Thursday, 2 May 2024
จุรินทร์_ลักษณวิศิษฏ์

'จุรินทร์' เรียกถก ส่งออกถุงมือยางมือสอง พรุ่งนี้ ย้ำ!! หากเรื่องไม่ซับซ้อน พร้อมสรุปโดยเร็ว

'จุรินทร์' เรียกประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ ส่งออกถุงมือยางมือสอง พรุ่งนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ย้ำถ้าเรื่องไม่ซับซ้อนจะรีบสรุปโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่สื่อต่างประเทศนำเสนอเรื่องการส่งออกถุงมือยางใช้แล้วไปยังสหรัฐอเมริกา ว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวงร่วมกัน และมีอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นเลขานุการ ซึ่งตนจะได้นัดประชุมในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนับหนึ่งถึงที่มาของข้อเท็จจริง พร้อมทั้งที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร และจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ไม่ได้มีกรอบเวลาในการดำเนินการ แต่ตนจะเร่งดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ทั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมเป็นกรรมการหาข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย

โพลมสธ. เผยคนกรุงฯ ชู ‘จุรินทร์’ นำโด่ง เหมาะนั่งนายกฯ คนต่อไป เหนือ 'ประยุทธ์-สุดารัตน์'

มสธ. โพล เผยผลสำรวจคนกรุงเทพ ยกให้ ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ นำโด่ง เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ระบุมีความเป็นผู้นําเฉพาะตัวเด่นชัด ตามมาด้วย ‘ประยุทธ์’ , ‘สุดารัตน์’

5 พ.ย. 64 - ศาสตราจารย์ ดร.วิทยาธร ท่อแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการสื่อสารการเมืองและสังคม มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) เปิดเผย ผลสํารวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับ ‘ประชาชนในกรุงเทพมหานครต้องการผู้นําที่มีคุณลักษณะแบบใดเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปแลคุณลักษณะพรรคการเมืองแบบใดที่ผู้นําสังกัดหรือได้รับการเสนอชื่อเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป’ ดําเนินการสํารวจ ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2564 กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 12,350 คน เป็นชาย 6,820 คน (55.22%) หญิง 5,530 คน (44.78%)

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสํารวจครั้งนี้ ชี้ให้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ที่ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินว่าเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ในสถานการณ์ช่วงเวลา 4-5 ปี ข้างหน้านี้ เนื่องด้วยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคุณลักษณะความเป็นผู้นําเฉพาะตัวเด่นชัดและมีคุณลักษณะพรรคการเมืองที่สังกัดเด่นชัด ตามรายละเอียดของผลการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไปนี้

1.) ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินคุณลักษณะความเป็นผู้นําของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

1.1) ผลสรุปภาพรวมคุณลักษณะความเป็นผู้นําของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

จะเห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนโดยภาพรวมสูงสุด (54.24%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (52.99%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (38.12%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (8.87%)

1.2) ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 1 คือ ความสามารถในการกอบกู้และแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้
จะเห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (50.30%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา(41.31%), นายกรณ์ จาติกวณิช (32.02%) ตามลําดับ และนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (9.20%)

1.3) ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 2 คือ คุณลักษณะด้านความสามารถในการแก้ปัญหาปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (50.89%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (43.44%), นายกรณ์ จาติกวณิช (30.14%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (7.72%)

1.4) ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 3 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การบริหารประเทศ มีผลงานโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์มาแล้วทั้งในอดีตและปัจจุบัน

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (59.53%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (42.47%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (33.40%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (6.09%)

1.5) ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 4 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่รอบรู้ รอบคอบ ทุ่มเท ขยัน และรู้กลไกการผลักดันงานหรือนโยบายให้สําเร็จได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (63.58%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (58.72%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (42.20%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด
(6.36%)

1.6) ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 5 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่อ่อนน้อม ปรองดอง เข้าถึงง่าย ทํางานกับทุกฝ่ายได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (55.51%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (52.83%), นายอนุทิน ชาญวีรกูล (47.40%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (12.81%)

1.7) ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 6 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เล่นพรรคเล่นพวก

