Friday, 10 May 2024
บุ้งทะลุวัง

เปิดแรงบันดาลใจ ‘บุ้ง เนติพร’ แห่งกลุ่มทะลุวัง ‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’ คือคนที่ทำให้ตาสว่าง

(8 ส.ค. 66) จากเพจ ‘เชเนเวอร์ดาย สบ๊ายสบาย’ ได้โพสต์เรื่องราวของ ‘บุ้ง เนติพร’ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง สมาชิกกลุ่มทะลุวัง ถึงจุดเริ่มต้นในการต่อสู้ทางการเมืองผ่านการสัมภาษณ์ของบุ้งในรายการ ‘Friends Talk’ ว่าคนที่ทำให้เธอตาสว่างคือ ‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’ ไว้ว่า…

บุ้งทะลุวัง มีพี่น้อง 3 คน เธอเป็นคนกลาง

พี่สาวเป็นทนายความ ส่วนบิดาเป็นผู้พิพากษา เคยถูกทหารยิง กระสุนเข้าท้องและทะลุออกหลังในเดือนพฤษภาคม 35

บุ้งเคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนในระหว่างศึกษาที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า

โบพี่สาวบุ้งเคยให้สัมภาษณ์ว่า “บุ้งเรียนก็เก่ง กิจกรรมก็ไม่แพ้ใคร” พร้อมกับบอกว่า สิ่งหนึ่งที่พ่อกับแม่เห็นตรงกันเกี่ยวกับบุ้งคือ การเลี้ยงดูให้น้องเป็นคนมีความมั่นใจและกล้าแสดงออก

บุ้งสอบเข้าโรงเรียนเตรียมน้อมฯ ได้เอง และผลการเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ดีมาก 3.8, 3.9 และ 4.0 สลับกันไป กิจกรรมในโรงเรียนก็ไม่ขาด ถ้าเธอตัดสินใจทำอะไรก็จะต้องทำให้สำเร็จไม่ยอมละทิ้งความพยายามไว้กลางทาง

ทั้งนี้ นัยของ ‘ตาสว่าง’ ที่บุ้งกล่าวถึงนั้น มาจากแรงทวิตเตอร์กับการอภิปรายของ ‘ช่อ พรรณิการ์’ โดยอ้างอิงได้จากคลิปเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2022 >> เริ่มนาทีที่ 12:30 >> คลิปสัมภาษณ์เต็ม : https://www.youtube.com/live/1M3LFDKbxZc?feature=share

'พลอย' แฉยับอดีตชีวิตเหมือน 'หยก' ถูก 'บุ้ง' ลากตัวใช้หาผลประโยชน์  ยอมคาย!! 'โดนบังคับบุกวัง-กระทำรุนแรงให้กลัว-ฮุบเงินทุนไว้กับตัว'

กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวังในช่วงเวลานี้ เพื่อต่อต้านการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย สังคมวิพากษ์วิจารณ์หนัก หลังล่าสุดบุกไปป่วนพรรคเพื่อไทย ที่แถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทย แม้กระทั่งฝ่ายที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว ยังรับพฤติกรรมของกลุ่มทะลุวังไม่ได้

การเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวังในเวลานี้ จะประกอบไปด้วยตัวละครหลัก ๆ ได้แก่ เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง, ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน, นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ, ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก, บังเอิญ ศุทธวีร์ สร้อยคำ มือพ่นกำแพงวัดพระแก้ว โดยผู้ที่เป็นหัวโจกคือ 'บุ้ง เนติพร'

ต่อมาในโลกออนไลน์ได้มีการแฉข้อมูลจากกลุ่มทะลุวังด้วยว่า สมาชิกในกลุ่มไม่ค่อยมีความลงรอยเช่นกัน และชี้เป้าไปที่ 'บุ้ง เนติพร' ว่ามีพฤติกรรมไม่ต่างจากพวกเผด็จการนั้น

ล่าสุด 'พลอย' บุคคลที่เคยอยู่กับกลุ่มทะลุวัง ออกมาทวีตแฉข้อมูลเกี่ยวกับ 'บุ้ง เนติพร' หรือ 'บุ้ง ทะลุวัง' ระบุว่า...

เราเคยเป็นหนึ่งในเด็กที่บุ้งเอามาดูแลเหมือนหยก รู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่นักเรียนเลว ตอนนั้นที่บ้านเรามีปัญหาทำให้ไม่มีบ้านอยู่+โดนคดีมันต้องมีผู้ปกครอง บุ้งมาเป็นผู้ปกครองแทนพ่อแม่ที่ดูแลเราไม่ได้ บุ้งก็รับปากเรากับแม่เราว่าจะดูแลเราอย่างดี

บุ้งดูแลเราอย่างดีในช่วงแรกที่อยู่ด้วยกัน เรายังคงอยู่กับบุ้งเพราะไม่รู้จะไปอยู่ไหน บ้านก็ไม่มีให้กลับ ตอนนั้นเราเริ่มสัมผัสได้ถึงความรุนแรงในบ้านที่อยู่กับบุ้ง การถูก Child Grooming การโดนมินิพูเลท และการขูดรีดผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหวในฐานะเยาวชนเพราะเราอายุแค่ 16

ตัวบุ้งมักจะชอบดูแลเด็กที่มีปัญหากับที่บ้านหรือมีปัญหาในชีวิตและมีแสง บุ้งจะรับเด็กมาดูแล อาสาเป็นผู้ปกครอง และค่อยๆ ใช้ประโยชน์จากเด็กคนนั้น เรากับเพื่อนโดนเอาผลงานการเคลื่อนไหวไปขอทุนเคลื่อนไหว แต่เงินทุนกลับส่งไม่ถึงเรา เพื่อนหลายคน และไม่สามารถตรวจสอบบัญชีของบุ้งได้

เรื่องการใช้ความรุนแรงของบุ้งกับเราและเพื่อนๆ เขาทำเหมือนที่ทำกับยามหน้าเพื่อไทย ตอนโมโห เขาจะใช้อารมณ์ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว ด้อยค่า ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ตามสไตล์มินิพูเลท ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เราโดนมินิพูเลทจนทุกวันนี้ยังกลับมาใช้ชีวิตยาก

บุ้งชอบให้เด็กออกมาเคลื่อนไหว เทคแอคชั่นแรงๆ โดยบุ้งบอกกับเราว่า เรายังเด็ก ต่อให้โดนคดีก็ยังไม่โดนหนักเพราะยังมีศาลเยาวชน และเด็กถ้าเจอความรุนแรงเช่น ตำรวจจับ บลาๆ จะเป็นข่าวง่าย ขอทุนง่าย ไวรัลง่ายกว่า แล้วบุ้งอ้างว่าจะซัพพอร์ตน้องๆ อยู่ข้างหลังแทน

