Thursday, 9 May 2024
Politics

'เช็ค-สุทธิพงษ์' ทึ่ง!! กรณีทุกข์ 'นุจรีย์' ถูก 'พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ' ช่วย สะท้อน!! การเมืองแบบสุภาพบุรุษ-ไม่ขุดคู่แข่ง-ทำงานตาม DNA 'ลุงตู่'

(25 เม.ย. 67) นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ หรือพี่เช็ค อดีตผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ชื่อดังจากรายการคนค้นคน หนึ่งในผู้ร่วมโครงการ ‘อาสามาด้วยใจ’ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suthipong Thamawuit' ที่ทำให้ตัวเขาเข้าใจคำว่า 'สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง' มากขึ้น โดยระบุว่า...

ได้ฟังอาจารย์พีหรือพี่ตุ๋ย (พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน) พูดถึงกรณีการช่วยเหลือ 'นุจรีย์' ในงานประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ มีประเด็นที่ผมคิดว่าน่าสนใจ (ติดตามคลิป 'นุจรีย์ ร้องขอความเป็นธรรม' ได้ที่นี่ >> https://youtu.be/-y-qpFrsZqc?si=Ito14ExcUxzx0LMI)

…………………………………………………..

1.ก่อนตัดสินใจมาหาพี่ตุ๋ย เธอบากหน้าไปมาแล้วหลายที่ โดยเฉพาะพรรคที่เธอบูชา 

- ผลที่ได้รับคือ คำสัญญาที่ว่างเปล่า

2.บังเอิญเธอไถติ๊กต็อกไปเจอคลิปหาเสียงที่มีข้อความ 'สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง' ทำให้ตัดสินใจมาหาพี่ตุ๋ย

- เหมือนการเปิดทางของพระเจ้า

3.แต่พี่ตุ๋ยขอให้ตัดเนื้อหาที่พาดพิงคนอื่นออก เพราะไม่ใช้การโจมตีคนอื่นในการเล่นการเมือง

- ได้ฟังแล้วยิ่งนับถือ

4.ในสังคมที่เต็มไปด้วยการเรียกรับ และอาศัยเส้นสาย คนไร้เส้นอย่างนุจรีย์ นึกให้ตายก็นึกไม่ออก ว่าจะไปวิ่งเต้นหาใครได้

- กลายเป็นว่า ที่พึ่ง (เส้น) ของนุจรีย์ คือ เส้นก๋วยจั๊บ

5.คำสัญญาหรือการหาเสียงของนักการเมืองที่มีความจริงใจ ทำให้ประชาชนอย่างนุจรีย์มีที่พึ่ง

- ช่วยด้วยเมตตาธรรม ไม่เรียกรับผลประโยชน์ แต่พร้อมรับผล (คะแนนเสียง) จากการรับผิดชอบคำพูด (ในการหาเสียง)

6.ช่วยโดยการขอความร่วมมือจากกลไกราชการหลายหน่วยงาน ประสานความร่วมมือ 

- ให้กลไกได้ (ช่วยกัน) ทำงาน ไม่สั่ง ไม่ป๋า ไม่ข้ามหน้าข้ามตา 

7.ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่คือ เจตนาที่จะสื่อความหมาย ให้ทั้งสมาชิกพรรคและประชาชนที่จะเป็นผู้สนับสนุนพรรคในวันข้างหน้าเห็นว่า พรรคนี้ จริงใจที่จะ 'สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง' ตามที่พูดไว้

- ไม่ว่าจะในหรือนอกสภา

8.ไม่ทำ IO ไม่สร้างเฟกนิวส์ ไม่ล้างสมอง ไม่สร้างความแตกแยก แต่ใช้ความจริงใจ 

- ในการสร้าง (ให้เกิด) แนวร่วม ขบวนการด้อมลุงตุ๋ย ทั่วทุกภูมิภาค ทุกสาขาอาชีพ เพื่อมาช่วยกัน

9.ผมเป็นสมาชิกพรรคกรีน แต่โดนลุงตุ๋ยตกเรียบร้อยแล้ว

- นายหัวอย่าน้อยใจ ยังไงก็เขียวทั้งตัวและหัวใจ

***ใครที่อยากรู้ว่า 'นุจรีย์ ร้องขอความเป็นธรรม' เรื่องอะไร และช่วยได้จริงแค่ไหน ติดตามรับชมคลิปนี้ได้ที่นี่ >> https://youtu.be/-y-qpFrsZqc?si=Ito14ExcUxzx0LMI 

‘บิ๊กป้อม’ ประกาศ ‘พลังประชารัฐ’ เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย อุดมการณ์แน่วแน่ ‘ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส’