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (54.72%) รองลงมา คือ พลตํารวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (58.74%), พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (54.13%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (9.60%)

1.8) ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 7 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่รักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

เห็นได้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนสูงสุด (62.01%) และรองลงมา คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (60.12%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (57.96%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (16.34%)

1.9) ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 8 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ควบคุมกํากับความมั่นคงทางการทหารและตํารวจ

เห็นได้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนสูงสุด (68.99%) และรองลงมา คือ พลตํารวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (40.92%) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (60.12%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (2.85%)

2.) ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินคุณลักษณะพรรคการเมืองที่ผู้นําสังกัด หรือ อาจจะเป็นผู้ได้รับเสนอชื่อ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป 

2.1) ผลสรุปภาพรวมคุณลักษณะพรรคการเมืองที่เป็นผู้นําสังกัด หรือ อาจจะเป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนรวมสูงสุด (58.15%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นําจากพรรคพลังประชารัฐ (45.59%), นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นําจากพรรคภูมิใจไทย, (40.74%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร ผู้นําจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนน้อยที่สุด (31.44%)

2.2) ผลสรุปคุณลักษณะพรรคการเมือง ด้านที่ 1 ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนสูงสุด (62.01%) และรองลงมา คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นําจากพรรคภูมิใจไทย (54.20%), ตามลําดับ ส่วนนางสาว พินทองทา ชินวัตร ผู้นําจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนน้อยที่สุด (26.28%)

2.3) ผลสรุปคุณลักษณะพรรคการเมือง ด้านที่ 2 มีกลไกการทํางานที่เป็นระบบ เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไม่เป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่ง หรือ คณะบุคคล หรือ นายทุน

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนสูงสุด (58.74%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นําจากพรรคพลังประชารัฐ (45.93%), นายกรณ์ จาติกวณิช ผู้นําจากพรรคกล้า (42.63%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (23.46%)

'ชวน' ขอบคุณ 'สุเทพ' ยันไม่คิดหวนเป็นหัวหน้าพรรคอีก ยัน!! ยังช่วยพรรคเต็มที่ พร้อมหนุน 'จุรินทร์' กอบกู้ ปชป.

(2 พ.ค.65) ที่รัฐสภา คุณชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. เสนอให้นายชวน กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่า ตนไม่มีความคิดที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค เพียงแต่พยายามที่จะช่วย โดยส่วนตัวตนเป็นหนี้บุญคุณพรรค เพราะในฐานะเป็นนักการเมืองมาจากพื้นฐานชาวบ้านคนหนึ่ง 

"เราไม่มีพื้นฐานความมั่งมี ร่ำรวย ครอบครัวใหญ่โต แต่เรามีโอกาสได้เพราะพรรคปชป. ไม่ว่าสถานการณ์ของพรรคจะขึ้นหรือลงก็ตามไม่มีความทิ้งพรรค มีแต่จะคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยกันภายใต้การดูแลของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคปชป. ต้องยอมรับว่าตอนเลือกหัวหน้าพรรค ตนและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยทำให้นายจุรินทร์ชนะและสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้

"เมื่อเลือกเข้ามาแล้ว ก็พยายามช่วยประคับประคองให้เขาทำงานได้ ซึ่งเข้าใจดีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีความคิดที่แตกต่างและมีการแข่งขันสูงในตอนเลือกหัวหน้าพรรค จึงทำให้ผู้ร่วมแข่งขันลาออกไปหลายท่าน ซึ่งทรัพยากรคนเหล่านั้นน่าเสียดาย แต่พรรคต้องอยู่ และประสบการณ์นี้เราก็เคยผ่านมาแล้วที่มีคนตั้งพรรคใหม่บ้างมากมาย แต่เชื่อว่าความดีงามของพรรค ความยั่งยืนยาวนาน และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยและในระบบรัฐสภา ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยึดถือเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริตเรื่องกฎหมายความยุติธรรม กฎหมายที่เข้มงวด กวดขัน ตรงไปตรงมา"