จนเริ่มทำ #ทะลุวัง เราโดนหนักมากขึ้น บังคับให้เราออกไปทำไรเเรงๆ แรงสุดคือ เคยโดนให้ไปบุกคุกวังทวี แต่ตอนนั้นเราบอบช้ำจากการเคลื่อนไหวมามากแล้ว เหนื่อยโดนคดี เราบอกว่าสภาพจิตใจเราไม่ไหว ไม่อยากทำ ก็โดนปิดประตูใส่หน้า อยากจะหนีก็ไม่ได้ เพราะพอรู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลืออะไรในชีวิตแล้ว

เราลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเคลื่อนไหว เงินก็ไม่มี ครอบครัวก็ทิ้ง ตอนนั้นเราคิดว่าเราต้องพึ่งพาแค่บุ้งเท่านั้น สุดท้ายหลุดออกมาได้ เพราะเพื่อนรอบตัวให้ความช่วยเหลือ เป็นผู้ปกครองให้แทน จนปัจจุบันเราเป็นผู้ลี้ภัย 112 อยู่ ตปท. เราก็ยังโดนเขาโจมตีในขบวนเสียๆ หายๆ อยู่เรื่อยๆ

ทั้งกล่าวหาว่าเรายักยอกเงิน หนีคดี ขโมยของ ตอแหล โดนแช่งให้ตายระหว่างลี้ภัย บางคนก็เกลียดเราจริงๆ ไปแล้วก็มี เรารู้มาเสมอว่าเรามีปัญหากับหลายฝ่ายในขบวน เรื่องหลายๆ เรื่องที่เราอยากคุยเพื่อคลี่คลาย ขอโทษ ก็ไม่มีโอกาสได้ทำเพราะเรายังโดนโจมตีอยู่ตลอดเวลา

ควรมีการถกกันเรื่องนี้สักที เด็กกับการออกมาเคลื่อนไหวเนี่ย เด็กไม่ได้เจอแค่การคุกคามจากรัฐ ครอบครัว สังคม แต่อาจจะโดนขบวน เห้ๆ ทำร้าย โดนขูดรีด ความเป็นเด็กโดนมินิพูเลท คนที่ได้รับผลกระทบก็คือตัวเด็กเอง มันส่งผลกับการใช้ชีวิตของเด็กระยะยาวมาก นี่ยังเป็นซึมเศร้าอยู่เลย

เลิกด่าหยก เด็กเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ คนโดนมินิพูเลทมันไม่รู้ตัวหรอก หยกเจอความรุนแรงมามากตั้งแต่ติดคุก ทั้ง Cyber Bullying โดนคดี สังคมเฮงซวย ต้องมาเจอกลุ่ม #ทะลุวัง หยกเหมือนกระจกสะท้อนตัวบุ้ง หยุดโจมตีเด็กได้ หันมาสนใจ Abuser กันเยอะๆ ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่

ช่วยเหลือและรับฟังความต้องการของหยก หยุดให้แสงหรือโทษคนที่กำลังโดนมินิพูเลทก่อน มันละเอียดอ่อนทั้งตัวของเหยื่อและคนมินิพูเลทเอง เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแต่ละวันเหยื่อเจอคำพูด ถูกปฏิบัติแบบไหนมาบ้าง อะไรคือความรู้สึกที่แท้จริง หัวมันปั่นป่วนไปหมดเพราะการมินิพูเลท ใช้ความรุนแรงและแก๊สไล้

เราพยายามสรุปเรื่องราวตลอด 2 ปีที่อยู่กับบุ้ง จริงๆมันมีมากกว่านั้น แต่กลัวทวิตยาวเกิน แต่อย่างนึงที่เพื่อนเราเคยถูกมินิพูเลทบอก การที่ผู้ถูกกระทำหรือตัวเด็กยังอยู่ในวังวนความรุนแรง โดนมินิพูเลท แปลว่า Abuser ประสบความสำเร็จ #ทะลุวัง

‘จอม ไฟเย็น’ แฉ!! ‘บุ้ง ทะลุวัง’ ถามห่วงเด็กหรือหวังอะไรแน่? ให้ ‘หยก’ คัดทะเบียนบ้าน หวังสวมรอยผู้อุปการะ ทั้งที่คุณสมบัติไม่ถึง

(9 ส.ค. 66) จากกรณีที่ทวิตเตอร์ของ น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส หรือ ‘พลอย’ อดีตแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘กลุ่มทะลุวัง’ ออกมาวิจารณ์การเคลื่อนไหวของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ ‘บุ้ง ทะลุวัง’ อายุ 26 ปี แกนนำกลุ่มทะลุวัง ที่รับสมอ้างเป็นผู้ปกครอง เพื่อใช้ประโยชน์จากเยาวชนออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยความรุนแรง โดยมีเบื้องหลังเพื่อไปขอทุนเคลื่อนไหว แต่เงินทุนกลับส่งไม่ถึงเยาวชนเหล่านั้น

นายนิธิวัต วรรณศิริ หรือ ‘จอม ไฟเย็น’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นักร้อง และนักดนตรีวงไฟเย็น ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีสาระสำคัญ คือ ปัญหาความพยายามแย่งสิทธิ์การเป็นผู้ปกครองของ ‘หยก’ เยาวชนอายุ 15 ปี มีหลายคนตั้งคำถามว่า “แม่หยกหายไปไหน?” ยืนยันว่าแม่หยกไม่ได้หายไปไหน แค่ถูกคุกคามจากฝ่ายความมั่นคง กลุ่มปกป้องสถาบันฯ และสภาพจิตใจเปราะบางจากการถูกพรากลูกไปจากบ้าน จนต้องเก็บตัวไม่พร้อมออกสื่อหรือพื้นที่สาธารณะใดๆ

โดย ‘จอม ไฟเย็น’ กล่าวว่า แม่หยกเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ใช่ส… วงไฟเย็นรู้จักแม่หยกมาก่อนไม่ต่ำกว่า 2 ปี ทางบ้านหยกครอบครัวพอมีฐานะ ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ให้เช่าห้องพัก มีเชื้อสายตระกูล ณ สงขลา ฐานะครอบครัวไม่เดือดร้อนสามารถส่งลูกเรียนเอกชนตั้งแต่อนุบาล-ประถม และสอบเข้ามัธยมได้ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ หยกเริ่มสนใจการเมืองจากการชุมนุมปี 2563 แม่หยกก็ไม่ได้ปิดกั้น เพียงแต่หากจะไปร่วมชุมนุม ขอให้มีคนที่แม่รู้จักหรือไว้ใจได้ไปรับ-ไปส่งด้วยเสมอ

