Friday, 4 July 2025
TikTok

‘แคนาดา’ สั่ง!! TikTok ให้หยุดดำเนินการ อ้าง!! เสี่ยงต่อความมั่นคง ของประเทศชาติ

(9 พ.ย. 67) รัฐบาลแคนาดาออกคำสั่งให้ TikTok ของบริษัท ByteDance ในจีน ยุติการดำเนินธุรกิจในประเทศ โดยมีการระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นผลจากการประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติ การตรวจสอบดังกล่าวทำโดยชุมชนความมั่นคงและข่าวกรองของแคนาดา

โดยรัฐบาลได้ย้ำว่าจะไม่จำกัดการเข้าถึง TikTok สำหรับชาวแคนาดาทั่วไป แต่แนะนำให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้แอปโซเชียลมีเดีย 

นายฟรองซัวส์-ฟีลิป ชองปาญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมของแคนาดา ระบุว่า รัฐบาลต้องการให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงของการใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในแง่ของการจัดการข้อมูลและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับประเทศต่างชาติ ซึ่ง TikTok นั้นได้ถูกห้ามใช้งานบนอุปกรณ์ของรัฐบาลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023

ในส่วนของ TikTok ได้ตอบโต้ว่า การปิดสำนักงานในแคนาดาจะส่งผลให้พนักงานหลายร้อยคนต้องถูกเลิกจ้างงานไป ทั้งนี้ บริษัทตั้งใจจะท้าทายคำสั่งนี้ในชั้นศาล  โดยในแถลงการณ์ บริษัท ByteDance ยืนยันว่าจะไม่มีการแบ่งปันข้อมูลผู้ใช้กับรัฐบาลประเทศจีน แต่ความกังวลที่ว่า TikTok อาจถูกบังคับให้ส่งข้อมูลผู้ใช้ยังคงเป็นประเด็นใหญ่ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ ตั้งกฎหมายบังคับ ByteDance ขาย TikTok ภายในเดือนมกราคม 2025 มิฉะนั้นอาจถูกแบนในประเทศ

ปัจจุบัน TikTok ถูกแบนอย่างสมบูรณ์ในหลายประเทศ อาทิ อัฟกานิสถาน อินเดีย เนปาล และปากีสถาน และถูกห้ามใช้ในอุปกรณ์ที่ออกโดยรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก

‘TikTok’ ร้อง!! ศาลสหรัฐ ให้ระงับการแบนแอป จนกว่า ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จะขึ้นเป็นประธานาธิบดี

(10 ธ.ค. 67) Tiktok ยื่นคำร้องเมื่อวันจันทร์ว่า ศาลอุทธรณ์สหรัฐเขตโคลัมเบียควรออกคำสั่งห้ามนับถอยหลังวันครบกำหนดขายหุ้นหรือแบนแพลตฟอร์ม (ซึ่งมีระยะเวลาให้ทำตามข้อกำหนดน้อยกว่า 6 สัปดาห์) เพื่อให้ศาลฎีกาสามารถพิจารณาคำเรียกร้องของบริษัทที่อ้างว่า การเรียกร้องของรัฐบาลสหรัฐละเมิดสิทธิในเสรีภาพของการพูดและสิทธิตามรัฐธรรมนูญอื่น ๆ

ติ๊กต็อกและไบท์แดนซ์ ระบุในคำร้องที่ยื่นต่อศาลว่า “การสั่งห้ามเป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้รัฐบาลชุดใหม่มีเวลาพิจารณาจุดยืนของตนเอง ซึ่งอาจช่วยให้เกิดการหารือถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นและความจำเป็นในการพิจารณาของศาลฎีกา”

นิกเกอิเอเชีย ระบุว่า ติ๊กต็อกสามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาคำตัดสินของศาลแขวง แต่ต้องมีเสียงจากผู้พิพากษา 4 ใน 9 ที่ตกลงจะพิจารณาคดีนี้ จึงจะได้รับการพิจารณาต่อไป