คุณชวน เผยอีกว่า "ทั้งหมด คือ สิ่งที่ทำให้พรรคอยู่รอดมาได้อย่างยาวนาน 70 กว่าปี ซึ่งไม่ง่ายนักที่พรรคการเมืองเจริญได้ยาวอย่างนี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกันประคับประคองต่อไปเพราะเข้าใจดีว่าสมัยนี้หลายท่านก็มีความรู้สึกที่ไม่พอใจหัวหน้าบ้าง หรือมีความรู้สึกเป็นห่วง วิตกกังวลในการเลือกต้งครั้งต่อไปบ้าง ก็เข้าใจดีแต่พยายามให้กำลังใจทุกคนว่าเมื่อมีปัญหาต้องช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ อย่าซ้ำเติมให้พรรคยิ่งลำบากขึ้น ดีที่ว่าบรรดาเพื่อนๆ ส่วนใหญ่เข้าใจและมาหารือกัน

"หลายคนมาหารือว่าตนพอจะไหวไหม หากให้มารักษาการสักพักหนึ่ง ตนตอบว่า ไม่มีความคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ แต่จะช่วยเท่าที่สามารถทำได้ ภายใต้กฎเกณฑ์กติกาที่เรามี โดยทั่วไปนายจุรินทร์ก็ไม่ธรรมดา เป็นคนเก่งคนหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดถึงแม้จะมีความคิดที่แตกต่างกันบ้างก็ตาม แต่ความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งเป็นหัวใจของพรรคปชป. ก็ยังคงยึดมั่นอยู่ แต่การทำงานอาจถูกใจบ้างหรือไม่ถูกใจบ้าง ก็พยายามให้กำลังใจแต่ก็ต้องยอมรับว่า หากมีอะไรที่สมาชิกไม่พอใจต้องพยายามทำความเข้าใจ อย่าเฉย นี่คือสิ่งที่ตนพยายามเตือน"

‘โฆษกปชป.’ ป้อง ‘จุรินทร์’ ซัด ‘กรณ์’ อย่าโบ้ยทุกเรื่องให้ ‘ก.พาณิชย์’

‘โฆษกปชป.’ ป้อง ‘จุรินทร์’ ซัด ‘กรณ์’ เคยเป็น รมต.มาก่อนต้องรู้ดี หากใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่รอดสักราย อย่าพูดเพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้ประชาธิปัตย์เสียหาย

(23 มิ.ย.65) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ระบุถึงของแพง โดยพุ่งเป้ามาที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า... 

ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ ทุกคนทำงานโดยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ถ้าถามกันแบบตรงไปตรงมาไม่มีนัยยะทางการเมือง เชื่อว่าประชาชนรู้ว่าในหลายเรื่องไม่ได้เป็นอำนาจเต็มของกระทรวงพาณิชย์ เช่นเรื่องราคาน้ำมัน ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็หาทางช่วย หากมองกันด้วยความอคติต่อกระทรวงพาณิชย์ก็จะพยายามโยนมาที่กระทรวงพาณิชย์ 

ทั้งนี้ต้องย้ำว่าไม่ใช่จะปัดความรับผิดชอบหรือโยนกันไปมา แต่เรื่องราคาน้ำมันมีทั้งกฎหมายเฉพาะและคำสั่งเฉพาะของนายกรัฐมนตรีกำหนดไว้ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน 

และ ตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ระบุอำนาจเฉพาะไว้ชัด ในเรื่องการคำนวณราคาและกำหนดราคา ณ หน้าโรงกลั่น ราคาส่ง-ปลีก ในเรื่องราคาคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ต้องเป็นผู้ที่กำหนด เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณา ไม่ใช่อยู่ ๆ กระทรวงพาณิชย์จะไปกำหนดควบคุมราคาเสียเอง และ กบง.รมว.พลังงานเป็นประธานจะทำอย่างไร จะมีไว้ทำไม กระทรวงพาณิชย์จะทำตามอำเภอใจไม่ได้ แต่มีสิ่งใดที่อยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่พร้อมทำอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

