Sunday, 19 May 2024
จับกุม

ตร. บุกตรวจจับกุมค้าปืนออนไลน์ 10 จุดทั่วกทม. ยึด ‘ยาเสพติด - ปืน 40 กระบอก - กระสุน 2,000 นัด’

(9 พ.ย. 65) เวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น., พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผบช.น., พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.ดส.บช.น., พ.ต.ท.นราธิป คงเพ็ชร์, พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล, พ.ต.ท.ชยุต ยอดยิ่งนาทกุล รองผกก.ดส.บช.น., พ.ต.ต.หญิง พรรัมภา พัฒนาวาท สว.กก.ดส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.2 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ชป.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. แถลงผลระดมปิดล้อมตรวจค้นผู้ค้าอาวุธปืนออนไลน์การกระทำความผิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 10 จุด 

ได้จับกุมนายเรืองวิทย์ คุปตพันธ์ อายุ 25 ปี, นายนพเก้า สายโสภา อายุ 33 ปี, นายศิรศิลป์ ศรีมะเริง อายุ 32 ปี, นายอัฐพันธ์ คงสกุล อายุ 20 ปี, นายเอ อายุ 16 ปี และนายธัญพิสิษฐ์ บุณยธรรม อายุ 24 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนและอุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดปืนพกสั้น 28 กระบอก ปืนลูกซอง 12 กระบอก ปืนยาวไรเฟิล 1 กระบอก แม็กกาซีน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 5 อัน กระสุนปืนรวม 2,248 นัด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวม 48.64 กรัม ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 59 เม็ด จับกุมได้เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา 

พล.ต.ต.นิตินันท์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนทางออนไลน์ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการเพื่อป้องเหตุที่จะเกิดขึ้นช่วงประชุมเอเปก จากการสืบสวนทางชุดสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ชป.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. ได้ทำการขออนุมัติศาลขอหมายค้น 10 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย อาวุธปืน 41 กระบอก กระสุนปืน 2,248 นัด ยาเสพติดจึงนวนหนึ่ง จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้มีการสั่งปืนออนไลน์จากผู้กระทำความผิดที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยได้จับกุมไปก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงได้มีการขยายผลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

‘สืบนครบาล’ รวบ ‘ปุยนุ่น’ แม่ค้าออนไลน์ หลอกขายอาหารเสริมฯ เสียหายกว่า 5 ล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนทางเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นางสาวปุยนุ่น คนระแหง ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นตัวการในการเปิดบัญชีเฟซบุ๊กหลอกขายอาหารเสริมประเภทคอลลาเจนเม็ดยี่ห้อ JOJU, โลชั่นทาผิวยี่ห้อออร่าไวท์, เซรั่มสตอเบอรี่ลดริ้วรอยยี่ห้อ Yerpall, สบู่ใบบัวบกยี่ห้อ Chariya, เซรั่มทาบำรุงผิวยี่ห้อโดสแดง นาโนไวท์โดส 

โดยใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี ‘ปุย นุ่น (อาฟิวส์)’, ชื่อบัญชี ‘สุมินตรา สุนาชัย’, ชื่อบัญชี ‘นุ่น นนนนนน’, ชื่อบัญชี ‘มณีรัตน์ ทองคำ’, ชื่อบัญชี ‘ศิรินันท์ ภูมิใจ’ ในการโพสต์หลอกขาย จนมีชื่อติดในติดแบล็กลิสต์ บัญชีคนโกง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 12.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่, พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี, พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม รอง ผบก สส.บช.น., พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น, พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ธนพล มโนสร รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัว นางสาวมณีรัตน์ ทองคำ หรือ ‘นุ่นศรี’ หรือ ‘ปุย นุ่น (อาฟิวส์)’ หรือ ‘สุมินตรา สุนาชัย’ หรือ ‘นุ่น นนนนนน’ หรือ ‘มณีรัตน์ ทองคำ’ หรือ ‘ศิรินันท์ ภูมิใจ’ อายุ 19 ปี ที่อยู่ 158 หมู่ 4 ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก 