ติ๊กต็อกได้ขอให้ศาลอุทธรณ์ตัดสินคำร้องสั่งห้ามนับถอยหลังกำหนดขายหุ้น ภายในวันที่ 16 ธ.ค. นี้ ขณะที่กระทรวงยุติธรรมขอให้ศาลปฏิเสธคำร้องของบริษัทโดยไม่ต้องมีการพิจารณาคดีเพิ่มเติม

การยื่นคำร้องขอสั่งห้ามของติ๊กต็อกมีขึ้นหลังจากศาลตัดสินเมื่อวันศุกร์ (6 ธ.ค.) ยกฟ้องการท้าทายทางกฎหมายของติ๊กต็อกต่อ พระราชบัญญัติคุ้มครองชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยปรปักษ์ต่างชาติ (Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act.)

คำสั่งของศาลที่ออกมาเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ผู้พิพากษา 3 คน บอกว่า การสั่งให้ขายหุ้นหรือแบนแอพลิเคชัน ไม่ได้ปิดกั้นเสรีภาพในการพูด และไม่ได้ละเมิดการคุ้มครองด้านความเท่าเทียม

อนึ่ง วันครบกำหนดให้ไบท์แดนซ์ขายติ๊กต็อกคือวันที่ 19 ม.ค. ซึ่งเป็นเส้นตายที่มีขึ้นก่อนวันว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.

แม้ทรัมป์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการแบนติ๊กต็อก แต่เขาได้เปลี่ยนจุดยืนในระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง โดยบอกว่าตนไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหว (การแบนติ๊กต็อก) ดังกล่าว ซึ่งการสนับสนุนของเขามีขึ้นหลังจากได้พบกับมหาเศรษฐีเจฟฟ์ แยส ที่เป็นผู้ลงทุนรายแรกในไบท์แดนซ์ และเป็นหนึ่งในผู้บริจาคเงินทางการเมืองรายใหญ่สุดของการหาเสียงของทรัมป์

ทั้งนี้ ติ๊กต็อกอาจต้องสูญรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และบรรดาครีเอเตอร์อาจสูญเสียรายได้รวมกันเกือบ 300 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 1 เดือน ถ้าไม่ยุติการแบนแอปฯ

ติ๊กต็อกเผยเมื่อวันจันทร์ว่า แพลตฟอร์มมีผู้ใช้งานชาวอเมริกันมากถึง 170 ล้านคน และว่าการโฆษณา การตลาด และการเข้าถึงแบบออร์แกนิกบนแอปฯนั้น สร้างเม็ดเงินให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ 24,200 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 ในขณะที่การดำเนินงานของบริษัทเองก็มีส่วนหนุนจีดีพีสหรัฐอีก 8,500 ล้านดอลลาร์

'โชว ชู' ซีอีโอ TikTok ดอดพบ 'ทรัมป์' สัญญาณบวกว่าที่ผู้นำสหรัฐใจอ่อนสั่งปลดแบน

(17 ธ.ค. 67) โชว ชู ซีอีโอของติ๊กต๊อก (TikTok) ได้เข้าพบโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดาเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพบปะก่อนที่ติ๊กต๊อกจะถูกแบนในสหรัฐฯ จากข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ทรัมป์กล่าวว่าเขาอาจพิจารณายกเลิกคำสั่งแบนเพื่อสนับสนุนติ๊กต๊อก ซึ่งเป็นแอปที่เขาใช้เข้าถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งวัยหนุ่มสาวระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง "เราจะพิจารณาเรื่องติ๊กต๊อก" ทรัมป์กล่าว พร้อมเสริมว่า "คุณรู้ไหม ผมมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับติ๊กต๊อก"

ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยพยายามสั่งแบนติ๊กต๊อกในปี 2563 แต่ภายหลังเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับแอปนี้

แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการหารือระหว่างทรัมป์และโชว ชู โฆษกของติ๊กต๊อกก็ไม่ได้ตอบกลับการขอความคิดเห็นจากสื่อ

การสั่งแบนติ๊กต๊อกมีผลในวันที่ 19 มกราคม 2568 ตามกฎหมายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนาม ยกเว้นหากบริษัท ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต๊อก ยอมขายแอปให้กับผู้ถือหุ้นชาวอเมริกัน

ถึงแม้ ByteDance จะพยายามต่อสู้กับกฎหมายนี้ แต่ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตันก็มีคำตัดสินให้คงคำสั่งแบนและปฏิเสธคำขอระงับคำสั่งแบนชั่วคราว โดยในวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ติ๊กต๊อกได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ทบทวนคำตัดสินดังกล่าว

โชว ชู เป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เลือกเข้าพบทรัมป์ก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมนี้ โดยก่อนหน้านี้มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตาแพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) และทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล (Apple) ก็เคยพบกับทรัมป์ที่มาร์-อา-ลาโกในโอกาสต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ศึกแบนติ๊กต๊อกยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ByteDance ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดเพื่อขอระงับคำสั่งแบนที่จะมีผลในวันที่ 19 มกราคม 2568 ทว่า ทรัมป์ก็ส่งสัญญาณว่าจะพิจารณายกเลิกคำสั่งแบนนี้ หากคำสั่งแบนยังคงอยู่ ทรัมป์อาจมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเรื่องนี้ในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่

ศาลฎีกาสหรัฐฯ เตรียมเปิดไต่สวน ติ๊กต๊อก สู้กม.แบนกิจการ ลุ้นชี้ชะตา10 ม.ค.นี้

เมื่อวานนี้ (18 ธ.ค.67) ศาลสูงสุดสหรัฐฯ เห็นพ้องจะทบทวนคำร้องจากติ๊กต็อก (TikTok) และไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต็อก เพื่อระงับกฎหมายที่กำหนดการจำหน่ายกิจการของแอปพลิเคชันแบ่งปันคลิปวิดีโอยอดนิยมนี้ภายในวันที่ 19 ม.ค. 2025 หรือเผชิญการลงโทษแบนด้วยเหตุผลความมั่นคงของชาติ

รายงานระบุว่าศาลสูงสุดสหรัฐฯ กำหนดรับฟังข้อโต้แย้งในวันที่ 10 ม.ค. 2025 เพื่อตัดสินว่ากฎหมายดังกล่าวจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกอันขัดกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ของสหรัฐฯ หรือไม่ โดยศาลสูงสุดสหรัฐฯ ออกกำหนดการนี้หลังจากติ๊กต็อกยื่นคำร้องเป็นเวลาสองวันแล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกกฎหมายที่ให้เวลากับไบต์แดนซ์เพียง 270 วันในการจำหน่ายกิจการของติ๊กต็อก โดยอ้างอิงประเด็นความมั่นคงของชาติที่ไม่มีมูลความจริง ซึ่งหากไบต์แดนซ์ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ผู้ให้บริการร้านค้าแอปพลิเคชันอย่างแอปเปิลและกูเกิลต้องถอดติ๊กต็อกออกจากแพลตฟอร์ม

ต่อมาเดือนพฤษภาคม ติ๊กต็อกยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อระงับคำสั่งแบนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง และเมื่อต้นเดือนธันวาคม ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยกฟ้องคำกล่าวอ้างของติ๊กต็อกที่ว่าคำสั่งแบนขัดต่อรัฐธรรมนูญและละเมิดสิทธิตามการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ 170 ล้านราย

เมื่อวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ติ๊กต็อกเรียกร้องศาลสูงสุดสหรัฐฯ ระงับกฎหมายนี้ ชี้ว่าจะเป็นการปิดหนึ่งในแพลตฟอร์มแสดงออกทางคำพูดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอเมริกาก่อนวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี และปิดปากชาวอเมริกันจำนวนมากที่ใช้แพลตฟอร์มนี้สื่อสารเกี่ยวกับการเมือง การค้า ศิลปะ และประเด็นอื่น ๆ ที่สาธารณชนสนใจ