'จุรินทร์' โชว์ 10 ความสำเร็จทริปซาอุฯ ปลื้ม!! ยอดขายสินค้าทะลุ 2,200 ล้านบาท

วันที่ 3 กันยายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยถึงข้อสรุปในการเดินทางนำเอกชน 138 รายไปเยือนซาอุดีอาระเบียว่า ประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย เพราะนอกจากจะมีโอกาสได้พบกับรัฐมนตรีถึง 5 ท่านพร้อมกันแล้ว ยังสามารถทำยอดขายสินค้าได้ทันทีถึง 2,200 ล้านบาท 

โดยผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมประกอบด้วย 

1.) ขายสินค้าไทยให้ผู้นำเข้าซาอุฯ ทั้งที่ 'ริยาดและเจดดาห์' ได้ยอดขายทันทีถึง 2,200 ล้านบาท 

2.) ซูเปอร์มาร์เก็ตห้าง Manuel จะนำเข้าอาหารไทยมากขึ้นจาก 750 เป็น 1,000 ล้านบาท ในปี 65 นี้ 

3.) ลงนามร่วมจัดตั้ง 'สภาธุรกิจ ไทย-ซาอุ' ขึ้นเป็นครั้งแรก ตั้งเป้าร่วมกันว่าจะทำให้ตัวเลขส่งออกสินค้าไทยมาซาอุฯจะเพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาทใน 1 ปี 

4.) หลังรองนายกและรมว.พาณิชย์ไทย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หารือกับ รมว.พาณิชย์ชาอุ อัล คาซาบี้ ร่วมกับอีก 4 รมต.ซาอุ คือ รมต.ท่องเที่ยว รมต.อุตสาหกรรมและเหมืองแร่ รมต.การลงทุน รมต.แรงงาน รมว.พาณิชย์ซาอุฯ เห็นชอบตามที่ไทยเสนอ คือ จะสนับสนุนให้มีการจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ 6 ประเทศ (GCC) ประกอบด้วย ซาอุดิอาระเบีย คูเวต การ์ตา โอมาน บาเรน และยูเออี โดยซาอุฯ จะช่วยประสานกับอีก 5 ประเทศให้ต่อไป 

‘จุรินทร์’ ประกาศ ปชป. ขอยึด ส.ส.กระบี่คืน 3 เขต ด้านนิพนธ์ ผอ.เลือกตั้ง เร่งเดินหน้าสร้างการมีส่วนร่วมทำนโยบายปชป.เตรียมพร้อมเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 2 ต.ค.65 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการกรรมการเลือกตั้ง ส.ส พรรคปชป.กล่าวในที่ประชุมจากการสัมมนาใหญ่ของพรรคปชป. โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนา ส.ส. และรัฐมนตรีของพรรคปชป. พร้อมด้วย รัฐมนตรีในสังกัดพรรคปชป. กรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พรรคปชป.เข้าร่วมประชุม ณ ห้องเดอะคลิฟฟ์ โรงแรม อวานีพลัส  เกาะลันตา กระบี่รีสอร์ท จังหวัดกระบี่

 ทั้งนี้ นายนิพนธ์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งว่า  ขณะนี้ได้มีการเตรียมการไปแล้วในเรื่องของผู้สมัคร ในพื้นที่เป้าหมายหลักที่ท่าน หัวหน้า และท่านเลขาได้วางเป้าไว้ ซึ่งก็เกือบครบทั้งหมดแล้วในทุกเขต สิ่งที่ต้องเตรียมต่อมาก็คือในเรื่องของนโยบาย ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจ ปากท้องและสิ่งที่เราได้ทำมาในระยะหนึ่งแล้ว นโยบายเมกกะโปรเจ็คที่มีการเตรียมการไว้แล้ว หรือนโยบายในเรื่องของการศึกษาทันสมัย ซึ่งเดิมปชป.เคยใช้คำว่าเราสร้างคน เราได้ทำอะไรไว้บ้างแล้ว ตั้งแต่เรื่องของอนุบาลชนบทสมัยท่านชวน ที่มาร่วมรัฐบาลของพลเอกเปรม มาเป็นศูนย์เด็กเล็ก จนกระทั่งมาถึงนมโรงเรียน อาหารกลางวัน จนมาถึงเรื่องที่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ของพวกเราวันนี้ นั่นคือในเรื่องของการศึกษาทันสมัย ซึ่งจะได้เห็นเค้าโครงของการสร้างคนชัดเจนมากขึ้น รวมถึงในเรื่องของสาธารณสุข รวมถึงการที่จะเชิญภาคต่างๆมาพูดในเรื่องของนโยบายประจำภาค  เพื่อมาทำเป็นนโยบายหลักๆ  

