Thursday, 9 May 2024
Politics

‘โฆษกปชป.’ ชวนประชาชน ‘เลือกคนดีจริง’ ปกครองท้องถิ่น 20 ธ.ค. ย้ำอย่าหลงเหลี่ยมก๊วนจัดตั้งโจมตีผู้สมัคร เชื่อมั่นทุกเสียงสำคัญ อย่าถูกซื้อ

จากการติดตามการหาเสียงในแต่ละจังหวัด สิ่งหนึ่งที่ปรากฏตามสภาวะสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปคือการใช้วิธีการหาเสียงผ่านช่องทางโซเชียลมากขึ้นก็ถือว่าได้ประโยชน์ แต่อีกมุมหนึ่งก็ใช้ไปในทางที่เป็นโทษด้วยเช่นกัน 

โดย ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาให้มุมมองเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดว่า 

“การใส่ร้ายโจมตีกันผ่านช่องทางสื่อโซเชียล เป็นเรื่องที่น่ากังวลมากต่อกระบวนการเลือกตั้งในทุกระดับ บางจังหวัดทำเป็นกระบวนการจัดตั้งกลุ่มบุคคลเพื่อให้ไปแสดงความคิดเห็นที่เป็นการใส่ร้ายโจมตีผู้สมัคร คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงต้องตั้งรับกับเรื่องดังกล่าวแก้ไขป้องกันด้วยความรวดเร็ว เพราะหากล่าช้าก็จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อผู้สมัครได้” 

ราเมศ กล่าวต่ออีกว่า “ขอให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 20 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 17.00 น. เลือกคนดี คนที่ทุ่มเท ตั้งใจ มีนโยบายที่ดี เข้าไปทำหน้าที่ในสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนในแต่ละจังหวัด 

“ประชาชนมีหนึ่งเสียงที่สำคัญในการส่งเสริมคนดีให้ได้เข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว และที่สำคัญคือไม่ควรส่งเสริมคนที่ซื้อสิทธิ์ซื้อเสียงเข้าไปทำหน้าที่ เพราะสิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำพาไปสู่ความไม่สุจริตในการทำหน้าที่ ดังนั้นหากต้องการให้การเมืองสุจริตประชาชนต้องช่วยกันป้องกันเรื่องดังกล่าว”

‘ลุงตู่’ แจงเหตุฝุ่นพิษ PM2.5 โจทย์หินระดับโลก อ้อนคนไทยช่วยลดปัญหาที่ต้นตอ งดเผาในที่โล่ง - ตรวจถี่รถเก่า ชี้รัฐบาลไม่เคยปล่อยปละ เร่งแก้ปัญหาระยะสั้น - ยาวตลอด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayuth Chan-o-cha’ ถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า...

“ช่วงนี้ของทุกปีประเทศไทยจะเข้าสู่วังวนปัญหาฝุ่นละอองเล็กPM10และPM2.5ปกคลุมทั่วท้องฟ้า ซึ่งเกิดจากไอเสียรถยนต์ การเผาขยะเผาเศษวัสดุภาคเกษตรกรรมและควันจากโรงงานอุตสาหกรรมประกอบกับสภาพอากาศปิด ไม่มีลม เป็นสิ่งที่เราต้องประสบกันมานาน เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และทุกรัฐบาลก็พยายามแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ยังถือเป็นปัญหาระดับโลกที่ต้องร่วมมือกันอีกด้วย”

นอกจากนั้น นายกฯ ยังระบุอีกว่า “ที่ผ่านมาได้มีการหารือ ทำความเข้าใจ และรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกส่วนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะการแก้ไขจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วน รวมถึงการขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน และการปรับปรุงข้อกฎหมายให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดยั่งยืน

