Sunday, 19 May 2024
บอริส_จอห์นสัน

อังกฤษประกาศใช้ 'แผนบี' รับมือโอมิครอน หลังพบระบาดเร็วมาก ติดเชื้อเพิ่มเท่าตัวทุก 2-3 วัน

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกข้อกำหนดเมื่อวันพุธ (8 ธ.ค.) ให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน สวมหน้ากากในที่สาธารณะและใช้บัตรผ่านวัคซีนเพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน หลังพบข้อมูลการแพร่เชื้อรวดเร็วมาก ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุก 2 ถึง 3 วัน และตัวเลขที่แท้จริงอาจเฉียด ๆ 10,000 คนแล้ว

จอห์นสันระบุว่า โอมิครอนกำลังระบาดอย่างรวดเร็วและเขาไม่มีทางเลือกยกเว้นแต่เคลื่อนเข้าสู่ "แผนบี" พร้อมกับเริ่มดำเนินโครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งนี้ แม้ยังคงห่างไกลจากมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบที่เคยกำหนดในช่วงต้น ๆ ของโรคระบาดใหญ่ แต่มาตรการใหม่นี้ถูกโวยวายว่าเป็นค้อนทุบธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่และห้างร้านทั้งหลาย ที่คาดหวังว่าการค้าขายในช่วงคริสต์มาสจะช่วยกอบกู้สถานะทางการเงินของพวกเขา

ส.ส. หลายคนในพรรคการเมืองของจอห์นสันเองก็แสดงความไม่พอใจต่อข้อจำกัดรอบใหม่เช่นกัน ด้วยหวั่นเกรงต่อผลกระทบของมาตรการดังกล่าว หลังจากเศรษฐกิจของประเทศหดตัวถึง 10% เมื่อปีที่แล้ว รุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์

"ขณะที่ภาพรวมอาจดีขึ้น ซึ่งผมก็หวังด้วยความจริงใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่เรารู้ว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อแบบก้าวกระโดด อาจทำให้จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และน่าเศร้า ด้วยเหตุนั้น จำนวนผู้เสียชีวิตก็อาจเพิ่มขึ้นเช่นกัน" จอห์นสันกล่าวระหว่างแถลงข่าว

นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ซึ่งยกเลิกข้อจำกัดโควิด-19 เกือบทั้งหมดในอังกฤษในเดือนกรกฎาคม ตามหลังโครงการฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว เคยประกาศเดินทางเข้าสู่ฤดูหนาวโดยปราศจากทางเลือกของการล็อกดาวน์รอบที่ 4 แต่สำรองไว้ซึ่งมาตรการที่เรียกว่า "แผนบี"

บางส่วนของมาตรการเหล่านั้น เช่น การกลับมาบังคับสวมหน้ากากบนระบบขนส่งสาธารณะและตามห้างร้านต่าง ๆ ได้ถูกบังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ในวันพุธ (8 ธ.ค.) จอห์นสันระบุเพิ่มเติมว่า เวลานี้ประชาชนควรทำงานจากที่บ้าน

มาตรการสวมหน้ากากจะถูกบังคับใช้ในสถานที่สาธารณะ อย่างเช่น โรงภาพยนตร์และโรงละคร และจะมีการบังคับแสดงบัตรผ่านโควิด-19 สำหรับเข้าไปในไนต์คลับและสถานที่ต่าง ๆ ที่มีผู้คนจำนวนมาก

จอห์นสันกล่าวว่า มาตรการนี้มีความจำเป็น หลังพบเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 568 รายในประเทศ ซึ่งข้อมูลบ่งชี้ว่ามันใช้เวลา 2 ถึง 3 วันในการแพร่กระจายเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัว

‘นายกฯ ผู้ดี’ โชว์พาว!! เซ็นข้อตกลง พร้อมส่งทหาร ปกป้องสวีเดน ฟินแลนด์ หากถูกรัสเซียรุกราน