“สิ่งที่เราได้จะนำมากำหนดเป็นนโยบาย โดยความเห็นชอบของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค โดยนโยบายในครั้งนี้  ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการได้รับความเห็นชอบจากประชาชนมากขึ้น  เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ คาดว่าน่าจะชัดเจนในเดือนพฤศจิกายน นี่คือสิ่งที่คณะกรรมการเลือกตั้งจะทำในเรื่องของนโยบาย  รวมถึงการประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อหลักทั้ง โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อโซเซียลมีเดียมากขึ้น  เพื่อที่จะเจาะฐานประชาชนให้มากที่สุด  รวมถึงในเรื่องของนโยบายประกันรายได้ ที่ได้ใช้งบประมาณไป ห้าแสนสี่หมื่นล้านบาท เฉพาะในเรื่องการช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องประกันรายได้”

'จุรินทร์' ย้ำ ประชาธิปัตย์ ไม่เอายาเสพติด! หนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี หวั่น สร้างปัญหาอนาคตชาติระยะยาว

วันนี้ (25 ต.ค. 65) เวลา 09.00 น. ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ.... ที่จะมีการเสนอเป็นระเบียบวาระเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ว่า 

ประชาธิปัตย์ สนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี อันนี้ถือว่าเป็นจุดยืน เพราะฉะนั้นรายละเอียดต่อมาก็จะใช้หลักนี้ในการพิจารณาต่อไปในการดำเนินการ

“กัญชาทางการแพทย์นั้นเป็นประโยชน์ แต่กัญชาเสรี อย่างน้อยที่สุดมันจะสร้างปัญหาให้กับอนาคตของประเทศระยะยาว อันนี้จึงเป็นที่มาที่เราบอกชัดเจนว่าเราไม่สนับสนุนกัญชาเสรี แต่สนับสนุนกัญชาที่จะไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวย้ำ

‘จุรินทร์’ ยินดี ‘บิ๊กตู่’ เปิดตัวกับ รทสช. ส่วนจะได้เป็นนายกฯ อีกหรือไม่ ผลงานจะเป็นตัววัด

วันนี้เวลา 09.20น. (10 ม.ค. 66) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงประเด็นบิ๊กตู่เปิดตัวที่พรรครวมไทยสร้างชาติวานนี้ว่า เป็นสิ่งที่ดีจะได้มีความชัดเจน ในส่วนจะเป็นคู่แข่งหรือไม่ ตนไม่อยากจะพูดถึงขนาดนั้น แต่ว่าที่จริงทุกพรรคการเมืองก็ต้องแข่งกันโดยปริยายอยู่แล้ว เวลามีการเลือกตั้ง ในส่วน ส.ส.ที่ย้ายจากประชาธิปัตย์ซบรวมไทยสร้างชาติ ส่วนนี้พรรคได้รับทราบมาก่อนแล้ว ความจริงก็ไม่อยากจะพูดซํ้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ 

ในส่วนบรรยากาศงานเมื่อวานนี้ มองว่าพลเอกประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ ตนยังตอบไม่ได้ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับที่ทําวันนี้ แล้วก็จะส่งผลในอนาคต ตนคิดว่าอนาคตก็จะให้คําตอบ

ด้านนโยบายที่บอกว่าจะมีการเปิดตัวภายในเดือนนี้ จุรินทร์กล่าวว่าเรื่องนโยบายได้กรอบชัดเจน แล้วก็ประชาสัมพันธ์อยู่ คือสร้างเงินสร้างคนสร้างชาติ โดยการสร้างเงินหมายถึงการเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับคนไทย และก็ให้กับประเทศไทย ด้วยการสร้างเงินให้กับคนไทยและให้กับประเทศ

