Sunday, 5 May 2024
พรรคส้ม

'ดร.นิว' เฉลย!! ติ่งส้มพรึ่บภูเก็ต ฟังพรรคสามนิ้วปราศรัย เพราะเกณฑ์แรงงานต่างด้าวมาผสม ช่วยปั่นทั้งออฟไลน์-ออนไลน์

(6 พ.ค. 66) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์รูปภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า 

"คนที่ภูเก็ตเล่าให้ฟัง พรรคสามนิ้วหนักแผ่นดินที่เคยถูกขับไล่ ทำไมมาภูเก็ตรอบหลังมีคนไปเยอะ ส่วนหนึ่งเขาเกณฑ์แรงงานต่างด้าวมาผสม ปั่นทั้งออฟไลน์และออนไลน์หนุนกันตามที่พวกเขาถนัด คล้ายกับม็อบวันแรงงานที่พวกเขาจัดแรงงานต่างด้าวชูป้ายโจมตี ม.112 จังหวัดอื่นที่ปั่นว่าคนมาเยอะก็น่าจะใช่"

'Voter ส้ม' ถาม 'ด้อมส้ม' ต้องการอะไรจาก 'เพื่อไทย' หรือต้องการให้เขามาเป็นฝ่ายค้านด้วยกันถึงจะพอใจ?

(25 ก.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Paranyu Pithayarungsarit' ได้โพสต์ข้อความระบายความรู้สึกในฐานะที่เป็น Voter ทั้งอนาคตใหม่ และก้าวไกลทุกใบ และจะยังโหวตให้ต่อไป โดยอยากพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับด้อมส้มที่กำลังด่าเพื่อไทย ว่า...

ถามจริง ๆ เพื่อไทยทำอะไรผิดวะ? เค้าตามเอ็งทุกอย่าง vote ให้พิธาเป็นนายกก็ครบทุกคน จะเสนอชื่อให้โหวตต่อ ก็เห็นด้วยครบหมด จะบอกว่าไง จริง ๆ มีดีลลับ? ถามหน่อย ถ้ากรณีไม่มีดีลนี่เพื่อไทยต้องทำไงให้พวกเอ็งพอใจวะ มันก็ต้อง vote ให้ครบหมดหน้ากระดานแบบที่ทำอยู่แบบนี้อยู่ดีป่ะ? ก็มี สส. แค่นี้ ให้หมดทุกคนแล้ว มันก็สุดแล้วไหม? 

กลับมาดูสิ่งที่ FC ก้าวไกลเรียกร้อง ตั้งแต่เลือกตั้งเสร็จมีอะไรบ้าง

พรรคที่ได้ที่ 1 ควรเป็นประธานสภา
พรรคที่ได้ที่ 1 ควรได้จัดตั้งรัฐบาล
พรรคที่ได้ที่ 1 ควรได้รับการเสนอชื่อเป็นนายก

แล้วก็ด่าเพื่อไทยยังงั้นยังงี้ พวกเอ็งเพ้อจนลืมอะไรไปหรือเปล่า 

4 ปีก่อน เพื่อไทยได้ที่ 1 ให้ชวนเป็นประธาน และรองประธานไม่มีเพื่อไทยเลย
4 ปีก่อน เพื่อไทยได้ที่ 1 ก็ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล
4 ปีก่อน เพื่อไทยได้ที่ 1 ก็ไม่เสนอชื่อนายก แถมโหวตให้อนาคตใหม่ที่ได้ที่ 3 ครบหมดหน้าตัก

ถามจริง ๆ ไอพวก FC ส้ม เอ็งต้องการอะไรจากเพื่อไทยวะ?