“เราทุกคนสามารถช่วยลดปัญหาได้ที่ต้นตอด้วยตนเอง เช่น งดการเผาวัชพืชหรือขยะในที่โล่งแจ้ง หมั่นตรวจเช็คสภาพรถเก่าอยู่เสมอ โดยภาครัฐก็จะเคร่งครัดและเพิ่มการตรวจแหล่งเกิดฝุ่นควัน และควันดำในหลายจุดทั่วทุกพื้นที่”

ธปท. แจง ‘ชาวเน็ต’ เคลียร์ชัดธนบัตรที่ระลึก 100 & 1,000 ‘ปลอมยาก’ ขอปชช.มั่นใจ แม้ไม่มีกลุ่มดาวยูไรอัน แต่ให้สัมผัส - ยกส่อง – พลิกเอียง ส่วน 1,000 บาท แยกง่าย หลังตัวธนบัตรยาวกว่า1.2 ซม.

หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปล่อยธนบัตรที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ชนิด 1,000 บาท และ 100 บาท ออกมา และ ‘สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย’ (อ้างอิง หนังสือข่าว ธปท.ฉบับที่ 82/2563 ) 

แต่ดูเหมือนจะเป็นประเด็นเมื่อมี ‘ชาวเน็ต’ ตั้งข้อสังเกตว่า ธนบัตรชนิด 100 บาท ที่ปล่อยออกมานั้น ‘ไม่มีกลุ่มดาวยูไรอัน’ หรือ EURion constellation ซึ่งมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนนำธนบัตรไปถ่ายเอกสารสี (ซีรอกซ์) และนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายได้ 

งานนี้ชาวเน็ตจึงให้ความเห็นว่า จะกลายเป็นช่องว่างในการปลอมแปลงธนบัตรหรือไม่ เพราะธนบัตรชนิด 100 บาทที่ออกมานั้น ได้หมุนอยู่ในระบบกว่า 20 ล้านฉบับ เป็นเงินกว่า 2 พันล้านบาทเลยทีเดียว

เมื่อเกิดประเด็นนี้ทาง ไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงได้ออกมาชี้แจงว่า ธนบัตรดังกล่าว มีลักษณะการต่อต้านการปลอมแปลงตามมาตรฐานขั้นสูงในระดับเดียวกับธนบัตรหมุนเวียนตามปกติ เช่นเดียวกันกับธนบัตรที่ระลึกในอดีต ประชาชนจึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยต่อการถูกปลอมแปลงและสามารถนำไปใช้จ่ายหมุนเวียนได้ตามปกติเช่นเดียวกับธนบัตรทุกรุ่น

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้มีการนำมาใช้วันแรก เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2563 และมีการตั้งคำถามจากชาวเน็ต ว่ามีการป้องกันการปลอมแปลงธนบัตรหรือไม่ ทาง ธปท. จึงได้ชี้ถึง  5 จุดสังเกตของธนบัตรที่ระลึกฯ ชนิดราคา 100 ได้แก่ 1.ตัวเลขแจ้งชนิดราคา 2.ธนบัตรเป็นสีเหลืองทอง 3.ตราพระราชพิธีฯ 4.ตัวเลขแจ้งชนิดราคาในดอกไม้ และ 5.ภาพด้านหลัง  

นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถตรวจสอบธนบัตรด้วย 3 วิธีง่ายๆ คือ สัมผัส - ยกส่อง - พลิกเอียง ซึ่งมีจุดสังเกตที่สำคัญ เช่น ความนูนของการพิมพ์บอกชนิดราคาที่มุมธนบัตรและคำว่ารัฐบาลไทย ลายน้ำ แถบสีที่มีภาพเคลื่อนไหว และหมึกพิมพ์แม่เหล็กสามมิติเปลี่ยนสีได้ 

ในส่วนของปัญหาที่ประชาชนมีความสับสนในการใช้ธนบัตรชนิดราคา 100 บาท ที่มีความคล้ายกับธนบัตรราคา 1,000 บาท สามารถสังเกตได้ ด้วยขนาดของธนบัตรหมุนเวียน 1,000 บาท จะมีขนาดความยาวกว่าใบละ 100 ที่ 1.2 เซนติเมตร โดยธนบัตรทั้ง 2 แบบ มีตัวเลขบอกชนิดราคาที่มุมธนบัตรด้านล่างอย่างชัดเจน
 