‘จุรินทร์’ ขอทวงคืนเก้าอี้ ส.ส. กทม. เชื่อคนกรุงให้โอกาส เพราะ ปชป. ไม่เคยทิ้งพื้นที่

‘จุรินทร์’ ขอคืนที่นั่ง ส.ส.กทม. ชี้กรุงเทพฯ คือลมหายใจของปชป.เตรียมเปิดปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมืองศุกร์นี้ ปัดวิจารณ์ นโยบายเติมเงินดิจิทัลของ ‘เศรษฐา’ 

(6 เม.ย. 66) เวลา 09.20น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงพรรคประชาธิปัตย์ครบรอบ 77 ปี ในฐานะผู้นำพรรคฯ จะนำพาพรรคฯเดินต่อไปอย่างไร ว่า อย่างน้อยที่สุดในสถานการณ์นี้ก็จะต้องนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้ง ขอเรียนว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมทั้งคนทั้งนโยบายและพร้อมทั้งหัวหน้าพรรคที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีขึ้นจากพี่น้องประชาชนทุกภาคทั่วทั้งประเทศ จากการที่ลงพื้นที่มาตลอดอย่างต่อเนื่อง และขอวิงวอนประชาชนชาวไทยทั้งประเทศโปรดช่วยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งชาวประชาธิปัตย์จากทั่วประเทศที่มีอยู่จำนวนมากมายมหาศาล รวมทั้งคนที่เคยเลือกเรา ก็ขอให้สนับสนุนพรรคฯต่อไป ส่วนคนที่ทิ้งเราไปในคราวที่แล้ว คราวนี้ขอเรียกร้องให้กลับมาช่วยกันจับมือกับประชาธิปัตย์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อพาพรรคฯไปสู่ความสำเร็จในการเลือกตั้ง ไม่ใช่เพื่อเราแต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

เมื่อถามว่าจากการเป็นสถาบันการเมืองที่ผ่านมา 77 ปีแล้วในขณะที่พรรคอื่นล่มสลายและแปลเป็นพรรคอื่นตรงนี้จะเป็นจุดขายของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า นี่คือจุดขายสำคัญที่ตนคิดว่าถ้าประชาชนเลือกเราจะไม่ผิดหวังเพราะไว้ใจได้ ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่อยู่มาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและจะอยู่จนอนาคตเพื่อรับใช้ประชาชน ดังนั้นถ้าประชาชนเลือกประชาธิปัตย์ ครั้งหน้าประชาธิปัตย์ยังอยู่ ทำผิดทำถูกก็สามารถมาทวงทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งทวงนโยบายและความรับผิดชอบ และขอเรียนว่านโยบายในการขับเคลื่อนประเทศและหาเสียงอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราคิดและทำมาแล้ว และตกผลึกเพื่อที่น้องคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง

‘จุรินทร์’ โชว์ฟอร์ม จวกนโยบายรัฐบาล ‘เศรษฐา’ เหมือนหาเสียงการละคร ‘เลื่อนลอย-คลุมเครือ’

(11 ก.ย. 66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนโยบายรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านของประชาชน ตรวจสอบการบริหารอย่างเต็มความสามารถ โดยจะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง แต่จะไม่ค้านทุกเรื่อง รักษาประโยชน์สูงสุดของประเทศ ส่วนการทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น คือแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง ยืนยันไม่สนับสนุนการแตะต้องมาตรา 112 แต่จะทำงานร่วมกับฝ่ายค้านอื่น ๆ อย่างเต็มความสามารถ

นายจุรินทร์ มองว่า มาตรฐานของนโยบายชุดนี้ ‘สวนทางกับความสูงท่านนายกฯ’ การตั้งโจทย์ประเทศก็คลุมเครือ ตัวนโยบายเลื่อนลอย ขาดความชัดเจน ฟุ่มเฟือยด้วยวาทกรรม วนไปวนมา กลายเป็นนโยบายน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง นโยบายที่แถลงกับที่หาเสียง เป็นหนังคนละม้วน ไม่ตรงปก เช่น นโยบายค่าแรงปริญญาตรี 25,000 บาท อยู่ๆ ก็เป็นนโยบายนินจา หายไปแบบไร้ร่องรอย หรือคิดว่าอย่างไรรัฐบาลก็อยู่ไม่ถึงปี 2570 ตามที่หาเสียงไว้ เช่นเดียวกับนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ที่เป็นนโยบายนินจาตัวที่ 2 นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทำทันทีหายไป รถไฟฟ้าไปจอดหลับอยู่ที่ไหน จนนักข่าวทนไม่ไหว ตามไปสัมภาษณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็อึกอัก ๆ บอกว่าอีก 2 ปีจะทำ

