Monday, 6 May 2024
กวาดล้างยาเสพติด

นราธิวาส - ผู้ว่าฯนราธิวาส ประชุมกรมการจังหวัดนราธิวาส แถลงข่าวมาตรการกวาดบ้านตนเอง ขานรับนโยบายรัฐบาล เพื่อแก้ไขและกวาดล้างยาเสพติด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

วันนี้ 22 ก.พ.65 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัดนราธิวาส โดยมีคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ปลัดจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บังคับการตำรวจ ทหาร นายอำเภอทั้ง 13 อำเภอ ข้าราชการรัฐวิสาหกิจ เอกชน เจ้าหน้าที่ ร่วมประชุมฯ

 โดยในที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้มอบรางวัลโครงการคัดเลือกหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวทาง (แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ) หมู่บ้านอยู่เย็น ประจำปี 2564  ให้กับผู้แทนหมู่บ้านในโอกาสนี้ด้วย

นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส   กล่าวว่า การประชุมกรมการจังหวัดนราธิวาส ครั้งนี้ อยากให้ทุกหน่วยมารับฟังข้อมูล และปัญหาอุปสรรคในพื้นที่ เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

การรณรงค์ให้หน่วยงานราชการ สวมใส่ผ้าลายขอพระราชทานฯสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ภายใต้แนวคิด ผ้าไทยใส่สนุก เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ตามวิถีที่เป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่นให้สามารถก้าวสู่ระดับสากล

พร้อมกล่าวเพิ่มเติมเชิญชวนหน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ร่วมเดินรณรงค์ในกิจกรรมสัปดาห์การรณรงค์ โดยใช้ชื่อ "การรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม" ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นี้ ณ บริเวณโรงเรียนเทศบาล 1  อ.เมือง จ.นราธิวาส  ไปจนถึงบริเวณหน้าตลาดบางนาค ในเขตเทศบาลนราธิวาส

ทางด้านนายแพทย์ชัยวัฒน์  พัฒนาพิศาลศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงภาพรวมของ ci หรือศูนย์พักคอยของจังหวัดนราธิวาส  ล่าสุดจังหวัดนราธิวาสจัดเตรียมไว้ กว่า 700 แห่ง และอาจเพิ่มจำนวนขึ้นตามสถานการณ์ในพื้นที่ ขณะที่สถานการณ์โอมิครอนในพื้นที่อยู่ในช่วงการเฝ้าระวัง เนื่องจากเป็นช่วงขาขึ้น อีกทั้งมีการผ่อนคลายในพื้นที่มากขึ้น  สำคัญคือทุกคนต้องดูแลตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด DMHTT  และการเตรียมแผนเผชิญเหตุหากพบผู้ติดเชื้อในหน่วยงาน ทั้งนี้ภาพรวมการบริหารจัดการเตียง มีระดับสีเหลือง สีเหลืองเข้ม และสีแดง สำรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง

พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ฉีดวัคซีนโควิด-19 ป้องกันตนเองและคนรอบข้าง หลีกเลี่ยงไปสถานที่ชุมชน และงดการรับประทานอาหารเป็นกลุ่ม เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเชื้อโอมิครอน ที่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย 

นายกฯ สั่ง ผบ.ตร. เร่งระดมกวาดล้าง 'อาวุธปืน-ยาเสพติด' สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

(9 ต.ค. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และยาเสพติดแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง เปิดให้ประชาชนแจ้งเบาะแส ที่สายด่วน 191,1599 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมักมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญ และหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุมีอาการคุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติด สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีบัญชาให้ ตร. เร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ อาวุธปืน อย่างเร่งด่วนแบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชน ทั้งนี้ ตร.จะมีการระดมกวาดล้างเป็นช่วง ๆ แต่ในช่วงแรกจะระดมอย่างเร่งด่วนก่อน และจะทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ไม่เปิดเผยว่าช่วงใดบ้าง เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิดกฎหมาย 