หยกถูกคดีมาตรา 112 จากการเขียนชอล์คบนพื้นที่การชุมนุมเสาชิงช้าเมื่อ 13 ต.ค. 2565 จากคำปราศัยสุดท้ายของ นายวัฒน์ วรรลยางกูร ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ครอบครัวหยกเริ่มถูกตำรวจคุกคามหลังจากหยกเริ่มออกไปชุมนุมครั้งแรก ที่งานรำลึกอาลัย วัฒน์ วรรลยางกูร โดยฝ่ายความมั่นคงได้ไปคุกคามหยกถึงที่โรงเรียนและคุกคามครอบครัวที่บ้าน เคยกดดันกึ่งข่มขู่พ่อแม่ว่า ถ้ามีลูกแบบนี้ตนผูกคอตายไปนานแล้ว แม่หยกเป็นคนไล่ตำรวจที่มาส่งหมายเรียกคดี 112 ที่บ้าน ให้กลับไปในครั้งแรกเพราะตำรวจอ่านชื่อมั่ว และครอบครัวหยกยังถูกตำรวจนอกเครื่องแบบตามป้วนเปี้ยนคุกคามที่บ้านเป็นระยะ

วันที่ 28 มี.ค. หยกขออนุญาตแม่ไปเที่ยวสวนสยามกับเพื่อนๆ ตอนเช้า แม่อนุญาตเฝ้ารอลูกกลับบ้านในตอนเย็น แต่ไม่ได้กลับบ้านเพราะถูกตำรวจ สน.พระราชวังจับกุม จากการติดตามไปสังเกตการณ์เหตุพ่นสีกำแพงวังที่ถูกจับขึ้นรถตำรวจไป ตำรวจพยายามยัดคดีพ่นสีกำแพงวังให้หยกแต่ไม่สำเร็จ และอ้างหมายจับคดีแรก ที่ออกมา 1 เดือน ถูกจับกุมอย่างรุนแรงและมีการล่วงละเมิดทางร่างกายจากตำรวจชายชุดจับกุม 8 นาย ยึดอุปกรณ์สื่อสารและเอกสารประจำตัวทั้งหมดไป

แม่หยกทราบข่าวก็ตกใจอย่างมาก เพราะเดิมหยกมีนัดรายงานตัวตามหมายในอีก 12 วัน แม่ได้คุยโทรศัพท์กับหยกภายหลังเมื่อทนายความมาถึง หยกแจ้งแม่ว่าไม่ต้องห่วง ขอร้องไม่ต้องมาประกันตัว เพราะจะใช้แนวทางปฏิเสธอำนาจศาล ซึ่งเป็นโมเดลของนายประเวศ ประภานุกูล ทนายความ ที่ได้ศึกษามาอย่างละเอียด หยกจึงประกาศขณะตำรวจอ่านแถลงบันทึกจับกุมว่า ไม่ขอแต่งตั้งทนายความเข้าร่วมกระบวนการ และไม่ยื่นประกันตัวใดๆ หยกได้ขอร้องให้แม่เคารพการต่อสู้กับมาตรา 112 ด้วยตัวเอง ขอให้แม่ไม่ออกมาปรากฎตัวต่อหน้าสื่อใดๆ เพราะเกรงว่าจะถูกฝ่ายความมั่นคงคุกคามอีก แม่หยกก็ยังลังเลแต่เลือกที่จะเคารพและเชื่อมั่นในแนวทางการต่อสู้ แม้จะเจ็บปวดที่ไม่ได้ดูแลลูกอย่างใกล้ชิดเหมือนที่ทำมาตลอด 15 ปี

ส่วนเรื่องคดีความ แม่หยกเคยเซ็นมอบอำนาจผู้ปกครองชั่วคราวไว้เพียงครั้งเดียวให้กับ เก็ท โมกหลวงริมน้ำ (นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง) เนื่องจากหยกเคยช่วยงานกลุ่มโมกหลวงมาก่อน แม่พอรู้จักเก็ทจากข่าวการเคลื่อนไหวกิจกรรมมาบ้าง และเก็ทอยู่เป็นเพื่อนหยกตลอดในช่วงวันแรกที่ถูกควบคุมตัว ตลอดช่วงเวลาที่น้องถูกควบคุมตัว แม่ติดตามข่าวสารหยกทุกวันในทุกช่องทาง เป็นธรรมดาของแม่ที่จะเป็นห่วงถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่สบาย ล้มป่วย กระทบกระเทือนสภาพจิตใจ ซึ่งในความเป็นจริง เพียงแม่หยกเซ็นประกันตัว หยกก็กลับบ้านได้ เพราะคดีเกิดตอนอายุ 14 ปี ไม่ผิดอาญาอยู่แล้ว และศาลไม่ค้านประกัน แต่แม่เคารพแนวทางการต่อสู้ของหยก จึงต้องหักห้ามใจไม่ให้เผลอไปเซ็นประกันตัว แล้วทำลายการต่อสู้

ตลอด 51 วันที่หยกถูกคุมขัง แม่หยกโทร.มาระบาย เล่าถึงความหลังมากมายความภาคภูมิใจในตัวลูกและเชิดชูในความกล้าหาญของลูก แม่หยกแค่อยากไปเยี่ยมก็ยังไม่กล้าและทำไม่ได้ เพราะรับปากไว้ว่าจะไม่ไปยุ่ง ไปปรากฎตัว หากจะไปเยี่ยมก็ไม่มั่นใจว่าจะทนเห็นสภาพลูกถูกขังได้ไหม เกรงว่าจะไม่สามารถห้ามใจไม่ให้ยื่นประกันได้ ซึ่งจะทำลายแนวทางการต่อสู้ที่หยกตั้งใจไว้ แม่หยกจึงเลือกไม่ปรากฎตัวสาธารณะตามที่หยกขอไว้ ได้แต่โทร.ปรับทุกข์ อัปเดตข่าวสาร เล่าเรื่องราวความหลัง ซึ่งตนก็ทำหน้าที่ประสานกับเก็ท ได้ข้อมูลว่าหยกชอบทานอะไร เพื่อคนข้างนอกจะได้หาซื้อไปเยี่ยม

แม่หยกเริ่มมีปัญหาสภาวะจิตใจหนักขึ้น เวลาซื้อกับข้าวหรือขนมที่เคยกินกันสองคนก็แทบจะกินไม่ลงหรือกินได้คำสองคำแล้วก็ร้องไห้ หลายวันเข้าก็เริ่มไม่อยากกินอะไรเลย จนปวดหัว หน้ามืด น้ำหนักลด ช่วงหลังมาจึงอาศัยการเข้าวัดทำบุญฟังธรรมเพื่อสงบจิตใจไม่ให้เครียดเรื่องลูกไปมากเกินจนทำอะไรในชีวิตประจำวันปกติไม่ได้ ซึ่งแม่หยกฝากขอบคุณทุกคนที่ร่วมเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้หยกได้รับอิสรภาพมาตลอด

