Friday, 3 May 2024
การเดินทาง

นายกฯ สั่ง ทุกหน่วยงานรับมือผลกระทบต่อประชาชน วอน ปรับราคาแล้ว ต้องปรับปรุงคุณภาพการบริการด้วย

(13 ม.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกโดยสาร และค่าบริการอื่น สำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน ที่จดทะเบียนในกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน โดยประกาศดังกล่าว เป็นการให้ยกเลิกประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ประกาศ ณ วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557 

นายอนุชา กล่าวว่า ประกาศกระทรวงคมนาคมฯ พ.ศ. 2565 จะเริ่มมีผลบังคับให้มีการจัดเก็บค่าโดยสารแท็กซี่อัตราใหม่ ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป คือตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2566 เป็นต้นไป นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามและมีความห่วงใยประชาชนที่โดยสารรถแท็กซี่ที่อาจมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารดังกล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า แม้การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารจะช่วยให้คนขับแท็กซี่มีรายได้ที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันมากขึ้น นายกรัฐมนตรีก็ยังเป็นห่วงประชาชนที่โดยสารรถแท็กซี่ ที่อาจมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น จึงได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ติดตามผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจในภาพรวมจากการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารดังกล่าว และเสนอแนะมาตรการทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ดังกล่าวต่อไปโดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่าน

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรับรู้ถึงความเดือดร้อนของคนขับรถแท็กซี่ ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์ราคาพลังงานและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย ในขณะที่ค่าจ้าง ค่าโดยสารรถแท็กซี่ ไม่ได้มีการปรับขึ้นมาเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว จึงเป็นที่มาของการปรับค่าโดยสารในครั้งนี้ 

นายอนุชา กล่าวว่า เพื่อให้กลุ่มคนขับแท็กซี่ มีรายได้เพียงพอกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปกำกับดูแลเพิ่มเติมว่า เมื่อขึ้นราคาค่าโดยสารแท็กซี่แล้ว ก็ต้องปรับปรุงคุณภาพการบริการให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะต้องเข้มงวดในเรื่องมารยาทของคนขับรถ ความปลอดภัย ความสะอาด ไม่เอาเปรียบผู้โดยสาร และต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด หากพบว่าแท็กซี่กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายที่กำหนดในเรื่องบทลงโทษต่อไปโดยไม่ละเว้น

นายอนุชา กล่าวว่า โดยรายละเอียดของประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกโดยสาร และค่าบริการอื่น สำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565 บางส่วนระบุถึงการกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร สำหรับ (1) กรณีรถยนต์รับจ้าง ที่มีลักษณะเป็นรถเก๋งสามตอน รถเก๋งสามตอนแวน รถยนต์นั่งสามตอน และรถยนต์นั่งสามตอนแวน ให้กำหนด ดังต่อไปนี้...

มอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี คืบหน้าแล้ว 88% คาดเปิดให้บริการปี 68 ช่วยเชื่อมเมืองสู่ตะวันตก

(6 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ว่า ปัจจุบันโครงการ มีความคืบหน้าด้านงานโยธาก่อสร้างแล้วเสร็จ 13 สัญญา จาก 25 สัญญา ภาพรวมคืบหน้าไปมากกว่า 88 %

ส่วนงานระบบหรือ O&M มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องโดยเข้าพื้นที่ทั้งหมด 8 ด่านเป็นที่เรียบร้อย ประกอบด้วย ด่านบางใหญ่, ด้านศีรษะทอง, ด่านนครชัยศรี, ด้านนครปฐม ฝั่งตะวันออก, ด่านนครปฐม ฝั่งตะวันตก, ด่านท่ามะกา, ด่านท่าม่วง ภาพรวมคืบหน้า 12%

สำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี มีพื้นที่ผ่าน 3 จังหวัด คือ จ.นนทุบรี จ.นครปฐม และ จ.กาญจนบุรี ระยะทาง 96.41 กิโลเมตร  วงเงินลงทุน 61,034 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางและส่งเสริมระบบขนส่ง โลจิสติกส์ และการท่องเที่ยว