(26 เม.ย. 67) พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2567 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ตัวแทนภาค และตัวแทนสาขา และสมาชิกพรรค เข้าร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพปชร., ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค, นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา, นายสกลธี ภัททิยกุล, นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์, นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดการประชุมว่า สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน วันนี้เป็นการประชุมใหญ่สามัญของพรรคพลังประชารัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 43 กำหนดให้พรรคการเมืองต้องจัดทำรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินที่ผ่านมา เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองเพื่ออนุมัติภายในเดือนเมษายนของทุกปี ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค ผู้แทนสาขา พรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัด สมาชิกพรรค จำนวนทั้งหมด เกินกว่า 250 คนครบองค์ประชุม ตามที่กฎหมายกำหนด

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ช่วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ คณะกรรมการยุทธศาสตร์และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปตามอุดมการณ์และเจตจำนงของพรรคทุกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีสวัสดิการที่ดี มีรายได้ มีความสุข ทุกครอบครัว และเพื่อเร่ง พัฒนาประเทศ ให้เจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พรรคฯ เป็นที่ศรัทธาของพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้น พรรคจึงได้เตรียมปรับตัวเองให้สอดรับกับสถานการณ์ และเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับ ของพี่น้องประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่มอาชีพ ให้มากยิ่งขึ้น

”วันนี้พรรคพลังประชารัฐจึงขอประกาศตัวเองว่า เราขอเป็นพรรค ‘อนุรักษ์นิยมทันสมัย’ ที่มีอุดมการณ์แน่วแน่ ในการปกป้องสถาบันและบริหารเศรษฐกิจ ที่ทันสมัยเพื่อสร้างชีวิตที่สดใส ให้กับคนไทย ทั้งประเทศ 66 ล้านคน ด้วยสโลแกนใหม่ ที่เห็นอยู่บนเวทีนี้ คือ ‘ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส’ โดยเมื่อถึงเวลา ที่เหมาะสมซึ่งอีกไม่นานนัก พรรคจะได้ประกาศรายละเอียดทั้งหมดอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง”

สำหรับการประชุมดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดให้พรรคการเมืองมีการจัดประชุมเพื่อรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีและงบการเงินของพรรคการเมือง ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาในหลายประเด็น โดยเฉพาะการแก้ไขข้อบังคับเรื่องระเบียบการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการขับเคลื่อนพรรคให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันตามแนวทาง ‘อนุรักษ์นิยมทันสมัย’

จากนั้น นายไพบูลย์ ได้แถลงผลการประชุม ซึ่งในการประชุมวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีวาระการพิจารณาที่สำคัญ เรื่องการแก้ไขข้อบังคับพรรคให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย แก้ไขข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2566 มีการแก้ไข 9 ข้อ และจากการพิจารณาตรวจสอบงบการเงินประจำปี 2566  ผลการดำเนินงานได้ดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานการดำเนินงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ ซึ่งพรรคพปชร. มีรายได้ทั้งสิ้น 321.875 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 328 ล้านบาท ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 60,970 ราย

‘กกต.’ เคาะกฎระเบียบแนะนำตัวผู้สมัคร ‘สว.’ กำชับ!! ห้ามออกสื่อ-ยอมให้นักการเมืองหนุน

(26 เม.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงนามในระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ.2567 แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลใช้บังคับ

โดยสาระสำคัญ กำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกสามารถแนะนำตัวได้นับแต่วันที่ระเบียบฉบับนี้มีผลใช้บังคับ โดยผู้สมัครสามารถมีผู้ช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนำตัวได้

และได้กำหนดวิธีการแนะนำตัวว่า กรณีใช้เอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร เอกสารต้องมีขนาดไม่เกินเอ 4 หรือขนาด 210 มิลลิเมตร X 297 มิลลิเมตร ระบุข้อความเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว ใส่รูปถ่ายของผู้สมัคร ประวัติการศึกษา และประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น ไม่เกิน 2 หน้า และการแจกเอกสารแนะนำตัวตาม จะกระทำในสถานที่เลือกไม่ได้

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง โดยให้ใช้ข้อความตามเอกสารแนะนำตัวของผู้สมัครและเผยแพร่แก่ผู้สมัครอื่นในการเลือกเท่านั้น

ส่วนการมีผู้ช่วยเหลือผู้สมัครนั้น ให้ผู้สมัครแจ้งชื่อผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร หรือแจ้งการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร เป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ก่อนวันดำเนินการ ยกเว้น สามี ภรรยาหรือบุตร

ระเบียบดังกล่าวยังกำหนดข้อห้ามในการแนะนำตัวที่สำคัญไว้ อาทิ

1.ห้ามผู้สมัคร หรือผู้ช่วยเหลือผู้สมัครนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการแนะนำตัว

2.นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา มีผลใช้บังคับการแนะนำตัวไปจนถึงวันที่ กกต.ประกาศผลการเลือก ห้ามผู้สมัครหรือผู้ช่วยเหลือผู้สมัครแนะนำตัวอันเป็นการกระทำการฝ่าฝืนข้อห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา

3.ห้ามผู้ประกอบอาชีพทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน หรือสื่อโฆษณา เช่น นักแสดง นักร้อง นักดนตรี พิธีกร ใช้ความสามารถ หรือวิชาชีพดังกล่าวเพื่อเอื้อประโยชน์ ในการแนะนำตัว

4.ห้ามแจกเอกสารเกี่ยวกับการแนะนำตัวโดยวิธีการวางโปรยหรือติดประกาศในที่สาธารณะ

5.แนะนำตัวโดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หรือปลุกระดมก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในพื้นที่

6.ห้ามแนะนำตัวทางวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง เคเบิลทีวี หรือสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงการให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน นักข่าว หรือสื่อโฆษณาซึ่งเผยแพร่ผ่านบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล

7.ห้ามจงใจไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบนี้

8.ห้ามผู้สมัครยินยอมให้ผู้สมัครอื่น กรรมการบริหารพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใด ในพรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง เข้ามาช่วยเหลือผู้สมัครไม่ว่ากรณีใด ๆ 

‘เต้ มงคลกิตติ์’ โผล่ซบ ‘ประชาธิปัตย์’ ยอมรับ!! มาทดแทนบุญคุณ ‘เฉลิมชัย’

(26 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เข้าพบนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อช่วงสายของวันนี้ เพื่อขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายนายมงคลกิตติ์ ได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว โดยนายมงคลกิตติ์ จะเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 พรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ ในวันที่ 27 เม.ย.67 ด้วย

นายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า ตนได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้ว โดยพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้ และอยู่ระหว่างการตัดสินใจ เมื่อตนตัดสินใจว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรค จึงได้ไปพบนายเฉลิมชัย ที่บ้านในเวลา 11.30 น. เพื่อแจ้งความประสงค์ จากนั้นช่วงบ่ายตนจึงเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งได้พบกับนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคด้วย ซึ่งนายชวน ก็บอกยินดีที่มีคนมาช่วยพรรค

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า การที่ตนเลือกเข้าประชาธิปัตย์ เพราะตนเข้าใจกฎระเบียบต่าง ๆ อยู่แล้วและเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการขุนพล รวมทั้งเป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ และเป็นพรรคที่มีการเมืองเยอะที่สุด เมื่อตนเข้ามา ก็จะดึงคนรุ่นใหม่ให้พรรคพอสมควร ตนต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นหลักของบ้านเมือง เป็นที่พึ่งของประชาชนได้และต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเยอะ ๆ

เมื่อถามว่าทำไมเลือกเข้าพรรคประชาธิปัตย์ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายเฉลิมชัย มาเป็น 10 ปีมีบุญคุณต่อกัน ดังนั้น ตนเลือกเข้ามาเพราะต้องการช่วยพรรค และทดแทนบุญคุณนายเฉลิมชัย ตนได้เป็น สส.ครั้งแรก ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากนายเฉลิมชัย

เมื่อถามว่ามีการพูดคุยถึงตำแหน่งในพรรคหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยกัน จะให้ตนทำอะไรก็ได้จะทำเต็มที่ ซึ่งตนสามารถช่วยเหลือพรรคได้เรียกว่าเป็น ม้าเร็ว เคลื่อนที่ไป 77 จังหวัด ซึ่งการลงพื้นที่ตนชำนาญทั้งหมด ไม่ต้องฝึกกันแล้ว

ส่วนการตรวจสอบการทุจริตก็เห็นฝีมือตนอยู่แล้ว และถ้ามีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น ตนก็พร้อมจะลงสมัครทั้งกรุงเทพฯ นนทบุรี และพิษณุโลก อย่างไรก็ตาม การประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคฯ ในวันที่ 27 เม.ย. นี้ ตนไปร่วมสังเกตการณ์ด้วยแน่นอน

‘จุรินทร์’ ชี้ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เหมือนย้อนกลับไปที่เดิม หลังรัฐบาล ยื้อ ย้ำ!! ประเทศชาติต้องได้ประโยชน์ ไม่ใช่คุ้มค่า แค่พรรคการเมือง

