Monday, 6 May 2024
ทะลุแก๊ส

'ก้าวไกล' จี้!! เยาวชนถูกยิงดับหน้า ‘สน.ดินแดง’ ชี้!! คดีไม่คืบหน้า สังคมยังมีข้อกังขาหลายจุด

พันตำรวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวในฐานะรองประธานในคณะทำงานสืบหาข้อเท็จจริง (Fact finding) กรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมืองบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ภายหลังจากที่สื่อมวลชนรายงานว่าเมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม 2564) นายวาฤทธิ์ สมน้อย หนึ่งในเยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จากการสลายการชุมนุมที่แยกดินแดง บริเวณหน้าสน.ดินแดง เข้ารักษาตัวที่ร.พ.ราชวิถี ด้วยอาการวิกฤตเนื่องจากกระสุนฝังบริเวณไขสันหลังส่วนบน ร่วมกับมีภาวะสมองบวมจากการขาดออกซิเจนเสียชีวิตแล้ว

พันตำรวจตรีชวลิต กล่าวว่า กว่า 2 เดือนแล้วจากเหตุการณ์ยิงเยาวชนหน้า สน.ดินแดง ในขณะที่ตนและคณะทำงานของกรรมาธิการได้เปิดหลักฐานในบริเวณที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงจนพบกลุ่มคนต้องสงสัยที่ตำรวจควรจะตามตัวมาได้ไม่ยาก แต่คดีนี้ในชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จนกระทั่งผู้ถูกกระทำได้จากไปแล้ว 

“ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพ วาฤทธิ์ วิ่งอยู่บนถนนมิตรไมตรี มุ่งหน้าแยกโรงกรองน้ำ ก่อนถูกยิงล้มลง ซึ่งมีรอยกระสุนอีกนัดที่กำแพง ระบุทิศทางการยิงมาจากซอยหน้า สน.ดินแดง ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีผู้ชุมนุมอยู่ ที่สำคัญรัฐจะต้องเร่งหาตัวคนร้าย ผู้ก่อเหตุและผู้สั่งการต้องถูกนำตัวมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม”

ทั้งนี้ พันตำรวจตรีชวลิต กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้ทุกคนร่วมใจกันทวงถามความยุติธรรมจากรัฐ เราจะต้องไม่ปล่อยให้ครอบครัวของเขาต้องสู้อย่างเดียวดาย และจะต้องไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก และสิ่งที่เกิดขึ้นคุ้มแล้วหรือกับเยาวชนอนาคตของชาติที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ ต้องมาแลกกับชีวิตของตนด้วยปลายกระบอกปืน อย่าปล่อยให้เป็นความอยุติธรรมที่ถูกกลืนหายไปโดยไร้คำตอบ

เยาวชนปลดแอก โพสต์ ทะลุแก๊สหลายคนลำบาก ตกงาน ไร้บ้าน ฆ่าตัวตาย โบ้ยฝีมือบิ๊กตู่

น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรือ อั๋ว แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม แกนนำเยาวชนปลดแอก และม็อบที่เรียกตัวเองว่า ราษฎร โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า... 

เยาวชนที่เคยออกไปม็อบดินแดงหลายคนกำลังลำบากอย่างมากจากสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ หลายคนต้องตกงาน บางคนต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน เท่าที่ทราบมามีคนพยายามฆ่าตัวตายไม่ต่ำกว่า 7 คน ตอนนี้สำเร็จไปแล้ว 2 คน อีกคนช่วยทันแต่อยู่ในไอซียู

'กลุ่มทะลุแก๊ส' นัดชุมนุมหน้าสถานทูตพม่าในไทย ไม่มีการแจ้งต่อเขตล่วงหน้า และ มีทีท่าพกพาอาวุธ

ไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก LOOK Myanmar ได้โพสต์ข้อความ เผยกลุ่มทะลุแก๊สจะมีการนัดชุมนุมที่หน้าสถานทูตเมียนมาในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 13.00 น. ซึ่งมีความไม่เหมาะสมในหลายๆ ประการ ระบุว่า...