‘วิกฤติฝุ่นยังไม่ทุเลา’ เช้านี้คนกรุงต้องฝ่าฝุ่นใช้ชีวิต มีถึง 6 เขต ที่ปริมาณฝุ่นหนักส่งผลต่อสุขภาพ ด้านรัฐสั่งเร่งรับมือ ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาทุกภาคส่วน

เช้านี้ สถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังอยู่ในขั้นไม่ปลอดภัย ผลการตรวจวัดมีถึง 6 เขต ที่มีปริมาณฝุ่นละอองสูงในขั้นส่งผลต่อสุขภาพ

ได้แก่ ริมถนนดินแดง เขตดินแดง วัดค่าฝุ่นละอองได้ 118 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนเจริญนคร เขตคลองสาน ระดับ 102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนศรีนครินทร์ ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 8 เขตหนองแขม อยู่ที่ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, เขตประเวศ อยู่ในระดับ 94 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนแยกท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ ระดับที่ 94 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ริมถนนสามเสน เขตพระนคร อยู่ที่ระดับ 93 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ด้านรัฐบาล นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและวิ่งแวดล้อม (ทส.) ประสานการทำงานภาพรวมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมานาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม.และ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดอย่างต่อเนื่องจริงจัง

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ขอให้กระทรวงมหาดไทย ระดับท้องถิ่น นำข้อมูลแผนที่จุดความร้อนและลงพื้นที่ตรวจสอบกวดขันบังคับใช้กฎหมายกับการเผาพืชไร่ในที่โล่ง และประสานอุตสาหกรรม ตรวจสอบมลภาวะของโรงงานอุตสาหกรรมและขอความร่วมมือลดกำลังการผลิตในภาวะดังกล่าว

พร้อมทั้ง ขอให้ ทส.ประสานกับคมนาคม และ ตำรวจ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาจราจร โดยเฉพาะพื้นที่การจราจรที่คับคั่ง และจัดตั้งจุดตรวจสกัดรถควันดำที่สร้างปัญหาในพื้นที่ ร่วมกับมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนใช้การขนส่งสาธารณะมากขึ้น

สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ กทม.และจังหวัดปริมณฑล พิจารณาออกมาตรการควบคุมเฉพาะหน้าและขอความร่วมมือประชาชน ร่วมกันลดต้นเหตุของการก่อปัญหาในภาพรวม เช่น ควบคุมเวลากิจกรรมการก่อสร้าง การลดใช้ยานพาหนะในพื้นที่เขตเมืองที่หนาแน่น โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล การลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดควัน

ทั้งนี้ ขอให้ สาธารณสุขร่วมดูแลสุขภาพประชาชนในภาพรวม โดยเฉพาะเด็ก คนชราและผู้ป่วยโรคภูมิแพ้

'ศรีสุวรรณ'​ จ่อยื่นกกต. สอบพรรคเพื่อไทย หลังปล่อย​ 'ทักษิณ'​ ครอบงำ เขียนจดหมายถึงคนเชียงใหม่ให้สนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ.ฝ่ายตน

ศึกการเมืองภายในพรรคเพื่อไทยกำลังร้อนแรง​ แต่ก็ยังไม่ร้อนรนเท่าสถานะพรรคเพื่อไทย​ ที่ตอนนี้​ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อไต่สวน สอบสวน

กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้เขียนจดหมายถึงคนเชียงใหม่ให้สนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ. ท่านหนึ่งซึ่งสังกัดพรรคเพื่อไทย จนเกิดข้อขัดแย้งขึ้นกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เป็นเหตุให้พลพรรคในพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาตอบโต้นายจตุพร อย่างออกหน้าออกตา และหลังจากนั้น ดร.ทักษิณก็ทวิตเตอร์รัว ๆ ออกมามากมายนั้น