(27 เม.ย. 67) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทันไตรมาส 4 อย่างรัฐบาลประกาศหรือไม่ว่า ในฐานะคนที่ติดตามเรื่องนี้คนหนึ่งอย่างใกล้ชิด ตนคิดว่าสถานการณ์ ณ วันนี้ มันย้อนกลับไปที่เดิม คือย้อนกลับไปในจุดที่เหมือนที่ประกาศว่าจะออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งสุดท้ายก็อาจจะไม่ได้เป็นไปตามนั้น เที่ยวนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ยังคลุมเครือ แม้ว่าจะมีมติครม.ออกมาก็ตาม แต่มติครม.ดังกล่าวเป็นมติที่เห็นชอบในหลักการ ซึ่งไม่มีอะไรใหม่ เพราะการแถลงนโยบายรัฐบาลก็พูดอยู่แล้ว ดังนั้นครม.ก็ต้องเห็นชอบตามนโยบาย แต่รายละเอียดที่จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตรงนั้นคือหัวใจสำคัญ ซึ่งจนถึงขณะนี้กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องโดยตรงก็ยังทำไม่เสร็จ ยังจะมีการนัดประชุมในรายละเอียดอีกว่าแหล่งเงิน วิธีการ และรายละเอียดอื่น ๆ จะทำอย่างไร ซึ่งแค่หลักการครม.ที่อยู่ด้วยกัน ให้เกียรติกันก็ต้องเห็นชอบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ในเรื่องของรายละเอียดจะต้องติดตาม

“ผมเรียนว่ายังคลุมเครือ เพราะผู้ที่มีความรู้ เชี่ยวชาญตัวจริงทางด้านการเงิน การคลัง และด้านกฎหมายของประเทศมีไม่น้อยที่เดียวที่ออกมาให้ความเห็นว่ามีหมิ่นเหม่ในเรื่องของข้อกฎหมาย ซึ่งตรงนี้ถ้ารัฐบาลจะทำให้เกิดความชัดเจนกว่านี้ก็ทำได้ โดยส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาให้วินิจฉัยก็จบไป แต่ผมไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมต้องยื้อเวลาในการที่จะส่งกฤษฎีกาไปอีก ฉะนั้นเรื่องนี้จึงเหมือนกับเดินไปบนเส้นด้าย เพราะความชัดเจนเรื่องข้อกฎหมายยังถกเถียงกันอยู่และคนที่มาเถียงกฎหมายก็ไม่ใช่ว่าคนไม่รู้เรื่อง ซึ่งเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญทั้งการเงิน การคลัง และกฎหมายที่ออกมาท้วงติง ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องรับฟังและทำความจริงให้เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะคลุมเครืออยู่อย่างนี้ ประชาชนก็รอความหวัง ด้วยความหวังในลักษณะที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะจริงหรือไม่จริง เพราะไม่ได้แปลว่าเมื่อครม.มีมติแล้วจะเป็นไปตามนั้น” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ที่ตนพูดต้องการให้รัฐบาลทำ แต่ตนไม่วิเคราะห์ว่าดีหรือเสียอย่างไร แต่เป็นหน้าที่พรรคการเมืองที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อหาเสียงและได้คะแนนเสียงจากประชาชนมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบจากเสียงที่ได้มา ต้องทำ แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่คุ้มค่าแค่พรรคการเมือง

‘หมอวรงค์’ โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้ ‘คณะก้าวหน้า’ ท้าทาย ‘กกต.’ ย้ำ!! ต้องจัดการให้เด็ดขาด อย่าให้เป็นอันตราย ต่อประเทศชาติ

(27 เม.ย. 67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า #คณะก้าวหน้ากำลังท้าทายกกต.

ผมคิดว่ากกต. กำลังถูกท้าทาย จากคณะก้าวหน้า หลังจากออกมาเตือนเรื่องการเลือกสว. แม้คนของคณะก้าวหน้า จะอ้างว่า ต้องการรณรงค์ ให้คนมาลงสมัครสว. จะไปผิดตรงไหน

แต่ที่ประหลาด ที่คณะก้าวหน้าแนะนำ เว็บ senate67.com และอ้างว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคณะก้าวหน้า โดยอ้างว่าเป็นของภาคประชาชน (ผมคิดว่าประชาชนคงจะเชื่อ ว่าพวกคุณไม่เกี่ยวข้องกับเว็บนี้)

แต่เมื่อเข้าไปดู ใน senate67.com มีการให้แสดงจุดยืนทางการเมือง ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับพรรคก้าวไกล และอย่าลืมนะว่า พรรคก้าวไกลเคยใช้คณะก้าวหน้า เป็นผู้ดีเบตในเวทีเลือกตั้งสส.

