Monday, 6 May 2024
กฎหมาย

จบข้อพิพาทได้ด้วย ’อนุญาโตตุลาการ’ แบบไม่ต้องขึ้นศาล |Click on Clear THE TOPIC EP. 155

📌รู้จักกฎหมายน่ารู้! ไปกับ ‘ทัศไนย ไชยแขวง’ อนุญาโตตุลาการ/อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์
📌ใน Topic : จบข้อพิพาทได้ด้วย ‘อนุญาโตตุลาการ’ แบบไม่ต้องขึ้นศาล!!!

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

🕗 เวลา 2 ทุ่มตรง รับชมไปพร้อมกัน !!

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

🎥 ช่องทางรับชม LIVE 
Facebook: THE STATES TIMES
YouTube: THE STATES TIMES
TikTok: THE STATES TIMES

ถอดรหัสเทคนิค! พิชิตข้อสอบเนติบัณฑิต!! | Click on Clear THE TOPIC EP.181

📌 ไขเคล็ดลับ ‘สอบเนติบัณฑิต’ ผ่านฉลุย! ไปกับ ‘นางสาวณัชชา ติรวัฒนกุล’ ติวเตอร์สอนกฎหมายระดับเนติบัณฑิตและผู้ช่วยผู้พิพากษา!
📌ใน Topic : ถอดรหัสเทคนิค! พิชิตข้อสอบเนติบัณฑิต!!

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

'โฆษกรัฐบาล' เผย 'บิ๊กตู่' น้อมรับคำวินิจฉัยศาลรธน. ติง!! 'เหล่ากูรู' อย่าตีความสร้างประเด็นบิดเบือน

เมื่อวันที่ (10 ส.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีมีการเผยแพร่เอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 61 อ้างความเห็นของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และนายสุพจน์ ไข่มุกด์ ต่อประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีว่า มองว่ามีความพยายามของคนบางกลุ่ม ต้องการกดดันหวังสร้างประเด็นให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม โดยหยิบเอาบางช่วงบางตอนของเอกสาร ที่เป็นความเห็นของกรรมการเพียงไม่กี่คนมานำเสนอจนเกิดความสับสน

ทั้งที่เอกสารฉบับนี้ เป็นแค่บันทึกการประชุมหรือบันทึกการแสดงความเห็นของกรรมการ แต่ไม่ใช่มติ โดยหน้าปกเอกสารก็ระบุชัดเจนว่ากรธ.ยังไม่ได้รับรอง จึงไม่ควรนำมาใช้อ้างอิง และการประชุมในวันนั้น เกิดขึ้นหลังจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้ไปแล้ว เพื่อจัดทำเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในขั้นตอนถัดมา ซึ่งท้ายที่สุดก็ไม่ได้ระบุไว้

ศาลกาฬสินธุ์ติวเข้มผู้บังคับใช้กฎหมาย

ศาลกาฬสินธุ์จัดอบรมโครงการส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านการยุติธรรม ของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นกลไกหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการยุติธรรมทุกภาคส่วน ติวเข้มผู้บังคับใช้กฎหมายทั้งระบบยุติธรรมที่โรงแรมชาร์ลองบูทรีค อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นางสาวโกมลลดา ไกรสิงห์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางวัฒนานันท์ ธรรมบุตร ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาล จ.กาฬสินธุ์ นายพูนศักดิ์ นามเพ็ง ส่วนช่วยอำนวยการประจำศาล จ.กาฬสินธุ์ เปิดการอบรมตามโครงการส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทุกระบบ โดยมีนายณัชฐปกรณ์ เจริญรัตนวานนท์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาล จ.กาฬสินธุ์ นายอัครรัฐ สูตรสุวรรณ ผู้พิพากษาศาล จ.กาฬสินธุ์ เป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านกฎหมาย

นางสาวโกมลลดา ไกรสิงห์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า โครงการส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านการยุติธรรม ของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมจัดขึ้นเพื่ออบรม ให้ความรู้เพิ่มเติมในด้านกฎหมาย เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วนในกระบวนยุติธรรมภายใน จ.กาฬสินธุ์ทั้งระบบ ทั้งในส่วนประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับยาเสพติดที่ให้โทษ นอกจากนี้ยังเกี่ยวกับกฎหมายที่แก้ไขฉบับใหม่ ซึ่งการประสานความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้ระเบียบงานที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมใน จ.กาฬสินธุ์