ขอเรียนท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เคารพ ในฐานะพ่อเมืองของกรุงเทพมหานคร โปรดทราบว่ากลุ่มทะลุแก๊สจะมีการนัดชุมนุมที่หน้าสถานทูตเมียนมาในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 13.00 น. โดยสถานที่ดังกล่าวไม่เป็นไปตามข้อกำหนดสถานที่ซึ่งอนุญาตให้ชุมนุมอันได้แก่...

1. ลานคนเมือง เขตพระนคร

2. ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง

3. ที่สาธารณะใต้สะพานรัชวิภา (ใกล้ซอยวิภาวดีรังสิต 36) เขตจตุจักร

4. ลานจอดรถหน้าสำนักงานเขตพระโขนง เขตพระโขนง

5. ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เขตมีนบุรี

6. ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ

7. สวนมณฑลภิรมย์ เขตตลิ่งชัน

‘เจ๊จุก คลองสาม’ แชร์คำบอกเล่าผู้ร่วมชุมนุมกับกลุ่มทะลุแก๊ส ชี้!! ไม่เด่นไม่ดัง ปั่นกระแสไม่ได้ นักการเมืองไม่มีทางมาช่วย

(10 พ.ค. 66) ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘KopGap Jirapas’ ได่โพสต์ข้อความระบุว่า วันนี้มาเยี่ยมเพื่อนเราที่เรือนจำครับ ทั้งหมด 5 คน ที มาย ต๊ะ ม๊ะ แน๊ก ทุกคนกำลังใจดีมาก มีแน๊กคนเดียวที่น้ำตาซึมจะร้องไห้ เพราะน้องบอกว่ารับสารภาพไปแล้ว รอตัดสินวันที่ 31 นี้ ที่แน๊กตัดสินใจยอมรับผิด ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ เพราะน้องบอกว่าโดนทิ้ง ทนายที่ทำคดีก็ไม่รู้ว่าคนไหน มีทนายเข้ามาเยี่ยม ฝากให้โทรหาแม่ ทนายก็บอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของเขา และตัดสินใจยอมรับสารภาพเพื่อหวังจะ ได้ลดโทษ 

เพื่อไม่ให้น้องรู้สึกโดดเดี่ยว ผมได้สัญญากับน้องไว้ว่า 31 นี้ผมจะปฟังคำตัดสินเป็นเพื่อนน้องที่ศาลอาญารัชดา

ต่อมาเพจ ‘เจ๊จุก คลองสาม’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ตัดสินใจยอมรับสารภาพ เพื่อได้ลดโทษ คดีครอบครองวัตถุระเบิด 

"น้องบอกว่าโดนทิ้ง ทนายที่ทำคดีก็ไม่รู้ว่าคนไหน ทนายที่เข้าเยี่ยมบอกให้โทรหาแม่ด้วยเพราะไม่ใช่
หน้าที่เขา"

ก็นั่นสินะคะ ไม่ดังเหมือนเด็กหยก ปั่นกระแสไม่ได้ว่าเป็นคดีการเมือง นกม.ก็คงไม่มาช่วยหรอกคะ มันเจ็บจี้ดด!!!

นอกจากนี้ยังได้แชร์รูปภาพโควทคำพูดของ แน๊ค ทัตพงศ์ ผู้ต้องขังระหว่างต่อสู้คดี ที่ระบุว่า “กับการเลือกตั้ง ผู้รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร อยู่ข้างในนี้มันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ผมไม่ได้คาดหวังกับการเมืองขนาดนั้น ตอนนี้ผมคิดแค่เรื่องของผมแล้้ว ไม่ได้อยากฝากคำถามถึงใคร (นักการเมือง) ด้วย ถ้าเขาอยากช่วยเหลือ เขาคงช่วยแล้ว”

ทั้งนี้ แน๊ค ทัตพงศ์ ถูกจับกุมจากม็อบช่วงประชุม APEC ตามหมายจับของศาลอาญา จากการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มทะลุแก๊สที่ถนนราชปรารภ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 แจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวเนื่องกับการครอบครองวัตถุระเบิดและยุทธภัณฑ์ในช่วงการชุมนุมของทะลุแก๊ส

ศาลอาญาฯ สั่งจำคุก 2 ทะลุแก๊ส ‘คเชนทร์-ขจรศักดิ์’ กว่า 10 ปี ‘ปาระเบิดปิงปอง-วางเพลิงป้อมจราจร’ #ม็อบ30กันยา64