บอกคณะก้าวหน้าเลยครับ ถ้าคุณรณรงค์ ให้ประชาชนมาลงสมัครสว.นั้นไม่ผิดครับ แต่ถ้าเก็บรายละเอียดจุดยืนทางการเมือง เก็บข้อมูลบุคคลไว้รวมกัน ตรงนี้ต่างหากที่จะนำไปสู่การฮั้วการเลือกสว.ได้(คนคิดไม่ดีมักจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ)

ทำไมเขาถึงต้องการสว.ที่เป็นพวกเขา อย่างน้อยการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่เว้นหมวดพระมหากษัตริย์ รวมทั้งการเห็นชอบ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ

เรื่องแบบนี้ถ้ากกต.จัดการไม่ได้ ปล่อยให้การเลือกสว.ไม่สุจริต มีการฮั้วเกิดขึ้น จะอันตรายต่อประเทศมาก ผมขอย้ำนะครับว่า กกต.ต้องจัดการปัญหานี้ ถ้าปล่อย ต้องถือว่ากกต.มีส่วนทำให้ประเทศชาติเสียหาย

ยลโฉมหน้า 6 รัฐมนตรี ภายใต้ ‘เศรษฐา 2’ จับตา!! ‘พิชัย’ ปลดล็อกดิจิทัลวอลเล็ตฉลุย

อีกไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่เพลารายชื่อการปรับคณะรัฐมนตรีหรือครม.ที่เป็นทางการก็จะออกมา...ใครนั่งตำแหน่งไหน…ใครสลับกับใคร แต่จะว่าไปก็ไม่มีอะไรตื่นเต้นแล้ว...

‘เศรษฐา 2’ รอบนี้ หลุด 4 เข้า 6 รวมจำนวนรัฐมนตรี (รวมนายกฯ) เต็มแม็กตามรธน.ที่มีได้ไม่เกิน 36 คน

สำหรับหลุดจากตำแหน่ง 4 คน..ล้วนแต่น่าเห็นใจ

-นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ดีทียังมีตำแหน่งสส.ไปโชว์ฟอร์มในสภาฯได้ หากอีก 2 เดือนพรรคก้าวไกลโดนยุบ ‘หมออ๋อง’ ประดิพัทธิ์ สันติภาดา ที่เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลต้องหมดสภาพสส.ไปด้วย ตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ว่าง ก็อาจเป็นช่องทางที่เพื่อไทยจะเยียวยาคุณหมอ...ช่วงนี้ก็กลืนเลือดกันไปก่อน…

-ดร.พวงเพ็ชร์ ชุณละเอียด ‘มาดามแจ๋น’ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทางพรรคก็คงมีตำแหน่งแห่งที่ให้ขับเคลื่อนงาน…

-ไชยา พรหมมา รมช.เกษตรฯ สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ก็เป็นคนมีแสงในตัวเองอยู่แล้ว ไม่น่าห่วง…

-อนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ สส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนักการเมืองมีสปิริต พรรครทสช. ก็คงมอบหมายบทบาทที่สำคัญในพรรค

ส่วนรมต.หน้าใหม่ 6 ท่าน ก็ต้องแสดงความยินดีมา ณ โอกาสนี้ ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาว ขอให้เปล่งศักยภาพโชว์ฝีไม้ลายมือกันให้เต็มที่

-พิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกฯ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์และ ฯลฯ ลาออกทุกตำแหน่งมาเป็นรองนายกฯ และรมว.คลัง แม้จะมีภาพลักษณ์ยี่ห้อ ‘ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์’ ติดตัวอยู่ แต่มีความเป็นมืออาชีพ และน่าจะมาช่วยถอดสลักระเบิด ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ให้มันเดินหน้าไปได้แบบถูกต้องชัดเจนขึ้น

-ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรมว.คลัง รอบนี้ทั้งคนชื่อ ‘ภูมิธรรม’ และ ‘หมอมิ้งค์’ ช่วยดันจนเลื่อนชั้นเป็น รมช.คลัง ระวังอย่าไปเหยียบเปลือกกล้วยก็ละกัน…

-จิราพร สินธุไพร ‘สส.น้ำ’ แห่งร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อายุ 36 ขวบ ผ่านเกณฑ์รมต. (อย่างน้อย 35 ปี) เฉียดฉิว ถ้าได้กำกับหน่วยงาน กรมกองที่ถูกที่ถูกทางก็น่าจะไปได้สวย

-พิชิต ชื่นบาน เจ้าของฉายา ‘ทนายถุงขนม’ จะเป็นมือกฎหมายในตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็น่าจะทำให้งานด้านกฎหมายรัฐบาลลื่นไหลมากขึ้น

-อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.เบนซ์ จากฉะเชิงเทรา อดีตเลขาธิการวิปสมัยรัฐบาลลุงตู่พลังประชารัฐ   เบียดอนันต์ ผลอำนวย จากกลุ่มกำแพงเพชร ด้วยแรงดันพิเศษของ ‘ผู้กอง’ ธรรมนัส พรหมเผ่า…เข้าป้าย รมช.เกษตรฯ ตามโควตาของพรรคที่ว่างอยู่

-สุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ พรรครทสช. อดีตรมว.แรงงาน รอบนี้ยอมลดชั้นเป็นรมช.(พาณิชย์)...กระทรวงนี้น่าจะตรงสเปก บวกกับเป็นคนบริหารจัดการเก่ง คาดว่าจะเป็นกำลังสำคัญสร้างผลงานให้พรรค ให้รัฐบาลได้ในเร็ววัน…

พูดไปทำไมมี…ปรับครม.รอบนี้ คนนอกทำเนียบที่ทำหน้าที่ ‘เคาะ’ สุดท้ายจริง ๆ น่าจะเป็น ‘นายใหญ่’ และ ‘เจ๊ใหญ่ เมืองเหนือ’ ก่อนจะถึงมือนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน

เคาะไปเคาะมานายกฯ เศรษฐายอมหดเก้าอี้ เหลือตำแหน่งเดียว หะแรกจะไปควบ รมว.กลาโหม ทำเอาคนชื่อสุทิน คลังแสง ‘ว้าวุ่น’ จนออกอาการถอดใจไปวูบใหญ่ ๆ แต่ ‘นายใหญ่‘ บวกลบคูณหารแล้ว เห็นว่ากึ๋นและวิธีคิดของสุทินเข้าท่าหลายเรื่อง…ก็เลยจัดให้เป็นการสร้าง ’หลักนิยมใหม่‘ คิดใหม่ ทำใหม่ แบบเพื่อไทยซะเลย…คือจากนี้ พลเรือนที่มานั่งเก้าอี้รมว.กลาโหม ไม่จำเป็นต้องเป็นพลเรือนที่มีตำแหน่งเป็นนายกฯ เท่านั้น…ลูกชาวบ้านแต่มีกึ๋น มีความเหมาะสม มีวุฒิภาวะก็เป็นได้…

ต้องยินดีกับ ฯพณฯ คลังแสง มา ณ โอกาสนี้ ...แต่ยังไง ๆ ก็อย่าไปรื้อพ.ร.บ.จัดระเบียบกลาโหม 2551 ให้มันเลอะเทอะเชียวนา...เดี๋ยววุ่น...สิบอกให้!!

‘ธนกร’ ฟาดใส่ ‘ธนาธร-ช่อ’ หยุดชี้นำชวนสมัคร สว. ผ่านเว็บ ย้ำ!! ถ้าอยากได้ สว.‘อิสระ-เป็นปชต.’ ก็ไม่ควร ออกมาเคลื่อนไหว

(28 เม.ย. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ออกประกาศเตือนไปถึงกลุ่มบุคคลและตัวแทนองค์กร ที่จัดแคมเปญให้มีการจูงใจ หรือชี้ชวน รวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพรวม 20 กลุ่ม ให้เป็นผู้เสนอตัวสมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ โดยมีผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้ารับการเลือกเป็นส.ว. จำนวนมากได้กรอกข้อมูลส่วนตัว จุดยืนวิสัยทัศน์ ลงในเว็บไซต์เพื่อให้ผู้จัดแคมเปญรวบรวมข้อมูลนั้น อาจเข้าข่ายเป็นการจัดตั้งบุคคลให้มาเป็นผู้สมัครรับเลือกส.ว. อาจเข้าข่ายมีความผิดกฎหมาย

นายธนกร กล่าวว่า หากกกต.มีเหตุสงสัยว่าการเลือกไม่ได้เป็นไปโดยสุจริต มีอำนาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการเลือกและสั่งให้ดำเนินการเลือกใหม่ หรือนับคะแนนใหม่ได้ทันที หากพบว่าผู้สมัครรับเลือกเป็นส.ว.ยินยอมให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้ใดช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับเลือกต้องถูกระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับ ตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นด้วย ซึ่งท้ายที่สุด จะทำให้การเลือกส.ว.มีปัญหาในหลายอำเภอ หลายจังหวัด โดยมองว่า จะมีการร้องเรียนกันไปมาวุ่นวายทั้งประเทศและส่งผลทำให้ได้ส.ว.ชุดใหม่ ล่าช้าออกไป

“ขอฝากไปถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า น.ส.พรรณิการ์ วานิช และแกนนำที่ออกมาเปิดแคมเปญเชิญชวนให้คนมาสมัครเป็นส.ว.กันเยอะๆ และยังมีการให้กรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์นั้น กกต.ออกโรงเตือนแล้วขอให้ระมัดระวัง อย่าทำผิดกฎหมายเสียเอง ถ้าอยากเห็นส.ว.ชุดใหม่ มีที่มาโดยสุจริต ถูกต้องและโปร่งใส เลือกกันเองใน 20 วิชาชีพ ไม่มีฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงหรืออยู่เบื้องหลัง ตามเจตนารมย์ประชาธิปไตยจริงๆ ก็ไม่ควรออกมาเคลื่อนไหว สุดท้ายเกรงว่าจะได้ส.ว.จัดตั้งในร่างทรงฝ่ายการเมืองบางกลุ่มมากกว่า” นายธนกร กล่าว

เปิดโปร์ไฟล์ 5 รมต.ใหม่ รัฐบาลเศรษฐา ดีกรีไม่ธรรมดา ผ่านงานใหญ่ มาอย่างโชกโชน

(28 เม.ย. 67) หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1/1 มีรัฐมนตรีใหม่ป้ายแดงเข้ามาดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ 5 คน จากพรรคเพื่อไทย 4 คน ได้แก่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และจากพรรคพลังประชารัฐ 1 คน คือ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์

แต่ละคนมีโปรไฟล์น่าสนใจ ดังนี้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2492 อายุ 75 ปี ปริญญาตรี พาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท บริหารธุรกิจ Indiana University of Pennsylvania สหรัฐอเมริกา

เคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ กรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย นายกสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานกรรมการ และกรรมการ กลุ่มบริษัท บางจาก 3 แห่ง ที่ปรึกษาคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

15 ก.ย.2566 นายกฯ แต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี

11 ม.ค.2567 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีวาระ 3 ปี

6 ก.พ.2567 นั่ง ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 18

24 เม.ย.2567 ที่ผ่านมา ยื่นลาออกจากประธานบอร์ด ตลท. และทุกตำแหน่งในกลุ่มบริษัท บางจาก

เพื่อมารับตำแหน่งเสนาบดีเกรดเอ ในเก้าอี้ รองนายกฯและรมว.คลัง
ภารกิจหลักเพื่อช่วยรัฐบาลเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ที่ประกาศเงินจะเข้ากระเป๋าประชาชนในไตรมาส 4

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ชื่อเล่น อ๊อฟ เกิด 22 ก.พ.2526 อายุ 41 ปี
จบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัลเกษตรศาสตร์ ปริญญาโท บริหารธุรกิจ ม.แมสซาชูเซตส์ บอสตัน ปริญญาโท และปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์ ม.อิลลินอย ชิคาโก

รับราชการที่สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ลาออกมาทำงานการเมืองในพรรคเพื่อไทย เป็นทีมงานให้กับ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค เป็นรองเลขาธิการพรรค ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 และขยับขึ้นดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคในปี 2566

หนึ่งในบุคคลที่มีส่วนผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และร่วมเป็นกรรมการนโยบายโครงการดังกล่าว จากเลขานุการรมว.คลัง ปรับครม.หนนี้เลยได้ขยับสู่รมช.คลัง

นายพิชิต ชื่นบาน รมต.สำนักนายกฯ อายุ 65 ปี ชาวปราจีนบุรี จบปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) ม.รามคำแหง ปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ สาขากฎหมายมหาชน เนติบัณฑิตไทย ปริญญาเอก บริหารธุรกิจอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

เป็นทนายความและที่ปรึกษากฎหมายให้เอกชนชื่อดังหลายบริษัท เป็นหัวหน้าทีมทนายความต่อสู้คดี ให้ครอบครัวชินวัตร ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยถูกรัฐประหาร ปี 2549 ทีมทนายความต่อสู้คดีให้ 4 อดีตนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เคยเป็นประธานที่ปรึกษากฎหมายให้พรรคไทยรักษาชาติ ตอนจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา 1 มีชื่อติดโผ รมต.สำนักนายกฯ มาแล้ว แต่ถูกจับตาเรื่องคุณสมบัติ ปมถุงขนม 2 ล้าน เจ้าตัวไม่อยากให้การตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ เลยยอมถอย ก่อนได้นั่งที่ปรึกษานายกฯ ปรับครม.เศรษฐา 1/1 จึงได้ขึ้นนั่งรัฐมนตรีครั้งแรก

น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.สำนักนายกฯ ชื่อเล่น ‘น้ำ’ เกิดวันที่ 1 ก.ย. 2530 อายุ 37 ปี
ลูกสาวคนโตของ นิสิต สินธุไพร อดีตสส.ร้อยเอ็ด และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ จบ ปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์บัณฑิต ม.อัสสัมชัญ ปริญญาโท 2 ใบ รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และธุรกิจระหว่างประเทศ เกียรตินิยมอันดับ 2 มหาวิทยาลัยเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ

เคยเป็นนักวิชาการพาณิชย์ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ลงสมัครสส.ครั้งแรกในปี 2562 ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนสูงเป็นอันดับที่ 1 ของร้อยเอ็ด ปี 2562 เป็นรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ถึงการเลือกตั้ง 2566 ชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในยุค แพทองธาร ชินวัตร นั่งหัวหน้าพรรค และเป็นวิปรัฐบาล ประเดิมเก้าอี้รัฐมนตรีครั้งแรกกับตำแหน่ง รมต.สำนักนายกฯ

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์อายุ 40 ปี เกิดเมื่อ 7 ส.ค. 2527 ที่อ.พนมสารคาม ฉะเชิงเทรา ลูกชายของ อิทธิ ศิริลัทธยากร อดีตรมช.คมนาคม
จบปริญญาตรี ด้าน Communication Arts จาก ม.กรุงเทพ ปริญญาโท Marketing Management จาก MIDDLESEX UNIVERSITY ประเทศอังกฤษ 

ทำธุรกิจส่วนตัว ปี 2554 จึงลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สมัยแรก ต่อมาเลือกตั้งปี 2562 ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ลง สส.บัญชีรายชื่อ ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง มิ.ย.2564 ได้รับเลือกเป็น กก.บห.พรรคพลังประชารัฐและโฆษกพรรค

ปี 2567 ถูกพรรคขับพร้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แล้วย้ายไปสังกัดพรรคชาติพัฒนากล้า ได้เป็นรองหัวหน้าพรรค ที่สุดย้ายกลับพลังประชารัฐพร้อมร.อ.ธรรมนัส อีกครั้ง
ปรับครม.ครั้งนี้ ไผ่ ลิกค์ ติดปัญหาคุณสมบัติ ผู้กอง จึงดัน อรรถกร นั่งเก้าอี้รมช.เกษตรฯ แทน

‘อัครเดช’ จี้ ‘เศรษฐา’ เร่งแก้ปัญหา กากสารเคมีอุตสาหกรรม ชี้!! บังคับใช้กฎหมายหย่อนยาน ต้องรีบจัดการ หวั่นก่อปัญหาระยะยาว

(28 เม.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ในอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เมื่อวานนี้ ถือว่าเป็นเรื่องดี ที่นายกรัฐมนตรีจะได้ไปเห็นสภาพปัญหาจริงที่เกิดขึ้นว่า เรื่องกากสารเคมีอุตสาหกรรมเป็นปัญหาใหญ่และกระทบกับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้ทราบอยู่แล้วว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะที่จังหวัดระยอง และหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ก็อาจจะเกิดปัญหาเช่นนี้ซ้ำขึ้นได้อีกในอนาคต ดังนั้นตอนนี้เป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีจะได้กำชับหน่วยงานรัฐได้เร่งสำรวจโรงงานประเภทนี้ทั้งหมดทั่วประเทศ และเข้าไปบริหารจัดการ

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ปัญหาในระยะยาว ที่จะต้องมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จริงจัง เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีปัญหาเรื่องการกำกับดูแลผู้ประกอบ กรณีการที่ประกอบกิจการรับกำจัดกากของเสียจากอุตสาหกรรมไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานของภาครัฐ ต้องดำเนินการจริงจัง ต้องไม่ปล่อยให้เกิดความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมาย การรับสินบน การทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องเร่งไปดำเนินการจัดการ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เป็นปัญหาในระยะยาวได้” นายอัครเดช กล่าว

ประธาน กมธ.อุตสาหกรรม ยังได้เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีอีกว่า ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญสำหรับกรณีที่จังหวัดระยอง นายกรัฐมนตรีต้องเร่งให้การเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากควันพิษ หรือผลกระทบจากสารพิษ เพราะปัจจุบันเข้าใจว่าการแก้ปัญหาในพื้นที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งสะท้อนได้จากการที่ประชาชนยังมีการออกมาร้องเรียนถึงความล่าช้าจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม และจังหวัดระยอง ฉะนั้นตอนนี้นายกรัฐมนตรีต้องลงมากวดขันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลงมาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนเร่งด่วน และที่สำคัญต้องไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ในพื้นที่อื่นอีก เพราะถือว่าที่จังหวัดระยองเป็นบทเรียนที่สำคัญที่ผู้ประกอบการกำจัดกากสารเคมีอุตสาหกรรมแล้วทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ จะด้วยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ดี

“ดังนั้นต้องมีมาตรการการรองรับกรณีแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก รวมถึงต้องเร่งดำเนินการกับกากสารเคมีที่เหลืออยู่ ตลอดจนต้องดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนี้อย่างจริงจัง ว่าเกิดเพราะอะไร มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่” นายอัครเดช กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top