โดนัลด์ ทรัมป์ อาจอนุญาต TikTok ทำธุรกิจในสหรัฐฯ ต่อไปได้

(24 ธ.ค.67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ เปิดเผยว่าเขาอาจอนุญาตให้ติ๊กต็อก (TikTok) ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ต่อไป ขณะเขาเข้าร่วมงานที่จัดโดยเทิร์นนิง พอยต์ ยูเอสเอ (Turning Point USA) องค์กรอนุรักษ์นิยม ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (22 ธ.ค.) ที่ผ่านมา

ทรัมป์กล่าวว่าติ๊กต็อกที่เป็นแอปพลิเคชันแบ่งปันวิดีโอยอดนิยมอาจช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงบางส่วนที่สำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และแสดงความเป็นไปได้ของการอนุญาตให้ติ๊กต็อกดำเนินงานต่อไป “อีกสักพักหนึ่ง” โดยทรัมป์เสริมว่าเขาได้ดูแผนภูมิที่เผยให้เห็นยอดเข้าชมคลิปวิดีโอหาเสียงของเขาบนติ๊กต็อกด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ (18 ธ.ค.) ศาลสูงสุดสหรัฐฯ เห็นพ้องจะทบทวนคำร้องจากติ๊กต็อกและไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต็อก เพื่อระงับกฎหมายที่กำหนดการจำหน่ายกิจการของติ๊กต็อกภายในวันที่ 19 ม.ค. 2025 มิเช่นนั้นอาจเผชิญการลงโทษแบน เนื่องด้วยเหตุผลความมั่นคงของชาติ

ศาลสูงสุดสหรัฐฯ จะรับฟังข้อโต้แย้งในวันที่ 10 ม.ค. 2025 เพื่อตัดสินว่ากฎหมายดังกล่าวจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกอันขัดกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ของสหรัฐฯ หรือไม่

ทั้งนี้ ติ๊กต็อกชี้ว่าการลงโทษแบนที่อาจเกิดขึ้นนั้นจะปิดหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีเสรีภาพในการแสดงออกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอเมริกาก่อนวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์เพียงหนึ่งวัน และปิดปากชาวอเมริกันจำนวนมากที่ใช้ติ๊กต็อกสื่อสารเกี่ยวกับการเมือง การค้า ศิลปะ และประเด็นอื่น ๆ ที่สาธารณชนสนใจ

เมื่อเดือนเมษายน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกกฎหมายที่ให้เวลากับไบต์แดนซ์เพียง 270 วันในการจำหน่ายกิจการของติ๊กต็อก โดยอ้างอิงเหตุผลความมั่นคงของชาติที่ไม่มีมูลความจริง ซึ่งหากไบต์แดนซ์ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ผู้ให้บริการร้านค้าแอปพลิเคชันอย่างแอปเปิลและกูเกิลต้องถอดติ๊กต็อกออกจากแพลตฟอร์ม

ต่อมาเดือนพฤษภาคม ติ๊กต็อกยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อระงับคำสั่งแบนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง และเมื่อต้นเดือนธันวาคม ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยกฟ้องคำกล่าวอ้างของติ๊กต็อกที่ว่าคำสั่งแบนขัดต่อรัฐธรรมนูญ

TikTok ปฏิเสธข่าวเล็งขายแอป ให้กับ Elon Musk เพื่อเลี่ยงการถูกแบน

(14 ม.ค. 68) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนพิจารณาขาย TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับอีลอน มัสก์ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำสั่งแบนได้

เจ้าหน้าที่จีนกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการขายธุรกิจ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับอีลอน มัสก์ หากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำสั่งแบนที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันจันทร์  