สำหรับมาตรการในการปราบปรามอาวุธปืน จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อย หรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ต้องสืบสวนติดตามพฤติกรรมในเชิงลึก สามารถแจ้งให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตได้ 

นอกจากนั้นจะมีการตรวจค้นกลุ่มเสี่ยงเช่น กลุ่มวัยรุ่น เด็กแว้นที่มีพฤติกรรมชอบพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และชอบยิงปืน นักเลงอันธพาล ที่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย ก่อความเดือดร้อน รําคาญ บุคคลที่พกพาอาวุธปืนติดตามผู้มีอิทธิพล ผู้กว้างขวาง ผู้ประมูลรับเหมางานรายใหญ่ 

บุคคลที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้ติดตามทวงหนี้ บุคคลพ้นโทษ บุคคลที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน หรือความผิดอื่นโดยใช้อาวุธปืนในการกระทําความผิด บุคคลที่มีพฤติกรรม หรือลักลอบผลิต จําหน่ายหรือขายอาวุธปืนทางอินเทอร์เน็ต (online) รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเฉพาะผู้ผลิต ผู้จําหน่าย รายใหญ่ และผู้มีประวัติถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำซาก

ในขณะเดียวกัน จะมีการตรวจค้นจับกุมแหล่งค้า ผลิต ซุกซ่อนอาวุธที่ผิดกฎหมาย แหล่งอบายมุข แหล่งมั่วสุม สถานบริการ กําหนดจุดตรวจ จุดสกัด และตั้งด่านตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะ สกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ สุ่มตรวจ ค้นสัมภาระรถโดยสารสาธารณะ สกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย นําเข้า และส่งออก อาวุธผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การปราบปรามการค้าอาวุธข้ามชาติ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการและควบคุมสั่งการ ในเรื่องนี้ ทั้งในระดับสถานี, กองบังคับการ และกองบัญชาการ เพื่อบริหารจัดการคดีไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน วางระบบการประสานงานและส่งต่อข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขันควบคุมการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด 

ส่วนในด้านการปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก จะมีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทําความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สิน ทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน ต่อผู้กระทําผิดทุกกรณี 

ผบ.ตร.โชว์ผลระดมกวาดล้างยาเสพติด ภาคเหนือ ยึดทรัพย์กว่า 17 ล้านบาท  รวบผู้ต้องหากว่า 3,648 ราย หมายจับค้างเก่า 544 คดี คดียา 2,392 คดี อาวุธปืน 1,963 คดี ตรวจยึดปืนกว่า 1,004 กระบอก ยาบ้า 1 แสนเม็ด

วันนี้ (30 ต.ค. 65) เวลา 10.00 น. ที่ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 และ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงผลการระดมกวาดล้างยาเสพติด อาวุธปืน และบุคคลตามหมายจับ ในพื้น 8 จังหวัด ภาคเหนือ ของตำรวจภูธร ภาค5 ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในห้วงระหว่างวันที่ 10–29 ต.ค. 65 มีผลการดำเนินการ ดังนี้
.
  1. บุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 544 หมายจับ ผู้ต้องหา 508 คน 
.
   2.ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2,392 คดี ผู้ต้องหา 2,089 คน ของกลางยาบ้า 100,276 เม็ด ติดตามยึดทรัพย์กว่า 17 ล้านบาท
.
   3.ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 1,963 คดี ผู้ต้องหา 1,051 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 2 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 945 กระบอก มีทะเบียน 57 กระบอก วัตถุระเบิด 2,168 รายการ และเครื่องกระสุน 7,222 นัด

ผบ.ตร.โชว์ผลงานรอบ 2 เดือน เน้นนโยบาย 5 ด้าน เร่งด่วน แก้ปัญหาผู้เสพ- จับกุมปืน- กวาดล้างยาเสพติด-พนันฟุตบอล ทลายเครือข่ายนายทุนจีน แก็งต่างชาติ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