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง และมาตรา 14 วรรคสอง (1) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550’

พบหมายจับจำนวน 2 หมาย ประกอบด้วย
1. หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ จ 486/2565 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง และมาตรา 14 วรรคสอง (1) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550’ ท้องที่ สภ.ช้างเผือก ภ.จว.เชียงใหม่

2. หมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง (สาขามีนบุรี) ในความผิดฐาน ‘ไม่มาศาลตามกำหนดนัด’ ในคดีที่ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน’ ตามหมายจับระหว่างพิจารณา ที่ 21/2565

จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณหน้าที่พักคนงานริมถนนเทศบาล 7 หมู่ 4 ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหารับสารภาพว่าตนเองเป็นคนพื้นเพเกิดที่จังหวัดพิษณุโลก เรียนจบชั้น ป.6 ย้ายมาอาศัยในพื้นที่ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่อายุ 12 ปี โดยสารภาพว่าก่อนที่จะมาเริ่มก่อเหตุ เคยทำอาชีพขายครีมบำรุงผิวผ่านทางออนไลน์ แต่เมื่อประสบปัญหาหมุนเงินไม่ทัน จึงรับออเดอร์ลูกค้ามาแล้วนำเงินไปหมุนใช้จ่ายอย่างอื่นแทนก่อน เมื่อถึงกำหนดส่งสินค้าตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งก็ไม่สามารถหาสินค้ามาส่งให้ลูกค้าได้ จึงไปซื้อสินค้าชนิดอื่น เช่น แชมพูราคาถูก, น้ำดื่มในร้านสะดวกซื้อ หรืออื่น ๆ ที่สามารถหาได้ส่งให้ลูกค้าแทนสินค้าที่ต้องการ เมื่อเห็นว่าได้กำไลดีจึงหลงผิดทำต่อเนื่องเรื่อยมา 

‘ตำรวจ’ จับ 2 เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่  ฉวยโอกาสช่วงปีใหม่ ขนส่งยาเสพติด

การกวาดล้างจับกุมและขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายทุกมิติอย่างเร่งด่วน  ตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.นั้น ตำรวจ ปส. ได้ขับเคลื่อนการทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุมเข้มตรวจสอบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในห้วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งขบวนการมักอาศัยช่วงเวลาเหล่านี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปจำหน่ายให้กลุ่มลูกค้าตามสถานบันเทิง สถานบริการจำนวนมาก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) / ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.ธนรัช สอนกล้า ผบก.ปส.2 สั่งการให้ รวบรวม ตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า มีกลุ่มขบวนการลักลอบ ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งทำกันเป็นขบวนการ และดำเนินการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งสามารถจับกุมได้ 2 คดี 

คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 จับกุม นายสมบูรณ์ สงวนนามสกุล อายุ 43 ปี ได้ริมถนนมิตรภาพ บริเวณแยกจุดให้สัญญาณจราจร ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี พร้อมตรวจยึดสารไอซ์ จำนวน 135 กก., ยาอี 40 ถุง รวม 40,000 เม็ด, วัตถุออกฤทธิต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 (เคตามีน) จำนวน 44 กก., ยา Happy water บรรจุอยู่ในซองกาแฟซอง 1,313 ซอง, รถยนต์ PROTON หมายเลขทะเบียน ฆฮ 2893 กทม. ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด และ โทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง

เบื้องต้น แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (สารไอซ์, ยาอี, Happy water) ไว้ในความครอบครองเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลระดมจับกุมความผิดอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนที่ผิดกฎหมาย และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 แสนเม็ด ไอซ์ 40 กก.และของกลางจำนวนมาก

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการตำรวจภูธรภาค 7  อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยรองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลถลงผลระดมจับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน การจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย (On Ground) และจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ผ่านระบบออนไลน์และโซเซียลมีเดียโดยผิดกฎหมาย (Online) ระหว่างวันที่ 1 - 5 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยแยกความผิด 