ทั้งนี้ ศาลยุติธรรมเป็นสถาบันหลักในการอำนวยความยุติธรรม และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามแผนยุทธศาสตร์ศาลยุติธรรม พ.ศ. 2565-2568 เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย  ในการประสานความร่วมมือด้านกระบวนการยุติธรรมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน รวมถึงวางแนวทางแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันระหว่างหน่วยงาน เพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรมและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ภายใต้ยุทธศาสตร์กระบวนการยุติธรรม เพื่อขับเคลื่อนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทุกภาคส่วนให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ภายใต้ระบบนิติธรรม เพื่อพัฒนาเครือข่ายในการแก้ไขปัญหา การปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ของสำนักงานศาลยุติธรรมและศาลกาฬสินธุ์

‘บิ๊กตู่’ เด็ดขาด!! จับกุมเอาผิด ‘ยาเสพติด-ปืนเถื่อน’ ชี้!! ผลระดมกวาดล้างช่วงที่ผ่านมา เป็นที่น่าพอใจ

‘บิ๊กตู่’ สั่งการเด็ดขาด จับกุม ดำเนินคดี ลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง ให้ทุกหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ‘เผย’ ผลระดมกวาดล้างยาเสพติด-อาวุธปืน เป็นที่น่าพอใจ

(29 ต.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืน และยาเสพติดที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง โดยเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายบูรณาการร่วมกันแก้ปัญหา นำหน่วยงานในท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เข้มข้น เพื่อให้การปฏิบัติเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยได้กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างยาเสพติดและอาวุธปืนอย่างจริงจัง 

นายอนุชา กล่าวว่า ผลการระดมกวาดล้างยาเสพติดในช่วงวันที่ 10-19 ต.ค. 65 ภาพรวมการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีผลการดำเนินการจับกุมบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 3,884 หมายจับ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 15,710 คดี (ผู้ต้องหา 15,866 คน) ของกลางยาบ้า 18,314,853 เม็ด ยาไอซ์ 297,690 กรัม เฮโรอีน 30,735 กรัม ยาอี 6,550 กรัม ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 3,984 คดี ยึดของกลางอาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 2,438 กระบอก มีทะเบียน 452 กระบอก วัตถุระเบิด 600 รายการ และเครื่องกระสุน 16,168 นัด โดยการจับกุมแบ่งเป็นการจับกุมความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายอาวุธปืนฯ โดยผิดกฎหมาย ทั้งทางตรงและทางออนไลน์ จำนวน 97 คดี ผู้ต้องหา 63 คน ยึดของกลางอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 46 กระบอก มีทะเบียน 12 กระบอก วัตถุระเบิด 156 รายการ เครื่องกระสุน 1,296 นัด และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ อื่นๆ จำนวน 3,887 คดี (จับกุมผู้ต้องหา 3,864 คน) พร้อมของกลาง อาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก อาวุธปืน (ไม่มีทะเบียน) 2,392 กระบอก มีทะเบียน 440 กระบอก วัตถุระเบิด 444 รายการ เครื่องกระสุน 14,872 นัด

เคลียร์ความจริง!! จาก 10 ข้อบิดเบือนเรื่อง ม.112 หากไม่อยากเฉียดคุก อย่าหลงเชื่อการปั่นแบบผิดๆ

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ‘ม.112’ ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะในม็อบ ในสภา หรือแม้แต่ในโลกโซเชียลก็ตาม

ทว่า…สิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง ม.112 นั้น ดูจะผิดทางไปเยอะเลย เพราะบางคนเอาแต่คิดว่าเป็นกฎหมายไม่ยุติธรรม บางคนถึงขั้นสาปแช่ง ด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ ทั้งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจกฎหมายมาตรานี้อย่างถ่องแท้ด้วยซ้ำ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 65 ช่องยูทูบ ‘Lue History’ ได้โพสต์คลิปความยาว 4.52 นาที อธิบายเรื่อง ม.112 โดยใช้ชื่อคลิปว่า ‘เคลียร์ชัดๆ กับ 10 ข้อบิดเบือนเรื่อง ม.112’ ซึ่งเป็นการนำคลิปที่พูดถึงม.112 ในทางบิดเบือนและเผยแพร่ในโลกออนไลน์ มาเป็นตัวอย่างประกอบ โดยเนื้อหาในคลิปทั้งหมดระบุว่า…

1.) ใครจะแจ้งความก็ได้ เพราะมาตรา 112 อยู่ในหมวดความมั่นคง เป็นอาญาแผ่นดินไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เสียหายก็ฟ้องได้ จากสถิติครึ่งหนึ่งก็เป็นประชาชนนี่แหละ ที่ฟ้องกันเอง 
>> Lue History อธิบายว่า ถูกต้องแล้ว ใครก็แจ้งความได้ ใจคอจะให้ในหลวงมาแจ้งความด้วยตัวเองเลยหรือไง? แล้วที่มาบอกว่าอยากจะแจ้ง ก็เดินไปแจ้งที่สน. ได้เลยเนี่ย อันนี้ไม่ถูก เพราะการจะแจ้งความในมาตรานี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เพราะต้องไปพร้อมเอกสารที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นตำรวจไม่รับแจ้งความ