วันนี้ (30 พ.ย. 65 ) เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า “ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ด้านปัญหายาเสพติด อาวุธปืน สถานบริการ การพนัน คดีออนไลน์ และเครือข่ายคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย อย่างเฉียบขาด จริงจัง และต่อเนื่อง โดยบังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. – 28 พ.ย. 65 จำนวน 5 ด้าน ดังนี้

1. สถิติอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (1 ต.ค.- 28 พ.ย. 65) รับคำร้องทุกข์ 142,740 คดี จับกุมได้ 131,349 คดี  คิดเป็น ร้อยละ 92
1.1 จับกุม อาวุธปืนและวัตถุระเบิด  22,027 คดี 20,316 คน (ปืนสงคราม 220 คดี, ปืนไม่มีทะเบียน 6,466 คดี, ปืนมีทะเบียน 529 คดี )
1.2 คดีเกี่ยวกับการพนัน 15,407 คดี ผู้ต้องหา 18,170 คน จับกุมกรณี บ่อนการพนัน (20 คนขึ้นไป) 4 คดี ผู้ต้องหา 108 คน
โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโลก (World Cup 2022) มีผลปฏิบัติ จับกุมเจ้ามือ จำนวน 104 ราย (เจ้ามือ 57 ราย เจ้ามือออนไลน์ 47 ราย) ผู้เล่น 4,975 ราย (ผู้เล่นทั่วไป 4,559 ราย ผู้เล่นออนไลน์ 416 ราย) เดินโพย 22 ราย รวม จำนวนทั้งสิ้น 5,101 ราย โดยยึดของกลางโพยบอล 7,064 ใบ เงินสด 98,140 บาท รวมมูลค่า 1,268,000 บาท
1.3 จับกุมความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 1,032 คดี ผู้ต้องหา 1,024 คน
2. ด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด

2.1 ค้นหาและนำผู้สมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดฯ จำนวน 72,716 ราย และผู้เสพที่มีอาการ   ทางจิตประสาท จำนวน 21,143 ราย รวมทั้งสิ้น 93,859 ราย
2.2 ผู้เสพไม่สมัครใจบำบัดหรือกระทำผิดซ้ำ จับกุม จำนวน 46,980 ราย (กลุ่มฐานความผิดร้ายแรง (ผู้จำหน่าย ครอบครองเพื่อการค้า ซึ่งทำให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน) จำนวน 9,329 ราย
โดยสามารถนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย รวมทั้งสิ้น จำนวน 140,839 ราย ระยะเวลา ต.ค.-พ.ย.65 คิดเป็นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ.2565
2.3 จับกุมยาเสพติด 47,310 คดี  ผู้ต้องหา 46,453 คน ปริมาณของกลางยาบ้า 34,827,953 เม็ด ไอซ์ 67.88 กิโลกรัม เฮโรอีน 125.9 กิโลกรัม เคตามีน 406.5 กิโลกรัม  โคเคน 2.4 กิโลกรัม  และ ยาอี 1,217 เม็ด,ดำเนินการตามยึดทรัพย์ ตามมาตรการฟอกเงิน 3 ราย
2.4 ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรในพื้นที่ 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวนไม่น้อยกว่า 15,000 ราย โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในห้วง ม.ค.-เม.ย.2566
3. ด้านการแจ้งความออนไลน์ และ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ตั้งแต่ 1 มี.ค. – 29 พ.ย.65   รับแจ้งความ 134,268 คดี พบว่า ข้อมูล 5 กลโกงที่พบการรับแจ้งมากที่สุด ( 1.คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า 2.โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม 3. หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน 4. หลอกให้ลงทุน 5. หลอกลวงทางโทรศัพท์แบบเป็นขบวนการ/Call Center)