แม้ทางการจีนต้องการให้ TikTok ยังคงอยู่ภายใต้การบริหารของ ByteDance Ltd ซึ่งเป็นบริษัทแม่ แต่พวกเขาได้เริ่มหารือเกี่ยวกับแผนสำรองที่รวมถึงการขายกิจการให้กับอีลอน  

ByteDance ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งแบนต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม จากการหารือล่าสุดพบว่าผู้พิพากษามีแนวโน้มที่จะสนับสนุนคำสั่งแบนดังกล่าว  

ความตึงเครียดเกี่ยวกับการแบน TikTok ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใกล้เข้ารับตำแหน่ง พร้อมกับการประกาศนโยบายที่เข้มงวดต่อจีน  

ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ กำหนดเส้นตายให้ ByteDance จนถึงวันที่ 19 มกราคมนี้ เพื่อขาย TikTok มิฉะนั้นจะเผชิญกับคำสั่งแบนในสหรัฐฯ โดยมีข้ออ้างด้านความมั่นคงแห่งชาติ  

TikTok มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ประมาณ 170 ล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรประเทศ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติได้แสดงความกังวลว่า TikTok อาจเก็บข้อมูลของผู้ใช้ชาวอเมริกันและเป็นภัยต่อความมั่นคง สภาคองเกรสจึงลงมติสนับสนุนคำสั่งแบนนี้ในปีที่ผ่านมา  

หาก TikTok ถูกแบน อาจส่งผลดีต่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของสหรัฐฯ เช่น Instagram ของ Meta Platforms และ YouTube ของ Alphabet Inc ที่ต่างเปิดตัวฟีเจอร์วิดีโอสั้นเพื่อตอบรับการแข่งขันจาก TikTok  

การขาย TikTok ให้กับอีลอน มัสก์ อาจช่วยให้แพลตฟอร์มนี้มีแนวทางดำเนินงานที่สอดคล้องกับปรัชญาการบริหารของเขา ซึ่งเคยเปลี่ยนโฉม Twitter ให้กลายเป็น X หลังการเข้าซื้อกิจการในปี 2023

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาขาย TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับอีลอน มัสก์ เว็บไซต์ Variety รายงานเพิ่มเติมว่า ตัวแทนของ TikTok ในอเมริกาได้ออกมาแถลงว่า บริษัทไม่สามารถให้ความเห็นต่อ "เรื่องราวที่มโนขึ้นมา" นี้ได้

คำแถลงดังกล่าวสะท้อนถึงท่าทีของ TikTok ที่ยังคงรักษาความเงียบเกี่ยวกับประเด็นที่มีการพูดถึงในวงกว้าง โดยไม่มีการยืนยันหรือปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการขายกิจการในครั้งนี้

ลือสะพัด TikTok เตรียมปิดบริการในสหรัฐฯ จับตาทรัมป์ ต่ออายุให้อีกแบน 90 วัน หลังต้องปิดตัว 19 ม.ค.นี้

(16 ม.ค.68) รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวว่า TikTok วางแผนจะปิดการให้บริการแอปพลิเคชันในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ใช้ถึง 170 ล้านคนหลังจากคำสั่งห้ามของรัฐบาลโจ ไบเดน ที่จะมีผลบังคับใช้ โดยจะไม่มีการผ่อนผันในนาทีสุดท้ายภายในวันที่ 19 มกราคมนี้

อย่างไรก็ตาม จากรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งใน 20 มกราคม หนึ่งวันหลังจากการบังคับใช้คำสั่งห้าม อาจพิจารณาออกคำสั่งบริหารเพื่อชะลอการบังคับใช้คำสั่งปิดแอปออกไปอีก 60 ถึง 90 วัน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์จะดำเนินการอย่างไร