กรณีดังกล่าวอาจเป็นการเข้าข่ายพรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ

ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม และหรือบุคคลซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคการเมืองกระทําการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่า โดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม อันเป็นการฝ่าฝืน ม.28 และ ม.29 ของ​พรบ.พรรคการเมือง 2560 ซึ่งอาจเป็นเหตุให้พรรคการเมืองถูกยุบพรรค ตาม ม.92(3) และ ม.108 ได้

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อวินิจฉัยเอาผิดพรรคการเมืองและบุคคลที่มิใช่สมาชิกพรรคการเมือง ที่กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองดังกล่าว เพื่อเสนอให้ศาลรัฐธณรมนูญวินิจฉัยสั่งลงโทษตามครรลองของกฎหมาย

 

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (15 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,246 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 9 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,949 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 237 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 9 ราย เป็นสัญชาติเอธิโอเปีย 1 ราย สวิส 2 ราย อังกฤษ 1 ราย โรมาเนีย 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 2 ราย อเมริกัน 2 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 359 ราย รักษาหายแล้ว 309 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.18 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.06 แสน เสียชีวิต 18,819 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 33 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 83,475 ราย รักษาหายแล้ว 69,393 ราย เสียชีวิต 415 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.08 แสน ราย รักษาหายแล้ว 86,795 ราย เสียชีวิต 2,268 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.49 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.19 แสน ราย เสียชีวิต 8,733 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,320 ราย รักษาหายแล้ว 58,208 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,397 ราย รักษาหายแล้ว1,241 ราย เสียชีวิต 35 ราย

กระทบบ้าง...อย่าว่ากัน!! รัฐชี้ชาวกรุงเผชิญ PM 2.5 ถึง 17 ธ.ค. ยันมีแผนแก้​ แต่บางเรื่องอาจกระทบประชาชน

หลังรับไม้ต่อจากทางรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหา PM2.5​ โดยไว ทาง​ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และแนวทางแก้ว่า กรมควบคุมมลพิษรายงานว่า ในช่วง 2 - 3 วันนี้จนถึงช่วงวันที่ 17 ธ.ค. สภาพอากาศแทบจะไม่มีลมและมีการกดทับของสภาพอากาศ

จึงทำให้เกิดสถานการณ์ฝุ่นสะสมใน กทม. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญมากและได้มีมาตรการต่าง ๆ ออกมา ทั้งการประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้มีการบริหารจัดการเรื่องการเผาเกี่ยวกับการเกษตร

โดยขอให้จังหวัดในเขตปริมณฑลงดการเผาในช่วง 2 - 3 วันนี้ และได้มีการประสานกับกระทรวงคมนาคม ให้กวดขันตรวจสอบรถที่ผลิตก๊าซไอเสียเกินมาตรฐานกำหนด โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2563 ทางกรมควบคุมมลพิษได้ออกตรวจร่วมกับกรมการขนส่งทางบก พบว่ามีรถที่ค่าไอเสียเกินมาตรฐานปริมาณ 25 - 30% ของปริมาณรถที่ตรวจได้ ส่วนใหญ่มาจากรถรับจ้างส่วนบุคคล เป็นรถกระบะที่ไม่ได้รับการดูแลสภาพเครื่องยนต์ นอกจากนี้ ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ออกมาตรการต่าง ๆ เช่น ไม่ให้รถบรรทุกเข้ามาเขต กทม.ชั้นใน

วราวุธ กล่าวว่า ปัญหา PM 2.5 ตนพูดตั้งแต่ต้นปีว่าเป็นปริมาณที่เราผลิตอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ลดลง แต่สภาพที่มีหมอกควันและฝุ่นควันสะสมนั้นส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่เกิดขึ้น ดังนั้น ต้องขอความเห็นจากประชาชนว่ามาตรการหรือนโยบายแบบใดที่ประชาชนสามารถรับได้และเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะดำเนินการ เพราะบางมาตรการเมื่อออกมาแล้วได้รับการคัดค้าน

และมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างแน่นอน เช่น การที่ กทม.มีมาตรการไม่ให้รถบรรทุกเข้า กทม.ชั้นในก็ได้รับเสียงคัดค้านจากประชาชนบางกลุ่มที่ไม่สะดวกในการดำเนินกิจการ และถ้าย้อนกลับไปช่วงต้นปี ประมาณเดือน ก.พ.- มี.ค. สภาพอากาศไม่ได้แตกต่างจากนี้ แต่สภาพ PM 2.5 อยู่ในคุณภาพดี เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงการล็อกดาวน์ การสัญจรน้อย ปริมาณรถและเครื่องยนต์ที่ผลิตไอเสียบนถนนแทบจะไม่มีเลย

แต่วันนี้หากปริมาณยานพาหนะบนท้องถนน ทั้งรถสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคคลยังมีเต็มอยู่บนท้องถนนเช่นนี้คงไม่สามารถแก้ไขปัญหา PM 2.5 ได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนระมัดระวังสุขภาพ สวมใส่หน้ากากเมื่อเดินทางออกจากบ้าน และตรวจเช็กสภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษและกรมอุตุนิยมวิทยา

'จุรินทร์'​ เผย พาณิชย์​ เตรียมของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน จัดโครงการลดราคาสุดกระหน่ำข้ามปี​ ดีเดย์ 16 ธ.ค.2563 - 31 ม.ค.2564

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดเตรียมของขวัญปีใหม่ของกระทรวงพาณิชย์มอบให้ประชาชนว่า...

"กระทรวงพาณิชย์จะจัดโครงการพาณิชย์ลดราคาล็อตที่ 8 หรือเรียกว่า 'โครงการลดกระหน่ำข้ามปี'​ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2563 - 31 ม.ค.2564 โดยการลดราคารอบนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน และที่พิเศษกว่า 7 ล็อตที่ผ่านมา คือ จะมีการลดราคาสินค้า และภาคบริการ สูงสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์ อาทิ ร้านอาหาร แพลตฟอร์มต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ หรือลดค่าบริการขนส่งเดลิเวอรี่บางหมวดสินค้า ซึ่งตนจะแถลงรายละเอียดทั้งหมดในวันที่ 16 ธ.ค.นี้"

ด่วน!! 'ประวิตร'​ สั่ง 'ทส'​ เร่งรับมือ PM 2.5 ยกมาตรการป้องกันและบังคับใช้กฎหมายเต็มพิกัด กวดเข้มต้นเหตุ​ 'การก่อสร้าง-ยานพาหนะ'​

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประจำรองนายกฯ เปิดเผยว่า จากปัญหาสภาวะอากาศและการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปัจจุบันที่เกินมาตรฐานและกำลังเกิดขึ้นครอบคลุมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ และ กทม. นั้น​ ทาง​ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและวิ่งแวดล้อม (ทส.) ประสานการทำงานภาพรวมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมานาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม.และ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดอย่างต่อเนื่องจริงจัง

พร้อมทั้งขอให้กวดขันบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องควบคู่กับการขอความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาชน ร่วมกันป้องกัน แก้ปัญหาและลดการก่อปัญหามลภาวะที่ต้นเหตุอย่างเคร่งครัดและจริงจัง พร้อมกับขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนรวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนมีส่วนร่วมกันแก้ปัญหาและดูแลป้องกันตนเองจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ขอให้กระทรวงมหาดไทย ระดับท้องถิ่น นำข้อมูลแผนที่จุดความร้อนและลงพื้นที่ตรวจสอบกวดขันบังคับใช้กฎหมายกับการเผาพืชไร่ในที่โล่ง และประสานอุตสหกรรม ตรวจสอบมลภาวะของโรงงานอุตสาหกรรมและขอความร่วมมือลดกำลังการผลิตในภาวะดังกล่าว พร้อมทั้ง ขอให้ ทส.ประสานกับคมนาคม และ ตำรวจ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาจราจร โดยเฉพาะพื้นที่การจราจรที่คับคั่ง และจัดตั้งจุดตรวจสกัดรถควันดำที่สร้างปัญหาในพื้นที่ ร่วมกับมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนใช้การขนส่งสาธารณะมากขึ้น

สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ กทม.และจังหวัดปริมณฑล พิจารณาออกมาตรการควบคุมเฉพาะหน้าและขอความร่วมมือประชาชน ร่วมกันลดต้นเหตุของการก่อปัญหาในภาพรวม เช่น ควบคุมเวลากิจกรรมการก่อสร้าง การลดใช้ยานพาหนะในพื้นที่เขตเมืองที่หนาแน่น โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล การลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดควัน เป็นต้น

ทั้งนี้ ยังขอให้สาธารณสุขเร่งร่วมดูแลสุขภาพประชาชนในภาพรวม โดยเฉพาะเด็ก คนชราและผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อีกด้วย

ประกาศเคอร์ฟิวแบบ Hard Shutdown ทั่วประเทศเยอรมนี ตั้งแต่วันพุธที่ 16/12/2020 เป็นต้นไป​​

อย่างที่รู้กันว่า เมื่อไม่กี่ ชม ที่ผ่านมา รัฐบาลกลาง และผู้นำรัฐต่างๆของเยอรมันได้มีการประชุมถึงมาตรการที่เข้มงวดขึ้น และท้ายที่สุดก็ได้มีข้อตกลงกันออกมาว่า Hard Shutdown หรือเคอร์ฟิวแบบเข้มงวดที่จะเริ่ม มีผลบังคับใช้ระหว่างวันพุธที่ 16 ธันวาคมนี้ ถึงวันที่ 10 มกราคม 2021

ซึ่งหลักๆแล้วมาตรการที่ออกมาใหม่ ก็คล้ายกับต้นปีที่ผ่านมา ดังนี้ครับ:​

ร้านค้าทั้งหมดควรปิดตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมถึง 10 มกราคม ยกเว้นร้านค้าที่มีความสำคัญในการดำรงชีวิตของประชาชน กล่าวคือ ซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ตลาดรายสัปดาห์ รวมถึงร้านค้าปลีกอาหาร (ร้านเอเชียเป็นต้น) บริการรับ-ส่งอาหาร ตลาดเครื่องดื่ม ร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ ร้านขายยา​ ร้านขายของสำหรับเด็กทารก, ร้านขายยา, ร้าน / ช่างแว่นตา, ร้าน / ช่างเครื่องช่วยฟัง, ปั้มน้ำมัน, เวิร์คช็อป / อู่รถยนต์, เวิร์คช็อป / อู่จักรยาน, ธนาคารและธนาคารออมสิน

(Einzelhandel für Lebensmittel, Wochenmärkte für Lebensmittel, Direktvermarkter von Lebensmitteln, Abhol- und Lieferdienste, Getränkemärkte, Reformhäuser, Babyfachmärkte, Apotheken, Sanitätshäuser, Drogerien, Optiker, Hörgeräteakustiker, Tankstellen, Kfz-Werkstätten, Fahrradwerkstätten, Banken und Sparkassen)

จำกัดการติดต่ออย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกับโรงเรียนและศูนย์รับเลี้ยงเด็กในช่วงเวลาดังกล่าว เด็ก ๆ ควร "ได้รับการดูแลที่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้" ดังนั้นโรงเรียนจึงจะถูกปิดหรือพักการเรียนภาคบังคับ โดยเสนอให้เลี่ยงไปที่การดูแลฉุกเฉินและการเรียนทางไกลแทน (Notfallbetreuung und Distanzlernen) ​