ถ้าใครตาม story การเมืองมาเรื่อย ๆ พรรคเค้าชัดเจนมาตลอดนะว่าต้องการเอาทักษิณกลับบ้าน (ตั้งแต่ พรบ. นิโทษ), ไม่เคยจะเลิก 112 (ตั้งแต่สมัยเป็นรัฐบาลแล้ว) และต้องการมาเป็นฝ่ายบริหารชัดเจนมาตลอด

พรรคเค้ามีจุดยืนของเค้า และไอด้านบนที่พิมพ์มานี่ ทุกคนก็รู้ก่อนเลือกตั้งแล้วทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย แต่ประชาชนก็ยังเลือกกันได้มาถึง 140 กว่าที่

จะมาร้องเย้ว ๆ มีดีลลับ ๆ ๆ ก็ช่วย Respect the vote ของกองเชียร์เพื่อไทยด้วย ถามจริง ๆ คิดว่าพวก FC เพื่อไทยเค้าไม่รู้กันแต่แรกหรอว่าเพื่อไทยจะมีโอกาสมา solution นี้? เค้ารู้โว้ยย แต่เค้าก็ยังเลือกก

คืออันนี้สงสัยว่า FC ทั้งหลายต้องการให้ทำอะไรอีก? หรือต้องการให้เค้ามาเป็นฝ่ายค้านไปด้วยกันถึงจะพอใจ? อย่าลืมดิ อุดมการณ์เค้าไม่ได้เหมือนก้าวไกล ที่พร้อมจะชนโครงสร้าง เค้าแค่อยากมาบริหารต่อ และเค้าก็ชัดเจนแนวทางนี้มาตลอดนะ 

ต่อให้ดีลลับมีจริงหรือไม่มีจริง (ส่วนตัวก็เชื่อว่ามี) อ่ะ ต่อให้ไม่จริงเลย ยังไง Action ของเพื่อไทยที่ดีที่สุดต่อพรรคอันกับหนึ่งหลังเปิดสภามันก็ยังต้องออกแบบเดิมอยู่ดีป่ะวะ คือ vote ให้หมดหน้าตักแบบที่เห็น ๆ อยู่ แต่แต่ปัญหาคือ สว. กับพรรคอื่นต่างหาก ที่มีจุดยืนว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่ยุ่ง 112 (ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็บอกว่ายอมแก้และจริง ๆ เชื่อว่าพอถึงเวลาก็ไม่กล้า vote แก้หรอก แต่ก็ยังยินดีร่วมกับก้าวไกล คือควรชมเค้ามากกว่าไหม? ที่แทบจะตามทุกอย่าง) หรือด้อมก้าวไกลต้องการบังคับให้เพื่อไทยไปเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน? พวกเอ็งเลือกก็ไม่ได้เลือกเค้า ทำไมแนวทางพรรคเค้าต้องฟังเอ็งด้วยวะ?

อยากให้พรรคที่แพ้ Respect the vote ก็อย่าลืมผลโหวตประชามติที่ FC ก้าวไกลทั้งหลาย ที่รับร่างกันมา แล้ววันนี้ต่างก็มาเจ็บปวดกัน เพราะผลการกระทำของตัวเอง จริง ๆ แล้ว FC เพื่อไทยต่างหากที่ควรจะด่า ว่าทำไมตรูต้องมารับกรรมอะไรแบบนี้แทนด้วยวะ ถ้าไม่เชื่อที่พิมพ์ก็ให้ภาพด้านล่างตอบแทนทุกอย่าง ง่ายดี

ที่พิมพ์มาทั้งหมดนี่ ย้ำอีกครั้ง ตรู Vote ให้ส้มมาตั้งแต่รอบแรก ปัจจุบัน และตลอดไป 🧡😆

เปิดกลยุทธ์พรรคส้ม ยึดครองโซเชียลมีเดียปูทางโกยแต้มเลือกตั้งเบ็ดเสร็จ เน้นชูเรื่อง 'รัก-ครอบครัว-ไลฟ์สไตล์' ผ่านเพจที่ไม่สามารถยืนยันตัวผู้ดูแลได้ 

(11 ก.ย. 66) จากมุมมอง ‘คุณนฤพันธ์ โชติช่วง’ อดีตนักเรียนวิทยาลัยยามชายฝั่งญี่ปุ่น ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก 'Naruphun Chotechuang' เกี่ยวกับการเลือกตั้งซ่อมที่ระยองของไทยเมื่อวานไว้ว่า...

ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ระยองเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ครับว่า จะออกมาเหมือนเดิม จากผลงานจากการระดมอัดโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผ่านเพจและกลุ่มต่างๆ ทั้งแพลตฟอร์มเฟสบุ๊ก, X (ทวิตเตอร์) และติ๊กต็อกเป็นเวลานานแล้ว ตัวอย่างล่าสุดที่พึ่งเกิดกับผมคือ ด้วยความที่ตอนนี้อาศัยอยู่แถวภาคตะวันออก ทำให้มีโฆษณาจากเพจต่างๆ ของพรรคสีส้มโผล่มาให้ผมเห็นจำนวนมากกว่าปกติ (และไม่เห็นพรรคสีน้ำเงินเลย) แต่เมื่อถามเพื่อนๆ ที่อยู่ภาคอื่นกลับไม่เคยเจอเหมือนกับผม แสดงว่ามีการอัดโฆษณาอย่างแน่นอน ซึ่งผมได้รวบรวมเพจที่โฆษณาเพจตัวเอง แต่เนื้อหาของโพสที่โฆษณาจะเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคเท่านั้นในภาพที่ *1

และสิ่งที่น่าสนใจคือกลยุทธ์ที่พรรคสีส้มใช้ คือให้เพจที่ไม่สามารถยืนยันตัวผู้ดูแลได้ และเพจข่าวบันเทิงโฆษณาเพจตัวเอง โดยพูดถึงหัวหน้าพรรคสีส้มในเรื่องราวต่างๆ เช่น ความรัก ครอบครัว หรือชีวิตประจำวัน โดยไม่พูดถึงการเลือกตั้งซ่อมเลย เพราะตอนนี้หัวหน้าพรรคสีส้มกลายเป็นลัทธิบูชาตัวบุคคลไปเป็นแล้ว เพียงแค่พูดถึงหัวหน้าพรรคสีส้ม เท่ากับหาเสียงให้พรรค โดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดถึงนโยบายหรือคุณสมบัติของผู้สมัครใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเวอร์ชั่นใหม่ของการส่งเสาไฟฟ้าก็ชนะได้

จากพฤติกรรมที่พรรคสีส้มทำ ผมมองว่ากฎหมายเลือกตั้งของไทยมีปัญหาไม่ก็ตกยุคหรือเปล่า? จึงขอลองนำเอากฎหมายเลือกตั้งของญี่ปุ่นที่น่าสนใจมาเทียบเคียงกับประเทศไทยอย่างที่เคยทำดูครับ

1. กฎหมายเลือกตั้งญี่ปุ่น อนุญาตให้หาเสียงผ่าน หรือแนะนำตัวผู้สมัครผ่านเว็บไซต์ Blog และแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ แต่ห้ามมิให้มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ไม่ว่าผู้โฆษณาจะเป็นพรรคการเมือง ผู้สมัคร หรือบุคคลทั่วไป (ภาพที่ *2) กล่าวคือสามารถใช้แพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น เฟซบุ๊กหาเสียงด้วยเพจทางการของพรรค เพจผู้สมัคร หรือเพจผู้สนับสนุนพรรคได้อย่างอิสระ แต่ห้ามจ่ายเงินเพื่อให้คนทั่วไปมองเห็น (หรือในเฟซบุ๊กจะเขียนว่า แนะนำสำหรับคุณ) มากขึ้น โดยเมื่อเทียบกับการหาเสียงของประเทศไทย พรรคสีส้มใช้วิธีนี้เป็นวิธีหลักในการหาเสียง เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด และจากประสบการณ์ของตัวเอง ไม่เคยเห็นโฆษณาของพรรคอื่นเลย (ถ้าใครเคยเห็นมาแลกเปลี่ยนความเห็นได้นะครับ) จากภาพที่ *1 จะเป็นว่าการโฆษณาไม่ได้ทำเพียงแค่เพจเดียว แต่กระจายไปหลายเพจเพื่อให้เข้าถึงคนให้มากที่สุด 