เวลาเปลี่ยน เมืองไทยเปลี่ยน: สะพานเกาะคอเขา-บ้านน้ำเค็ม จังหวัดพังงา

รัฐบาลมุ่งพัฒนาทุกพื้นที่ในประเทศไทยให้เกิดความเจริญ และเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน ได้สร้างสะพานเกาะคอเขา-บ้านน้ำเค็ม ที่จังหวัดพังงา เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ให้ไปมาหาสู่กันได้สะดวก ลดข้อจำกัดแพขนานยนต์ ลดระยะเวลาการเดินทาง อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่อีกด้วย

เวลาเปลี่ยน เมืองไทยเปลี่ยน: สนามบินบึงกาฬ สนามบินแห่งใหม่ของไทย

‘สนามบินบึงกาฬ’ ถือเป็นอีกหนึ่งประตูบ้านของไทยที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สามารถรองรับนักท่องเที่ยวปีแรกกว่า 1.5 แสนคน พร้อมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจ และการท่อเที่ยวอีกด้วย

‘รถรางอัจฉริยะพลังไฮโดรเจน’ คันแรกของจีน เสร็จแล้ว!! เตรียมส่งออกสู่มาเลเซีย เพิ่มประสิทธิภาพการจราจรข้ามพรมแดน


เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, ฉางซา รายงานว่า รถรางอัจฉริยะพลังงานไฮโดรเจนที่พัฒนาโดยบริษัท ซีอาร์อาร์ซี จูโจว อิเล็กทริก โลโคโมทีฟ รีเสิร์ช อินสติทูท จำกัด (CRRC Zhuzhou Electric Locomotive Research Institute Co.) ออกจากสถานที่ผลิต ในเมืองจูโจว มณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน และจะถูกส่งออกสู่มาเลเซียในอีกไม่กี่วันนี้ จากท่าเรือเซี่ยงไฮ้

รถรางอัจฉริยะคันนี้จะถูกนำไปใช้สำหรับบริการขนส่งในพื้นที่เขตเมืองของเมืองกูชิง เมืองเอกของรัฐซาราวักในมาเลเซีย โดยเป็นรถรางที่ใช้ระบบไฟฟ้าพลังงานไฮโดรเจนคันแรก ซึ่งมีจุดแข็งด้านระยะการขับขี่ที่ยาวนานขึ้น ระยะเวลาการเติมเชื้อเพลิงสั้นลง อีกทั้งประหยัดพลังงานและปกป้องสิ่งแวดล้อม

รถรางข้างต้นได้รับการปรับปรุงผ่านการออกแบบอัจฉริยะ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของมาเลเซียในการบรรลุระบบขนส่งสาธารณะอัจฉริยะที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยหลังจากส่งถึงมาเลเซียแล้ว รถรางดังกล่าวจะเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบในเมืองกูชิงเป็นเวลา 3 เดือน

ทั้งนี้ ความสำเร็จของการใช้งานรถรางอัจฉริยะในมาเลเซียจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองกูชิงอย่างมีประสิทธิภาพ นำพารูปแบบการเดินทางที่เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพ และทันสมัยสู่ท้องถิ่น ทั้งช่วยให้การผลิตอัจฉริยะของจีนสามารถส่งมอบบริการแก่กลุ่มประเทศตามแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
 

ขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนทะลุ 4 หมื่นคน ในวันที่เปิดบริการ ครบ 100 วัน

(24 ก.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งเริ่มต้นบริการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนอย่างเมื่อเดือนเมษายน ได้ขนส่งผู้โดยสาร 41,735 คน เมื่อนับถึงวันเสาร์ (22 ก.ค.) ซึ่งถือเป็นวันที่เปิดบริการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนครบ 100 วัน

รายงานระบุว่าทางรถไฟจีน-ลาว วิ่งจากนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผ่านภูเขาและหุบเขาจนถึงนครหลวงเวียงจันทน์ของลาวด้วยระยะเวลา 10 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งนับรวมเวลาที่ใช้ในพิธีการศุลกากร

จุดผ่านแดนตำบลโม๋ฮัน ณ ชายแดนจีนที่ติดกับลาว ระบุว่ามีการเดินรถไฟ 200 เที่ยว ซึ่งขนส่งผู้โดยสารจาก 49 ประเทศและภูมิภาค จำนวน 41,735 คน โดยจำนวนผู้โดยสารขาเข้าอยู่ที่ 22,066 คน ซึ่งมากกว่าผู้โดยสารขาออกราวร้อยละ 12.2 และร้อยละ 54 เป็นนักท่องเที่ยว

