Friday, 3 May 2024
นาโต

'นันทิวัฒน์' ฟันธง! สงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่จบง่ายๆ เหตุ 'นาโต' เสี้ยม!! มีแผนหนุนตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

น่าจะเป็นคำถามที่ชาวโลกตั้งตารอคำตอบถึงปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนใกล้จะสิ้นสุดเมื่อใด หรือประเด็นความขัดแย้งของยูเครน-รัสเซีย และรวมถึงนานาชาติที่เข้ามาร่วมเอี่ยวต่อจากนี้ใกล้จะถึงตอนจบแล้วหรือไม่

ล่าสุด นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวนี้ว่า...

ยูเครนจบแล้วยัง...ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนใกล้จบหรือจบแล้ว

ทางการรัสเซียอ้างว่า ได้ทำลายสนามบิน เครื่องบินของยูเครนหมดสิ้น ยูเครนแอบโยกย้ายเครื่องบินรบไปไว้ในต่างประเทศ โดยถูกระบุว่าเป็นโรมาเนีย

รัสเซียสำทับว่า ประเทศใดอนุญาตให้เครื่องบินรบของยูเครนออกปฏิบัติการ รัสเซียจะพิจารณาว่า ประเทศนั้นๆ เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางทหารกับรัสเซีย ไม่ได้ขู่นะ

รัสเซียระบุว่า อเมริกาและอังกฤษใช้ดินแดนโปแลนด์เป็นจุดในการส่งกำลังบำรุงอาวุธและลักลอบส่งกองกำลังติดอาวุธจากซีเรียที่เรียกว่า Daech เข้ายูเครน

'ผู้นำยูเครน' แฉ!! 'นาโต' ไม่มีวันรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก แต่บอกกล่าวในที่สาธารณะว่า 'ประตูจะยังคงเปิดอยู่'

นาโต (NATO) ปฏิเสธที่จะยอมรับยูเครนเมื่อมีการพูดคุยกันในที่ส่วนตัว แต่ในที่สาธารณะยังคงแสดงท่าทีว่ามีโอกาสดังกล่าว ประธานาธิบดีของประเทศยูเครนให้สัมภาษณ์กับ CNN

มูลเหตุสำคัญที่ทำให้รัสเซียต้องรุกรานยูเครนก็เพื่อหยุดยั้งการแสวงหาสมาชิกขององค์การนาโตเพิ่มเติมในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก หรือแนวทาง "มุ่งตะวันออก" ซึ่งในที่สุดนาโตก็ขยับมาถึงยูเครนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านประชิดพรมแดนรัสเซียและมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซียอย่างมากในทางการเมืองและวัฒนธรรม

ขณะที่ผู้นำยูเครนก็แสดงท่าทีต้องการเป็นสมาชิกนาโต โดยมีคำเตือนจากรัสเซียไม่ให้ยูเครนและนาโตกระทำการดังกล่าว จนในที่สุดรัสเซียก็ส่งกำลังทหารรุกรานยูเครนด้วยข้ออ้างว่า "เพื่อทำให้ยูเครนปลอดจากกองทัพ" ซึ่งเชื่อได้ว่าหมายถึงการทำให้ยูเครนไม่กลายเป็นฐานที่มั่นทางทหารเหมือนสมาชิกนาโตอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก เพราะเป็นการเผชิญหน้าและคุกคามรัสเซียโดยตรง

เตือนแล้วนะ! ‘รัสเซีย’ เตือน ‘สหรัฐฯ-นาโต’ หยุดส่งอาวุธให้ยูเครน ขู่!  หากดึงดัน อาจเกิดผลลัพธ์เกินคาดเดา!

รัสเซียเตือนอย่างเป็นทางการถึงสหรัฐฯ และนาโต ว่า จะเกิดผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ต่อเสถียรภาพความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ถ้าหากยังไม่หยุดส่งอาวุธให้แก่ยูเครน ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่า ทหารยูเครนราว 2,500-3,000 นาย เสียชีวิตในช่วงเวลา 7 สัปดาห์ของสงครามกับรัสเซียและอีกราว 10,000 นาย ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเรียกร้องนานาชาติให้คว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม


สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์รายงานว่า รายงานอ้างสื่อในสหรัฐฯ หลายสำนักที่ระบุว่า รัสเซียได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการลงวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมาถึงกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ผ่านทางสถานทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี เตือนสหรัฐฯ และองค์การนาโต ว่า จะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ หากยังคงส่งอาวุธไปให้แก่ยูเครน ในหนังสือของรัสเซียระบุว่า การที่สหรัฐฯ และนาโต จัดส่งอาวุธที่อ่อนไหวมากที่สุดไปให้แก่ยูเครนนั้น เท่ากับเป็นการเติมเชื้อเพลิง ซ้ำเติมความขัดแย้ง พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ หยุดการส่งอาวุธให้ยูเครนอย่างไม่รับผิดชอบ เพราะจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ต่อเสถียรภาพความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ข่าวคำเตือนของรัสเซียออกมา หลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนอีก 800 ล้านดอลลาร์ในวันพุธที่ผ่านมา 2 วันหลังจากรัสเซียส่งหนังสือเตือนดังกล่าว อาวุธใหม่ที่สหรัฐฯ เตรียมจะส่งให้แก่ยูเครน สำหรับความช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่ 800 ล้านดอลลาร์นั้น รวมถึง ปืนใหญ่วิถีโค้ง หรือฮาวอิทเซอร์ ขนาด 155 มม. ซึ่งสหรัฐฯ ยังไม่เคยส่งให้แก่ยูเครนมาก่อนรวมไปถึงระบบเรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ ที่ไม่มีในคลังอาวุธของกองทัพยูเครน ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ รวมถึงปืนใหญ่ กระสุนปืนใหญ่ ยานเกราะลำเลียงพล และเฮลิคอปเตอร์

ด้านประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในวันที่ประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเมื่อวันพุธดังกล่าว ว่า อาวุธชุดใหม่ที่จะจัดส่งให้แก่ยูเครนนี้ รวมถึงอาวุธประสิทธิภาพสูง ที่เคยส่งให้แก่ยูเครนมาแล้ว และเพิ่มเติมคือ อาวุธศักยภาพใหม่ที่คัดมาโดยเฉพาะเพื่อมอบให้แก่ยูเครน ใช้รับมือการโจมตีจากรัสเซียระลอกใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครน ไบเดนระบุด้วยว่า การส่งอาวุธให้แก่ยูเครนอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ และพันธมิตร เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่ช่วยให้ยูเครนสามารถสู้รบกับรัสเซียได้อย่างต่อเนื่อง

การประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน เป็นไปตามคำร้องขอล่าสุดจากประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่เพิ่งร้องขออาวุธหนักจากสหรัฐฯ เพื่อเตรียมรับมือปฏิบัติการใหม่ของรัสเซีย ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครนในเร็วๆ นี้

บทละครที่ถูกจับทาง 'เสธ.นิด' มอง!! 'สงครามรัสเซีย-ยูเครน' ใต้เงา 'สหรัฐ-นาโต' ในวันที่ 'ปูติน' ไม่โดดเดี่ยวอย่างที่ 'ไบเดน' คาดหวังไว้ .

พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี หรือ 'เสธ.นิด' อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'Vachara Riddhagni' เผยถึงสงครามการเมืองการทูตรัสเซีย/ยูเครน 2022 ที่มีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า...

รัสเซียโดยประธานาธิบดีปูตินไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่ประธานาธิบดีไบเดนคาดการณ์ไว้ “เพราะคิดว่าเงาปีศาจสตาลินจะมาหลอกหลอน” คนทั้งโลกได้

แต่ขณะนี้ หลังจากรัสเซียประกาศขับไล่นักการทูตสหภาพยุโรปออกจากกรุงมอสโก เพื่อเป็นการตอบโต้ที่หลายประเทศในสหภาพยุโรปขับไล่นักการทูตรัสเซีย 

ผลตามมา คือ การเจรจาเพื่อยุติสงครามในขณะนี้เป็นไปยากขึ้นและในขณะที่รัสเซียกำลังได้เปรียบในสงครามนี้ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย “เริ่มมีความได้เปรียบมากขึ้น” เพราะว่า...

1. สังคมโลกเริ่มมองย้อนหลังและสามารถเปรียบเทียบ “พฤติกรรมสงครามของสหรัฐฯ, อังกฤษ, นาโต” ในยุคสงครามก่อการร้ายโลกกับพฤติกรรมสงครามของรัสเซีย ว่า มีข้อแตกต่างกันมาก!!