ช่วงใกล้วันมอบตัวชั้น ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ หยกยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการปล่อยตัว แม่และน้าของหยกได้ไปที่โรงเรียนวันเดียวกับที่เก็ทไปเพื่อขอโอกาสผ่อนผันเลื่อนวันมอบตัวของหยก เนื่องจากหยกถูกคุมขังอยู่ที่บ้านปราณี ซึ่งอาจารย์ก็เข้าใจและไม่ต้องการตัดโอกาสการเรียนของเด็ก จึงได้ทำเอ็มโอยูเป็นเงื่อนไขไว้กับแม่และน้าว่า หยกได้ปล่อยตัวเมื่อไหร่ให้แม่กับน้าพามามอบตัวกับโรงเรียนแล้วค่อยชำระค่าเทอมภายหลังก็ได้ แต่โรงเรียนจะยังไม่ตัดสิทธิ์เรียนแน่นอน แม้ไม่ได้มามอบตัวตามกำหนดเดิม เป็นเหตุหลักที่ทางโรงเรียนยืนยันมาตลอดว่าให้ผู้ปกครองจริงๆ เป็นผู้พาหยกมามอบตัวเท่านั้นตามเอ็มโอยู เนื่องจากระเบียบราชการถ้าผู้ปกครองตามกฎหมายไม่ได้เซ็นยินยอมมอบตัวกับโรงเรียน ก็ไม่สามารถรับเด็กมาดูแลในช่วงเวลาเรียนได้ เป็นเรื่องสำคัญทางเอกสารราชการที่อาจถูกฟ้องร้องภายหลังได้

เมื่อเปิดเทอมไปได้สักพักหนึ่ง หยกได้รับการปล่อยตัว ‘บุ้ง’ (น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าไปเยี่ยมหยกหลายครั้ง ก็ได้ไปรับตัวและพาหยกกลับคอนโดมิเนียม โดยตอนแรกแจ้งกับสาธารณะว่าแค่จะรีบพาไปหาหมอ พอได้ออกมาแม่หยกได้คุยกับหยกทางโทรศัพท์ตั้งแต่คืนแรก และสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตลอด แต่แม่หยกไม่เคยคุยกับบุ้งเพราะไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าบุ้งคือใคร ซึ่งการที่บุ้งกล่าวกับสื่อมวลชนว่าติดต่อแม่หยกไม่ได้ หาแม่หยกไม่เจอ หยกไม่มีผู้ปกครองนั้นเป็นเรื่องโกหก วันแรกหยกขอพักกับพี่ๆ ก่อน แม่หยกก็ยังไม่ได้ว่าอะไร ปรากฎว่าวันต่อมาบุ้งพยายามแนะนำให้หยกแอบไป “คัดทะเบียนบ้านออกจากบ้านแม่ไปอยู่บ้านบุ้ง” โดยไม่บอกแม่หยกก่อน

แม่หยกได้ทราบก็ตกใจว่า ทำไมอยู่ๆ จะให้หยกคัดทะเบียนบ้านออก แล้วไม่มาถามแม่หยกซึ่งเป็นเจ้าบ้านและผู้ปกครองตามกฎหมายก่อนสักคำว่ายินยอมหรือไม่ บุ้งอ้างกับหยกว่า ตอนแรกจะให้หยกย้ายมาอยู่กับบุ้งเพราะจะใช้ในการมอบตัวเข้าเรียน รับหมายเรียก เอกสารต่างๆ ซึ่งความจริงมาทราบภายหลังว่า บุ้งก็ใช้วิธีการคล้ายกันนี้กับพลอย (น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส) คือให้คัดทะเบียนบ้านออกมาอยู่กับบุ้ง เพื่อได้สิทธิ์ในการดูแลเป็นผู้ปกครอง หรือดำเนินธุรกรรมต่างๆ แทนผู้ปกครองจริงได้หากอยู่ทะเบียนบ้านเดียวกัน ซึ่งหยกก็อยากมีอิสรภาพมากกว่าเดิมตอน ม.ต้น หลังจากถูกกระทบกระเทือนจิตใจเพราะถูกคุมขังมา 51 วัน และหยกอยากเคลื่อนไหวการเมืองต่อแบบหนักๆ ซึ่งก็เข้าทางบุ้งพอดี

แต่ปัญหาคือ แม่หยกในฐานะเจ้าของบ้านและผู้ปกครองตามกฎหมายไม่ได้ให้ความยินยอม แผนให้หยกคัดทะเบียนบ้านออกเพื่อได้สิทธิ์เป็นผู้ปกครองใหม่ก็เป็นอันล่มไป แต่จุดนี้ก็เป็นจุดที่หยกเริ่มถูกมานิพูเลท (Manipulate หรือถูกหลอกใช้) ให้รู้สึกไม่โอเคกับแม่ที่แม่ไม่ยอมให้เสรีภาพในการย้ายทะเบียนบ้านออกไปอยู่กับบุ้งตามที่คาดหวังไว้ เช้าวันแรกที่บุ้งพาหยกไปโรงเรียนเอง โดยไม่ยอมพาหยกกลับบ้านไปส่งแม่หยกก่อน โรงเรียนซึ่งทำเอ็มโอยูผ่อนผันการมอบตัวล่าช้าเอาไว้ให้กับแม่และน้าของหยก จึงไม่สามารถให้บุ้งมาฉีกเอ็มโอยูเก่าแล้วมอบตัวแทนแม่หยกที่มาขอโอกาสไว้ได้

ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้รับหยกเข้าเรียนไว้ก่อน แต่ผ่อนผันให้หยกมามอบตัวพร้อมผู้ปกครองตัวจริงตามเอ็มโอยูให้ถูกต้อง โดยแจ้งกำหนดระยะวันเวลาหมดเขตกับหยก แต่จนท้ายที่สุดบุ้งก็ไม่ยอมพาหยกกลับไปส่งแม่ เพื่อให้ได้เซ็นมอบตัวตามเอ็มโอยูเดิม ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายความมั่นคงสบช่องทำลายโอกาสทางการศึกษาของหยกโดยที่ไม่ควรจะต้องเสีย

เช้าวันนั้น บุ้งอ้างกับสื่อมวลชนว่า “หาแม่น้องไม่เจอ-ติดต่อแม่น้องไม่ได้-น้องไม่มีผู้ปกครองมา” ความจริงคือ

1.) แม่หยกยังพำนักบ้านเดิม แค่มีคนพาหยกไปพักที่อื่น ไม่พากลับบ้าน
2.) หยกกับแม่ยังติดต่อกันได้ตลอดตั้งแต่ออกมา แม่เขาแค่ไม่คุยกับบุ้งเพราะเป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ๆ มาฉีกเอ็มโอยูที่ไปของทำไว้กับโรงเรียน ด้วยการพาหยกไปมอบตัวทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง
3.) หยกไม่มีผู้ปกครองมา เพราะบุ้งไม่ได้พาหยกไปส่งบ้านผู้ปกครอง ซึ่งแม่หยกเตรียมการพาหยกมอบตัวกับโรงเรียนตามที่ขอทำเอ็มโอยูไว้แล้ว แต่กลับพยายามให้หยกคัดทะเบียนบ้านออกแทน นี่คือจุดเริ่มต้นของการโกหกใส่ร้ายแม่หยก ซึ่งนำมาซึ่งความโกลาหลทั้งหลายต่างๆ ต่อจากนั้นดำเนินต่อมาเรื่อย เพื่อคงไว้ให้การโกหกครั้งแรกยังเป็นความจริง