‘จีน’ เปิดทดลองเดินรถ บนถนนทางหลวงเอเชียสายใหม่  เชื่อมต่อการคมนาคม 3 ประเทศ ‘จีน-มองโกเลีย-รัสเซีย’

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, อุรุมชี รายงาน การทดลองเส้นทางขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ ซึ่งเชื่อมต่อจีน มองโกเลีย และรัสเซีย บนทางหลวงเอเชีย สาย 4 (AH4) เริ่มต้นที่นครอุรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ (22 ก.ย.) ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ขบวนรถบรรทุกของจีน มองโกเลีย และรัสเซีย จำนวน 9 คัน วิ่งออกจากศูนย์ขนส่งหลายรูปแบบในเขตด่านบกระหว่างประเทศอุรุมชี โดยรถบรรทุกจะออกจากจีนผ่านด่านบกถ่าเค่อสือเขิ่น วิ่งผ่านมองโกเลียและรัสเซีย ก่อนถึงเมืองโนโวซีบีรสค์ของรัสเซีย

เส้นทางวิ่งระยะทดลองทั้งหมดยาวราว 2,253 กิโลเมตร แบ่งเป็นในจีนราว 577 กิโลเมตร ในมองโกเลีย 758 กิโลเมตร และในรัสเซีย 918 กิโลเมตร โดยจะมีการจัดพิธีต้อนรับขบวนรถบรรทุกที่เมืองโนโวซีบีรสค์ ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสามของรัสเซีย ในวันที่ 28 ก.ย. ด้วย

‘เซวียนเติงเตี้ยน’ เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมของจีน กล่าวว่าเส้นทางใหม่นี้เป็นช่องทางขนส่งทางถนนระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อจีน มองโกเลีย และรัสเซีย ลำดับที่ 2 ต่อจากเส้นทางบนทางหลวงเอเชีย สาย 3 ซึ่งจะส่งเสริมการหมุนเวียนทรัพยากรอย่างเป็นระเบียบ การจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการบูรณาการตลาดในภูมิภาค รวมถึงมีบทบาทนำร่องในการสร้างระเบียงเศรษฐกิจจีน-มองโกเลีย-รัสเซีย

อนึ่ง ซินเจียงตั้งอยู่ใจกลางทวีปยูเรเซีย ถือเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาคหลักของแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม

ปัจจุบันจีนมีส่วนร่วมการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศกับ 21 ประเทศ และมีท่าด่านในจีน 68 แห่ง ที่เปิดบริการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ

ยกเลิกส่วนต่อขยายสายสีเหลืองเชื่อมเขียว ดับฝัน ‘ชาวลาดพร้าว-รัชดา’ เศรษฐาทบทวนให้ดี

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 66 นายภูวสิทธิ์ พนมสิงห์ อาจารย์พิเศษ คณะสถาปัตยกรรมและการผังเมือง สาขาสถาปัตยกรรมเพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เจ้าของเพจ ‘ขอบอสัง’ และ TikTok ‘สพีทโรเจอร์’ อดีตทีมพัฒนาธุรกิจและจัดซื้อที่ดินบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ได้ออกมาแสดงมุมมองความคิดเห็น กรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ประกาศยกเลิกโครงการส่วนต่อขยายเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยระบุว่า…

“รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ประกาศยกเลิกโครงการส่วนต่อขยายเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว กระทบชีวิตคนกรุงฯ งานนี้ชาวลาดพร้าวโดนหนักสุด”

นายภูวสิทธิ์ กล่าวว่า ‘รถไฟฟ้าสายสีเหลือง’ เป็นสายที่วิ่งรถผ่านตั้งแต่สำโรง เทพารักษ์ ศรีนครินทร์ แยกบางกะปิ-ลำสาลี เข้าเส้นลาดพร้าว และสิ้นสุดการเดินรถอยู่ที่บริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งจากเดิมรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีแผนจะสร้างส่วนต่อขยายการเดินรถไปจนถึงแยกรัชโยธิน ที่จะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งประชาชนกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการยกเลิกโครงการส่วนต่อขยายครั้งนี้ คือ ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณลาดพร้าว ทั้งทางด้านค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการเดินทาง

โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ถูกบริหารโดย บริษัท อีสเทิร์น บางกอก โมโนเรล จำกัด (Eastern Bangkok Monorail : EBM) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือ ‘BTS’ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือ ‘MRT’ ถูกบริหารโดย EBM เช่นกัน