ตั้งแต่ครั้งรัสเซียโดยประธานาธิบดีเบรสเนฟแห่งสหภาพโซเวียตบุกอัฟกานิสถาน เพราะมีปัญหาวุ่นวายการเมืองภายในอัฟกานิสถานเองและโซเวียตที่สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งอัฟกานิสถาน เห็นโอกาสอันดีที่จะเข้าครองอิทธิพลในเอเชียกลาง จึงส่งกองทัพเข้ายึด

สหรัฐฯ ได้โอกาสที่จะทำลายศรัทธาโซเวียตและพรรคคอมมิวนิสต์อัฟกานิสถาน จึงสนับสนุน มูจาฮิดีน ต่อสู้แบบกองโจรต่อเนื่อง จนในที่สุดโซเวียตเห็นว่า “สิ้นเปลืองไม่คุ้มค่าทางการเมืองและไม่มีผลประโยชน์อะไรจึงถอนทัพ” 

การแทรกแซงของต่างชาติในอัฟกานิสถานทำให้เกิด “แนวคิดต้นตำรับอิสลามเรียกว่า Taliban แปลว่า The Students ซึ่งยึดมั่นในวิถีอิสลามแบบเก่าอย่างเคร่งครัดและสนับสนุน Jihad สงครามศักดิ์สิทธิ์แบบอิสลามและได้ให้ที่พักพิง “อุซามะฮ์ บินลาดิน” ที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าเป็นตัวการก่อการวินาศกรรมด้วยการจี้เครื่องบินโดยสารสหรัฐฯ 3 ลำและใช้เครื่องบินเหล่าบินชนตึก WT 1, 2 และเพนตากอน

ด้วยเหตุที่รัฐบาลตอลิบานไม่ส่งตัว อุซามะฮ์ บินลาดิน...สหรัฐฯ จึงถล่มกรุงคาบูลอย่างหนักแบบราบเป็นหน้ากลอง แล้วสร้างให้ใหม่

พร้อมทั้งทำสงครามกองโจรก่อการร้ายกับตอลิบานและดึงเอากองทัพนาโต้เข้าร่วมรบด้วย

แต่ไม่นานกองทัพนาโตถอนตัวเหลือสหรัฐฯ โดดเดี่ยวและไม่สามารถกำจัดกองทัพตอลิบานได้อย่างเด็ดขาด สิ้นเปลืองงบประมาณมากมายมหาศาล จึงถอนทัพในที่สุดเมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว (2564)

2. สงครามอ่าวครั้ง 1 และ 2 สหรัฐฯ โจมตีกรุงแบกแดดอย่างหนักจนราบเป็นหน้ากลองและสหรัฐฯ เข้ายึดครองประเทศและบ่อน้ำมันทั้งหมด งานก่อสร้างปฏิสังขรณ์ประเทศเป็นของนายทุนสหรัฐฯ และสหรัฐฯ สร้างบริษัทหรือกองทัพทหารรับจ้าง Black Water เข้ารับงาน รปภ.บริษัทอเมริกันทั้งหมดในอิรัก

3. ช่วงการต่อต้านเปลี่ยนรัฐบาลในตะวันออกกลาง Arab Springs ซึ่งหลายประเทศมีลักษณะเป็น “เผด็จการ” ลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนั้น NGO ตะวันตกถือโอกาสแทรกแซง ปราบปรามผู้นำที่สหรัฐฯ ควบคุมไม่ได้และจะเป็นภัยกับอิสราเอล ซึ่งมีความผูกพันกับนักการเมืองยิวที่มีอิทธิพลมากๆ ในพรรคการเมือง

และรัฐบาลสหรัฐฯ จะแสวงหาคนที่ “ตะวันตก” ควบคุมได้ง่ายกว่าผู้นำก่อนหน้านี้ เป็นรัฐบาลผนวกกับป้องกันอิสลามหัวรุนแรงไม่ให้เข้าไปมีอำนาจปกครองประเทศซึ่งจะเกิดความวุ่นวายขึ้นได้

4. ทุกครั้งที่กลุ่มแสวงผลประโยชน์ชาติตะวันตกเกิดขึ้น ก็เกิดกลุ่มต่อต้านที่เป็นมุสลิม และกลุ่มใหม่ คือ กลุ่ม ISIS ที่พัฒนาจากกลุ่มต่อต้านสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรีย ซึ่งสหรัฐฯ ใช้ในการโค่นล้มประธานาธิบดี อัล อัสซัด แห่งซีเรีย แต่ไม่สำเร็จ จึงกลายเป็นสงครามการเมืองและรัสเซียเข้าช่วยประธานาธิบดีอัล อัสซัด ต่อสู้กับ ISIS ซึ่งเชื่อกันว่า สหรัฐฯ จัดตั้งขึ้นมาอย่างลับๆ เพื่อทำลายความแข็งแกร่งของชาติตะวันออกกลางที่สหรัฐฯ ควบคุมไม่ได้

5. สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดที่ตั้ง ISIS เพื่อเล่นละครหลอกสังคมโลก จนบ้านเมืองพินาศไม่เหลือซากเพื่อต้องการเพียงสังหารผู้นำ ISIS ซึ่งต่อมาเรียก สั้นๆ ว่า IS 

สหรัฐฯ จะใช้ยุทธวิธีเด็ดหัว Decapitation ด้วยเครื่องโจมตีทิ้งระเบิด

6. หากเปรียบเทียบตั้งแต่สหภาพโซเวียตล้มสลายลงนั้น “รัสเซียจำเป็นต้องรักษาอำนาจอิทธิพลของรัสเซียไว้ให้ได้”

จึงมีการรบปราบปรามการก่อการร้ายในจอร์เจียและเชชเนียที่ต้องการออกจากอิทธิพลของรัสเซีย

การทำลายที่มั่นกองกำลังก่อการร้าย ก็เพราะหากหลุดมือไปสหรัฐฯ จะเข้ามาครอบงำกลุ่มประเทศเหล่านี้ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัสเซียโดยตรง

แต่การโจมตีของกองทัพรัสเซียแตกต่างจากการทิ้งระเบิดถล่มของสหรัฐฯ เพราะรัสเซียใช้กองกำลังรถถังมากกว่า ผลการโจมตีทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ น่าจะเป็นแบบอย่างให้อิสราเอลโจมตีที่มั่นกลุ่ม Hamas ในปาเลสไตน์

อย่าหาว่าไม่เตือน! ‘รัสเซีย’ เตือน ‘ฟินแลนด์-สวีเดน’ อาจเสียอธิไตย ทั้งยังไร้ประโยชน์ หากเข้าร่วม ‘นาโต’

Russia Today รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเตือนว่า ฟินแลนด์และสวีเดนจะสูญเสียอธิปไตยบางส่วน และต้องประนีประนอมเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ทั้งยังจะไม่ได้อะไรเลยจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต (NATO) อย่างเป็นทางการ

มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุในแถลงการณ์ว่า การเป็นสมาชิก NATO “ไม่น่าจะช่วยสร้างชื่อเสียงระดับนานาชาติให้สวีเดนและฟินแลนด์” ทั้งสองประเทศจะสูญเสียโอกาสที่ในการทำหน้าที่เป็น "ผู้ถ่ายทอดความคิดริเริ่มที่สร้างสรรค์และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" เหมือนที่เคยทำในอดีต

“อันที่จริงแล้วหน้าที่ในการตัดสินใจเป็นของผู้มีอำนาจในสวีเดนและฟินแลนด์ แต่พวกเขาควรตระหนักถึงผลที่ตามมาของการกระทำดังกล่าวต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีของเราและโครงสร้างความมั่นคงของยุโรปซึ่งกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต” ซาคาโรวากล่าว

‘รมต.รัสเซีย’ เตือน!! ‘WW3 - นิวเคลียร์’ อาจเป็นจริง หาก ‘นาโต’ ยังเดินเกมสงครามตัวแทนต่อเนื่อง

รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเตือน ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 (WW3) อาจ ‘เป็นจริง’ และมีความเสี่ยงสูงมากที่ความขัดแย้งจะบานปลายถึงขั้นใช้ ‘อาวุธนิวเคลียร์’ หลัง ‘นาโต’ กำลังทำสงครามตัวแทนกับรัสเซีย แต่ยังเชื่อมั่นว่า ความขัดแย้งจะจบลงด้วยการลงนามในข้อตกลงสันติภาพ

เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ Russian First Channel ของรัฐบาลรัสเซีย และสำนักข่าว Interfax ของรัสเซีย รวมทั้งสื่อหลายสำนักในรัสเซียเมื่อ 25 เม.ย. 65 โดยเตือนว่า หากพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ อันตรายที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจ ‘เป็นความจริง’ ได้ พร้อมเตือนด้วยว่า มีความเสี่ยงสูงมากที่ความขัดแย้งในยูเครน จะบานปลายและยกระดับขึ้นไปจนถึงขั้นการใช้อาวุธนิวเคลียร์ 

