Monday, 29 April 2024
ซูดาน

สถานทูตฯ ให้คนไทยในซูดานลงทะเบียน เพื่อเตรียมอพยพและให้ความช่วยเหลือ

จากกรณีเกิดการสู้รบกันระหว่างกองทัพซูดานกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่กรุงคาร์ทูมของสาธารณรัฐซูดาน 

ล่าสุดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ขอให้คนไทยในซูดานลงทะเบียน เพื่อเตรียมอพยพและให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน

‘ศอ.บต.’ ห่วง นศ. ไทยในซูดาน หลังเกิดเหตุปะทะกลางกรุงคาร์ทูม เร่งประสานให้ความช่วยเหลือ พร้อมเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์

เมื่อวันที่ (19 เม.ย.66) นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกองทัพซูดานกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ณ กรุงคาร์ทูม สาธารณรัฐซูดานเมื่อเช้าวันที่ 15 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้มีประกาศเตือนให้คนไทยและนักเรียนนักศึกษาไทยที่พำนักอยู่ในซูดานเพิ่มความระมัดระวังตัว โดยให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการปะทะกัน พร้อมทั้งขอให้ติดตามสถานการณ์ข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำ และกฎหมายของทางการซูดานด้วย

หลังเกิดเหตุดังกล่าว ศอ.บต. ได้รับการประสานงานจากตัวแทนนักศึกษาไทย ณ สาธารณรัฐซูดาน เพื่อเร่งให้การประสานความช่วยเหลือในส่วนของปัจจัยยังชีพ เนื่องจากทางการซูดานได้ประกาศห้ามประชาชนออกจากเคหสถานในบริเวณพื้นที่ที่กำหนด (เคอร์ฟิว)

‘กองทัพอากาศ’ พร้อมลุย!! อพยพคนไทย ในซูดาน พร้อมปฏิบัติทันที เมื่อได้รับคำสั่งจากรัฐบาล

กองทัพอากาศ พร้อมปฏิบัติภารกิจได้ทันที เมื่อได้รับสั่งการจากรัฐบาล บินไป ‘ซูดาน’ อพยพคนไทยหนีไฟสงคราม


(21 เม.ย.66) ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในสาธารณรัฐซูดาน จากการปะทะกันระหว่างกองทัพซูดานกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ Rapid Support Forces (RSF) ในกรุงคาร์ทูม และพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ

พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) มีความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว และได้สั่งการให้จัดผู้แทนกองทัพอากาศ เข้าร่วมประชุมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยเกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการ และหาหนทางปฏิบัติกรณีอพยพคนไทยกลับประเทศ

เบื้องต้นกองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบินแบบ Airbus A340-500 ซึ่งเป็นเครื่องเดียวกับที่เคยใช้ในการอพยพคนไทยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศตุรกีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเครื่องบินแบบ C-130

รวมถึงเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การพิจารณาความพร้อมของสนามบินปลายทาง การเตรียมขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าประเทศต่าง ๆ การเตรียมการลำเลียงทางอากาศสายแพทย์ การรักษาความปลอดภัย เป็นต้น โดยพร้อมปฏิบัติภารกิจได้ทันทีเมื่อได้รับสั่งการจากรัฐบาล ทั้งนี้ จะติดตามสถานการณ์และประสานกับกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7624333

‘โฆษกกระทรวงฯ’ เผย ‘บิ๊กตู่’ ไฟเขียว!! เตรียมใช้เครื่องบินกองทัพฯ อพยพ ‘คนไทย’ ในซูดาน เน้นช่วยเหลือให้รัดกุม-ปลอดภัยที่สุด

(23 เม.ย.66) นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือคนไทยในซูดาน ว่า ทางการไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีรวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสั่งการให้ดำเนินการช่วยเหลือคนไทยให้รัดกุมและปลอดภัยที่สุด