ซึ่งในปัจจุบัน หากประชาชนต้องการนั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินไปต่อสายสีเขียว จำเป็นต้องนั่งเพิ่มอีก 1 สถานี เพื่อเดินทางไปส่วนต่อขยายสถานีระหว่างสายสีน้ำเงินและสายสีเขียว ซึ่งถือเป็นการเพิ่มต้นทุนชีวิตคนกรุงเทพฯ อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และระยะเวลาในการเดินทางที่จะต้องรอต่อขบวนรถไฟในส่วนต่อขยาย อยู่ที่ประมาณ 15-30 นาทีต่อรอบ นับเป็นการสูญเสียที่เปล่าประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

“ในส่วนนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนหลากหลายกลุ่ม ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมด อาทิ สถานศึกษาอย่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม หน่วยงานราชการอย่างศาลอาญา สำนักการเจ้าหน้าที่ สำนักงานศาลยุติธรรม หรือแม้แต่คอนโดมิเนียมในเส้นทางรัชดา ลาดพร้าว-วังหิน ตลอดจนบริเวณลาดพร้าว-โชคชัย 4 ถึงบางกะปิ ที่ประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ และมีการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นอย่างมาก จึงอยากให้รัฐบาลและคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทบทวนในเรื่องนี้ดูอีกครั้ง” ภูวสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

‘จีน’ เดินหน้ายกระดับ-เพิ่มสมรรถนะการขนส่ง เตรียมรับมือมหกรรมการเดินทางในช่วง ‘ตรุษจีน’

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 67 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า ‘หลี่ ชุนหลิน’ รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ซึ่งร่วมประชุมงานเมื่อวันศุกร์ (19 ม.ค.) กล่าวถึงการพยายามใช้ศักยภาพทางการขนส่งอย่างเต็มที่ และเพิ่มขีดความสามารถทางการขนส่ง ก่อนเข้าสู่ช่วงมหกรรมการเดินทางเทศกาลตรุษจีนหรือ ‘ชุนอวิ้น’

หลี่ กล่าวถึงการพยายามปฏิบัติงานอย่างแข็งขัน เพื่อตอบสนองความต้องการของมหกรรมการเดินทางเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นเทศกาลตามประเพณีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน และตรงกับวันที่ 10 ก.พ. ในปีนี้ ส่วนมหกรรมการเดินทางดังกล่าวตรงกับวันที่ 26 ม.ค.-5 มี.ค. นี้

ทั้งนี้ การคาดการณ์ของทางการจีนระบุว่าจำนวนการเดินทางของผู้โดยสารทางรถไฟและการบินพลเรือนระหว่างมหกรรมการเดินทางดังกล่าวจะสูงเป็นประวัติการณ์

บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด คาดการณ์ว่าเครือข่ายทางรถไฟจะรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร 480 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.9 เมื่อเทียบปีต่อปี ด้านสำนักบริหารการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน คาดการณ์ว่าภาคการบินพลเรือนจะรองรับการเดินทางของผู้โดยสารมากกว่า 80 ล้านครั้ง

‘นครซีอัน’ จัดบริการ ‘รถไฟฟรี’ ขบวนพิเศษ พา ‘แรงงานต่างถิ่น’ กลับบ้านฉลองตรุษจีน

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 67 สำนักข่าวซินหัว, ซีอัน เหล่า ‘แรงงานต่างถิ่น’ ในมณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ออกเดินทางด้วยรถไฟฟรีขบวนพิเศษ จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ ซีอัน-เฉิงตู, ซีอัน-เจิ้งโจว และ ซีอัน-หลานโจว เพื่อกลับภูมิลำเนาในวันแรกของมหกรรมการเดินทาง ในช่วงเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2024

การบริการรถไฟฟรีสำหรับผู้ที่กลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ เป็นมาตรการพิเศษจากบริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด สาขาซีอัน และสหภาพการค้าแห่งซีอัน ซึ่งริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2019 และเป็นประโยชน์กับแรงงานต่างถิ่นในส่านซีมากกว่า 4,000 คนแล้ว

อนึ่ง มหกรรมการเดินทางเทศกาลตรุษจีน ปี 2024 ระยะ 40 วัน ตรงกับวันที่ 26 ม.ค.-5 มี.ค. นี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top