อย่างไรก็ตาม ลาฟรอฟยืนยันว่า จุดยืนของรัสเซีย คือ ต้องการหลีกเลี่ยงไม่ปล่อยให้เกิดความเสี่ยง อันจะทำให้ความขัดแย้งบานปลายไปได้ถึงขั้นนั้น แต่เขายอมรับว่า ขณะนี้ความเสี่ยงดังกล่าวกำลังเพิ่มและดูเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น จึงไม่ควรประเมินอันตรายเหล่านี้ ต่ำเกินไป อย่างไรเสีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลาฟรอฟ ก้ได้กล่าวว่า รัสเซียยังคงยึดมั่นในจุดยืนหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ 

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ชี้ ‘นาโต’ เป็นผู้จุดชนวนสงครามยูเครนเอง เหตุความโกรธเกรี้ยวของปูติน อาจเกิดเพราะ“เสียงเห่าของนาโตที่หน้าประตูบ้านรัสเซีย”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ตรัสในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (3 พ.ค.) ระบุต้องการพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเพื่อพูดคุยเรื่องสงครามยูเครน พร้อมเปรียบเทียบการนองเลือดที่เกิดขึ้นว่าไม่ต่างจากการสังหารหมู่ที่รวันดา ขณะเดียวกัน ทรงชี้ว่าชนวนเหตุของสงครามครั้งนี้อาจมาจากพฤติกรรมขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ไปข่มขู่รัสเซียถึงหน้าบ้าน

โป๊ปฟรานซิสได้ประทานสัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ Corriere Della Sera ของอิตาลี โดยตรัสว่าพระองค์เคยส่งสาส์นถึงปูติน ราวๆ 20 วันหลังเกิดสงคราม เพื่อบอกกับเขาว่า “ข้าพเจ้ายินดีที่จะเดินทางไปมอสโก”

“เรายังไม่ได้รับคำตอบใดๆ และยังยืนกรานข้อเสนอนั้นอยู่ แต่ข้าพเจ้าเกรงว่า ปูติน อาจจะไม่สามารถ หรือไม่ต้องการที่จะพบกับข้าพเจ้าในเวลานี้”

“แต่เราจะไม่พยายามยับยั้งความรุนแรงป่าเถื่อนนี้ได้หรือ? เมื่อ 25 ปีก่อน เราก็ได้เห็นสิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นที่รวันดามาแล้ว”

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยชาวทุตซี (Tutsi) โดยรัฐบาลฮูตูสุดโต่งระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ค. ปี 1994 ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปราว 800,000 คน และถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งเลวร้ายที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 20

โป๊ปฟรานซิสทรงออกมาเรียกร้องสันติภาพในยูเครนอย่างต่อเนื่อง และทรงประณาม “สงครามที่โหดร้ายและขาดสติ” ครั้งนี้ โดยไม่ได้ทรงเอ่ยถึง ปูติน หรือมอสโกตรงๆ

“ข้าพเจ้ายังไม่ไปกรุงเคียฟในตอนนี้ ข้าพเจ้าคิดว่ายังไม่ควรที่จะไป ข้าพเจ้าจะต้องไปเยือนมอสโกก่อน และต้องได้พบกับ ปูติน ก่อน” โป๊ปตรัส

‘เซเลนสกี’ ชี้!! วิกฤติไม่เกิดหากได้ซบนาโต ยันยังพร้อมเจรจาหมี แต่ส่งซิกให้เบียร์แบนเพิ่ม

เซเลนสกี วีดีโอลิงก์แถลงต่อนักศึกษามหาวิทยาลัยดังในฝรั่งเศส เผย วิกฤตความขัดแย้งกับรัสเซียจะไม่เกิดขึ้น หากยูเครนเป็นสมาชิกของนาโตมาก่อนแล้ว แต่ยังพร้อมเจรจากับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี กดดันให้เยอรมนีเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย 

เมื่อ 11 พ.ค. 65 ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้แถลงต่อมหาวิทยาลัยของฝรั่งเศส University Sciences Po ว่า วิกฤตความขัดแย้งกับรัสเซียจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ หากยูเครนเป็นสมาชิกของนาโตก่อน โดยเซเลนสกี กล่าวต่อนักศึกษาผ่านวิดีโอลิงก์ ว่า หากยูเครนเคยเป็นส่วนหนึ่งของนาโตมาก่อน จะไม่เกิดสงครามในครั้งนี้ แม้ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย จะกล่าวย้ำว่า ความเสี่ยงที่จะเห็นยูเครนเป็นสมาชิกของนาโต เป็นชนวนเหตุให้รัสเซียบุกยูเครน เมื่อกว่า 2 เดือนก่อนก็ตาม