กฎหมายที่ลงนามในเดือนเมษายนกำหนดให้ต้องห้ามดาวน์โหลด TikTok ใหม่จากแอปสโตร์ของ Apple หรือ Google หาก 'ไบต์แดนซ์' บริษัทแม่จากจีนไม่ยอมขายกิจการ แต่ผู้ที่ดาวน์โหลดแอปไปแล้วยังสามารถใช้งานได้ต่อไป ยกเว้นว่ากฎหมายจะห้ามไม่ให้บริษัทในสหรัฐฯ ให้บริการหรืออัปเดตแอปตั้งแต่วันที่ 19 มกราคมนี้เป็นต้นไป

ทีมงานของรัฐบาลชุดใหม่ของทรัมป์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่าจะไม่มีการแทรกแซงการห้ามในช่วงวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง เว้นแต่จะมีการขายกิจการ TikTok ที่น่าเชื่อถือ

ในกรณีที่ TikTok ถูกแบน ผู้ใช้ที่พยายามเปิดแอปจะเห็นข้อความแจ้งที่นำไปสู่เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแบน พร้อมทั้งเสนอทางเลือกในการดาวน์โหลดข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อบันทึกข้อมูลไว้ ก่อนที่แอปจะปิดตัวลง

หากคำสั่งห้ามยังคงมีผลในอนาคต TikTok อาจประสบปัญหาในการให้บริการในประเทศอื่นๆ เนื่องจากผู้ให้บริการหลายร้อยรายในสหรัฐฯ ช่วยให้แพลตฟอร์มสามารถใช้งานได้ทั่วโลก

นอกจากนี้แอปฯ Xiaohongshu หรือที่รู้จักในชื่อ 'Red Note' ซึ่งเป็นแอปโซเชียลมีเดียจากจีน กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ หลังจากมีข่าวการประกาศการปิดตัวของ TikTok โดยแอปนี้มีฟังก์ชันที่คล้ายกับ Instagram และ Pinterest โดยได้รับความสนใจจากผู้ใช้ที่ย้ายจาก TikTok มาใช้แพลตฟอร์มนี้

ถึงแม้จะมีการวิจารณ์เรื่องการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล TikTok ก็ยังคงมีผู้ใช้จำนวนมากในสหรัฐฯ โดยบางคนไม่สนใจข้อกังวลเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลและยังคงใช้แอปอย่างต่อเนื่อง

อานิสงส์จ่อแบน TikTok ชาวอเมริกันแห่เรียนภาษาจีน หันใช้แอพฯ Xiaohongshu ดันยอดดาวน์โหลดอันดับหนึ่ง

(16 ม.ค. 68) เว็บไซต์ TechCrunch รายงานว่าแพลตฟอร์มเรียนภาษาชื่อดัง Duolingo พบอัตราการสมัครเรียนภาษาจีนกลางของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นถึง 216% ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวที่ TikTok อาจถูกแบนในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานบางส่วนหันไปใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจีนอย่าง Xiaohongshu หรือที่รู้จักในชื่อ RedNote แทน ซึ่งส่วนใหญ่มีคอนเทนต์ภาษาจีนเป็นหลัก อาจกระตุ้นทำให้ชาวอเมริกันสนใจเรียนภาษาจีนกลางเพิ่มขึ้น

ตามรายงานของ Duolingo การเรียนภาษาจีนกลางในสหรัฐฯ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยยอดผู้เรียนเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมกราคม พร้อมกับจำนวนการดาวน์โหลดแอป Duolingo ที่เพิ่มขึ้นถึง 36% ในช่วงต้นเดือนเดียวกัน ซึ่งตรงกับช่วงที่สหรัฐฯ กำลังถกเถียงเรื่องการแบน TikTok นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ใช้จำนวนมากลงทะเบียนเข้าใช้งาน Xiaohongshu ส่งผลให้แพลตฟอร์มนี้ขึ้นเป็นอันดับ 1 บน App Store ในสหรัฐฯ

ในการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้งานใหม่ Duolingo พบว่าหลายคนระบุว่าได้รู้จักแพลตฟอร์มผ่าน TikTok ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแม้ TikTok จะเผชิญกับประเด็นทางกฎหมาย แต่ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการดึงดูดผู้ใช้งานใหม่