(18 ส.ค. 66) เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 66 ที่ศาลอาญา รัชดาฯ ทางศาลได้มีการนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ ‘คเชนทร์’ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี และ ‘ขจรศักดิ์’ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี สมาชิกกลุ่มทะลุแก๊ส ในข้อหาหลัก คือ ฝ่าฝืนข้อกำหนดเรื่องเคอร์ฟิวของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ ร่วมกันมี / ใช้วัตถุระเบิดในครอบครอง ซึ่งสามารถทำอันตรายต่อชีวิตและวัตถุได้ฯ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จากกรณีเข้าร่วมชุมนุม #ม็อบ30กันยา64 และถูกกล่าวหาว่าปาระเบิดปิงปองและระเบิดขวดเข้าใส่อาคาร สน.พญาไท และวางเพลิงป้อมจราจรที่แยกพญาไท ในช่วงหลังเที่ยงคืน ล่วงเข้าสู่วันที่ 1 ต.ค. 2564

ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวตอนหนึ่งว่า…

“... ในเวลาประมาณ 02.00 น. ได้มีกลุ่มของผู้ชุมนุมรวมตัวกันและใช้วัตถุเพลิงขว้างปาบริเวณหน้า สน.พญาไท ซึ่งเจ้าหน้าที่ สน.พญาไท ได้แสดงกำลัง กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็ได้แยกย้ายกันบริเวณแยกพญาไท และใช้ระเบิดขวดปาไปที่ป้อมจราจรพญาไท แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมเพลิงและดับไว้ทัน ไม่ได้เกิดความเสียหายต่อป้อมจราจรบริเวณแยกพญาไทแต่อย่างใด”

อย่างไรก็ตาม เช้าวันที่ 8 ต.ค. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมวัยรุ่นทั้ง 2 คน ที่บ้านพัก ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 7 ต.ค. 2564 พร้อมทั้งเข้าตรวจค้นที่พัก โดยไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในห้องพักของคเชนทร์ ส่วนในห้องพักของขจรศักดิ์ ตำรวจพบระเบิดควัน (CS Smoke) 1 ลูก

นอกจากนี้ บันทึกการจับกุมยังระบุว่า คเชนทร์ได้ให้การเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 เวลาประมาณ 02.00 น. ขณะตนกําลังชุมนุมกับพวกอยู่ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ได้มีผู้ชักชวนไปหน้า สน.พญาไท จากนั้นได้รวมกลุ่มจักรยานยนต์ประมาณ 20 คัน มีเยาวชนไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง ซ้อนท้าย เมื่อไปถึง หน้า สน.พญาไท ตนได้เร่งคันเร่งรถ และบีบแตรเพื่อให้เกิดเสียงดัง และเยาวชนที่ซ้อนท้ายได้ลงจากรถไปดูเหตุการณ์ จากนั้นได้ใช้เส้นทางเดิมกลับไปที่สามเหลี่ยมดินแดง

พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองตามหมายจับ ได้แก่ ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตราย, ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป, ร่วมกันพาอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และออกนอกเคหสถานในเวลาห้าม (22.00 – 04.00 น.) และได้แจ้งข้อหาขจรศักดิ์เพิ่มเติมว่า มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ชั้นสอบสวนทั้งให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ภายหลังการสอบปากคำทั้งสองถูกขังอยู่ที่ สน.พญาไท โดยพนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังต่อศาลอาญาในวันรุ่งขึ้น (9 ต.ค. 2564) และไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยถูกคุมขังนาน 84 วัน ก่อนได้รับการประกันตัวในวันที่ 31 ธ.ค. 2564

ซึ่งในวันที่ 30 ธ.ค. 2564 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ได้ยื่นฟ้อง คเชนทร์ ในฐานะจำเลยที่ 1 และ ขจรศักดิ์ ในฐานะจำเลยที่ 2 ต่อศาลอาญา ในฐานความผิด ดังนี้