1.) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน จำนวน 582 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 578 คน 
2.) ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( On Ground ) จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 2 คน อาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1 นัด 
3.) ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( Online) จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 4 คน และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 ผู้ต้องหาจำนวน 7 คน ช.4 ญ.3 พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 264 มัด รวมประมาณ 528,000 เม็ด ไอซ์ จำนวน 40 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 40 กิโลกรัม รถยนต์จำนวน 7 คัน อาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก และอื่นๆ อีกหลายรายการ)

สำหรับผลการจับกุมคดียาเสพติด ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดนครปฐม มีกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติด(ยาบ้า) จากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ทางด้าน อ.สังขละบุรี และสืบสวนทราบว่า หนึ่งในขบวนการกลุ่มเครือข่ายนายโก๊ะ มีนายวิเชียรหรือตั้มฯ และ น.ส.หฤทัยชลหรืออ้อย ฯ เป็นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ส่วนวันเวลาก่อนการจับกุมประมาณ 1 เดือน ทราบว่า นายโก๊ะ สั่งการให้ น.ส.หฤทัยชลฯ กับพวก ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ทะเบียน 6กท-4926 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำยาเสพติดซุกซ่อนภายในรถยนต์ โดยมีการทำช่องลับซุกซ่อนยาเสพติด ซึ่งทำการจับกุมเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2566 ที่ผ่านมา ณ ถนนแสงชูโต ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อู่ทำสีรถยนต์ ซอยตลาดเทศบาลเมืองสามพราน อ.สามพราน และต่อเนื่อง บ้านเลขที่ 44/128 หมู่ที่ 8 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม

ทรภ.1 ร่วมกับ ศรชล.ภาค 1 บูรณาการหน่วยงานเกี่ยวข้อง จับกุม และร่วมตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันผิดกฎหมาย ณ ท่าเทียบเรืออู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.66 เวลา 03.00 น. จากการปฏิบัติการด้านการข่าวทัพเรือภาคที่1 (ทรภ.1) ได้สั่งการให้ เรือ ต.115 ซึ่งเป็นเรือในบัญชีกำลังของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ดำเนินการตรวจสอบและจับกุม เรือบรรทุกน้ำมันที่มีพฤติกรรมลักลอบขนน้ำมันผิดกฎหมาย บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ ผลการปฏิบัติ นำไปสู่การจับกุมเรือ ชื่อธนสิทธิ์ มีผู้ควบคุมเรือและลูกเรือจำนวน 6 คน บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ เบื้องต้นบุคคลบนเรือให้การสารภาพว่ามีของกลางเป็นน้ำมันเบนซินที่ไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากรอยู่บนเรือจริง จึงได้ได้ควบคุมเรือดังกล่าว ไปยังท่าเทียบเรืออู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบโดยละเอียดต่อไป

(เชียงใหม่) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ประธานการแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 

วันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 คดี  ตรวจยึดยาบ้า 6  ล้านเม็ด ยึดรถยนต์ 3 คัน (สภ.แม่จัน เชียงราย)โดยมี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว ณ ใต้ตึก บก.สส.ภ.5 

ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในทุกมิติ  ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข,พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ท.สุริยะ เอี่ยมสุโร มทภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ชน. ได้รับบัญชานำข้อสั่งการไปสู่การปฏิบัติ

ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร, พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5