นอกจากนี้ Xiaohongshu ยังรายงานว่ามีผู้ใช้งานรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 700,000 บัญชีในเวลาเพียง 2 วัน แสดงถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดียสไตล์จีนในสหรัฐฯ พร้อมสะท้อนว่าผู้ใช้งานชาวอเมริกันหลายคนไม่กังวลเกี่ยวกับประเด็นความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมากนัก

ธุรกิจอเมริกันกระทบแน่หากแบน TikTok จับตาซีอีโอดีลทรัมป์ขอขยายแบนอีก 90 วัน

(17 ม.ค.68) ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนว่า วันที่ 19 มกราคมนี้ ชี้ชะตาอนาคตแพลตฟอร์ม TikTok ในสหรัฐว่าจะถูกแบนหรือไม่ แต่ภายในองค์กรของ TikTok ที่สหรัฐเองก็ออกจดหมายเวียนเป็นการภายใน แจ้งข่าวต่อพนักงานว่าบริษัทมีแผนดำเนินการต่อไปอย่างปกติแม้จะมีความไม่แน่นอนจากการพิจารณาคดีของศาลสหรัฐฯ  

TikTok ระบุต่อพนักงานเป็นการภายในว่า บริษัทจะยังคงดำเนินงานต่อไปในตอนนี้ตามปกติ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแอปก็ตาม ย้ำว่ากฎหมายนี้มีผลเฉพาะส่วนการใช้งานแอปของคนอเมริกา แต่ไม่มีผลกับการทำงานของพนักงานของ TikTok

หากการแบนในวันที่ 19 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมาให้บริการในไม่ช้า เนื่องจากนาย Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok เป็นหนึ่งในบรรดาแขกวีไอพีที่เข้าร่วมงานพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ ซึ่งมีรายงานข่าวว่านาย Shou Zi Chew ได้หารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ในประเด็นนี้แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

การแบน TikTok กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐฯ เนื่องจากจะมีผลกระทบกับผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคน ขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ เริ่มหันไปมองหาแอปทางเลือก โดยแอปที่ได้รับความนิยมมากขึ้นคือ RedNote (Xiaohongshu) ซึ่งกำลังเป็นกระแสในกลุ่มคนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ รวมถึงการเติบโตของแอปเรียนภาษาจีนอย่าง Duolingo ที่เพิ่มขึ้นกว่า 200%

อย่างไรก็ตาม การแบน TikTok อาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจขนาดเล็กและการทำการตลาดในอเมริกาเช่นกัน

ด้านสำนักข่าว AP ระบุว่าผลกระทบจากการแบน TikTok อาจส่งผลต่อธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ โดย TikTok ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการโปรโมทธุรกิจให้กับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก เช่น Desiree Hill เจ้าของธุรกิจซ่อมรถ Crown’s Corner Mechanic ในจอร์เจีย ที่สามารถขยายธุรกิจจากการใช้ TikTok และสร้างงานเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น

รายงานจาก Oxford Economics ระบุว่า TikTok ส่งผลต่อการจ้างงานในสหรัฐฯ โดยสนับสนุนการจ้างงานกว่า 224,000 ตำแหน่ง และสร้างรายได้จากภาษีสูงถึง 5.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023

นอกจากการทำมาร์เก็ตติ้งแล้ว TikTok ยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ ได้สร้างโอกาสในการสร้างรายได้จากการทำคอนเทนต์ และผู้สร้างคอนเทนต์หลายล้านคนกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการแบนนี้ เช่น Joanne Molinaro และ Eli Rallo ที่พึ่งพา TikTok ในการสร้างชื่อเสียงและรายได้

ขณะเดียวกันหากเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นแล้ว แม้ว่า Instagram และ YouTube จะพยายามเลียนแบบฟีเจอร์ของ TikTok เช่น Reels และ Shorts แต่ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับ TikTok ซึ่งมีอัลกอริธึมที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจได้เสมอ นอกจากนี้ TikTok ยังส่งเสริมการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเหมือนแอปอื่น ๆ