2.) คดีออนไลน์จะแจ้งความจากที่ไหนก็ได้ เพราะอำนวยความสะดวกให้ผู้ฟ้อง 
>> Lue History อธิบายว่า คดีออนไลน์ ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ฟ้อง ไม่ใช่ผู้กระทำผิด ส่วนหากกังวลเรื่องการกลั่นแกล้งนั้น ก็เกี่ยวโยงกับข้อแรกเต็มๆ เพราะหากไม่ได้กระทำผิด แล้วไปฟ้องแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งกัน ก็จะโดนข้อหา แจ้งความเท็จ ติดคุก 5 ปี ฉะนั้นหากไม่ได้ทำผิด ไม่ต้องกลัว!!

3.) ตามกฎหมายแล้วตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษาที่รับคดีมาจะไม่มีอำนาจตัดสินใจเอง เพราะต้องผ่านคณะกรรมการกลางที่มีตำรวจระดับสูง และผู้พิพากษาระดับสูงก่อน 
>> Lue History อธิบายว่า นี่คือเหตุผลว่า การฟ้องมาตรา 112 ไม่ได้ทำกันง่ายๆ ไม่ได้กลั่นแกล้งกันง่ายๆ เพราะว่ามีขั้นตอนการกลั่นกรองตรวจสอบ 

4.) คดี 112 เป็นคดีนโยบาย รัฐบาลจะสั่งให้หยุดใช้เมื่อใดก็ได้ และที่ผ่านมาก็มีการบังคับใช้เป็นระลอก ตามช่วงเวลาสำคัญทางการเมือง
>> Lue History อธิบายว่า ไม่มีหรอกคดีนโยบาย และรัฐบาลจะสั่งให้ใช้หรือไม่ให้ใช้ไม่ได้ เพราะ ม.112 เป็นมาตราหนึ่งในรัฐธรรมนูญ (กฎหมายสูงสุด) แม้แต่ในหลวงก็สั่งไม่ได้ เพราะในหลวงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และเช่นกันถ้ามีใครมาร้องเรียนแล้วมีหลักฐานเพียงพอ ถ้าภาครัฐไม่ปฏิบัติตาม ถือว่ามีความผิดมาตรา 157 

'ส.ส.เพื่อไทย' ป้อง 3 นิ้ว อัด 'ประยุทธ์' ใช้แต่ความอยุติธรรม มุ่งจัดการคนเห็นต่าง ยัดคดีให้เยาวชนติดคุก

(3 ก.พ. 66) นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยภายหลังการรัฐประหาร สิ่งที่เปลี่ยนไป คือพลเอกประยุทธ์ มีอำนาจมากมาย พบว่าตั้งแต่ยึดอำนาจมาพลเอกประยุทธ์ ใช้อำนาจเป็นกฎหมายมาโดยตลอด ในขณะนั้นอาศัยอำนาจหัวหน้าคณะรัฐประหาร ไปทดแทนกฎหมายทุกฉบับ สามารถจัดการภายในองค์กรต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่ตัวเองกำหนด วางคนของตัวเองคุมหน่วยงานสำคัญของประเทศ แม้ประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แล้วก็ไม่คืนอำนาจให้กับประชาชน

นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ ใช้ศูนย์ดำรงธรรมที่กำกับดูแลโดยกองทัพบกขับเคลื่อนสังคมไทย และใช้ขบวนการของกองทัพบกมาเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดิน การบริหารประเทศตกไปอยู่ในอำนาจกองทัพ ผ่านสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทั้งเศรษฐกิจสังคม ต้องรอให้สมช.อนุมัติ ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มที่เห็นต่างกับรัฐบาลจึงเป็นความต้องการของพลเอกประยุทธ์ มีการใช้กฎหมายมาตรา 112 และมาตรา 116 ในการจับกุมกลุ่มคนที่เห็นต่าง มีการใช้กฎหมายทุกมาตราจับกุมประชาชนเป็นจำนวนมาก ที่น่าประหลาดใจคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอ้างกฎหมายจับกุม เยาวชนอายุไม่ถึง 15 ปี ซึ่งเป็นความผิดปกติของสังคมไทย

‘เพื่อไทย’ จี้ รบ. นำ พ.ร.บ.เช็ค ขึ้นพิจารณา ลั่น!! พร้อมร่วมประชุมถก กม. ที่ค้างหลายฉบับ