หลังจากนั้น บุ้งไปออกช่องวอยซ์ทีวี พูดโจมตีให้คนเข้าใจว่าครอบครัวหยกใช้ความรุนแรง หยกเลยออกมา เพื่อบุ้งจะได้หาทางสวมเป็นผู้อุปการะใหม่ และจากการที่หลายฝ่ายได้ฟังจากบุ้งด้านเดียว ก็แทบหลงทางในการแก้ปัญหาเรื่องสิทธิ์การเข้าเรียน บางฝ่ายถึงกับจะหาทางไปแจ้งความจับแม่หยก ข้อหาทอดทิ้งบุตร เพื่อให้บุ้งได้กลายเป็นผู้ปกครองตัวจริงแทนเสียด้วยซ้ำ ไปกันใหญ่มากๆ โดยที่แม่หยกแทบไม่ทราบเลยว่ากำลังตกเป็นจำเลยสังคมโดยไม่ทันรู้ตัวและยังไม่ได้ทำอะไรผิด

หลังจากนั้น ตนก็ได้คุยกับแม่หยกไม่กี่ครั้ง ซึ่งทุกครั้งก็ไม่ได้ยินยอมใดๆ กับการที่หยกจะไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ จะมาเอาลูกไปได้ยังไง ซึ่งพักหลังสภาพจิตใจของแม่หยกก็ค่อนข้างย่ำแย่ลงไปมาก จากการขบวนที่บอกเป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันพรากลูกไปจากอ้อมอกยาวนาน พอเรื่องราวหยกกับที่โรงเรียนเริ่มใหญ่โต ข้อมูลจากฝ่ายบุ้งทำให้สังคมหันมาโทษใส่แม่หยกกันเสียมาก อาจารย์และผู้ปกครองที่มีแนวคิดส… ในโรงเรียนบางส่วนก็ผสมโรง กลุ่ม ศชอ. ก็ปักหมุดลงบ้านล่าแม่มดครอบครัวน้องกันอีกระลอกใหญ่ ลามไปถึงพ่อหยกที่อยู่ต่างจังหวัดก็ถูกตามถึงบ้าน แม่หยกซึ่งอยู่ในสภาวะจิตใจย่ำแย่อยู่เดิมก็ต้องหาพื้นที่หลบทั้งตำรวจที่ตามคุกคาม ทั้งพวกล่าแม่มด ทั้งสื่อที่ตามขุดคุ้ย เพราะไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนสาธารณะในสภาพไม่พร้อมและเสี่ยงถูกคุกคามจากกระแสสังคมเข้าใจผิด

ข้อสรุปในเรื่องนี้คือ การพาหยกไปอยู่ที่อื่นที่กำลังทำกันอยู่นี้ไม่ได้ผ่านการได้รับยินยอมจากแม่ของหยก ซึ่งเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายที่ได้ทำเอ็มโอยูขอมอบตัวหยกล่าช้าไว้กับโรงเรียน เป็นปัจจัยเสริมทำให้สูญเสียสถานภาพนักเรียนไป จากที่ฝ่ายความมั่นคงพยายามมาแต่แรกที่จะขังหยกจนเลยวันมอบตัว พูดถึงเรื่องสิทธิเด็กและเยาวชน ถ้าหยกยังอายุเพียง 15 ปี ไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ กฎหมายก็ไม่ได้ให้สิทธิ์หยกเลือกผู้ปกครองใหม่ได้ตามใจชอบ ต่อให้หยกไปด้วยอย่างเต็มใจ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกกฎหมาย ถ้าผู้ปกครองไม่ยอม เทียบกับคดีพรากผู้เยาว์ การล่อลวงด้วยสิ่งใดให้เด็กรู้สึกเต็มใจไปด้วย หรือแม้แต่เด็กอยากไปด้วยเอง หากผู้ปกครองไม่ได้ยินยอมก็ผิดอยู่วันยังค่ำ

ทำไมแม่ทิ้งน้อง? ตอบว่า แม่ไม่เคยทิ้งหยกเลยตลอดมาตั้งแต่หยกถูกจับขัง การถูกตำรวจคุกคามทางเพศ การถูกลิดรอนเสรีภาพอย่างรุนแรงในคดี 112 และการที่ถูกบุ้งมานิพุเลทจนหยกได้รับอิทธิพลทางลักษณะนิสัยมา “ประท้วงแม่” ตอนที่ทนายสิทธิมนุษยชนพยายามพาหยกกลับไปคุยกับแม่ นั่นต่างหากที่ทำให้เรื่องบานปลายมาขนาดนี้

ทำไมแม่น้องไม่แจ้งความ? ตอบว่า แม่หยกเป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน ไม่ได้ต้องการทำร้ายพี่ๆ เพื่อนๆ ของลูกสาวตน เพราะมันจะสร้างบาดแผลในใจที่ยากจะสมานในระยะยาว แม้จะเจ็บปวดก็จำต้องกล้ำกลืนเพราะยังแคร์หัวใจลูก ถ้าสมมติในอนาคตมีกฎหมายให้เด็กอายุ 15-18 ปี สามารถเลือกผู้ปกครองใหม่ได้เองตามใจ ตนจะยกกรณีนี้มาพิจารณาใหม่

“ถ้าบุ้ง ทะลุวัง คือขบวน คุณคือขบวนที่เลวร้ายมากที่ใส่ร้ายครอบครัวน้องที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน เพื่อหวังกับประโยชน์เฉพาะหน้า และเป็นขบวนที่ทิ้งเหยื่อคนอื่นๆ อย่างแม่น้อง ครอบครัวน้องเอาไว้ข้างหลัง ในวันที่แม่น้องถูกข่มขู่ ขุดคุ้ย คุกคาม โดยไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ที่คิดจะช่วยเซฟสวัสดิภาพทางร่างกายและจิตใจให้ครอบครัวน้อง ในขณะที่ตัวเองได้รับประโยชน์จากลูกเขาเต็มๆ” จอม ไฟเย็น ระบุ

จอม ไฟเย็น กล่าวว่า ปัจจุบันตนติดต่อแม่หยกไม่ได้แล้ว แต่ครั้งสุดท้ายที่คุยในแชท ญาติของหยกยืนยันว่าแม่หยกไม่เคยไปตกลงอะไรใดๆ กับบุ้งไว้ ตามที่มีคนพยายามอ้างว่า “น้องตกลงกันกับแม่แล้วว่าจะให้แม่หายไป” ทั้งสิ้น อันตรายที่สุดอย่างไรหากยังพยายามไม่ให้แม่กับหยกได้ปรับความเข้าใจกันให้เร็วที่สุด?

หากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ หยกจะไม่ได้อยู่ทั้งกับแม่หรือบุ้ง แต่จะกลายเป็นบ้านปราณีที่เคยขังหยก ระหว่างที่รอ พม. หาผู้อุปการะใหม่ ซึ่งสภาพบุ้งเองไม่ผ่านเกณฑ์ผู้รับอุปการะบุตรบุญธรรมของ พม. แน่นอน

พม.จะเข้าแทรกแซงจังหวะไหน? ตอบว่า หลังจากหยกถูกปล่อยตัว นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่ม ศปปส. ไปแจ้งความคดี 112 กับหยกเพิ่มไว้อีก 6 คดี หมายเรียกฉบับที่ 1 ที่ 2 กำลังทยอยมา แต่บุ้งก็จะไม่มีทางรู้ว่าวันไหนเมื่อไหร่ และมารู้อีกทีตอนตำรวจถือหมายจับมาล็อกตัวหยกไปแล้ว ถ้า พม. มาพร้อมตำรวจแล้วพบว่าเด็กไม่มีผู้ปกครองหรือผู้รับมอบอำนาจอยู่ด้วย มันจะจบที่บ้านปราณีโดยที่ยังไม่ต้องเริ่มคดี 112 เลยด้วยซ้ำ

“ลองถามตัวเองว่าคุณห่วงเด็กจริงๆ หรือกำลังห่วงอะไรกันแน่?” จอม ไฟเย็น กล่าวทิ้งท้าย

'หยก' โต้ปมจัดฉาก แค่ถ่ายรูปสะท้อนเชิงสัญลักษณ์ ยัน!! ขอมาอยู่กับบุ้งเอง ไม่เคยถูก 'ชี้นำ-บีบบังคับ'

(19 ก.ย. 66) เฟซบุ๊ก Thanalop Phalanchai ของ ‘หยก-ธนลภย์’ สมาชิกกลุ่มทะลุวัง โพสต์ข้อความ ระบุว่า วันนี้หนูนั่งที่เดิมตรงที่เคยมีนักสิทธิมนุษยชนไปโพสต์ว่าหนูจัดฉาก แล้วคุณสรยุทธเอาวิดีโอตัวสั้นตัดมาไม่นานมาลง มีเสียงพี่บุ้งบอกให้หนูเขียนข้อความ

ข้อความที่พี่บุ้งบอกหนูคิดมาแล้วว่าจะเขียนถ้าครูปฏิเสธ แต่ถ้าใครดูตัวเต็มวิดีโอ จะเห็นเหตุการณ์ที่แตกต่าง มันเริ่มจากหนูเขียนกระดาษเสียไปหลายใบเพราะลายมือไม่สวยซะที จนพี่บุ้งบอกหนูว่าหนูต้องเขียนข้อความสี่คำนี้แบบไหน เว้นวรรคยังไงถึงจะชัด โดยหนูบอกว่าลายมือไม่สวย ๆ พี่บุ้งก็มาช่วย

ที่จริงถ้ากล้องหน้าโรงเรียนมีครบน่าจะมีให้ดูตอนที่พี่บุ้งบอกให้กลับบ้านด้วย แต่หนูตอบว่าไม่ แต่หลาย ๆ ครั้งกล้องไม่ลงตัวเต็มหนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้องของใครและตัดมาทำไมเท่านี้
เรื่องที่มีนักสิทธิมนุษยชนมาโพสต์ให้สังคมเข้าใจว่าหนูจัดฉากก็เหมือนกัน จริง ๆ แล้วหนูก็นั่งจริง ๆ นั่นแหละ แต่นั่งในห้องประชาสัมพันธ์ แล้ววันนั้นพอจะถ่ายรูปหนูก็เลยออกมาถ่ายเป็นเชิงสัญลักษณ์เนื่องจากไม่สามารถถ่ายภายในห้องนั้นได้ เพราะคุณครูไม่อนุญาตให้พี่ ๆ นักข่าวถ่ายรูปในห้องประชาสัมพันธ์ แต่การนั่งเพื่อประท้วงโดยสันติแต่ถูกเมินเฉยของหนูยังคงมีต่อไปเรื่อย ๆ ตอนนี้คิดว่าจะไม่นั่งข้างในห้องประชาสัมพันธ์แล้ว ถึงพี่บุ้งจะยังเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ

เรื่องของหนู หนูเข้าใจว่าหลายคนไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเพราะไม่ชอบพี่บุ้ง หรือเพราะอะไร แต่หนูเป็นคนที่ขอมาอยู่กับพี่เขาสมัครใจที่อยู่กับพี่เขาและที่สำคัญเค้าไม่ได้บังคับหนู แต่ทุกคนไม่เคยมีใครมาถามหนูสัมภาษณ์หนูเหมือนกันว่าเรื่องจริงคืออะไร แต่มีแต่เอาคลิปวิดีโอไม่กี่วินาทีมาลง

หนูไม่แน่ใจว่าที่โรงเรียนพวกคุณ สังคมทำกับที่หนูทำ อันไหนรุนแรงดูหยาบคายกว่ากัน

เพจดังเปิดหลักฐาน 'บุ้ง ทะลุวัง' เอาเงินทุนสนับสนุน เข้าบัญชีตัวเอง ด้าน 'โบว์ ณัฏฐา' เสริม!! เรื่องเน่าๆ ที่คนนอกมองเข้ามา แล้วมักไม่รู้

(4 ต.ค.66) เพจ 'CSI LA' ได้โพสต์ข้อความและภาพโดยอ้างว่าเป็นหลักฐานที่ 'บุ้ง ทะลุวัง' นำเงินที่รับเงินจากทุนช่วยเหลือนักกิจกรรมเข้าบัญชีตัวเอง ระบุว่า...

น้องๆ อดีตกลุ่มทะลุวัง ฝากข้อความมาครับ  น้องเขาเป็นคนที่ถูกบุ้งบังคับให้เขียนเอกสารขอทุน

ใบเบิกเงินเป็นหลักฐานโต้แย้งจากที่บุ้งกล่าวอ้างว่าใช้เงินของตัวเองในการสนับสนุนเด็กคนอื่นๆ ที่สำคัญทุนนี้ มาจากผลงานการเคลื่อนไหวของเด็กๆที่บุ้งดูแลกว่าสิบคนในสัมภาษณ์ประชาไทของบุ้ง หลักฐานการรับเงินจากทุนช่วยเหลือนักกิจกรรม ชื่อทุน Relocation Assistance ของ Forum Asia ในวันที่ 25 ตุลาคม ปีพ.ศ. 2564 (ช่วงเวลาก่อนเคลื่อนไหวกับทะลุวัง)

Forum Asia เป็นเครือข่ายต่างชาติร่วมกับอีก 23 ประเทศ ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย ช่วยเหลือและสนับสนุนการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในแต่ละประเทศ

ด้านคุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ก็ได้โพสต์ข้อความถึงข้อมูลข้างต้นด้วย โดยระบุว่า...

