Secret Intelligence Service หรือ SIS (Military Intelligence, Section 6: MI6) หน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัฐบาลสหราชอาณาจักร
Sir Ian Fleming ผู้แต่ง James Bond 007
แฟน ๆ ของ James Bond 007 คงสงสัยว่า 007 ยอดสายลับของรัฐบาลสหราชอาณาจักร สังกัดหน่วยงานไหนกันแน่ ด้วยตัวผู้แต่ง Sir Ian Fleming เคยรับราชการในหน่วยข่าวกรองทางเรือของกองทัพเรืออังกฤษระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงมีประสบการณ์เกี่ยวกับปฏิบัติการด้านการข่าวมากมาย เมื่อ สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงไม่นาน โลกก็เข้าสู่ยุคสงครามเย็น ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์ (สหภาพโซเวียต) กับฝ่ายประชาธิปไตย (สหรัฐอเมริกา) และมีการส่งสายลับไปทั่วโลก Sir Fleming ได้แนวคิดจะเขียนเรื่องราวเป็นนวนิยายเกี่ยวกับสายลับอังกฤษ โดยกำหนดให้สายลับผู้นั้นที่มีใบอนุญาตสังหารคนได้โดยไม่ผิดกฎหมาย และใช้รหัสการทำงาน 007 ชื่อว่า James Bond โดยนำชื่อมาจากนักปักษีวิทยาผู้หนึ่งที่เขาชื่นชอบ และต้นสังกัดของ James Bond ก็คือ Secret Intelligence Service (SIS หรือ MI6) หน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัฐบาลสหราชอาณาจักร ซึ่งขอเรียกหน่วยงานนี้ว่า MI6 ด้วยชื่อนี้เป็นที่รู้จักมากกว่า SIS
Thames House สำนักงานใหญ่ของ MI5 (Military Intelligence, Section 5)
รัฐบาลสหราชอาณาจักรมีหน่วยงานดูแลรับผิดชอบงานการข่าวหลายหน่วยคือ Security Service หรือที่เรียกว่า MI5 (Military Intelligence, Section 5) เป็นหน่วยงานด้านการต่อต้านข่าวกรองและความมั่นคงภายในประเทศ และเช่นเดียวกับ Government Communications Headquarters ( GCHQ) หน่วยข่าวกรองและความมั่นคงที่รับผิดชอบในการจัดหารวบรวมข่าวกรอง (SIGINT) ให้แก่รัฐบาลและกองทัพของสหราชอาณาจักร, Defense Intelligence (DI) ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมและวิเคราะห์ข่าวกรองทางทหาร แตกต่างจากหน่วยข่าวกรองอื่น ๆ ของสหราชอาณาจักร (MI6, GCHQ และ MI5) ด้วยเป็นหน่วยงานของกระทรวงกลาโหม (MoD) แทนที่จะเป็นองค์กรแบบแยกเดี่ยว มีการผสมผสานระหว่างเจ้าหน้าที่พลเรือนและเจ้าหน้าที่ทหาร และได้รับงบประมาณจากงบประมาณด้านกลาโหมของสหราชอาณาจักร และ Secret Intelligence Service (SIS หรือ MI6)
ทำไม 007 จึงสังกัด MI6 ทั้ง ๆ ที่ชุมชนการข่าวของอังกฤษมีตั้งหลายหน่วย ซ้ำในอดีตหน่วยงานการข่าวของแต่ละเหล่าทัพแยกกัน ไม่ได้รวมกันเป็น DI เช่นทุกวันนี้ ด้วยเพราะ MI6 ได้รับมอบภารกิจในการรวบรวมและวิเคราะห์ข่าวกรอง (จากแหล่งข่าวที่เป็นบุคคลต่าง ๆ ) ในต่างประเทศ (HUMINT) เป็นหลักในการสนับสนุนความมั่นคงแห่งชาติของสหราชอาณาจักร MI6 เป็นหน่วยงานสมาชิกของชุมชนข่าวกรองของอังกฤษ และหัวหน้าหน่วยงานขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหราชอาณาจักร
MI6 ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1909 โดยเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานราชการลับ (Secret Service Bureau) และส่วนงานต่างประเทศส่วนนี้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้ชื่อปัจจุบันอย่างเป็นทางการประมาณปี ค.ศ.1920 ในชื่อ 'MI6' (หมายถึงหน่วยสืบราชการลับทางทหาร แผนกที่ 6) การมีอยู่ของ MI6 ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจนถึงปี ค.ศ.1994 ในปีนั้นได้มีการนำพระราชบัญญัติบริการข่าวกรองปี ค.ศ.1994 (Intelligence Services Act : ISA) เข้าสู่รัฐสภาเพื่อจัดวางองค์กรให้มีรากฐานตามกฎหมายเป็นครั้งแรก เป็นพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการดำเนินงาน ปัจจุบัน MI6 อยู่ในการกำกับดูแลของคณะตุลาการซึ่งมีอำนาจสืบสวน (Investigatory Powers Tribunal) กับคณะกรรมาธิการข่าวกรองและความมั่นคงแห่งรัฐสภา (Parliamentary Intelligence and Security Committee)
บทบาทที่สำคัญกว่าบทบาทอื่นของ MI6 ตามที่มีระบุไว้ คือ การต่อต้านการก่อการร้าย การต่อต้านการแพร่กระจายของอาวุธร้ายแรง การให้ข่าวกรองเพื่อสนับสนุนความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และการสนับสนุนเสถียรภาพในต่างประเทศ เพื่อทำลายการก่อการร้ายและอาชญากรรมอื่น ๆ แต่ MI6 ซึ่งแตกต่างจากหน่วยงานหลักอื่น ๆ คือ Security Service (MI5) และ Government Communications Headquarters (GCHQ) MI6 ทำงานเฉพาะในหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ ตามที่พรบ. ISA อนุญาตให้ปฏิบัติการ (เฉพาะกับบุคคลภายนอกเกาะอังกฤษเท่านั้น) การกระทำบางอย่างของ MI6 นับตั้งแต่ทศวรรษ 2000 เป็นประเด็นโต้แย้งสำคัญหลาย ๆ เรื่องเช่น การสมรู้ร่วมคิดและถูกกล่าวหาว่า ทำการทรมาน และลักพาตัวบุคคล
เครื่องเข้าและถอดรหัส Enigma
ผลงานของ MI6 สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ประสิทธิภาพของ MI6 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้นมีลักษณะผสมผสานกันไป เนื่องจากไม่สามารถสร้างเครือข่ายในเยอรมนีได้ ข้อมูลข่าวสารส่วนใหญ่มาจากข่าวกรองทางการทหารและการค้าที่รวบรวมผ่านเครือข่ายในประเทศที่เป็นกลาง ตลอดจนดินแดนที่ถูกยึดครอง และรัสเซีย ช่วงรอยต่อระหว่างสองสงครามโลก ในช่วงหลังสงคราม และตลอดช่วงทศวรรษที่ 1920 MI6 มุ่งเน้นไปที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลัทธิบอลเชวิสของรัสเซีย เช่น ปฏิบัติการเพื่อโค่นล้มรัฐบาลบอลเชวิคในปี ค.ศ.1918 รวมถึงความพยายามในการจารกรรมแบบดั้งเดิมมากขึ้นในช่วงต้นของสหภาพโซเวียต และ MI6 ได้รับการแนะนำจากพันธมิตรชาวโปแลนด์ในด้านเทคนิคและอุปกรณ์เพื่อถอดรหัสด้วยเครื่องเข้าและถอดรหัส Enigma รวมทั้งแผ่น Zygalski และการเข้ารหัส 'Bomba' ของเยอรมัน อันเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับความต่อเนื่องและความพยายามของอังกฤษในภายหลังในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นักเข้ารหัสชาวอังกฤษสามารถถอดรหัสข้อความจำนวนมากที่เข้ารหัสในเครื่อง Enigma ซึ่ง MI6 รวบรวมได้จากแหล่งข่าวที่มีชื่อรหัสว่า 'Ultra' ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการทำสงครามของฝ่ายพันธมิตร
อุโมงค์สายลับ Berlin ถือเป็นปฏิบัติการข่าวกรองที่น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งของช่วงต้นยุคสงครามเย็น ตั้งแต่ปี 1953 ถึง 1955 CIA ของอเมริกาและ SIS (MI6) ของอังกฤษร่วมมือกันในการวางแผนและสร้างอุโมงค์ลับโดยมีจุดประสงค์เพื่อเข้าถึงการสื่อสารทางทหารของสหภาพโซเวียต
สงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากการถอดรหัสจากรหัสเครื่อง Enigma สำเร็จแล้ว MI6 ยังสามารถปฏิบัติงานระบบ 'Double-cross' ซึ่งเริ่มดำเนินการโดย MI5 เพื่อป้อนข้อมูลข่าวกรองที่ทำให้ฝ่ายเยอรมันเข้าใจผิดอีกด้วย (เช่น กรณีปลอมศพนายทหารนาวิกโยธินอังกฤษพร้อมเอกสารลวง) ในช่วงต้นปี ค.ศ.1944 MI6 ได้จัดตั้ง ส่วน IX ขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นส่วนต่อต้านโซเวียตตั้งแต่ก่อนสงคราม และข่าวรั่วไปยัง NKVD เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของอังกฤษทั้งหมดที่ปฏิบัติการในโซเวียตรวมถึงข่าวสารข้อมูลที่ OSS ของสหรัฐอเมริกาแบ่งปันกับอังกฤษเกี่ยวกับโซเวียตด้วย ในยุคสงครามเย็น MI6 พลาดท่าเสียทีบ่อย ๆ ด้วยเรื่องของสายลับสองหน้า และการแปรพักตร์ ทำให้ข้อมูลสำคัญตกไปอยู่ในมือสหภาพโซเวียต และ MI6 มีส่วนในการโค่นนายกรัฐมนตรี Mohammad Mosaddegh ของอิหร่าน ในปี ค.ศ.1953 ส่งผลโดยตรงกับการปฏิวัติอิสลาม และการล่มสลายของรัฐบาล Pahlavi ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของอเมริกากับ Shah และความเป็นปรปักษ์ของสหรัฐอเมริกาต่อสาธารณรัฐอิสลาม และการแทรกแซงที่แสวงหาผลประโยชน์ของอังกฤษ ทำให้ชาวอิหร่านมองตะวันตกในแง่ร้าย และกระตุ้นให้เกิดความคลั่งไคล้ชาตินิยมจากความไม่พอใจจากการแทรกแซงจากต่างชาติ
MI6 มีความเกี่ยวข้องกับสงครามโซเวียต – อัฟกานิสถานอย่างมาก จนกลายเป็นการปฏิบัติการลับที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง โดย MI6 สนับสนุนกลุ่มต่อต้านอิสลามซึ่งนำโดย Ahmad Shah Massoud และกลายเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการต่อสู้กับสหภาพโซเวียต โดยเจ้าหน้าที่ MI6 สองนายและครูฝึกทหารถูกส่งไปช่วย Massoud และนักรบของเขา พร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ เสบียง วิทยุ และข้อมูลลับที่สำคัญเกี่ยวกับแผนการรบของสหภาพโซเวียต MI6 ยังมีส่วนช่วยในการทำลายเฮลิคอปเตอร์ของโซเวียตในอัฟกานิสถานเป็นจำนวนมากด้วย
หลังจากการโจมตี 11 กันยายน (911) ในวันที่ 28 กันยายนรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษได้อนุมัติการส่งเจ้าหน้าที่ MI6 ไปยังอัฟกานิสถานและภูมิภาคโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับมูจาฮาดีนในทศวรรษที่ 1980 และผู้ที่มีทักษะทางภาษาและความเชี่ยวชาญในระดับภูมิภาค เจ้าหน้าที่ MI6 จำนวนหนึ่งพร้อมด้วยงบประมาณ 7 ล้านดอลลาร์ได้เดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน ซึ่งพวกเขาได้พบกับนายพล Mohammed Fahim แห่งพันธมิตรภาคเหนือ และเริ่มทำงานกับผู้นำอื่น ๆ ในภาคเหนือและภาคใต้เพื่อสร้างพันธมิตรแห่งความมั่นคง สนับสนุนและติดสินบนผู้บัญชาการของกลุ่มตอลิบานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเปลี่ยนข้างหรือผละจากการสู้รบ นอกจากนั้นแล้ว MI6 ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความวุ่นวายต่าง ๆ ในอาหรับนับแต่สงครามในอิรักอีกด้วย
ปัจจุบัน MI6 ตั้งอยู่ที่ SIS Building, 85 Albert Embankment, Vauxhall, Lambeth, London, สหราชอาณาจักร เรื่องราวของ James Bond 007 ล้วนแล้วแต่เป็นจินตนาการกอปรกับประสบการณ์ของผู้แต่ง Sir Ian Fleming ดังนั้น ‘James Bond 007’ และ ‘ใบอนุญาตฆ่าคนได้โดยไม่ผิดกฎหมาย’ จึงไม่มีอยู่จริง แต่หน่วยงานที่มีอยู่จริงคือ ‘Secret Intelligence Service (SIS หรือ MI6)’ นั่นเอง