Friday, 10 May 2024
TikTok

‘จีน’ ประณาม ‘สหรัฐฯ’ หลังผ่านร่าง กม.แบน ‘TikTok’ พร้อมเตือน!! ท้ายสุดเรื่องนี้จะย้อนกลับมาเล่นงานตัวเอง

(14 มี.ค.67) จากกรณีสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 352 ต่อ 65 ก่อนที่จะส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป โดยสมาชิกรัฐสภาสหรัฐที่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าวมองว่า TikTok เป็นแอปพลิเคชันที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เนื่องจากถูกควบคุมโดยชาติที่เป็นศัตรูของสหรัฐ

ทางด้าน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาพร้อมที่จะลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว หากผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมากล่าวหาสหรัฐว่า พยายามปราบปราม TikTok ทั้งที่ไม่เคยพบหลักฐานว่า TikTok เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ

“พฤติกรรมรังแกกันแบบนี้ เพราะไม่สามารถเอาชนะในการแข่งขันอย่างเป็นธรรมได้ เป็นตัวขัดขวางกิจกรรมทางธุรกิจปกติของบริษัทต่างๆ, สร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนระหว่างประเทศในสภาพแวดล้อมการลงทุน และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการซื้อขาย ท้ายที่สุดเรื่องนี้จะย้อนกลับมาเล่นงานสหรัฐเอง" นายหวัง กล่าว

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘กฎหมายปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยปรปักษ์ต่างชาติ’ (Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act) ยังจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐและให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนาม เพื่อบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนกล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาพร้อมที่จะลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว หากผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

โดยสหรัฐแสดงความกังวลมาตลอด ว่า TikTok อาจแบ่งปันข้อมูลผู้ใช้กับรัฐบาลจีน ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ขณะที่ ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok ปฏิเสธเรื่องความเสี่ยงใดๆ และยืนยันว่าพวกเขาปรับโครงสร้างบริษัทไปแล้ว เพื่อให้ข้อมูลของชาวอเมริกันอยู่แต่ในสหรัฐเท่านั้น

‘TikTok’ อ่วม!! โดน ‘อิตาลี’ ปรับเงิน 10 ล้านยูโร เหตุไม่ควบคุม ‘เนื้อหาอันตราย’ ต่อเยาวชน

(19 มี.ค.67) TikTok กำลังเผชิญกับปัญหาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นคำถามจากการให้บริการในสหรัฐอเมริกา และล่าสุดทางการอิตาลีสั่งปรับเป็นเงิน 10 ล้านยูโร เนื่องจากไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ที่อายุน้อยหรือผู้ใช้งานอื่นๆ อย่างเหมาะสม

แพลตฟอร์มที่มี ByteDance บริษัทแม่สัญชาติจีนเป็นเจ้าของกำลังเผชิญกับความล้มเหลวในการสร้างมาตรการปลอดภัยต่อและการปกป้องผู้เยาว์ที่ยังไม่สามารถแยกแยะเนื้อหาที่เหมาะสมได้ และอาจได้รับอิทธิพลจากพฤติกรรมการโน้มน้าวชักจูงจากกระแสไวรัล ตามรายงานของหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดด้านการแข่งขันของอิตาลีหรือ AGCM

ทั้งนี้ หน่วยงานเฝ้าระวังดังกล่าวได้จับตามอง และกล่าวถึงวิดีโอไวรัลที่กำลังเป็นปัญหา โดยมีเนื้อหาในการท้าให้ผู้เข้าร่วมทำภารกิจที่เรียกว่า ‘French scar’ โดยเฉพาะ ผู้ใช้งานเยาวชน ด้วยการหยิกแก้มตัวเองเพื่อสร้างรอยช้ำบนโหนกแก้ม ในเนื้อหานี้ TikTok ไม่ได้มี ‘มาตรการที่เพียงพอ’ ในการควบคุมและจัดการ เพื่อให้แพลตฟอร์มเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน AGCM กล่าว หลังจากการสอบสวนในเรื่องนี้ที่เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของอิตาลีเรียกร้องให้ TikTok ระงับวิดีโอดังกล่าวออกจากแพลตฟอร์ม หลังจากภารกิจ ‘French scar’ ดังกล่าวส่งผลที่เป็นอันตรายและกลายเป็นประเด็นสำคัญที่สร้างความกังวลใจ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ TikTok ถูกพิจารณาว่าไม่ปลอดภัย และถูกปรับจากการขาดประสิทธิภาพในมาตรการรักษาความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา อังกฤษได้ปรับ TikTok เป็นเงินจำนวน เกือบ 16 ล้านเหรียญฐานใช้ข้อมูลของผู้ใช้งานที่เป็นเยาวชนในทางที่ไม่เหมาะสม และละเมิดข้อจำกัดอายุของผู้ใช้แพลตฟอร์ม