"บางทีมองจากนอกประเทศเข้ามาก็ไม่รู้หรอกว่ามันเน่าขนาดไหน นึกว่าเป็นขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยใสๆ คลีนๆ จากการได้เห็นอะไรต่ออะไรในประเทศตัวเองตลอดสามปีที่ผ่านมา ก็ทำให้รู้สึกว่าต้อง “ฟังหูไว้หู” มากขึ้นเวลาอ่านข่าวทำนองเดียวกันที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เพราะเราจะรู้ก็เฉพาะสิ่งที่เขาเขียนให้รับรู้เท่านั้น และบางครั้งมันก็เป็นนิยาย"

‘บุ้ง ทะลุวัง-หยก’ บุก!! ปีนรั้วศาลอาญากรุงเทพใต้ ด่าทอ-ทำร้ายจนท. หลังศาลพิจารณาคดี ม.112 แล้วเสร็จ!!

สำนักงานศาลยุติธรรมแจงข้อเท็จจริง 'บุ้ง ทะลุวัง-หยก' ปีนรั้วศาล ป่วนศาลอาญากรุงเทพใต้ ชี้ ตร.ศาลป้องกันตัวตามหลักสากลเตรียมเอาผิดตามภาพวงจรปิด!

เมื่อวานนี้ (19 ต.ค.66) สำนักงานศาลยุติธรรมขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากกรณีเหตุการณ์บริเวณศาลอาญากรุงเทพใต้  ถนนเจริญกรุง ซึ่งวันนี้มีการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งศาลได้ดำเนินการเสร็จแล้ว จากนั้นมีเยาวชนหญิงได้ปีนรั้วเข้ามาในบริเวณศาลอาญากรุงเทพใต้โดยตั้งใจที่ ทั้งที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ได้ปิดประตูรั้วหรือห้ามผู้มาติดต่อราชการเข้าแต่อย่างใด และขณะเกิดเหตุประชาชนก็ยังเข้ามาใช้บริการได้ตามปกติ

เมื่อเกิดเหตุเช่นนั้น เจ้าพนักงานตำรวจศาลซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนที่มาติดต่อราชการในบริเวณศาล เห็นเหตุการณ์และได้เข้าห้ามปราม เพื่อไม่ให้ปีนรั้วเข้ามา จึงถูกบุคคลหนึ่งที่มาพร้อมกับพวกรวม 4 คน เข้ากระชากคอเสื้อเจ้าพนักงานตำรวจศาล จากนั้นกลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้เดินเข้ามาและด่าทอเจ้าหน้าที่ขณะยืนโทรศัพท์รายงานเหตุการณ์และโทรแจ้งตำรวจท้องที่ให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์

ต่อมาบุคคลที่ได้กระชากคอเสื้อเจ้าพนักงานตำรวจศาลก่อนหน้านั้น ได้เดินเข้ามาผลักหน้าอกเจ้าพนักงานตำรวจศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงเดินถอยออกและพูดห้ามปรามตามยุทธวิธีปฏิบัติหลายครั้ง แต่บุคคลดังกล่าวยังเดินเข้ามาเตะเจ้าพนักงานตำรวจศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงใช้กระบองขู่ แต่ก็ไม่หยุดและยังเดินเข้าหาเจ้าพนักงานตำรวจศาลอีก  เจ้าพนักงานตำรวจศาลอีจึงใช้กระบองตีเพื่อระงับเหตุและป้องกันตัว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ กลุ่มบุคคลทั้งหมดขอพบผู้บริหารศาล ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ ว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวอ้างว่าจะไปทำแผล  และเดินออกไปจากศาลทั้งหมด ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่เห็นว่าเป็นสิทธิที่จะไปรักษาตัวจึงมิได้ห้ามปรามและขัดขวางแต่อย่างใด

สำนักงานศาลยุติธรรมขอเรียนเพิ่มเติมว่า เจ้าพนักงานตำรวจศาลมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาล ตามหลักสากล เพื่อให้การดำเนินงานของศาลสามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนทุกคนได้สมดังเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างแท้จริง การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดกล้องวงจรปิดในบริเวณศาลสามารถบันทึกภาพไว้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำหรับผู้ที่ก่อเหตุคือ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคมหรือบุ้ง ทะลุวัง และ เด็กหญิงหยก เยาวชนหญิงคนดังวัย 14 ปี

ขณะที่เฟซบุ๊กของผู้ที่ใช้ชื่อบัญชีว่า ‘นายสิทธิพร ลีลานภาศักดิ์’ ได้เผยแพร่คลิปที่ระบุว่า ‘เหตุเกิดสดๆร้อนๆ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ให้ภาพมันเล่าเรื่อง บุ้ง ทะลุวัง vs ตร. ศาล กรณีละเมิดอำนาจศาล’

รับชมคลิปได้ที่: https://www.facebook.com/sittiporn.lelanapasak/posts/

'เจ๊จุก' ดักคอ!! 'หยก-บุ้งทะลุวัง' คงไม่ป่วนกีฬาสีเตรียมพัฒน์ฯ ด้าน 'ดร.อานนท์' สมทบ!! "น้องหยกจะทนกลับไปเรียนได้หรือ?"

เมื่อวานนี้ (17 พ.ย. 66) ทวิตเตอร์ (X) ของเจ๊จุก คลองสาม โพสต์รูปและข้อความกรณีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ จัดงานกีฬาสีภายในซึ่งบรรยากาศงานเต็มไปด้วยความสามัคคีสนุกสนาน โดยสแตนด์เชียร์ขึ้นป้าย 'รักชาติ ผดุงศาสน์ เทิดกษัตริย์' ว่า...

"วันนี้โรงเรียนเตรียมพัฒน์ มีจัดงานกีฬาสีภายใน บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน สามัคคี รื่นเริง น่ารัก สมวัย

พรุ่งนี้มีแข่งอีก 1 วัน ได้แต่หวังว่า สมยศโมเดลลิ่ง บุ้งและหยก #ทะลุวัง และ #นักเรียนเลว คงจะไม่พากันไปเxือกเรื่องของโรงเรียนเขาอีกนะคะ"

และล่าสุด วันที่ 18 พ.ย. 66 ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ระบุข้อความว่า...

"น้องหยกจะทนกลับไปเรียนได้หรือ????"