การแบน TikTok จึงไม่ใช่แค่การลบแอปออกไป แต่เป็นการตัดโอกาสทางธุรกิจและการสร้างชื่อเสียงของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ที่ต้องการสร้างตัวตนและทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มนี้ด้วยเช่นกัน

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เผยกับ ‘เอ็นบีซี’ อาจเลื่อนกำหนด ‘แบนติ๊กต็อก’ ไปอีก 90 วัน หลังรับตำแหน่งในวันจันทร์ จากที่ต้องหยุดให้บริการในสหรัฐ วันอาทิตย์นี้

(19 ม.ค. 68) “เป็นไปได้มากที่จะยืดเวลาออกไป 90 วันเพราะมีความเหมาะสม ถ้าผมตัดสินใจแบบนั้น ผมอาจจะประกาศในวันจันทร์” ทรัมป์ กล่าวกับเอ็นบีซีเมื่อวันเสาร์ (18 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

แอปติ๊กต็อกของจีนมีผู้ใช้ชาวอเมริกัน 170 ล้านคนหรือเกือบครึ่งหนึ่ง แอปช่วยเสริมพลังธุรกิจและสร้างวัฒนธรรมออนไลน์รูปแบบใหม่

เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.) ติ๊กต็อกประกาศว่าต้องจอดำที่สหรัฐในวันอาทิตย์จนกว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะรับประกันว่า บริษัทอย่างแอปเปิ้ลและกูเกิล จะไม่ถูกบังคับให้ต้องปฏิบัติตามเมื่อคำสั่งห้ามมีผลบังคับใช้

กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกมาเมื่อปีก่อน ศาลฎีกามีมติเอกฉันท์พิพากษายืนเมื่อวันศุกร์ ให้เวลาตัดขาดกับไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ที่มีฐานปฏิบัติการในจีนก่อนวันอาทิตย์ ไม่เช่นนั้นแล้วจะถูกห้ามใช้ในสหรัฐ เพื่อแก้ไขข้อกังวลติ๊กต็อกเสี่ยงเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ

ด้านทำเนียบขาวเมินความเห็นของติ๊กต็อกเมื่อวันศุกร์ มองว่าเป็นมุกและย้ำในวันเสาร์ว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลทรัมป์ที่กำลังจะเข้ามาว่าจะทำอย่างไร จึงยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ว่าติ๊กต็อกต้องถึงคราวจอดำในวันอาทิตย์

“เราไม่เห็นเหตุผลสำหรับติ๊กต็อกหรือบริษัทอื่นๆ ที่จะทำอะไรไม่กี่วันก่อนรัฐบาลทรัมป์รับตำแหน่งในวันจันทร์” แครีน ฌ็อง ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวแถลง

หากไบเดนไม่ตัดสินใจอย่างเป็นทางการที่จะเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไป 90 วัน บริษัทที่ให้บริการแก่ TikTok หรือโฮสต์แอปอาจต้องเผชิญกับภาระทางการเงินมหาศาล

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ทรัมป์อาจสั่งการโดยตรงให้กระทรวงยุติธรรม “ไม่ให้ความสำคัญ” หรือไม่บังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่แน่ชัดว่าการทำเช่นนั้นจะให้ความคุ้มครองทางกฎหมายได้เพียงพอแก่เจ้าของแอปสโตร์อย่างแอปเปิ้ลและกูเกิล รวมถึงบริษัทให้ข้อมูลสำคัญอย่างออราเคิล และบริการอื่นๆ ในติ๊กต็อก

เมื่อปี 2020 ทรัมป์เคยพยายามบีบให้ติ๊กต็กขายกิจการมาแล้ว และลั่นวาจาว่าจะแบนแต่ถูกศาลสหรัฐขวาง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top