ข้อมูล 5 กลโกงที่พบความเสียหายสูงสุด ( 1.หลอกให้ลงทุน (6.4 ลบ.) 2.หลอกลวงทางโทรศัพท์แบบ เป็นขบวนการ (2.1 ลบ.) 3. โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม (2.0 ลบ.) 4. หลอกให้รักแล้วลงทุน (0.99 ลบ.) 5. หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน (0.67 ลบ.) สามารถติดตามอายัดบัญชี 49,765 บัญชี สามารถอายัดได้ทัน 385,759,583 บาท
4. ด้านเครือข่ายคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย ผบ.ตร. สั่งการให้ ผบช.สตม. ดำเนินการเพิ่มความเข้มในการคัดกรอง กวาดล้างและจัดระเบียบ  คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย กระทำความผิดลักษณะเป็นเครือข่ายคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ดังนี้
4.1 คัดกรองคนต่างด้าวมีการปฏิเสธคนต่างด้าวเข้าเมือง จำนวน 3,395 ราย คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 2,005 ราย ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น 21 ราย และจัดระเบียบคนต่างด้าวในประเทศ ไม่รายงานตัวฯ 582 ราย (มาตรา 37) ไม่แจ้งที่พักอาศัยคนต่างด้าว 8,770 ราย (มาตรา 38) และจับกุมคนต่างด้าวอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) จำนวน 1,073 ราย
4.2 ขยายจับกุมเครือข่ายนายทุนจีนผิดกฎหมาย จากกรณี ร้านผับจินหลิง คดีที่เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 เข้าตรวจค้น  พบผู้ใช้ยาเสพติดกว่า 104 ราย และพบยาเสพติดจำนวนมาก พร้อมตรวจยึดรถยนต์หรู จำนวน 35 คัน จากการขยายผลพบเพิ่มอีก 4 กรณี ได้แก่
1. ร้านคลับวันพัทยา พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา หลังการตรวจค้น พบยาเสพติดจำนวนมาก ผู้ต้องหา 4 ราย

‘ตำรวจ’ จับ 2 เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่  ฉวยโอกาสช่วงปีใหม่ ขนส่งยาเสพติด

การกวาดล้างจับกุมและขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายทุกมิติอย่างเร่งด่วน  ตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.นั้น ตำรวจ ปส. ได้ขับเคลื่อนการทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุมเข้มตรวจสอบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในห้วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งขบวนการมักอาศัยช่วงเวลาเหล่านี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปจำหน่ายให้กลุ่มลูกค้าตามสถานบันเทิง สถานบริการจำนวนมาก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) / ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.ธนรัช สอนกล้า ผบก.ปส.2 สั่งการให้ รวบรวม ตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า มีกลุ่มขบวนการลักลอบ ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งทำกันเป็นขบวนการ และดำเนินการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งสามารถจับกุมได้ 2 คดี 

คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 จับกุม นายสมบูรณ์ สงวนนามสกุล อายุ 43 ปี ได้ริมถนนมิตรภาพ บริเวณแยกจุดให้สัญญาณจราจร ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี พร้อมตรวจยึดสารไอซ์ จำนวน 135 กก., ยาอี 40 ถุง รวม 40,000 เม็ด, วัตถุออกฤทธิต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 (เคตามีน) จำนวน 44 กก., ยา Happy water บรรจุอยู่ในซองกาแฟซอง 1,313 ซอง, รถยนต์ PROTON หมายเลขทะเบียน ฆฮ 2893 กทม. ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด และ โทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง

เบื้องต้น แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (สารไอซ์, ยาอี, Happy water) ไว้ในความครอบครองเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลงานรอบ 6 เดือน” ระดม กวาดล้าง ปราบปรามยาเสพติด คดีออนไลน์  บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง  บูรณาการทุกด้านในทุกภาคส่วน

วันนี้ (4 เม.ย.66) เวลา 11.00 น. ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนด้านคดียาเสพติด คดีออนไลน์ บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด จริงจัง บังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย ยังคงนโยบาย ผบ.ตร. (10 ข้อ) โดยเฉพาะการ พิทักษ์ เทิดทูน และเทิดพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การยกระดับการบริการประชาชน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติดทุกมิติ และอาชญากรรมออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 – 31 มี.ค.66 ดังนี้