เซเลนสกี กล่าวในแถลงอีกว่า เขาต้องการฟื้นฟูดินแดนของประเทศก่อนสิ้นสุดสงครามกับรัสเซีย พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า เขายังคงเต็มใจที่จะเปิดการเจรจากับทางรัสเซีย

ไม่แปลกที่ ‘หมีขาว’ จะกริ้ว!! ส่องการขยายอิทธิพลของนาโต ตั้งแต่ปี 1949-2022

จากจุดเริ่มต้นขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต มีประเทศที่ร่วมก่อตั้ง 12 เมื่อปี 1949 แต่หลังจาก 70 ปีผ่านไป กลับมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

หากสำรวจตามแผนที่แล้ว จะเห็นได้ว่า จากเดิมประเทศสมาชิกนาโต ที่อยู่ห่างไกลจากรัสเซีย ก็เริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้น แทบจะประชิดชายแดนกันเลยทีเดียว

ปัจจุบัน นาโตมีสมาชิก 30 ประเทศ และอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 32 ประเทศ เพราะสวีเดนและฟินแลนด์ เพิ่งยื่นใบสมัครรอการอนุมัติ จึงเป็นอีกหนึ่งชนวนเหตุที่ทำให้รัสเซียไม่พอใจอย่างยิ่ง เนื่องจากฟินแลนด์ มีพรมแดนฝั่งตะวันออกติดกับรัสเซียมากกว่า 1 พันกิโลเมตรนั่นเอง

'เอเชีย-แปซิฟิก' หวั่น!! หลังจีนเท้าความเหตุการณ์ยูโกสลาเวีย เตือนสติ!! เตรียมเจอความป่าเถื่อนของนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ

ปักกิ่งจะไม่มีวันลืม และจะไม่มีวันให้อภัย ต่อเหตุการณ์ทิ้งระเบิดสถานทูตของพวกเขาในกรุงเบลเกรด ปี 1999 จากคำกล่าวของหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนในวันจันทร์ (8 พ.ค.) โดยหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาประณามกลุ่มพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับก่อความขัดแย้งโดยอ้างตัวว่าเป็นพันธมิตรป้องกันตนเอง พร้อมแนะนำเชิงเหน็บแนมให้ส่องกระจกดูอาชญากรรรมต่างๆ ที่ตนเองก่อไว้ ในขณะที่ดูเหมือนว่านาโตกำลังบ่ายหน้ามาภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

หวัง ออกมาตอกย้ำในเรื่องนี้ ด้วยที่เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นวาระครบรอบเหตุโจมตีสถานทูตจีนในยูโกสลาเวีย ซึ่งส่งผลให้ผู้สื่อข่าวชาวจีนเสียชีวิต 3 ราย และเจ้าหน้าที่ด้านการทูต 20 คนได้รับบาดเจ็บ "ประชาชนชาวจีนจะไม่มีวันลืมกับสิ่งที่พวกเขาต้องเสียสละเพื่อค้ำยันความจริง ความเที่ยงธรรมและความยุติธรรม และเราจะไม่มีวันลืมการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อนที่ลงมือโดยนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวอ้างว่า นาโตซึ่งเป็นพันมิตรทหารระดับภูมิภาคได้จุดไฟซ้ำ ๆ และนำพาความขัดแย้งไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ไล่ตั้งแต่บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ไปจนถึงโคโซโว จากอิรักไปอัฟกานิสถาน และจากลิเบียสู่ซีเรีย"

"หลังจากมีส่วนเกี่ยวข้องในสงครามต่าง ๆ ที่เข่นฆ่าชีวิตหลายแสนคนและทำหลายล้านคนต้องไร้ถิ่นฐาน เวลานี้นาโตกำลังจู่โจมมาทางทิศตะวันออก เข้าสู่เอเชีย-แปซิฟิก ยุยงการเผชิญหน้า บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ

เหตุโจมตีสถานทูต เกิดขึ้นในช่วง 6 สัปดาห์ของการทำสงครามทางอากาศของนาโตกับยูโกสลาเวีย โดยเป็นการเปิดปฏิบัติการในนามของพวกแบ่งแยกดินแดนเชื้อสายแอลเบเนียในโคโซโว ระเบิด 5 ลูกพุ่งใส่สถานทูตจีน ส่งผลให้ผู้สื่อข่าวชาวจีนเสียชีวิต 3 ราย ในขณะที่ปักกิ่งประณามการทิ้งบอมบ์ดังกล่าวว่าเป็นการกระทำอันโหดเหี้ยมป่าเถื่อน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top