(22 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย และนายกฤษดา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย รับหนังสือจาก น.ส.สมหญิง รัตนุ่มน้อย เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎร เร่งรัดพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 เพื่อให้มูลความผิดของผู้ที่ไม่มีเจตนาทุจริตในการสั่งจ่ายเช็ค มีโทษเพียงทางแพ่ง แต่ไม่มีโทษอาญาที่ต้องถูกปรับ และจำคุกอีกต่อไป

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้ประสานงานกับผู้ได้รับผลกระทบมาสักระยะแล้ว โดยประชาชนที่เดือดร้อนได้เรียกร้องผ่าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ช่วยเร่งรัดกระบวนการทางกฎหมายที่ค้างในสภาฯ ซึ่งนพ.ชลน่าน ได้นำเรื่องปรึกษาประธานสภาฯ เพื่อหาวิธีการเลื่อนระเบียบวาระขึ้นมาพิจารณา เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเดือดร้อนของประชาชน อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (23 ก.พ.) เป็นวันสุดท้ายของการประชุมสภาฯ ในสมัยประชุมนี้ ตนจึงหวังว่าจะมีการเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นว่ากฎหมายที่ค้างอยู่หลายฉบับเป็นสิ่งสำคัญ พวกเราส.ส.พรรคเพื่อไทย ยินดี และพร้อมทำงาน ซึ่งหากพิจารณาวาระแรกได้ เมื่อรัฐบาลหน้าเข้ามาค่อยว่ากันต่อ พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ถ้าเลือกตั้งเสร็จแล้วพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะยืนยันกฎหมายฉบับนี้ เพื่อแก้ไขให้ประชนชนที่ได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 5 ล้านราย

‘รัฐบาล’ ยัน มีกฎหมายควบคุมอาหารผสมกัญชา ย้ำ!! ร้านต้องขึ้นป้ายแจ้งชัดเจน ฝ่าฝืนปรับ 5 หมื่นบาท

(4 มี.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มีรายงานข่าวระบุถึง กรณีทางการของต่างประเทศ ได้มีคำเตือนประชาชนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย ให้ระมัดระวังการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ที่อาจพบได้โดยทั่วไปนั้น ขอชี้แจงว่ารัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินดูแลและควบคุมในเรื่องนี้อย่างรัดกุม มีกฎหมายกำหนดให้ร้านอาหารทุกแห่งที่จำหน่ายเมนู ซึ่งมีส่วนผสมของกัญชา กัญชง ต้องดำเนินการปิดป้ายแสดงให้ลูกค้าทราบอย่างจัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภครวมถึงนักท่องเที่ยวทราบ และตัดสินใจเลือกได้ ว่าจะรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมนั้นหรือไม่ โดยหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับ 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 โดยรายละเอียดแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารจะอยู่ใน ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ การควบคุมคุณภาพและการจัดการ สุขลักษณะของการจำหน่ายอาหารประเภทปรุงสำเร็จในสถานที่จำหน่ายอาหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2565 เป็นต้นมา

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตามประกาศฯ ได้กำหนดให้ร้านอาหารที่มีการนำกัญชาหรือกัญชง มาเป็นส่วนประกอบต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้

1.) แสดงข้อความหรือป้ายสัญลักษณ์ว่าเป็นสถานที่จำหน่ายอาหาร ที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบ

2.) แสดงรายการอาหารที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบ

3.) แสดงข้อแนะนำความปลอดภัยในการบริโภค อาทิ บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ควรงดเว้นรับประทาน, ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที รีบพบแพทย์หากมีอาการรุนแรง, รับประทานแล้วเกิดอาการง่วง ซึม ให้หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล เป็นต้น (อ่านประกาศฉบับเต็ม : bit.ly/3ENUOti)

เสี่ยงผิดกฎหมาย!! 'ทนายรัชพล' เตือน!! นทท.ฮิตใส่ชุดนักเรียน อาจผิดกฎหมาย หากปักชื่ออักษรย่อ แล้วตรงกับชื่อของโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง

ทนายรัชพล ออกโรงเตือนใส่ชุดนักเรียนทั้งที่ไม่ได้เป็นนักเรียน ผิดกฎหมาย-เสี่ยงถูกปรับ หลังเกิดเทรนด์ใหม่คนจีนฮิตใส่เที่ยวไทย

กลายเป็นกระแส Soft Power ของประเทศไทย เมื่อนักท่องเที่ยวและดาราซุปตาร์คนดังชาวจีนที่ได้เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย ต่างแห่ซื้อชุดนักเรียนไทยสวมใส่ถ่ายภาพเผยแพร่บนโลกโซเชียล จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของนักท่องเที่ยวชาวจีน ส่งผลทำให้ร้านขายชุดนักเรียนย่านบางลำพูขายดีขึ้นกว่าเดิม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top