้านเม็ด และคีตามีน 400 กก.

โดยเครือข่ายแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิเคราะห์ข่าว ปส.2 สืบสวนทราบว่า นายสนธยา(สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ ด้าน จ.เชียงราย มาส่งให้กับลูกค้าในภาคกลางและพื้นที่ใกล้เคียง ด้วยการส่งทางพัสดุผ่านทางบริษัทขนส่ง ในวันที่ 25 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บริษัทขนส่งดังกล่าว พบว่ามีพัสดุถูกสำแดงว่าเป็นน้ำผลไม้ 15 กล่อง ระบุชื่อผู้รับคือ 'เปี๊ยก' ถูกส่งมาจาก จ.เชียงราย จากการสแกนตรวจสอบกล่องพัสดุดังกล่าว พบวัตถุรูปทรงสี่เหลี่ยมวางเรียงกันภายในกล่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นยาเสพติด หลังจากนั้นจึงได้นำส่งพัสดุดังกล่าวไปตามที่อยู่ปลายทาง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไปตลอดเส้นทาง เมื่อส่งพัสดุถึงปลายทาง พบนายสุริยา แจ้งว่าตนพักอาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า นายเปี๊ยก ที่มีชื่อระบุบนกล่องพัสดุ เป็นญาติของตนที่เสียชีวิตเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงนำภาพถ่ายของนายสนธยา ให้ตรวจสอบ นายสุริยา ยืนยันว่าบุคคลในภาพถ่ายคือ นายสนธยา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน เจ้าหน้าที่ตำรวจและบริษัทขนส่ง จึงร่วมกันเปิดกล่องพัสดุทั้งหมด 15 กล่อง เพื่อตรวจสอบ พบว่าเป็นคีตามีน บรรจุในลังไม้สีน้ำตาล น้ำหนักรวม 300 กก.      

ต่อมา เมื่อวันที่ 27 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ได้ขยายผลจากการจับกุมคีตามีน 300 กก. จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยาบ้า จำนวน 4 ล้านเม็ด โดยมีการนำยาบ้าดังกล่าว บรรจุในกล่องใส่น้ำผลไม้ เพี่อตบตาบริษัทขนส่งไปรษณีย์ว่าส่งน้ำผลไม้ไม่ใช่ยาเสพติด นำส่งพัสดุไปรษณีย์ ปลายทาง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตำรวจ ปส.2 พร้อมด้วยตัวแทนบริษัทขนส่ง ได้ติดตามไปยังปลายทางพัสดุ และจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 4 ล้านเม็ด ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม เพื่อติดตามจับกุมผู้สั่งการรายใหญ่ต่อไป

เครือข่ายที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 ตรวจสอบพบว่านายวัฒนา(สงวนนามสกุล) มีพฤติการณ์นำยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เลย ไปส่งให้กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง ต่อมาวันที่ 23 มี.ค.66 ตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามรถกระบะยี่ห้อนิสสัน สีขาว ซึ่งสืบสวนทราบว่าเป็นรถที่ใช้ขนยาเสพติด ไปถึง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ก่อนพบเข้าไปจอดอยู่บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาหนองหาน ตำรวจ ปส.2 จึงได้แสดงตัวตรวจค้นรถยนต์พบยาเสพติด คีตามีน วางอยู่บริเวณตอนท้ายกระบะบรรจุอยู่ในถุงชาจีนสีเขียวซุกซ่อนอยู่ในกระสอบพลาสติกสีรุ้ง 4 กระสอบ รวม 100 กก. และตำรวจ ปส.2 อีกชุดได้ติดตามรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้ารีโว่ สีขาว และรถยนตยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้สีเทา ซึ่งเป็นรถสำรวจเส้นทาง และจับกุม นายวัฒนา (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี, นายสุภชีพ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี,นายวีรธรรม(สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี และนายทิวทอง(สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. หรือบริษัท หนองทานออยส์ จึงแจ้งข้อหา “จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top