ฝ่ายทหาร  โดย พล.ต.จรัส ปัญญาดี รอง มทน.3/รอง ผอ.ศอ.ปส.ชน., พล.ต.ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผบ.กกล.ผาเมือง ฝ่ายปกครอง  โดย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผวจ.เชียงราย สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5  โดย นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ  ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 แถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1   ยาบ้า จำนวน 6,000,000 เม็ด หน่วยที่ตรวจยึด สภ.แม่จัน จว.เชียงราย, ชปส.ภ.จว.เชียงราย, กก.สส.ภ.จว.เชียงราย, ชุดสกัดกั้นและปราบปราม  ยาเสพติดฯ ภ.5, สภ.เวียงแก่น, สภ.เชียงแสน, สภ.เชียงของ จว.เชียงราย, ป.ป.ส., ตชด.327,  ตชด.326, นรข., ทพ.3104 และทพ.31วัน-เดือน-ปี ที่ตรวจยึด 2 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 15.30 น.สถานที่ตรวจยึด บนถนนสาธารณะภายในหมู่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ที่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จว.เชียงราย ต่อเนื่อง  จุดผ่อนปรนบ้านแจมป๋อง หมู่ที่ 5 ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น จว.เชียงราย ของกลาง   1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 6,000,000 เม็ด 2. รถยนต์จำนวน 2 คัน

พฤติการณ์แห่งคดีก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดได้ทำการสืบสวนพฤติการณ์เครือข่ายยาเสพติดกลุ่มชาวเขาเผ่าม้ง ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้เส้นทางผ่านพื้นที่ อ.แม่จัน จว.เชียงราย และ อ.เชียงแสน จว.เชียงราย โดยกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติดใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม๊คแคป สีดำ ติดแผ่นป้านทะเบียน 1กน 6*** เชียงใหม่ และรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า สีน้ำตาล ติดแผ่นป้ายทะเบียน ผค 7*** เชียงราย เป็นยานพาหนะใช้ในการลำเลียงยาเสพติด เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดได้รับแจ้งจากสายลับในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย ว่าพบกลุ่มรถยนต์ต้องสงสัยที่ได้แจ้งไว้ทั้ง 2 คัน ขับขี่อยู่ในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย ลักษณะมีพิรุธ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกติดตามพฤติการณ์ ปรากฏพบว่ารถยนต์กระบะ ทะเบียน 1กน 6*** เชียงใหม่ และรถยนต์กระบะ ทะเบียน ผค 7*** เชียงราย

ขับขี่วิ่งตามกันเป็นขบวนออกจากพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย มุ่งหน้าไปทาง อ.แม่จัน จว.เชียงราย โดยด้านหลังกระบะมีผ้าใบปกคลุม ขับตามกันในลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติด มีการใช้ความเร็วและชะลอเป็นระยะ ๆเพื่อเช็คการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อรถยนต์ทั้ง 2 คัน ขับมาถึงเขตบ้านห้วยน้ำราก ม.5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จว.เชียงราย รถยนต์กระบะ ทะเบียน ผค 7*** เชียงราย ได้ขับมุ่งตรงไปทาง อ.เชียงแสน จว.เชียงราย เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดส่วนหนึ่งได้ติดตามไป ส่วนรถยนต์กระบะ ทะเบียน 1กน 6*** เชียงใหม่ ได้กลับรถยนต์แล้วเลี้ยวเข้า ซอย 4 บ้านห้วยน้ำราก ม.5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จว.เชียงราย เมื่อขับมาถึงถนนสายสาธารณะบริเวณสวนยางพารา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดได้ขับรถยนต์ติดตามมาจนทัน พบชายวัยรุ่น 2 คน ได้เปิดประตูรถยนต์ฯ แล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในสวนยางพารา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดจึงได้ติดตามไปแต่ไม่พบตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดจึงได้ทำการตรวจสอบรถยนต์พบกระสอบสีเขียว จำนวน 10 กระสอบ บริเวณในห้องโดยสารรถยนต์ และพบกระสอบสีเขียว จำนวน 20 กระสอบ บริเวณด้านหลังกระบะรถยนต์ รวมทั้งหมด 30 กระสอบ ปรากฏพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 6,000,000 เม็ด

