Wednesday, 8 May 2024
ภัทรเหมสุข

‘นักวิชาการ’ เผย เห็นด้วย รบ.ใหม่ปรับแก้เก็บภาษีไม่เป็นธรรม แนะ โครงสร้างส่วนใหญ่ดีอยู่แล้ว ปรับเปลี่ยนแค่บางเรื่องก็พอ

เมื่อไม่นานมานี้ นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pat Hemasuk’ ถึงประเด็น นโยบายปรับโครงสร้างภาษีที่ไม่เป็นธรรม ของแคนดิเดตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภายใต้การทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ โดยระบุว่า…

“ในสังคมคอมมิวนิสต์ยังทำไม่ได้เลยครับ ลองคิดดูว่าข้าวในจานของวิศวกรสร้างจรวด กับข้าวในจานของคนสานตะกร้า คุณภาพอาหารมันยังไม่เท่าเทียมกันเลย ถึงแม้จะกินอิ่มเหมือนกันก็ตาม 

สิ่งที่ควรคิด คือ ทำอย่างไรให้มีช่องทางหาข้าวจากนอกบ้าน มาเติมเพิ่มให้จานทุกใบในบ้านกินได้ดีขึ้น อิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่ไปแย่งเอาข้าวในบ้านจากจานของคนทำงานหนักกว่า มาใส่ในจานคนทำงานน้อย

แบบนี้ใครจะอยากทำงานหนักตอนหนุ่มเพื่ออนาคตตอนแก่ของตัวเอง ที่เงินถูกสูบออกไปในรูปของภาษีที่เกินกว่าเหตุในทุกช่องทางอยู่ตลอดเวลา อีกสิบปีข้างหน้า คนแก่ที่ไม่ได้ทำงานแล้วจะเหลือเงินให้กินใช้เพียงพอก่อนตายหรือเปล่าก็ไม่รู้

ผมไม่แปลกใจหรอกนะ ที่ตลาดหุ้นตลาดทุนมันเจริญลงฮวบๆ อย่างที่เห็นในเวลานี้ คงได้เห็นการดิ่งลงทะลุแนวต้านที่พันห้าร้อยในเวลาอันใกล้

ทุกรัฐบาลในอดีตเน้นการเรียกทุนต่างชาติจากภายนอกให้เข้ามาในประเทศ ไม่ต่างกับการหาข้าวนอกบ้านมาเติมให้จานข้าวทุกใบมีอาหารมากขึ้น

ผมเห็นด้วยในนโยบายบางเรื่องของแคนดิเดต รมว.คลังของรัฐบาลใหม่ ที่จะปรับโครงสร้างภาษีที่ไม่เป็นธรรม ผมเน้นอีกที่ว่า ‘บางเรื่อง’ เท่านั้น แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องไปแตะมันแล้ว คือ การสร้างความวิบัติให้ระบบโครงสร้างหลักที่กำลังเดินมาดีแล้วให้หยุดลง

ผมรู้ ทุกคนรู้ ว่าการออกไปหาข้าวนอกบ้านมาเติมในจานทุกคน มันยากกว่าที่จะแย่งข้าวในจานคนอื่นบนโต๊ะอาหารเดียวกัน ถ้ายังไม่เลิกความคิดแบบนี้ ระบบเศรษฐกิจจะล้มจากภายใน ที่เป็นการล้มที่แก้คืนได้ยากมาก สำหรับรัฐบาลที่จะเข้ามาใหม่ในอีกหลายปีข้างหน้า ที่ต้องมาเช็ดขี้รัฐบาลก่อนหน้า คือ รัฐบาลที่กำลังจะมีในเวลานี้ที่ขี้แตกทิ้งไว้เต็มเก้าอี้ไปหมด

รถเมล์สายประเทศไทยคันเดิมมันดีอยู่แล้ว ส่วนที่เสียต้องซ่อมไม่ถึง 5% หรอกครับ ซ่อมได้ แต่อย่าไปรื้อเครื่องยนต์เก่าออกหมด แล้วเอาเครื่องใหม่ที่ยังไม่รู้เลย ว่าจะติดเครื่องได้หรือเปล่ามาฝันละเมอว่าดีกว่าแล้วใส่แทน นั่นคือความวิบัติของประเทศจากคนด้อยประสบการณ์ แต่คิดว่าตัวเองเก่งสุดในสามโลก”

 