1. การกวาดล้างอาชญากรรม
1.1 ผลคดีอาญา 4 กลุ่ม จำนวนคดี 422,831 คดี  จับกุมได้ 392,693 คดี (คิดเป็น 93%)
1.2 ผลระดมปราบปรามอาชญากรรม

- ระดมกวาดล้างอาวุธปืนช่วงก่อนการเลือกตั้ง (18-25 มี.ค.66) จับกุมรวม 3,116 ราย ยึดของกลาง 67,980 รายการ
- ระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ 2566 ช่วง 29 มี.ค.-10 เม.ย.66 จับกุม อาชญากรรมทั่วไป 15,707 คดี ผู้ต้องหา 16,670 คน  และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1,284 คดี ผู้ต้องหา 1,272 คน

2. การป้องกันปราบปรามยาเสพติด
2.1 ผลการจับกุมคดียาเสพติด 152,231 คดี ผู้ต้องหา 153,315 คน ยึดทรัพย์ของกลาง 620 ล้านบาท  และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องฯ 12,662 ล้านบาท ปริมาณยาเสพติดเป็นยาบ้า 240 ล้านเม็ด เฮโรอีน 314 กก., ไอซ์ 8,080 กก, เคตามีน 2,403 กก., ยาอี 85,960 เม็ด และโคเคน 9 กก.
2.2 โครงการค้นหาผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด และผู้ป่วยจิตเวช เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวม 271,408 คน แบ่งเป็น ผู้ใช้ผู้เสพที่สมัครใจบำบัด 213,106 ราย, ผู้ป่วยจิตเวชที่มีสาเหตุจากยาเสพติด 35,601 ราย  ผู้ป่วยจิตเวชที่มิได้มีสาเหตุจากยาเสพติด 22,701 ราย
2.3 โครงการชุมชนยั่งยืน  จัดอบรม ครู ก. จำนวน 12 รุ่น ผ่านการอบรม 3,391 คน  และอบรม ครู ข. จำนวน 85 รุ่น ผ่านการอบรม 10,381 คน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด สร้างวิทยากรภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่ชุมชนให้ความรู้การดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนและเป็นชุดปฎิบัติการชุมชนยั่งยืนในชุมชน หมู่บ้าน 
2.4 โครงการหนองบัวลำภูต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติดครบวงจร ดำเนินการการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยแนวคิด Change for Good , รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ และแจ้งเบาะแสการกระทำผิด, จัดชุดคัดกรองและดูแลผู้ป่วยจิตเวช ตั้งทีมผู้พิทักษ์ และชุดนาคาพิทักษ์ หากมีผู้ป่วยคลุ้มคลั่ง, จัดทำข้อมูลท้องถิ่น 

จากการ Re X-ray พบผู้เสพ 2,044 คน ผู้ค้า 389 คน ผู้ป่วยจิตเวช 320 คน  และอีกส่วนได้คัดกรองในชุมชนแบบทั่วไป พบผู้เสพอีก 701 คน และในด้านปราบปราม ได้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ถนนสายหลัก 7 จุด ถนนสายรอง 721 จุด ทำการสุ่มตรวจ 644 ครั้ง ตรวจพัสดุไปรษณีย์ 6 ครั้ง ขยายผลเครือข่ายยาเสพติดทำการยึดทรัพย์แล้ว 2 คดี และได้สุ่มตรวจเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหาสารเสพติด 76 หน่วย 3,783 ราย พบมีสารเสพติด 43 ราย

3. การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
3.1 จับกุมผู้ต้องหารวม 332 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 3,638 ล้านบาท อายัดเงินได้ 449,190,107 บาท  พบสถิติประเภทคดีสูงสุด 5 อันดับได้แก่ หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ(ไม่เป็นขบวนการ), หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานฯ, หลอกให้กู้เงิน, หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์, ข่มขู่ทางโทรศัพท์(Call Center)  บังคับใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.66 เป็นต้นไป
3.2 การระงับธุระกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีที่มีความเสี่ยงสูง “บัญชีม้า” ตามประกาศ ปปง. ดำเนินการแล้ว 693 ราย 1,381 บัญชี 
 3.3 โครงการสร้างภาคีเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccine) จัดโครงการอบรมครู แม่ไก่ 11 บช. รวม 116 นาย, ครู ข.ไข่ 29 บก. จำนวน 4,468 คน จัดตั้งกลุ่มไลน์เผยแพร่สื่อ จำนวน 37 กลุ่มไลน์ และจะดำเนินการอบรมครู ข.ไข่ ใน 56 จังหวัด อีก 3,548 คน ให้เสร็จสิ้นภายในเดือน เม.ย.6
 3.4 MOU กับเครือซีพี ประชาสัมพันธ์สื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  สร้างเครือข่ายในการยับยั้ง ป้องกัน และสร้างภูมิคุ้มกัน (Cyber Vaccine) ในทุกช่องทางการสื่อสารในเครือซีพี เครือข่ายมือถือทรูทูฟ เอช ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 13,000 กว่าสาขา ห้างแม็คโคร 152 สาขา และโลตัส กว่า2,000 สาขา สถานีข่าว TNN16 และช่อง True4U  และตั้งคณะทำงานร่วมกับภาคเอกชน ผลิตสื่อเตือนภัย เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ เช่น บนรถไฟฟ้า BTS, ป้อมตำรวจจราจร, เผยแพร่ทางสถานีวิทยุ ตร., สถานีบริการน้ำมัน ปตท. 2,200 แห่งทั่วประเทศ
3.5 ปรับปรุงศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ 1441 ขยายคู่สายการให้บริการจากเดิม 4 คู่สาย เป็น 15 คู่สาย
3.6 ร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ เปิดปฏิบัติการ “Shell Game” ซึ่งผู้เสียหายชาว USA ได้ถูกแก๊ง Call Center ข่มขู่ว่าเหยื่อเกี่ยวข้องกับคดีและให้โอนเงินไปตรวจสอบ และถูก Hack และส่งไวรัสให้เหยือเห็นว่ามีเงินโอนผิดและหลอกให้โอนเงินคืน ซึ่งคดีเกิดใน USA ระหว่าง ค.ศ.2020-2021 จำนวน 72,000 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านเหรียญ  โดยในประเทศไทยจะเป็นฐานในการเปิดปัญชีม้า  แล้วมีกระบวนการฟอกเงินแล้วโอนกลับไปยังคนร้ายที่อยู่ต่างประเทศ

4. การจราจร
4.1 MOU กับกรมการขนส่งทางบก เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายจราจรทางบก ลดการกระทำผิดกฎหมาย ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยกำหนด 2 มาตรการ คือ 1.การตัดคะนนความประพฤติ ซึ่งได้เริ่มไปเมื่อ 9 ม.ค.66 ที่ผ่านมา และ 2. การชะลอการออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ จะเริ่มบังคับใช้ 1 เม.ย.66 
4.2 สถิติการตัดคะแนนความประพฤติ (9 ม.ค.66 – 31 มี.ค.66) มีผู้ถูกตัดคะแนนแล้วทั้งสิ้น 47,495 ราย  ยังไม่มีผู้ถูกสั่งพักใบอนุญาต / สามข้อหาที่มีการตัดคะแนนมากที่สุด  1) ใช้รถไม่แสดงเครื่องหมายเสียภาษีประจำปี 13,442 ราย 2 )ไม่สวมหมวกนิรภัย 8,943 ราย 3)ใช้รถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน 7,845 ราย / สามจังหวัดที่มีการบันทึกและตัดคะนนมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 6,668 ราย ,ชัยนาถ 4,440 ราย และเพชรบุรี 2,232 ราย/ ใบสั่งทั้งหมด 21,604,518 รายการ ชำระค่าปรับแล้ว 4,374,639 รายการ(คิดเป็น 20.25%)
4.3 มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 แบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงก่อนควบคุมเข้ม(4-10 เม.ย.66) ช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (11-17 เม.ย.66) และช่วงหลังควบคุมเข้มข้น (18-24 เม.ย.66) โดยสั่งการให้ บก.ทล.เป็นศูนย์ควบคุมสั่งการหลัก รับผิดชอบทางหลวงแผ่นดินและเส้นทางหลัก  ให้ บก.จร.รับผิดชอบในเขตกรุงเทพและปริมณฑล  เตรียมประกาศช่องทางเดินรถพิเศษ(Reverdible Lane) และเส้นทางที่ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปผ่าน เน้นบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก 
5. การยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ 