ตม.บุรีรัมย์ จับกุมคนไทยช่วยเหลือต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.กฤษฎากรณ์ กลิ่นเกษร และ พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนาน รอง ผบก.ตม.4 วันที่ 11 มี.ค.66  พ.ต.ท.พิศุทธิ์ สุวรรณภาษิต สว.ตม.จว.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่าได้สั่งการให้ จนท.ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.บุรีรัมย์ สนธิกำลังกับ สภ.บ้านกรวด, ร้อย ทพ.2604 และ ร้อย ร.213 จับกุม นายปริญญา ศักดิ์ชัย อายุ 42 ปี ข้อหา "ช่วยเหลือซ่อนเร้นฯ" ตาม ม.64 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ นางยเกีย อายุ 42 ปี ข้อหา "เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต" สถานที่จับกุม ถนนรอยต่อจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ นำตัวส่ง สภ.บ้านกรวด ดำเนินคดีต่อไป

ผบ.ตร.เชิญชวนข้าราชการตำรวจ ครอบครัวและประชาชน ร่วมบริจาคเงินเพื่อทุนการศึกษาแก่บุตร พ.ต.ต.เอกพงษ์ฯ สารวัตรสืบเมืองยโสธร ตำรวจกล้าที่พลีชีพช่วยลูกน้องตามจับคนร้ายคดียาเสพติด จนจมน้ำเสียชีวิต

เมื่อวันที่  16 มี.ค.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวว่า “ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 พ.ต.ต.เอกพงษ์  ทิปะณี สว.สส.สภ.เมืองยโสธร ได้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชา ในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำแกง อ.เมือง จ.ยโสธร


หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผบ.ตร.ได้เดินทางไปร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ได้ชื่นชมในความความกล้าหาญ เสียสละ ด้วยภาวะผู้นำอันเต็มเปี่ยมของ พ.ต.ต.เอกพงษ์ฯ ไม่ได้คำนึงถึงภยันตรายที่อาจเกิดแก่ชีวิตตน อันเป็นแบบอย่างแก่เพื่อนข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชน อย่างสมเกียรติฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง

 
ขณะเดียวกัน ผบ.ตร.ได้รับทราบว่า ครอบครัวของ พ.ต.ต.เอกพงษ์ฯ เหลือเพียงผู้เป็นพ่อ และ ลูกสาว 2 คน อายุ 7 และ 8  ขวบ ส่วนภรรยานั้นหย่าร้างไปอยู่ต่างประเทศ  ที่ผ่านมา พ.ต.ต.เอกพงษ์ฯ เป็นเสาหลักของครอบครัวมาโดยตลอด การสูญเสีย พ.ต.ต.เอกพงษ์ฯ จึงทำให้ชีวิตครอบครัวเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะอนาคตทางการศึกษาของบุตรสาวทั้ง 2 คน

บก.สส.สตม. รวบหนุ่มแดนมังกรหนีคดีเลี่ยงภาษีศุลกากรเสียหายกว่า 100 ล้านบาท 

บก.สส.สตม. จับกุมนายลู่ (นามสมมติ) อายุ 52 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในข้อหา ลักลอบนำเข้าสินค้า (เม็ดพลาสติก) โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยจับกุมตัวในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในย่าน ต.บางพลี อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีน หน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

ประสานงานผ่านสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ราย นายลู่ (นามสมมติ) สัญชาติจีน อายุ 52 ปี ซึ่งมีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในข้อหา ลักลอบนำเข้าสินค้า (เม็ดพลาสติก) โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร มูลค่ารวม 20 ล้านหยวน (ประมาณ 100 ล้านบาท) ผบก.สส.สตม. จึงได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการ บก.สส.สตม. ทำการสืบสวนติดตามจับกุม นายลู่ สัญชาติจีน ซึ่งต่อมาสืบทราบว่า ได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี  ปัจจุบันพักอาศัยอยู่คอนโดแห่งหนึ่งย่านบางพลี จว.สมุทรปราการ

ตำรวจ ปส.(NSB) ทลายเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาได้ 20 คน ของกลางยาบ้า 15.5 ล้านเม็ด , ไอซ์ 880 กก. , คีตามีน 450 กก. ยึดทรัพย์กว่า 24 ล้านบาท