ด้านองค์กรอิสระดังกล่าวยังพบว่า ฟีเจอร์ ‘For you’ ของ TikTok สามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้ที่เป็นเด็กเข้าสู่เนื้อหาที่เป็นอันตรายได้ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ Eric Adams นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กฟ้อง TikTok พร้อมด้วยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ เช่น Meta ในข้อหาเป็นต้นเหตุของวิกฤติสุขภาพจิตของเยาวชน

ผู้แทนจาก TikTok ออกมาให้ความเห็นว่า แม้ว่าจะมีหลายกรณีที่ TikTok ล้มเหลวในการทำให้แอปโซเชียลมีเดียปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกคน แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของ AGCM ในอิตาลี

“เนื้อหาที่เรียกว่า 'French scar' มีการค้นหาเฉลี่ยเพียง 100 ครั้งต่อวันในอิตาลีก่อนที่จะมีการประกาศของ AGCM เมื่อปีที่แล้ว และทาง TikTok จำกัดการเปิดเผยเนื้อหานี้ไว้นานแล้วโดยกำหนดให้ผู้เข้าถึงเนื้อหาต้องมีอายุมากกว่า 18 ปี” โฆษกของ TikTok กล่าวกับ Fortune

TikTok กำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งคือ สหรัฐฯ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติลงมติเห็นชอบร่างกฎหมาย ที่มีอำนาจสั่งห้ามแพลตฟอร์มให้บริการในสหรัฐฯ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรซึ่งได้ผ่านการอนุมัติ และกำลังถูกพิจารณาจากวุฒิสภา โดยที่ผลลัพธ์ยังคงไม่แน่นอน

ในบรรดาข้อกังวลหลายประการนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน ซึ่ง TikTok ได้ปฏิเสธมาตลอด ความกังวลดังกล่าวทำให้รัฐบาลหลายแห่งสั่งห้ามให้มีการติดตั้งแพลตฟอร์มบนอุปกรณ์ของรัฐบาล

แม้ว่าอนาคตของ TikTok จะแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ TikTok ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ทรงอิทธิพลที่สุดโดยมีผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย วิธีที่แพลตฟอร์มจะรับมือกับข้อร้องเรียนจากหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการขาดความปลอดภัยอาจชี้ให้เห็นทิศทางในอนาคตของการดำเนินงานของแพลตฟอร์ม

‘มิสแกรนด์ฯ’ ประกาศร่วมมือกับ ‘Tiktok’ เอาผิดคนสั่งซื้อสินค้าแล้วกดยกเลิก หลังผู้เข้าประกวดไลฟ์ขายของแล้วโดนกันอ่วม ชี้!! จะดำเนินการตาม กม.ต่อไป

(25 มี.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก Miss Grand Thailand ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

จากการกรณีที่มีผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024 บางส่วนโดนยกเลิกคำสั่งซื้อในการ Live ขายของบนแพลตฟอร์ม TikTok ทางองค์กรมิสแกรนด์ฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาดังกล่าว และได้ร่วมมือกับทาง TikTok เพื่อเอาผิดผู้ที่สร้างคำสั่งซื้อสินค้าแล้วยกเลิก โดยการกระทำในลักษณะนี้ถือว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญา และจะดำเนินการในขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป 

‘Tiktok’ มุ่งเน้น ‘รักษาความปลอดภัย’ ของผู้ใช้งานบนออนไลน์ ครอบคลุมในด้าน ‘ความเป็นส่วนตัวข้อมูล-การกลั่นกรองเนื้อหา’

(11 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันคลิปวิดีโอขนาดสั้น กล่าวย้ำถึงความทุ่มเทในการรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้งานขณะใช้งานทางออนไลน์

ด้าน ฟอร์จูน แมกวิลี-สิบันดา ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับดูแลและนโยบายสาธารณะของติ๊กต็อก ประจำภูมิภาคแอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮารา กล่าวว่า ติ๊กต็อกพัฒนาหลักเกณฑ์สำหรับชุมชน นโยบายผู้ใช้งาน และเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมเชิงบวกที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

แมกวิลี-สิบันดา ระบุว่า เราจะจัดอบรมวิธีการทำงานของติ๊กต็อกสำหรับผู้กำหนดนโยบายและหน่วยงานกำกับดูแล โดยมุ่งเน้นที่ความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และวิธีการกลั่นกรองเนื้อหาบนแพลตฟอร์มนี้

แมกวิลี-สิบันดา เน้นย้ำว่า ศูนย์รักษาความปลอดภัยของติ๊กต็อกยังมอบทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้งานเดิมและผู้ใช้งานรายใหม่ ครอบครัว และผู้ดูแล เพื่อช่วยสร้างประสบการณ์บนโลกออนไลน์ที่เหมาะกับผู้ใช้งาน