ตำรวจ ปส.(NSB) ลุยหนักจับ 4 ผู้ต้องหาเครือข่ายลำน้ำโขง พร้อมด้วยยาบ้า 7 ล้านเม็ด ผ่านทางเรือด้าน จ.นครพนม เพื่อส่งต่อปลายทางประเทศที่ 3

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย รวมทั้งสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดที่ขบวนการค้ายาเสพติด นำยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้ามาในประเทศไทย   ไปยังปลายทาง ให้หมดสิ้นโดยเร็ว พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดในประเทศอย่างเด็ดขาด  โดยในห้วงที่ผ่านมา ตำรวจ ปส.(NSB)  ได้เฝ้าติดตามเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามลำน้ำโขง บริเวณตะเข็บชายแดนในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อส่งต่อให้กับผู้ค้าในภาคกลางและภาคใต้ ก่อนไปสู่ประเทศที่ 3
 
พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เฉลิมชัย ไวยสุระสิงห์ ผกก.3 ปส.2 นำกำลังตำรวจ ปส.2  สืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวขบวนการค้ายาเสพติดข้ามแม่น้ำโขง จนกระทั่งทราบว่าจะมีการขนลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่จากประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามฝั่งโขงมาส่งให้ขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศไทย จึงได้วางกำลังตำรวจ ปส.2 เฝ้าระวังตลอดพื้นที่ที่เป็นจุดผ่านยาเสพติดตามแนวชายแดน จ.นครพนม และ จ.สกลนคร  ต่อมาวันที่ 16 พ.ค.66 เวลาประมาณ 04.00 น. ได้มีกลุ่มรถกระบะต้องสงสัย วิ่งไปตามเส้นทางริมลำน้ำโขง ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีรถนำสำรวจเส้นทาง เพื่อสำรวจด่านตรวจรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีรถที่ขับตาม  ตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามไปจนกระทั่งรถกระบะ 2 คัน ขับขี่เข้าไปในปั้มน้ำมัน ปตท.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ตำรวจ ปส.2 จึงได้สกัดจับกุม 4 ผู้ต้องหา พร้อมรถกระบะ 2 คัน หมายเลขทะเบียน บน -6XX นครพนม มีนายสุริยันต์ เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.พลา นั่งไปด้วย และ รถกระบะหมายเลขทะเบียน บว -54XX สกลนคร  มีนายชิณวัตร เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.ปรียาพร นั่งไปด้วย จากการตรวจค้นรถกระบะหมายเลขทะเบียน บน -6XX นครพนม พบยาบ้า 14 กระสอบ รวม 7 ล้านเม็ด ตำรวจ ปส. ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ทราบว่า “ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1(เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจานในกลุ่มประชาชน” จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ยึดยาเสพติดและรถกระบะ 2 คันไว้เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี โดย ตำรวจ ปส.2 จะขยายผลติดตามจับกุมผู้สั่งการซึ่งเป็นชาวไทยที่หลบหนีคดียาเสพติดไปอาศัยในประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
 
สำหรับยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้นั้น พนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส., กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จากนั้นยาเสพติดของกลางจะถูกเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการทำลายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top