ส่วนนโยบายเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน จะเอางบประมาณมาจากที่ใด ขณะที่นโยบายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น จะให้เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ตอนนี้เหลือเป็น ผู้ว่าฯ CEO รวบอำนาจมาสู่การปกครองส่วนภูมิภาค ย้อนหลังไป 20 กว่าปี ที่พูดมา มองว่าเป็นแค่ลมปากตอนหาเสียง ต้องมีความรับผิดชอบ อย่าให้เหมือนตอนไล่หนูตีงูเห่า สุดท้ายทั้งหนูและงูเห่ามาอยู่ด้วยกัน และกลายเป็นนโยบายการละคร

สำหรับนโยบายด้านการเกษตร แม้นายกรัฐมนตรีจะประกาศว่าไม่มีนโยบายจำนำข้าว ถือเป็นเรื่องดี เพราะโครงการนี้สร้างหนี้รวม 884,000 ล้านบาท ยังต้องใช้หนี้อีก 254,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2566 อีกทั้งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็ไม่มีการชี้แจงที่มาของเงินที่ชัดเจน ยังไม่มีข้อสรุป แปลว่าเป็นนโยบายไปตายเอาดาบหน้า และต้องขอเตือนว่าอย่าให้เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย

นายจุรินทร์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้การสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ แต่มีข้อสังเกต ว่าในนโยบาย ระบุว่าไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ คือหมวด 2 ซึ่งเห็นด้วย แต่แปลว่าหมวด 1 แก้ได้ใช่หรือไม่ คือเรื่องระบอบการปกครอง และรูปแบบของรัฐแบ่งแยกมิได้ เหตุใดนโยบายรัฐบาลไม่ระบุให้ชัด หรือเกรงใจใคร หรือพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใด อย่าคิดว่าการแบ่งแยกดินแดนจะไม่เกิด ที่ผ่านมาก็มีการยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

สำหรับนโยบายการแก้ทุจริตคอร์รัปชัน นายจุรินทร์กล่าวว่ารัฐบาลเอาจริงแค่ไหน เพราะมีระบุเพียงเล็กน้อย รัฐบาลต้องตระหนักว่า รัฐบาลท่านในอดีตเคยถูกยึดอำนาจมา 2 ครั้ง เพราะเหตุแห่งการทุจริต และออกกฎหมายล้างผิดการทุจริต จะต้องไม่นำประวัติศาสตร์ให้ซ้ำรอยเดิม

“รัฐบาลต้องฟื้นฟูหลักนิติธรรมให้กลับมาเข้มแข็ง ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ต้องบังคับใช้กฎหมายโดยเสมอกัน นักโทษทุกคนต้องเท่าเทียมกัน นโยบายนี้จะเป็นจริงได้ อยู่ที่นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล การพระราชทานอภัยโทษ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ผู้ได้รับอภัยโทษต้องสำนึก และรัฐบาลต้องสำนึก ว่าแม้โดนอภัยโทษก็ยังมีความผิด และยังมีโอกาสรับโทษใหม่ในอนาคต หากรัฐบาลก่อนหน้าทำไม่ถูก เราก็ทำให้ถูก อย่าปล่อยเลยตามเลย อย่าสร้างมาตรฐานใหม่ เหยียบย่ำหัวใจคนรักความยุติธรรมและความสุจริต ให้หมดกำลังใจ นี่เป็นโอกาสสำคัญของรัฐบาล ที่จะทำให้วลีที่เราพูดกันติดปากว่า ‘คุกมีไว้แค่ขังคนจน กับคนไม่มีอำนาจ’ มลายไปได้ โดยนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน” นายจุรินทร์กล่าว 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top