‘ภัทร เหมสุข’ เผย ‘หยก’ สูญเสียอนาคตเพราะเลือกทางผิด ซัด!! ผู้ใหญ่หลอกครอบงำเด็ก ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 จากกรณีที่ ‘หยก ธนลภย์’ เยาวชนอายุ 15 ปี ผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ได้นอนขวางรถบัสของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ที่กำลังจะพานักเรียนไปเข้าค่ายภาษาจีน หลังทางโรงเรียนปฏิเสธไม่ให้หยกร่วมเดินทางไปค่ายด้วย เนื่องจากหยกไม่มีสถานภาพนักเรียนและไม่ได้จ่ายค่าเทอม (เพราะคืนค่าเทอมไปแล้ว) ทำให้ครูและเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ พยายามให้หยกลงจากรถ แต่หยกไม่ยอม จนเพื่อนนักเรียนต้องช่วยกันอุ้มหยกลงจากรถ ทำให้ นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pat Hemasuk’ ถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า…

“สิ่งบางอย่างเดินหน้าแล้วถอยหลับกลับไม่ได้ สิ่งนั้นคือ ‘เวลาและโอกาส’ ของชีวิตที่เข้ามา
ผมอ่านข่าวบางข่าวเมื่อวานนี้แล้วสังเวชใจกับเด็กที่โดนการเมืองเข้าครอบงำ ใช้เป็นเครื่องมือจนชีวิตสูญเสียไปแบบไม่มีทางกลับไปดีได้เหมือนเดิม ในต่างประเทศมีกฎหมายคุ้มครองเด็กในเรื่องแบบนี้ คนที่ทำถึงขั้นติดคุกเลยทีเดียวถ้าไปใช้เด็กทำอย่างที่เห็น

ด่านแรกที่สู้จนถอดใจ คือ ครูและพ่อแม่ ที่ต้องตัดหางปล่อยวัด เพราะเด็กทำตัวแรงจนเอาไม่อยู่ ลองคิดดูว่าคนเป็นพ่อแม่ยังไม่เอา เนื่องจากเด็กเชื่อสังคมนอกโรงเรียน ทำผิดซ้ำซากจนเข้าสถานพินิจหรือคุกเด็กนั้น พ่อแม่และครูจะปวดใจแค่ไหน

วันนี้ที่เห็นเด็กต้องรับเรื่องราวอะไรมากมายเกินกว่าเด็ก ม.4 จะต้องพบเจอจากสังคม สายตาและแววตาบางภาพที่ออกสื่อ มันฟ้องว่าในใจของเด็กนั่นโดนอะไรและกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าสิ่งนี้ถือว่าแรงแล้วผมอยากให้รอดูไปอีกสองปี ตอนที่เพื่อนๆ ต่างก็แสดงความยินดีกันว่าพวกเขาคนโน้นคนนี้สามารถเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้บ้าง อนาคตจะเป็น นักศึกษาแพทย์ วิศวะ สถาปนิก นักกฎหมาย นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ กันห้องละกี่คน แล้วในเวลาเดียวกันวันนั้นเธอจะได้จะมีอนาคตอะไรอยู่ในมือบ้าง

แววตาของเธอจากภาพบนสื่อวันนี้สะท้อนความคิดในใจของเธอ ว่าเธอเองก็เศร้าใจอยู่ลึกๆ ในพฤติกรรมของเธอ ที่ได้รับการตอบสนองจากเพื่อนที่เคยร่วมชั้นเรียนอย่างไรบ้าง แล้วอีกสองปีข้างหน้าผมพยากรณ์อนาคตได้เลยว่า แววตาของเธอจะเศร้ายิ่งกว่าวันนี้เสียอีก…

ผมไม่ได้โทษเธอคนเดียวหรอกนะ แต่ผมโทษผู้ใหญ่ที่หลอกใช้เด็กเป็นเครื่องมือเสียมากกว่า วันนี้เธอไร้ประโยชน์ทางการเมืองแล้วก็โดนเขี่ยทิ้ง ตัดท่อน้ำเลี้ยง เพราะไม่รู้ว่าจะเลี้ยงดูส่งเสียให้สิ้นเปลืองไปทำไม ไม่ต่างกับหลายคนที่โดนเททิ้งมาก่อนหน้านั้น และอีกสองปีกว่าๆ คดีหลายคดีที่เธอเคยสร้างเรื่องเอาไว้ก็คงจะสิ้นสุดลง ตอนนั้นเธอก็คงไม่ได้เข้าสถานพินิจเหมือนเดิมแล้ว แต่เธออายุครบที่จะเข้าทัณฑสถานไปเรียบร้อย เป็นการเริ่มชีวิตวัยรุ่นที่น่าเศร้าใจเมื่อเทียบกับชีวิตในมหาวิทยาลัยของเพื่อนๆ ที่เคยนั่งเรียนห้องเดียวกันมา

เห็นภาพไหมครับ ว่าพวกผู้ใหญ่และนักการเมืองบางกลุ่มที่สร้างเธอขึ้นมานั้น จิตใจโหดร้ายแค่ไหน และมีเหยื่ออย่างเธออีกมากมายหลายคน ผมได้แต่คิดขอให้กรรมนั้นตามสนองคนที่หลอกใช้เด็กเหล่านี้ในเร็ววัน”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top