นางกาญจนากล่าวว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพอากาศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาดและสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ กำลังเร่งดำเนินงานอย่างแข็งขันเพื่อเตรียมการช่วยเหลือคนไทยให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งต้องเป็นไปโดยรอบคอบที่สุด เนื่องจากยังคงมีข้อห่วงกังวลด้านความปลอดภัย และสถานการณ์ยังคงมีความอ่อนไหว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติการใช้เครื่องบินกองทัพอากาศเพื่อการอพยพแล้ว ในชั้นนี้ ยังรอการยืนยันเรื่องท่าอากาศยานและวันที่แน่นอนอยู่ ซึ่งจะเป็นในโอกาสแรกที่ทุกปัจจัยเงื่อนไขลงตัว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศขอย้ำช่องทางการสื่อสาร หมายเลขฉุกเฉิน 09-6165-7120 / 09-6352-0513 / 09-6352-9015 สำหรับญาติของนักเรียนและคนไทยในซูดานที่ประสงค์จะสอบถามสถานการณ์ รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้เปิดช่องทางการติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือที่หมายเลข +201019401243 หรืออีเมล์ [email protected] รวมทั้งได้ประสานงานกับคนไทยในซูดานผ่าน Chat group 5 กลุ่ม เพื่อความคล่องตัวด้วย


ที่มา : https://www.matichon.co.th/foreign/news_3939500

ต่างชาติแห่หนีตายจาก 'ซูดาน' หลังเมืองหลวงกลายเป็นมิคสัญญี ฟาก 2 กองทัพระเบิดสงครามกลางเมือง เข้าสู่วันที่ 10

รัฐบาลต่างชาติ ทั้งสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย ฯลฯ ประกาศอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูต และพลเมืองของตนออกจากซูดานอย่างเร่งด่วน หลังเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงด้วยอาวุธสงคราม และการโจมตีทางอากาศระหว่าง 2 กองกำลังแห่งชาติ ได้แก่ กองทัพซูดาน ที่นำโดย พลเอก อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮานและ กองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF) ที่มี โมฮาเหม็ด ฮัมดัน ดากาโล เป็นผู้นำ ณ ใจกลางกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน

โดยการสู้รบเปิดฉากขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2566 เป็นต้นมาแบบไม่มีสัญญาณการแจ้งเตือนล่วงหน้า จนถึงวันนี้ก็เข้าสู่วันที่ 10 แล้ว สถานการณ์ก็ยังคงรุนแรง และไม่มีฝ่ายใดหยุดยิง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วไม่น้อยกว่า 400 คน ขณะที่ชาวซูดานผู้ติดอยู่ในเมืองกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร และน้ำ สาธารณูปโภคทั้งประปา และ ไฟฟ้า ถูกตัดขาด ไม่นับรวมปัญหาการปล้นสดมภ์ และการถูกลูกหลงจากการโจมตีทางทหาร

นอกจากนี้ กองกำลังซูดาน ต่างพยายามแย่งชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ อาทิ ทำเนียบประธานาธิบดี, รัฐสภา, สนามบิน, สถานีโทรทัศน์, สถานีเครือข่ายโทรคมนาคม ทำให้การอพยพชาวต่างชาติเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะไม่สามารถเข้าถึงสนามบินนานาชาติได้

ล่าสุดมีการประสานงานให้สามารถอพยพชาวต่างชาติออกจากกรุงคาร์ทูมได้ทางรถยนต์ ทางเรือ หรือทางอากาศ โดยรัฐบาลต่างชาติสามารถส่งเครื่องบินมารับพลเมืองของตนได้ที่ท่าเรือซูดาน ทางชายฝั่งทะเลดำ ซึ่งห่างจากกรุงคาร์ทูมถึง 850 กิโลเมตร

โดยซาอุดีอาระเบีย เป็นชาติแรกที่สามารถอพยพพลเมืองกว่า 150 คนออกจากซูดานได้ และเดินทางมาถึงเมืองเจดดาห์อย่างปลอดภัยเมื่อวันเสาร์ 22 เมษายนที่ผ่านมา และยังช่วยเหลือพลเมืองของชาติอื่นๆ เช่น คูเวต, UAE, ตูนิเซีย, ปากีสถาน, อินเดีย, ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ออกจากซูดานด้วย