วันนี้ (21 มี.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พร้อมด้วย        พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ปส., พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส.,พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ขส.บช.ปส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด(NSB) เดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดทั้งรายใหญ่ และรายย่อย ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร จะพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดขณะนี้เครือข่ายมีความพยายามอย่างหนักในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก โดยซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าทางการเกษตร หรือแม้แต่การดัดแปลงช่องลับของรถซุกซ่อนยาเสพติด ส่วนมากจะถูกลำเลียงมาจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศ ก่อนจะกระจายไปยังเครือข่ายรายย่อย ล่าสุด ตำรวจ ปส. (NSB) สามารถทลายได้หลายเครือข่ายรวมผู้ต้องหา 20 คน ของกลางเป็น ยาบ้า 15.5 ล้านเม็ด, ไอซ์ 880 กก., คีตามีน 450 กก., รถยนต์ 9 คัน, มือถือ 11 เครื่อง และยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 24 ล้านบาท โดยแยกเป็น 7 คดีดังนี้


คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส., บก.ขส. และ บก.ปส.3 ได้ร่วมกันจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหา เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง อยู่ใน อ.พบพระ จ.ตาก ใช้รถกระบะจำนวน 4 คัน เพื่อสำรวจเส้นทางและขนยาเสพติด โดยนำผักมาวางปิดบังยาเสพติดไว้เพื่ออำพราง โดยจับกุม นายเอกยุทธ ได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี จากนั้นได้ติดตามไปจับกุมนายธนนันท์ นายธนธัส และจับกุมนายณัฐพล ได้ทั้งหมด พร้อมของกลาง ไอซ์ 600 กก., ยาบ้า 12 ล้านเม็ด, คีตามีน 400 กก., โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง, รถกระบะ 4 คัน และตรวจยึดเงินสดรวม 5 หมื่นบาท โดยผู้ต้องหาทั้งหมด รับว่ากำลังลำเลียงยาเสพติดไปส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง

 
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.1 ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดยหาความเชื่อมโยง ติดตามตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงิน จนสามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายได้อีก 4 ราย และสามารถยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายนี้ไว้ตรวจสอบ หลายรายการ อาทิเช่น บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พร้อมที่ดิน 3 หลัง ราคาประมาณ 20 ล้านบาท และที่ดินเปล่า 1 แปลง รวม 23 ล้านบาท
 คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 และบก.ขส. ได้วิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทั่งเช้ามืดวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันตรวจยึดยาบ้า 8 กระสอบ รวม 2,000,000 เม็ด ได้ในบริเวณไร่มันในเขตพื้นที่หมู่ 5 บ้านโคกสว่าง ต.หนองแสง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี พร้อมยึดรถกระบะ 2 คัน โดยผู้ต้องหาได้ขับรถกระบะหลบหนีเข้าไปในไร่มันสำปะหลัง แล้วทิ้งรถพร้อมยาเสพติดไว้ ขณะนี้ตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามตัว ขยายผลเครือข่ายรายนี้ และติดตามเจ้าของรถมาเพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
- 2 -

คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติด จ.ปทุมธานี ทราบว่า แก๊งค้ายาเสพติดจะมีการลักลอบส่งยาเสพติดใน จ.ปทุมธานี จึงเฝ้าติดตามจับกุม และนำกำลังเข้าจับกุมนายปรีชา, นายนัฐพงษ์, นายอนุชา,น.ส.มนัดดา ได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 88/6 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยคีตามีน 31 กก. ภายในบ้าน และติดตามจับกุมนายอรุณ และนางกรรณิการ์ ที่บริเวณโรงแรมไนซ์อินน์ ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี พร้อมคีตามีน ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์รวม 15 กก. ซึ่งผู้ต้องหา รับว่าเป็นยาเสพติดที่จะนำไปส่งให้กับลูกค้าใน จ.ปทุมธานี   รวมคีตามีน   ของกลาง 46 กก. ซึ่งจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top