2. กฎหมายเลือกตั้งญี่ปุ่น อนุญาตให้บุคคลทั่วไปโพสต์ แชร์ รีทวิต กดไลก์ พรรคหรือผู้สมัคร แนะนำตัว ผลงาน และนโยบายต่างๆ ผ่านเแพลตฟอร์มต่างๆ (รวมถึงไลน์) แต่ห้ามมิให้พรรคหรือผู้สมัครแสดงข้อความให้ลงคะแนนกับพรรค หรือผู้สมัครคนใดคนหนึ่งใน SNS หรือโพสต์ แชร์ รีทวิตวีดีโอหรือภาพที่มีข้อความ หรือเสียงที่บอกให้ลงคะแนนกับพรรค หรือผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง แต่บุคคลทั่วไปสามารถทำได้ (ภาพที่ *3) เมื่อเทียบกับการหาเสียงของประเทศไทย ในเคสนี้สำหรับพรรคหรือผู้สมัคร ผมเห็นทุกพรรคทำเหมือนกันหมด

ต้องเข้าใจก่อนว่าในบัตรเลือกตั้งของญี่ปุ่นใช้ระบบการเขียนชื่อนามสกุลของผู้สมัครที่ต้องการเลือก (ภาพที่ *4) โดยอนุโลมให้เขียนในเป็นอักษรฮิราคานะ หรือคันจิก็ได้ แต่จะไม่มีการกากบาทหมายเลขแทนพรรค หรือผู้สมัครใดๆ ทั้งสิ้น เพราะญี่ปุ่นถือว่า คนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องมีความรู้ที่ควรจะรู้ อย่างชื่อนามสกุลผู้แทนที่ต้องการเลือก ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาอำนวยความสะดวกแค่เพียงกากบาท หรืออีกนัยหนึ่งเพื่อลดความยากในการชี้นำเลือกพรรค หรือผู้สมัคร แต่ก็ยังมีปัญหาที่ควรแก้ไขคือ เพจที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ทันทีว่า ผู้โพสต์แชร์ข้อความเป็นคนของพรรค คนของผู้สมัครหรือไม่ (หรือที่พรรคสีส้มเรียกว่าหัวคะแนนธรรมชาติ) ถือว่าทำได้หรือไม่? และตรวจสอบอย่างไร? สมาชิกพรรคถือเป็นคนของพรรคหรือไม่? และญาติของสมาชิกพรรคถือว่าเป็นบุคคลทั่วไปหรือเปล่า? จะเห็นว่ายังมีความไม่ชัดเจนเหลืออยู่

3. กฎหมายเลือกตั้งญี่ปุ่น ห้ามหาเสียงแบบเดินถึงหน้าบ้าน เมื่อเทียบกับประเทศไทย มีการเดินถึงบ้านกันทุกพรรค (ภาพที่ *5)

4. กฎหมายเลือกตั้งญี่ปุ่น กำหนดขนาดโปสเตอร์หาเสียง 42x30 ซม. และขนาด 42x10 (สามารถเอามาต่อกันได้มากสุด 42x40) ต้องติดในพื้นที่ที่กำหนดให้เท่านั้น และโปสเตอร์ที่มีชื่อผู้สมัครต้องมีสัญลักษณ์ทุกแผ่นอนุญาตจากคณะกรรมการเลือกตั้ง เมื่อเทียบกับประเทศไทย กำหนดแค่ห้ามเกินขนาดที่กำหนดไว้เท่านั้น และยังติดตั้งได้ทุกที่ที่อนุญาต จนทำให้ช่วงเลือกตั้งของประเทศไทยรกเต็มฟุตบาทไปหมด (ภาพที่ *6 และ *7)