ด้านกองทัพสหรัฐฯ ได้จัดส่ง Chinook เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ พร้อมกองกำลังอีก 100 นายไปรับพลเมืองอเมริกัน คณะทูตและครอบครัวแล้วเช่นกัน โดยนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐประกาศยุติปฏิบัติการด้านการทูตในซูดานอย่างไม่มีกำหนด แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประจำอยู่คอยช่วยเหลือพลเมืองอเมริกัน ที่คาดว่ายังติดอยู่ในซูดานนับพันคน 

ริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีอังกฤษส่งกองกำลังติดอาวุธ รุดหน้าไปช่วยอพยพคณะทูตอังกฤษพร้อมครอบครัวออกมาทั้งหมดแล้ว อีกทั้งยอมรับว่ามีการคุกคามเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษ ที่นับวันความรุนแรงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

'นักวิชาการ' ชี้!! สงครามพันทางของสหรัฐฯ เอี่ยวหนุนรัฐประหารอย่างมีนัยในซูดาน

จากที่เหตุการณ์ในซูดาน ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมีการอพยพประชาชนในหลายประเทศ ขณะเดียวกันก็มีรายงานถึงเบื้องหลัง หรือ ผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหารอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยมีชื่อสหรัฐอเมริกาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ด้าน ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้โพสต์ผ่าน Blockdit ถึงสถานการณ์ของซูดานต่อเนื่องไปยังสหรัฐฯ ว่า...

'อเมริกาเล่นบทเมริกุ๊ยโลกที่ซูดาน'

กรณีประเทศซูดาน สื่อมวลชนไทยควรนำเสนอข่าวให้ชัดเจนว่าอเมริกาอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร เพราะซูดานกำลังทิ้งดอลลาร์ หันไปทางรัสเซียและจีน รัฐบาลอเมริกาทนไม่ได้ จึงต้องให้ทหารซูดานที่เป็นหุ่นเชิดตนทำรัฐประหารขึ้นมา

ประเทศที่สร้างภาพว่าประชาธิปไตยมาตลอดอย่างอเมริกา ที่แท้ก็ลวงคนทั้งโลก เบื้องหลังคือ จอมเผด็จการโลกโดยแท้ 

ทูตอเมริกาในไทย หรือในที่ไหนๆ ไม่ควรจะมีสิทธิ์สอนประเทศอื่นในเรื่องระบอบประชาธิปไตย เพราะตนเองก็ยังไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแต่อย่างใด

‘ทอ.’ เตรียมส่งเครื่องบิน 3 ลำ อพยพคนไทยในซูดาน กำหนดออกเดินทางจากกองบิน 6 ดอนเมืองคืนนี้

(25 เม.ย. 66) ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือคนไทยในสาธารณรัฐซูดาน ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบว่า กองทัพอากาศได้รับอนุมัติจากรัฐบาล ให้จัดเครื่องบินสนับสนุนการอพยพคนไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ

โดยคืนนี้ (25 เม.ย. 66) กองทัพอากาศจัดเครื่องบิน Airbus A340-500 จำนวน 1 ลำ และเครื่องบิน C-130 จำนวน 2 ลำ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ คิง อับดุลาซิซ เมืองเจดดาห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นจุดนัดหมาย ที่กระทรวงการต่างประเทศได้ทำการอพยพคนไทยจากสาธารณรัฐซูดาน โดยทางบกและทางเรือ เพื่อรอเครื่องบินของกองทัพอากาศเดินทางไปรับ

‘ผบ.ทอ.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง’ สรุปแผนปฏิบัติภารกิจ ‘อพยพคนไทย’ จากเหตุไม่สงบในซูดาน โดยส่งเครื่องบิน 3 ลำ-ชุดแพทย์ร่วมเดินทาง