ปัจจุบันติ๊กต็อกมีผู้เชี่ยวชาญด้านความไว้วางใจและความปลอดภัยมากกว่า 40,000 คนทั่วโลก ที่ทำงานแข่งกับเวลาเพื่อคุ้มครองชุมชนบนโลกออนไลน์ โดยติ๊กต็อกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นลำดับแรก ๆ ในการจัดทำแพลตฟอร์มซึ่งมีส่วนจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และนำความสุขมาสู่ผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก

ชาวอเมริกันกว่า 50% เห็นด้วยให้แบน Tiktok ออกจากสหรัฐฯ หวั่น!! จีนใช้ 'จูงใจ-สร้างอิทธิพล-สอดแนมชีวิต' คนอเมริกัน

(4 พ.ค.67) Business Tomorrow เผยว่า ไม่นานมานี้ ทาง Reuters ร่วมกับบริษัทวิจัยผู้บริโภค Ipsos ได้สอบถามชาวอเมริกัน 1,022 คน ว่าคิดอย่างไรกับกรณีการแบน TikTok ของรัฐบาล?

- 58% เห็นด้วยว่า รัฐบาลจีนใช้ TikTok มาสร้างอิทธิพลต่อชาวอเมริกัน โดยกลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วยกับข้อความนี้ 13%
- 50% เห็นด้วยกับการแบน TikTok, 32% ไม่เห็นด้วย และที่เหลือ 18% ตอบว่าไม่แน่ใจ
- 46% เห็นด้วยว่า รัฐบาลจีนใช้ TikTok สอดแนมชีวิตของคนอเมริกันทั่วไป
- 60% เห็นด้วยว่า การที่นักการเมืองอเมริกันใช้ TikTok ชักจูงคนไปเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ Reuters ได้ออกตัวก่อนว่า โพลดังกล่าวสอบถามเฉพาะวัยผู้ใหญ่ที่อายุเกิน 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งอาจไม่สะท้อนมุมมองของวัยรุ่นต่ำกว่า 18 ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ TikTok

ปัจจุบัน TikTok มีผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริการาว 170 ล้านคน บริษัทมีเวลา 270 วันในการหาผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งบริษัทระบุว่าจะต่อสู้กับกฎหมายนี้ในชั้นศาล

TikTok ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ หลังบีบให้ ‘ขาย’ หรือ ‘ถูกแบน’ ลั่น!! เป็นการละเมิดสิทธิ ด้วยคำอ้างความมั่นคงของชาติ

เมื่อวานนี้ (7 พ.ค. 67) ติ๊กต็อก (TikTok) ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ ในความพยายามที่จะสกัดกั้นการบังคับใช้กฎหมายที่ได้รับการอนุมัติเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งพยายามบีบให้ติ๊กต็อกต้องเลือกว่าจะขายกิจการหรือจะถูกแบน โดยเอกสารฟ้องร้องที่ยื่นต่อศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี กล่าวหาว่า กฎหมายดังกล่าวซึ่งได้แก่ กฎหมายการปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยปรปักษ์ต่างชาตินั้น ละเมิดการคุ้มครองเสรีภาพในการพูดตามรัฐธรรมนูญ

เอกสารฟ้องร้องระบุว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นการละเมิดบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 (First Amendment) อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ติ๊กต็อกระบุในเอกสารฟ้องร้องว่า “นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สภาคองเกรสได้ตรากฎหมายที่มุ่งเป้าแบนแพลตฟอร์มสำหรับการแสดงออกเพียงแพลตฟอร์มเดียวเป็นการถาวร…และห้ามชาวอเมริกันจากการมีส่วนร่วมในชุมชนออนไลน์มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก”

ติ๊กต็อกโต้แย้งว่า การอ้างถึงข้อกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติไม่ใช้เหตุผลที่เพียงพอในการจำกัดเสรีภาพในการพูด และรัฐบาลกลางมีหน้าที่ที่จะต้องพิสูจน์ว่า การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างไร แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถทำได้

ด้านนายจอห์น มูเลนาร์ สส.จากรัฐมิชิแกนและประธานคณะกรรมการสภาผู้แทนฯ ด้านการคัดเลือกที่เกี่ยวกับจีนกล่าวว่า “สภาคองเกรสและฝ่ายบริหารได้สรุปจากข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะและข้อมูลที่เป็นความลับว่า ติ๊กต็อกมีความเสี่ยงอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติและชาวสหรัฐ โดยข้อมูลระบุว่า ติ๊กต็อกยอมที่จะใช้เวลา เงิน และความพยายามในการต่อสู้ในชั้นศาล มากกว่าการแก้ปัญหาโดยการตัดสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผมมั่นใจว่ากฎหมายของเราจะมีผลบังคับใช้”

ฟากสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การฟ้องร้องในวันอังคารที่ผ่านมา ถือเป็นความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินความพยายามมาหลายปีที่จะแบนติ๊กต็อก โดยความพยายามที่จะควบคุมแอปฯ ยอดนิยมนี้ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2563 ภายใต้การบริหารประเทศของทั้ง อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และ ปธน.โจ ไบเดน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top