5. กฎหมายเลือกตั้งญี่ปุ่น ห้ามผู้ที่ยังมีอายุไม่ถึง 18 ปีเข้าร่วมกิจกรรมหาเสียงโดยเด็ดขาด เมื่อเทียบกับประเทศไทย เท่าที่เห็นในข่าว การเลือกตั้งรอบนี้มีอยู่พรรคเดียวที่ทำ (ภาพที่ *8)

อันที่จริงแล้วยังมีอีกหลายข้อที่น่าสนใจ บางข้อก็อาจจะมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้ว ข้อไหนที่ดูแล้วดีก็ควรนำมาปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ยัดเหยียดแบบที่ผมโดน (ภาพที่ *1) มันรู้สึกเหมือนตัวเองโดนละเมิดสิทธิยังไงก็ไม่รู้ ไม่ได้ต้องการเห็นแต่โดนบังคับให้เห็น ปรับออกก็เห็นตัวอื่นที่คล้ายกัน

แล้วยังมีเรื่องของบัตรเลือกตั้งที่อยากได้แบบเขียนชื่อ และโปสเตอร์หาเสียงที่ควรกำหนดขนาดให้มันเล็กลงอีก จำกัดพื้นที่ติดแบบญี่ปุ่นก็ดี จัดเป็นสถานทีรวมกันเลย (ภาพที่ *9) และเรื่องของจำนวนด้วย เพื่อความเท่าเทียมระหว่างพรรคใหญ่และพรรคเล็กๆ

ปล. 1 สังเกตไหมว่าภาพที่ *1 ไม่ซ้ำเลยสักเพจ แต่บางเพจใช้รูปซ้ำกัน เนื้อหาเหมือนกัน สลับนิดหน่อย

ปล. 2 ก่อนหน้าเลือกตั้งซ่อม จะเป็นโฆษณาอีกแบบหนึ่งอย่างเช่น เพจของสส.ไม่ก็สมาชิกพรรคสีส้ม เริ่มโฆษณาตัวเองจากโพสภาพการทำงานหรือกิจกรรมของตัวเองต่างๆ (ภาพที่ *10) สังเกตว่าทุกภาพเป็นโฆษณาจ่ายเงินทั้งสิ้น

เผยธาตุแท้!! 'หัวขบวนส้ม' แค่แซะ 'นักโทษเทวดา' ยังไม่กล้า สะท้อน!! 'ธร-บุตร-ช่อ-โรจน์-ไอซ์-โรม-ทิม' เป็นได้แค่นักล่าเรตติง

ในที่สุดสังคมไทยก็ได้เห็นธาตุแท้ของ 'พรรคล้มสถาบัน' อย่างชัดเจนแล้วว่า แนวคิดที่บอกจะ 'สู้เพื่อความเหลื่อมล้ำ' เป็นเพียงลมปากเหม็น ๆ ของกลุ่มคนที่ไม่เคยเฉียดใกล้คำว่า 'อุดมการณ์' เลยแม้แต่น้อย 

ที่ผ่านมาก็แค่หลอกเด็กที่คิดไม่เป็น หรือคนที่ต้องการที่ยืนเท่ ๆ ทางสังคมให้ออกมาสู้รบแทน เพื่อหวังผลในทางการเมือง คอยปลุกปั่น หลอกต้มชีวิตคนด้วยวาทกรรมที่ว่า "เมื่อเกิดมาเป็นคนแล้วเราทุกคนควรมีปากมีเสียงโดยเท่าเทียม ไม่ใช่มีเฉพาะแค่คนเบื้องสูง หรือผู้มีอำนาจ" จนทำให้เด็กและผู้ใหญ่ที่ขาดความเฉลียว โดนคดี '112' มากจนนับไม่ไหวเป็นประวัติการณ์

