‘ภัทร เหมสุข’ เผย ‘หยก’ สูญเสียอนาคตเพราะเลือกทางผิด ซัด!! ผู้ใหญ่หลอกครอบงำเด็ก ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 จากกรณีที่ ‘หยก ธนลภย์’ เยาวชนอายุ 15 ปี ผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ได้นอนขวางรถบัสของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ที่กำลังจะพานักเรียนไปเข้าค่ายภาษาจีน หลังทางโรงเรียนปฏิเสธไม่ให้หยกร่วมเดินทางไปค่ายด้วย เนื่องจากหยกไม่มีสถานภาพนักเรียนและไม่ได้จ่ายค่าเทอม (เพราะคืนค่าเทอมไปแล้ว) ทำให้ครูและเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ พยายามให้หยกลงจากรถ แต่หยกไม่ยอม จนเพื่อนนักเรียนต้องช่วยกันอุ้มหยกลงจากรถ ทำให้ นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pat Hemasuk’ ถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า…

“สิ่งบางอย่างเดินหน้าแล้วถอยหลับกลับไม่ได้ สิ่งนั้นคือ ‘เวลาและโอกาส’ ของชีวิตที่เข้ามา
ผมอ่านข่าวบางข่าวเมื่อวานนี้แล้วสังเวชใจกับเด็กที่โดนการเมืองเข้าครอบงำ ใช้เป็นเครื่องมือจนชีวิตสูญเสียไปแบบไม่มีทางกลับไปดีได้เหมือนเดิม ในต่างประเทศมีกฎหมายคุ้มครองเด็กในเรื่องแบบนี้ คนที่ทำถึงขั้นติดคุกเลยทีเดียวถ้าไปใช้เด็กทำอย่างที่เห็น

ด่านแรกที่สู้จนถอดใจ คือ ครูและพ่อแม่ ที่ต้องตัดหางปล่อยวัด เพราะเด็กทำตัวแรงจนเอาไม่อยู่ ลองคิดดูว่าคนเป็นพ่อแม่ยังไม่เอา เนื่องจากเด็กเชื่อสังคมนอกโรงเรียน ทำผิดซ้ำซากจนเข้าสถานพินิจหรือคุกเด็กนั้น พ่อแม่และครูจะปวดใจแค่ไหน

วันนี้ที่เห็นเด็กต้องรับเรื่องราวอะไรมากมายเกินกว่าเด็ก ม.4 จะต้องพบเจอจากสังคม สายตาและแววตาบางภาพที่ออกสื่อ มันฟ้องว่าในใจของเด็กนั่นโดนอะไรและกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าสิ่งนี้ถือว่าแรงแล้วผมอยากให้รอดูไปอีกสองปี ตอนที่เพื่อนๆ ต่างก็แสดงความยินดีกันว่าพวกเขาคนโน้นคนนี้สามารถเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้บ้าง อนาคตจะเป็น นักศึกษาแพทย์ วิศวะ สถาปนิก นักกฎหมาย นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ กันห้องละกี่คน แล้วในเวลาเดียวกันวันนั้นเธอจะได้จะมีอนาคตอะไรอยู่ในมือบ้าง

แววตาของเธอจากภาพบนสื่อวันนี้สะท้อนความคิดในใจของเธอ ว่าเธอเองก็เศร้าใจอยู่ลึกๆ ในพฤติกรรมของเธอ ที่ได้รับการตอบสนองจากเพื่อนที่เคยร่วมชั้นเรียนอย่างไรบ้าง แล้วอีกสองปีข้างหน้าผมพยากรณ์อนาคตได้เลยว่า แววตาของเธอจะเศร้ายิ่งกว่าวันนี้เสียอีก…

ผมไม่ได้โทษเธอคนเดียวหรอกนะ แต่ผมโทษผู้ใหญ่ที่หลอกใช้เด็กเป็นเครื่องมือเสียมากกว่า วันนี้เธอไร้ประโยชน์ทางการเมืองแล้วก็โดนเขี่ยทิ้ง ตัดท่อน้ำเลี้ยง เพราะไม่รู้ว่าจะเลี้ยงดูส่งเสียให้สิ้นเปลืองไปทำไม ไม่ต่างกับหลายคนที่โดนเททิ้งมาก่อนหน้านั้น และอีกสองปีกว่าๆ คดีหลายคดีที่เธอเคยสร้างเรื่องเอาไว้ก็คงจะสิ้นสุดลง ตอนนั้นเธอก็คงไม่ได้เข้าสถานพินิจเหมือนเดิมแล้ว แต่เธออายุครบที่จะเข้าทัณฑสถานไปเรียบร้อย เป็นการเริ่มชีวิตวัยรุ่นที่น่าเศร้าใจเมื่อเทียบกับชีวิตในมหาวิทยาลัยของเพื่อนๆ ที่เคยนั่งเรียนห้องเดียวกันมา

เห็นภาพไหมครับ ว่าพวกผู้ใหญ่และนักการเมืองบางกลุ่มที่สร้างเธอขึ้นมานั้น จิตใจโหดร้ายแค่ไหน และมีเหยื่ออย่างเธออีกมากมายหลายคน ผมได้แต่คิดขอให้กรรมนั้นตามสนองคนที่หลอกใช้เด็กเหล่านี้ในเร็ววัน”