หลังจาก ‘สวีเดน’ และ ‘ฟินแลนด์’ จ่อเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ ‘นาโต’ (NATO) ด้าน บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็ได้เดินทางไปพบนาง แม็กดาเลนา แอนเดอร์สัน ผู้นำหญิงคนล่าสุดของสวีเดน เมื่อวันพุธที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพื่อเซ็นข้อตกลงด้านความมั่นคงร่วมกัน โดยสาระสำคัญอยู่ที่ ความพร้อมในการยกกองทัพมาช่วยสวีเดนทันที หากโดนรัสเซียรุกราน

บอริส จอห์นสัน กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะเป็นการเสริมกำลังให้กับชาติในยุโรปเหนือจากภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ และยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรายังคงอยู่ตลอดไป

ผู้นำอังกฤษ ยังกล่าวย้ำอีกว่า นี่ไม่ใช่ข้อตกลงแค่ชั่วคราว แต่จะเป็นความผูกพันด้านการทหารที่ยาวนาน และเมื่อใดก็ตามที่พันธมิตรของเราประสบภัยพิบัติ หรือถูกรุกรานโจมตี ขอเพียงแค่บอกมา อังกฤษพร้อมส่งกองทัพเข้าช่วยเหลือทันที

และไม่ใช่เพียงแค่สวีเดนเท่านั้น บอริส จอห์นสัน ยังเดินทางไปเยือนฟินแลนด์ และเซ็นข้อตกลงเช่นเดียวกันนี้กับฟินแลนด์ด้วย

ข้อตกลงร่วมนี้ เกิดขึ้นขณะที่ 2 ชาติในกลุ่มนอร์ดิกกำลังกังวลใจกับการรุกรานของรัสเซียในยูเครน และเคยได้กล่าวว่าอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าจะเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO หรือไม่ 

'บอริส จอห์นสัน' ลาออกจากหัวหน้าพรรครัฐบาล สุดต้าน!! หลัง ส.ส.ในพรรคทยอยออก-เลิกหนุน

บอริส จอห์นสัน ยินยอมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอังกฤษอยู่ในเวลานี้แล้ว หลังจากทั้งรัฐมนตรีและพวก ส.ส.ในพรรคพากันลาออกและเลิกหนุนหลังเขากันเป็นแถว ระบุทนไม่ไหวกับกรณีฉาวโฉ่ในพรรคเรื่องแล้วเรื่องเล่า

บีบีซี รายงานว่า พรรคคอนเซอร์เวทีฟจะจัดการแข่งขันเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนต่อไปในฤดูร้อนนี้ และคาดว่าจะได้ตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ซึ่งก็จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษด้วย ก่อนที่จะถึงเวลาจัดการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรคในเดือนตุลาคม

ในระหว่างนี้ จอห์นสันจะยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

กระทั่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ จอห์นสันประกาศมาโดยตลอดว่า จะยังยืนหยัดนั่งเก้าอี้ต่อ ถึงแม้มีรัฐมนตรีทั้งระดับอาวุโสและระดับรองทยอยขอลาออกจากรัฐบาล รวมทั้ง ส.ส.ของพรรคจำนวนมากก็ประกาศไม่สนับสนุนเขา แต่มาถึงตอนนี้เขาก็ตัดสินใจยอมลงจากตำแหน่งแล้ว

มีรายงานว่า เขาถูกรบเร้าให้จากไปเสียจากพวกสมาชิกอาวุโสของคณะรัฐมนตรีที่ยังเหลืออยู่ของเขา รวมทั้งรัฐมนตรีคลัง นัดฮิม ซาฮาวี ผู้เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งนี้ใหม่ๆ หมาดๆ

ในจดหมายขอลาออกของเขา ซาฮาวี ผู้ซึ่งได้ตำแหน่งรัฐมนตรีคลังมายังไม่ทันครบ 48 ตำแหน่ง กล่าวว่า เขา “ได้บอกกล่าวอย่างชัดเจนไปถึงนายกรัฐมนตรี” ว่า นายกรัฐมนตรีควร “จากไปด้วยศักดิ์ศรี”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top