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.66 พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ เสนาธิการทหารอากาศ พร้อมด้วย ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย และผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปแผนการบิน และแผนการปฏิบัติ ในการส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศ ได้แก่ เครื่องบิน Airbus A340-500 จำนวน 1 เครื่อง และเครื่องบิน C-130 จำนวน 2 เครื่อง เดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ คิง อับดุลาซิซ เมืองเจดดาห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่ออพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบในสาธารณรัฐซูดานกลับประเทศ ภายใต้การประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ทำการอพยพคนไทยจากสาธารณรัฐซูดาน โดยทางบกและทางเรือไปยังจุดนัดหมายเพื่อรอเครื่องบินของกองทัพอากาศเดินทางไปรับ

สำหรับเครื่องบิน Airbus A340-500 ออกเดินทางเวลา 23.59 น. บินตรงไปยังท่าอากาศยาน คิง อับดุลาซิซ ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง

‘บิ๊กตู่’ รอรับ 78 คนไทยจากซูดานกลับไทย คาดถึงไทยสี่ทุ่ม ลงจอดที่ บน. 6 กทม.

(27 เม.ย.66) เมื่อ 10.38 น. (เวลาท้องถิ่นซาอุดีฯ) เที่ยวบินพิเศษ ทอ. ออกจากเมืองเจดดาห์ ซาอุดีฯ นำ 78 คนไทยที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในซูดานกลับไทยชุดแรก โดยจะลงจอดที่ บน. 6 กทม. คืนนี้ 22.00 น. โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี / นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี /รมว.ต่างประเทศ จะร่วมต้อนรับคนไทยกลับบ้าน พร้อมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

‘ยูเอ็น’ ชี้!! สงครามซูดาน ทำการแพทย์วิกฤต ขาดแคลนยา-จนท. หลังยอดเด็กเสียชีวิตจากโรคหัด-ขาดสารอาหาร ทะลุ 1,200 ราย

(20 ก.ย. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดร.อัลเลน ไมนา ผู้อำนวยการด้านสาธารณสุขของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้กล่าวในการประชุมขององค์การสหประชาชาติที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ว่า มีเด็กมากกว่า 1,200 คนที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบได้เสียชีวิตลงจากโรคหัดและภาวะทุพโภชนาการในค่ายลี้ภัยที่ประเทศซูดาน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมแสดงความกังวลว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้

การสู้รบระหว่างกองทัพซูดานและกองกำลัง Rapid Support Forces (อาร์เอสเอฟ) ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหารที่ขณะนี้กินเวลาไปแล้วเกือบ 6 เดือน นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน ได้ทำให้ภาคสาธารณสุขในประเทศซูดานล่มสลายลง จากการโจมตีกันโดยตรงของทั้งสองฝ่าย รวมถึงเกิดปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่และยารักษาโรค

ด้านองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) กังวลว่าทารกแรกเกิดจำนวนหลายพันคนจากทารกทั้งหมด 333,000 คนที่มีกำหนดจะคลอดลืมตาดูโลกก่อนสิ้นปีนี้จะเสียชีวิตลง

นายเจมส์ เอลเดอร์ โฆษกของ UNICEF กล่าวให้เหตุผลในที่ประชุมว่า “ทารกแรกเกิดและแม่ต้องการการดูแลที่มีทักษะในการคลอดบุตร อย่างไรก็ตาม ในประเทศที่ประชากรหลายล้านคนต้องติดอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบหรือต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น รวมถึงมีการขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์อย่างหนัก การดูแลดังกล่าวนับวันจะยิ่งลดน้อยลง”

นายเอลเดอร์ยังกล่าวด้วยว่า ทุกๆ เดือนเด็กจำนวนราว 55,000 คนในประเทศซูดาน ต้องเข้ารับการรักษาจากภาวะทุพโภชนาการขั้นร้ายแรงที่สุด แต่กลับมีศูนย์โภชนาการที่ยังคงเปิดให้บริการในกรุงคาร์ทูมอยู่เพียงไม่ถึง 1 ใน 50 แห่ง ขณะที่เหลือศูนย์โภชนาการที่ยังคงเปิดให้บริการในภูมิภาคดาร์ฟูร์ตะวันตกเหลืออยู่เพียง 1 ใน 10 แห่ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top