จำเลยที่ 1 ถูกกล่าวหาในข้อหาร่วมกันมี / ใช้วัตถุระเบิดในครอบครอง ซึ่งสามารถทำอันตรายต่อชีวิตและวัตถุได้ฯ, ร่วมกันมี / ใช้วัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ฯ, ร่วมกันกระทำให้เกิดเพลิงไหม้ฯ, ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายฯ, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป โดยผู้กระทำมีอาวุธฯ, ร่วมกันพกอาวุธไปในเมืองฯ, และฝ่าฝืนข้อกำหนดเรื่องเคอร์ฟิวของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ในกรณีของจำเลยที่ 2 เขายังถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเพิ่มจากจำเลยที่ 1 อีก 2 ข้อหา ได้แก่ มีวัตถุระเบิดที่ออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครองฯ และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ เนื่องจากในขณะที่จับกุม ทางเจ้าหน้าที่อ้างว่าเจอวัตถุระเบิดและแก๊สน้ำตาที่จำเลยที่ 2

‘2 ผัวเมียทะลุแก๊ส’ เจอคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมแก๊งป่วนปี 64 - ครอบครองยุทธภัณฑ์

(7 ก.ย. 66) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีร่วมกันมั่วสุมชุมนุมหมายเลขดำ อ596/2565 ที่พนักงานฝ่ายคดีอาญา เป็นโจทก์ฟ้องนายรังสรรค บุญพึ่ง และนางปราณี บุญพึ่ง สองสามีภรรยา เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ

โดยอัยการระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2564 เวลากลางวันถึงเวลากลางคืน จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ

จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันมีเสื้อเกราะป้องกันกระสุน จำนวน 1 ตัว อันเป็นยุทธภัณฑ์ ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีหนังสติ๊ก ลูกแก้วไว้ใช้ประทุษร้ายร่างกาย แล้วจำเลยได้ร่วมกันขับขี่รถยนต์ ทะเบียน กษ 8960 ภูเก็ต ไปบริเวณถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยใช้หน้ากากอนามัย จำนวน 2 อันปิดบังแผ่นป้ายทะเบียนรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง อันเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยวิธีใด ๆ หรือปิดบังทั้งหมดหรือแต่บางส่วนซึ่งแผ่นป้ายทะเบียนรถหรือเครื่องหมายประจำรถและเป็นการไม่แสดงแผ่นป้าย และเครื่องหมายครบถ้วนแล้ว

จำเลยร่วมกับพวกมากกว่า 25 คน จัดกิจกรรมชุมนุมมั่วสุม ที่บริเวณแยกใต้ทางด่วนดินแดงและถนนวิภาวดีรังสิตโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยการชุมนุมทางการเมืองดังกล่าวไม่มีการจำกัดทางเข้า-ออก ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดต่อโควิด-19

ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้สั่งให้จำเลย และกลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม แต่จำเลยทั้งสองกับพวก ขัดขืนไม่เลิกกระทำและจุดไฟเผายางรถยนต์และวัสดุอื่น ๆ รวมทั้งใช้กำลังประทุษร้ายขว้างปาเจ้าพนักงานด้วยประทัด ลูกแก้ว และของแข็งต่าง ๆ โดยเจตนาใช้ประทุษร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่อันเป็นการกระทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ

ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15, 34, 42 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 215, 216, พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พ.ร.ก.กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฯ

จำเลยให้การปฏิเสธฐานร่วมกันมั่วสุมชุมนุม แต่ข้อหาอื่นรับสารภาพ

พิพากษาว่าจำเลยทั้งสอง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์พ.ศ. 2530 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 42 พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 60 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 35 (1), 53 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9, 18

การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันนำรถยนต์มาใช้โดยไม่แสดงแผ่นป้ายและเครื่องหมายครบถ้วนถูกต้อง ปรับคนละ 2,000 บาท ฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ ฐานร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คนในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อโรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม มาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฯ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกคนละ 1 ปี

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เฉพาะความผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานร่วมกันนำรถยนต์มาใช้โดยไม่แสดงแผ่นป้ายทะเบียนให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษในความผิดทั้งสองฐานให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันนำรถยนต์มาใช้โดยไม่แสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ให้ถูกต้องครบถ้วน คงปรับคนละ 1,000 บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา และปรับคนละ 1,000 บาท ริบเสื้อเกราะป้องกันกระสุนและหน้ากากอนามัยของกลาง ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top