เรียกว่าเป็น 'ขบวนการ' หลอกเด็ก ต้มผู้ใหญ่ที่ไร้ความลุ่มลึก หรือมีปมในชีวิต ให้หลงเชื่อได้ไม่น้อย จนคนเหล่านี้พากันเดิน 'ชูสามนิ้วโง่ ๆ' ไปติดกับดัก ยอมศิโรราบเป็น 'ทาสส้ม' คอยส่งเสียงเชียร์ สนับสนุน เห็นดีงามกับทุกเรื่องอย่างคนเสียสติ เพียงแค่ 'หัวส้ม' กระดิกตีนชี้ 

นโยบายหลังบ้านที่แอบหลอกใช้ 'มวลชนผู้โง่เขลา' ให้ออกมามาโดนคดีแทน เพื่อจะใช้ภาพการถูกจับดำเนินคดี 112 ของแต่ละคน กระพือให้สังคมเห็นภาพ 'ความเหลื่อมล้ำ' อย่างต่อเนื่อง ข้างนอกก็หลอกใช้เด็ก ๆ ตายแทน ข้างในสภาก็ใช้สนับสนุน สส. ที่ไร้มารยาท และน่ากังขาในเรื่องจริยธรรมบางคน ผสมโรงร่วมมือผลักดันให้ไปใน 'ทิศทางบาป' เดียวกัน 

แต่นับตั้งแต่ 'นักโทษเทวดา' กลับไทยมานอนนอกคุก ก็ไม่เคยมีเสียงทักท้วง ประท้วง หรือคำพูดที่ถามหา 'ความเท่าเทียม' จากคนใน 'พรรคล้มสถาบัน' เลยสักคนเดียว ต่างพากัน 'เงียบปากสนิท'

แม้แต่ 'ทาสส้ม' ที่คิดว่าอาจจะยอมกลับเนื้อกลับตัวเมื่อเห็นกรณีผิดปกตินี้ ก็น้อยถึงน้อยมากที่จะมีโผล่มาให้เห็นว่ามี 'สติปัญญา' และมี 'ดวงตาเห็นธรรม' สักคน ราวกับถูกสะกดด้วย 'น้ำมันพรายส้ม' จนจิตวิญญาณของความเป็นคนหล่นหายไปในนรกจนหมดสิ้น 

นี่น่ะหรือพรรคที่ว่ามาจาก 'คนรุ่นใหม่' นี่น่ะหรือที่บอกว่าจะมาเปลี่ยนสิ่งที่ไม่ดี ให้กลายกลับเป็นสิ่งที่ดี เช่นสิ่งใดที่เหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียมในสังคมไทย พรรคส้มจะทำให้หายเกลี้ยง แต่แค่ 'อดีตนายกฯ หนีคดี' ที่กลับมาเป็น 'นักโทษเทวดา' เห็นอยู่ทนโท่ทุกวัน ยังไม่กล้าปริปาก...ทักท้วง

ก็จึงเป็นได้แค่พรรคกลิ้งกลอก กระจอก กิ๊กก๊อก สู้เพื่อ 'ความเหลื่อมล้ำจอมปลอม' หากินกับการหลอกต้มคนโง่ไปวัน ๆ เท่านั้นเอง

เปิดมาตรฐาน 'นักการเมืองส้ม' ผิดเท่าไร ก็ไม่ต้องแคร์ ขอแค่ 14 ล้านแฟนพันธุ์แท้ ยังรัก ยังเชียร์ แบบไม่ลืมหูลืมตา