เช่นเดียวกันสำหรับศูนย์รับเลี้ยงเด็ก โดยควรจะมีการเพิ่มเติมการให้บริการดูแลเด็กสำหรับพ่อแม่ และพ่อแม่ควรจะมีสิทธิ์ในการขอพักร้อนแบบที่ยังได้รับเงินเดือนปกติ (bezahlter Urlaub) เพื่อดูแลลูกในช่วงนี้ได้ ​

งานฉลองคริสต์มาสควรจัดขึ้นใน "แวดวงครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุด"​

ในวันคริสต์มาสตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 26 ธันวาคม ทางรัฐจะอนุญาตให้มีการพบปะกับบุคคลเป็นจำนวนมากที่สุด 4 คนจาก "กลุ่มครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุด" รวมถึงบุตรหลานที่มีอายุไม่เกิน 14 ปี ​ จากเอกสารระบุว่า ​ กลุ่มครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุด ได้แก่ คู่สมรสและคู่ชีวิต (Lebenspartner) เช่นเดียวกับญาติสายตรงและสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา ตามมติดังกล่าว ​ อนุญาตให้มีการพบปะกันได้มากกว่า 2 ครัวเรือน หรือมากกว่า 5 คน หากเป็นกลุ่มคนดังกล่าว ​

วันส่งท้ายปีเก่าและวันปีใหม่ (Silvester und Neujahr) จะมีการห้ามการชุมนุมทั่วประเทศ และห้ามจุดพลุในที่สาธารณะ ซึ่งจะถูกกำหนดโดยเทศบาล และห้ามมีการขายพลุและดอกไม้ไฟอื่น ๆ ในปีนี้​

ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ - ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมถึง 10 มกราคม หากมีการละเมิดจะถูกปรับเงิน​

งานด้านศาสนาของคริสตจักรในโบสถ์ มัสยิด วัดต่างๆ ตลอดจนการประชุมของชุมชนศาสนาอื่น ๆ จะได้รับอนุญาตก็ต่อเมื่อสามารถรักษาระยะห่างขั้นต่ำ 1.5 เมตรไว้ได้ ​ นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดบังคับใส่หน้ากาก ห้ามมิให้มีการร้องเพลงของชุมชน ​ หากคาดว่าจะมีการร้องเพลงอย่างเต็มรูปแบบ (สมาชิกวงมาทุกคนว่าง่ายๆ) จะมีการลงทะเบียนผู้ที่มาเยี่ยมชม​

ตามเอกสารนี้ จะมีการใช้มาตรการป้องกันพิเศษสำหรับบ้านพัก / ดูแลคนชรา ตลอดจนการบริการดูแลเคลื่อนที่ ​ รัฐบาลกลางจะให้ความช่วยเหลือพวกเขาด้วยหน้ากากป้องกันทางการแพทย์ ตลอดจนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าทดสอบโคโรนาอย่างรวดเร็ว (Corona-Schnelltests)​

นอกจากนี้รัฐต่างๆจะมีการบังคับการทดสอบหลายครั้งต่อสัปดาห์สำหรับเจ้าหน้าที่ในสถานดูแล / บ้านพักคนชรา ​ ในภูมิภาคที่มีตัวเลขเฉลี่ยผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ​ ผู้เข้าเยี่ยมจะต้องมีการแสดงผลการทดสอบโคโรนาเชิงลบในอนาคต​

บริษัทที่ให้บริการดูแลด้าน body care / Körperpflege จะต้องปิดให้บริการ นั่นรวมถึง ช่างทำผม สตูดิโอเครื่องสำอาง ร้านนวด และสตูดิโอสัก อย่างไรก็ตามการรักษาที่จำเป็นยังคงเป็นไปได้ ซึ่งนั่นหมายถึง ​ การทำกายภาพบำบัด ergo และ logotherapy รวมถึงการดูแลเท้า ( Physio-, Ergo und Logotherapien sowie Fußpflege)​

บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการ Shutdown จะได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น โดย "Überbrückungshilfe III / Bridging Aid III" ควรมีมูลค่าสูงสุดที่ 500,000 ยูโร ​ ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ที่ 200,000 ยูโร จำนวนเงินสูงสุดนี้มีไว้สำหรับบริษัทที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการ Shutdown