‘ทะลุวัง’ โพสต์ชวนคนให้กำลัง ‘บุ้ง ทะลุวัง’ คดีหมิ่นฯ แต่ผิดคาด!! คอมเมนต์ส่วนใหญ่ให้กำลัง ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์’

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ทะลุวัง ได้โพสต์แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์และขอเชิญชวนผู้สนใจมาเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ดำเนินคดีฟ้อง น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง สมาชิกทะลุวัง ในกรณีหมิ่นประมาทและค้ามนุษย์ ปัจจุบันได้มีหมายในคดีหมิ่นประมาทมาถึง น.ส.เนติพรหรือบุ้งแล้ว ซึ่งเกี่ยวกับกรณีการกล่าวหาทั้งสองคดีดังกล่าว บุ้ง ทะลุวัง มีความประสงค์ที่จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนอย่างเต็มที่

จึงขอเชิญชวนสาธารณชนผู้สนใจเข้าร่วมฟังการพิจารณา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เพื่อให้ประชาชนและสังคมได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ณ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 พรุ่งนี้ เวลา 9.00 น

ทั้งนี้ ปรากฏว่า บนหน้าเพจทะลุวัง ได้มีผู้เข้าไปคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่กลับเข้าไปให้กำลังใจลุงเสรี วีรบุรุษนาแก  อาทิ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สู้ๆ ครับ ผบ.,
สู้ๆครับ ป๋าเสรี, เล่นด้วยผิดคนแล้วบุ้ง, เห็นด้วย พวกหยกและเด็ก ๆ จะได้หลุดพ้นจากบุ้งสักที, คาบ้านครับ โพสนี้ เป็นเอกฉันท์ เป็นต้น

'บุ้ง ทะลุวัง' ประกาศบริจาคร่างกายล่วงหน้า ลั่น!! ปฏิเสธการรักษาเพื่อยื้อชีวิตโดยไม่จำเป็น

(9 ก.พ. 67) เพจเฟซบุ๊กทะลุวัง เผยแพร่ภาพเอกสาร พร้อมระบุข้อความว่า…

“ข้าพเจ้านางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม อายุ 28 ปี 6 เดือน ขอแสดงเจตนาบริจาคร่างกายของข้าฯ และขอแสดงเจตนาไม่ประสงค์รับบริการสาธารณสุขเพื่อยื้อชีวิตไว้โดยไม่จำเป็นและเป็นการสูญเปล่า พร้อมติดแฮชแทก #ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม #ยกเลิก112 #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน”

สำหรับเนื้อหาในหนังสือที่บุ้ง ทะลุวัง แจ้งแสดงเจตนาขอบริจาคร่างกายให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยตอนท้ายของหนังสือ บุ้งระบุว่า

“คุณความดีใดที่ได้จากการอุทิศร่างกายในครั้งนี้ ขอส่งให้กับประชาชนที่ยากลำบากทุกคนและขอให้ไม่มีความเหลื่อมล้ำในประเทศ”

ส่วนหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข บุ้ง ทะลุวัง ระบุตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าทำไปเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิมีรูปกระบวนการยุติธรรมของผู้พิพากษาและศาลในประเทศไทย”

ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็น บางคนก็ยกย่อง บางคนก็บอกว่า

-ขอให้สมความมุ่งมารถปรารถนานะคะ อย่าให้อิชั้นเห็นนอนบนรถเข็นแล้วส่งต่อ รักษาที่ รพ.มธ.เหมือนรอบที่แล้วอีกนะคะ แบบนั้นมันผิดเจตนารมณ์นะคะ พรี่บรุ้ง

-ยังมีแรงลงชื่อหลังจากอดน้ำมานานหลายวัน นับถือจริง ๆ

'ศูนย์ทนายฯ' เผยอาการล่าสุด!! 'ตะวัน' พบมีภาวะเลือดเป็นกรด 'แฟรงค์' ชัก!! ต้องใช้เครื่องช่วยให้ออกซิเจน ส่วน 'บุ้ง' อ้วกเกือบทั้งคืน

เมื่อวานนี้ (21 ก.พ.67) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยความคืบหน้าการอดอาหารและน้ำประท้วง (Dry Fasting) ของ บุ้ง เนติพร กลุ่มทะลุวัง, น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ แฟรงค์ ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์

โดย บุ้ง เนติพร ยังคงเดินหน้าประท้วงเพื่อ 2 ข้อเรียกร้อง

1.เพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
2.จะต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างทางการเมืองอีก

ศูนย์ทนายฯ เผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา บุ้งต้องเจาะเลือดไป 4 หลอด แต่การเจาะเป็นไปอย่างลำบาก เพราะเลือดไหลออกน้อย ลักษณะหยดต่อหยดอย่างช้าๆ

- เมื่อคืนที่ผ่านมา บุ้งกับตะวันอ้วกเกือบตลอดทั้งคืน
- ตัวร้อน ต้องเอาแผ่นประคบเย็นวางที่ศีรษะตลอด
- มีอาการตาลอย หน้ามืด เหนื่อยหอบตลอดเวลา
- แร่ธาตุโซเดียมและโพแทสเซียมในเลือดเริ่มต่ำ
- ปัสสาวะมีสีเข้ม
- มีภาวะเลือดเป็นกรด
- ปวดท้องลามไปจนถึงกระดูกสันหลังตลอดเวลา แต่ต้องอดทนจนรู้สึกว่าเหมือนชินชา

ขณะที่ ‘แฟรงค์’ และ ‘ตะวัน’ อดอาหารและน้ำประท้วงวันที่ 7 โดยมี 3 ข้อเรียกร้อง 2 ข้อแรกเหมือนกับของบุ้ง ส่วนอีก 1 ข้อเรียกร้องที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ “ประเทศไทยไม่ควรเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็น”

>> อาการของ ‘แฟรงค์ ณัฐนนท์’

ศูนย์ทนายฯ ระบุว่า เมื่อคืนแฟรงค์มีอาการชัก มีอาการมือเกร็ง มือชา ต้องใช้เครื่องช่วยให้ออกซิเจนผ่านทางจมูก เพราะหายใจไม่ทัน แพทย์คาดว่าเกิดมาจากความเครียด

– น้ำหนักตัวลดลงเหลือประมาณ 39 กก.
– รู้สึกร้อนจากข้างในร่างกาย
– อ่อนแรงมาก จนไม่สามารถเดินเองได้ ต้องนั่งรถเข็น

>> อาการของ ตะวัน ทานตะวัน

วันนี้ตะวันนั่งรถเข็นออกมา มีอาการอ่อนเพลีย พูดช้า เสียงเบา ปากแห้งแตกจนลอก เมื่อคืนที่ผ่านมาอาเจียนออกมาเป็นน้ำสีใสรสเปรี้ยว 1 ครั้ง

- มีอาการคล้ายจะอ้วก แต่อ้วกไม่ออกอีกหลายครั้งทั้งคืน
- รู้สึกว่าการประมวลผลช้าลง
- มีอาการหลงลืม ไม่มีสติอยู่กับปัจจุบัน
- น้ำหนักตัวลดลงเหลือประมาณ 41 กก.
- ตัวร้อนมากจนต้องเอาน้ำมาลูบตลอดเวลา 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top