สมัยก่อน เวลาที่นักการเมืองไทยสักคนถูกจับได้ว่าโกหก หรือทำผิดพลาดอะไรสักอย่าง ก็ถือว่าน้อยถึงน้อยมากอยู่แล้วที่จะมีสักคนกล้าหาญออกมายอมรับผิด พูดขอโทษประชาชน แล้วลาออกจากตำแหน่ง โดยไม่ต้องรอให้สังคมกดดัน ซึ่งผิดกับบางประเทศเช่น เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น ในความผิดที่น้อยกว่าก็ยังแสดงสปิริตด้วยการลาออกให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง การแสดงความรับผิดชอบของนักการเมืองบ้านเขา ได้สร้างมาตรฐานของ 'คนอาชีพนักการเมือง' ไว้ค่อนข้างสูงส่ง มีเกียรติ น่าเชื่อถือ และดูสง่างาม

แต่กับ 'นักการเมืองไทย' น่ะหรือ? อย่าให้ผมเซดเลย

ไม่ต้องไป 'วัดรอยสำนึก' กับมาตรฐานของนักการเมืองชาติใครเขาหรอก วัดกันแค่มาตรฐานของไทยเราเองก็เลวร้ายกว่านักการเมืองรุ่นก่อน ๆ ของเราอย่างเห็นได้ชัด นักการเมืองยุคนี้ถือเป็น 'นักการเมืองสายพันธุ์ด้าน' คือมีความหน้าด้าน ไร้ยางอายเป็นเท่าทวี พูดจาโกหกมดเท็จรายวัน จับได้ไล่ทันก็หันไปพูดเรื่องใหม่ พูดจาหลอกต้มคนโง่ในเรื่องใหม่ ๆ ต่อไป โดยจะทำเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น ไม่ให้ความสำคัญกับคำพูด หรือ 'สัจจะมนุษย์' ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่ไม่ใช่แค่การเป็น 'นักการเมือง' แต่คือ 'ความเป็นคน'

อย่างกรณีที่ 'เจ้าของพรรคล้มสถาบันตัวจริง' บินไปประเทศใกล้ ๆ เพื่อพบ 'อดีตนักโทษหนีคดี' ขนาดเด็ก ม.ปลาย ที่อ่อนวิชาการเมืองยังดูรู้เลยว่าจริง แต่ลิ่วล้อสองสามตัวกลับเสนอหน้ามาโป้ปดกับประชาชนหน้าตาเฉย เมื่อความจริงปรากฏ แต่ละตัวก็หันไปสายลมแสงแดด ไม่มีสักตัวที่จะออกมาพูดถึงพฤติกรรมไร้ความรับผิดชอบของตัวเอง และกล้าหาญแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมเลยแม้แต่น้อย 

นี่คือ 'มาตรฐานใหม่' ของนักการเมืองไทย 'สายพันธุ์ด้าน' แม้จะเรียกขานว่าตัวเองเป็น 'คนรุ่นใหม่' แต่สิ่งที่แสดงออกมานั้นนอกจากเก่าแล้วก็ยังต่ำ สกปรก โสโครก มักง่าย เน่าเหม็นทั้งกายใจ คอยเหยียบย่ำน้ำใจของประชาชนโดยไม่ไยดี 

ถือเป็นการกระทำที่ดูแคลนว่าประชาชนคนไทยคงโง่เขลาเบาปัญญา และหลอกง่ายเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

ทั้งที่จริงกลุ่มคนที่โดนโกหกยังไงก็ยังเชื่อ ยังหลง ยังรัก ยังชียร์ และยังสนับสนุนชนิดไม่ลืมหูลืมตาไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศ และถ้าจะนับจาก 'คนหลงส้มเน่า' ที่มีมากถึง 14 ล้านเสียง ถึงวันนี้ผมก็มั่นใจว่าได้หายศีรษะไปมากพอสมควรแล้ว 

ใครจะยังกล้าหาญประกาศตัวเป็น 'ประชาชนสายพันธุ์โง่' ที่คอยอยู่เชียร์ 'นักการเมืองสายพันธุ์ด้าน' อีก ก็ให้สังคมมันรู้กันไปว่าประเทศไทยมีคนไทยประเภทนี้หลงเหลืออีกกี่คน?  


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top