 

เพิ่มเติมนะครับ:

มีคนถามเข้ามาถึงมาตรการที่ออกด้านบนของรัฐของตน เลยเข้ามาเพิ่มให้ว่า ท้ายที่สุดแนะนำให้ทุกคนเช็คเวปของรัฐที่ตนอาศัยนะครับ ที่รู้แน่ๆ ณ ตอนนี้มี 3 รัฐ คือ

ใน Baden-Württemberg ประกาศออกมาตรการจำกัดการออกจากบ้านตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12/12/2020 กล่าวคือ ถ้าไม่มีเหตุสำคัญ ห้ามออกจากบ้าน

ในรัฐ Sachsen เริ่มมาตรการ Lockdown ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14/12/2020 แล้ว คือ มีผลบังคับใช้ก่อนหน้าที่รัฐตกลงกัน และประกาศวันนี้เป็นเวลา 2 วัน

Markus Söder มุขมนตรีของรัฐบาวาเรีย / Bayern (CSU) ได้ประกาศออกมาตรการจำกัดการออกนอกบ้านในช่วงเวลากลางคืนอย่างเข้มงวดตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มถึงตี 5 โดยมีผลบังคับใช้ทั้งรัฐ Bayern

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี Merkel และหัวหน้ารัฐต่างๆ จะทำการปรึกษาหารือกันอีกครั้งในวันที่ 5 มกราคม 2021 เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มเติมที่จะมีผลบังคับใช้หลังจากวันที่ 11 มกราคม 2021

มุมบ่นของอินทรีล่าสาร / สรุปบทความโดยย่อ

​​​อย่างที่คาดคิดกันไว้ว่า Hard Shutdown เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ยังไงเสียสำหรับคนที่อยู่ในเยอรมนี เราก็เคยเจอกันมาแล้วรอบนึง รอบนี้ก็หวังว่า จะไม่ตื่นตระหนกกันจนเกินไปนัก ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ลดลง ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ทางรัฐจะต้องออกมาตรการเด็ดขาดแบบนี้ออกมา แต่มันก็ไม่ได้ต่างกับตอนต้นปีที่เราเคยเจอ เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทำตามาตรการของรัฐกันอย่างเคร่งครัด เลี่ยงการพบปะผู้คนกันให้มากที่สุด ช่วยกันทำตัวมีความรับผิดชอบต่อสังคม นี่เป็นสิ่งที่เราช่วยกันได้คนละไม้คนละมือนะครับ และก็ขอให้เราพยายามอดทนกันอีกนิดครับ แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น วัคซีนก็จะออกมาให้เริ่มไล่ฉีดกันแล้ว สถานการณ์เดือนต่อเดือนก็จะค่อยๆดีขึ้นอย่างช้าๆ เราก็ยังพอจะเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์กันนะครับ อย่าเครียดกันเกินไปนัก เดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ

จนกว่าจะถึงเวลาที่เราได้รับวัคซีนนั้น เราก็ยังจะต้องช่วยกันรักษากฏ AHA(A+L) เช่นเดิมนะครับ

​Abstand halten / การรักษาระยะห่าง ​

Hygiene beachten / การปฏิบัติตามกฏสุขอนามัย ​

Alltagsmaske (Mund-Nasen-Bedeckung) /ใส่หน้ากากทุกวัน(ปิดปากและจมูก) ​

รวมถึงเสริมเข้าไปอีก 2 ตัว คือ A - App สำหรับแอปเตือนเรื่อง Corona และ L - Lüften = การเปิดหน้าต่างระบายอากาศสม่ำเสมอเพื่อระบายอากาศ ​​​


อ้างอิง:​

https://cutt.ly/qhPXADG

https://cutt.ly/shP721E

ขอบคุณแหล่งที่มา : Facebook เยอรมันอินไซต์ - Germany Insights


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top