Monday, 20 May 2024
Politics

เทียบฟอร์ม 'คนละครึ่ง-ดิจิทัลวอลเล็ต' โครงการไหนตอบโจทย์ ไม่ซับซ้อน

(17 เม.ย.67) จากเพจ 'เชียร์ลุง' ได้โพสต์ภาพกราฟิกพร้อมเนื้อหาในหัวข้อ 'เทียบกันชัด ๆ คนละครึ่ง กับ ดิจิทัลวอลเล็ต คุณชอบโครงการไหนครับ' ไว้ดังนี้...

>> คนละครึ่ง
- รัฐออกให้ครึ่งนึง ใช้งบประมาณครั้งละ 3-4 หมื่นล้านบาท
- ใช้ได้ทุกที่
- ป้องกันทุนใหญ่
- ใช้แอปฯ เป๋าตัง ใช้ง่าย สะดวก
- ช่วยค่าใช้จ่ายปากท้อง เพิ่มปริมาณการใช้จ่ายให้มากขึ้น
- ถูกกฎหมายทำได้ทันที

>> ดิจิทัลวอลเล็ต
- รัฐออกให้ทั้งหมด ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท
- จำกัดระยะทาง
- ไม่ป้องกันทุนใหญ่
- ลงทุนสร้างแอปฯ ใหม่ เงื่อนไขซับซ้อน
- หวังกระตุ้น GDP
- รอตีความทางกฎหมาย มีผู้คัดค้านมากมาย

ศาล รธน.ให้ 15 วัน ‘ก้าวไกล’ ยื่นแจงปมถูกร้องยุบพรรค นับตั้งแต่ 18 เม.ย.67 ครบกำหนดชี้แจงข้อกล่าวหา 3 พ.ค.67 

(17 เม.ย. 67) ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า กรณีคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 (1) (2) เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอให้เพิกถอนสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่จดทะเบียนขึ้นใหม่ด้วยเป็นระยะเวลา 10 ปีนั้น

พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่น คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญออกไปอีก 30 วัน ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นควรให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ 18 เม.ย.67 ซึ่งจะครบกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 3 พ.ค. 67

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการยื่นขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ เป็นการยื่นขอขยายครั้งที่ 1 หลังจากเมื่อวันที่ 3 เม.ย.67 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องดังกล่าวของกกต. ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีการการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญปี 2561 มาตรา 7 (13) ศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบมาตรา 92 วรรคหนึ่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และจะแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบพร้อมส่งสำเนาคำร้องให้กับพรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันได้รับสำเนาคำร้อง

'อัครเดช' เผย!! 4 รัฐมนตรี รทสช. ทำงานทุ่มเท มีผลงานต่อเนื่อง ยัน!! นายกฯ ไม่มีสัญญาณปรับครม. แต่ถ้ามีโปรดรอฟังจากพรรค

(17 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของ รทสช. ว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้คุยกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค รทสช.ยืนยันว่าการปรับ ครม. ยังไม่มีการติดต่อมาจากนายกรัฐมนตรี ส่วนในอนาคต เป็นเรื่องที่นายกฯ กับหัวหน้าพรรคฯ จะคุยกัน และทางพรรคยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร หากมีความคืบหน้าก็จะแถลงให้ประชาชนได้รับทราบ  

เมื่อถามว่า มองการทำงานของ 4 รัฐมนตรี ของรทสช.เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่? นายอัครเดช กล่าวว่า "การทำงานของทั้ง 4 รัฐมนตรีในโควตาของรวมไทยสร้างชาติทุกท่าน ทำงานด้วยความทุ่มเท ตนสัมผัสได้ อย่างนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคฯ ที่เป็นรองนายกฯ และรมว.พลังงาน ก็มุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะแก้ปัญหาพลังงาน รวมถึงโครงสร้าง ทั้งไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ โดยทำอย่างเป็นระบบ และปฏิรูปเพื่อสร้างความยั่งยืน เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน...

"ส่วนน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ก็ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหาแคดเมียม ทันที ส่วนรัฐมนตรีช่วยอีกสองคน ทั้งนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง และนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ ก็ตั้งใจทำงาน และมีผลงานต่อเนื่อง ดังนั้นการปรับครม.ผู้ใหญ่ก็ต้องคุยกัน"

เมื่อถามถึงความกังวลกรณี ของนายพีระพันธุ์ ที่พบปัญหาราคาพลังงาน อาจถูกหยิบยกเป็นเหตุผลให้นายกฯ พิจารณาปรับครม.ได้? โฆษก รทสช. กล่าวว่า "เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ ซึ่งเกิดจากปัญหาสงคราม นายพีระพันธุ์ก็พยายามทำอยู่สุดความสามารถ เพื่อตรึงราคาน้ำมัน จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ เนื่องจากเรานำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจัยราคาน้ำมันดิบ เราไม่สามารถกำหนดได้ แต่สิ่งสำคัญ คือการตรึงราคาขายปลีก เชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของนายพีระพันธุ์ในการตรึงราคาน้ำมัน ส่วนสุดท้ายจะตรึงได้ถึงเมื่อไหร่ ก็อยู่ที่สถานการณ์ และอยากสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ว่านายพีระพันธุ์ เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ปฏิรูปโครงสร้างเชื้อเพลิง อย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ระยะสั้น เราเป็นห่วง เพราะมีเหตุการณ์ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่คิดว่าท่านให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด เพื่อให้คลายความกังวลตรงนี้"

ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ว่าอาจถูกปรับ 2 คน แล้วดึง นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค รทสช. และนายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค รทสช. เข้ามาแทน? นายอัครเดช กล่าวว่า "ข่าวก็คือข่าว แต่ถ้าเป็นจริง ก็ต้องฟังจากหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือตนในฐานะโฆษกพรรค ที่ได้รับมอบหมาย แต่ข่าวที่ออกมาคิดว่าไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล และพรรคฯ ด้วย ยืนยันว่าเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ตอนคุยกันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอให้สบายใจได้พรรครทสช.ไม่มีปัญหาการปรับครม."
เมื่อถามว่า ในอนาคตจะมีชื่อนายอัครเดช ติดโผล ครม.หรือไม่? นายอัครเดช กล่าวว่า "ตนเป็นประธานกมธ.อุตสาหกรรม ก็โอเคแล้ว ตนก็ทำงานเต็มที่ ส่วนในอนาคตเป็นเรื่องที่ประชาชนตัดสินใจ"

‘ชลน่าน’ ยัน!! ไม่นอยด์ หลังมีชื่อติดโผหลุด ครม. ลั่น!! มีหน้าที่ก็ทำให้เต็มที่ อย่าไปคิดมาก

(18 เม.ย.67) ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีชื่อถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ว่า ไม่มีอะไร ๆ ไม่ทราบเลยว่ามีสัญญาณอะไรอย่างไร เมื่อถามว่าได้มีการติดตามข่าวหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ติดตามอยู่ตลอด

เมื่อถามว่า ข่าวที่ออกมากระทบต่อการทำงานหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “สำหรับตัวผมไม่กระทบ แต่ในส่วนข้าราชการประจำจะกระทบหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่ผมก็พยายามสั่งการมาโดยตลอดว่าห้ามเกียร์ว่าง ทุกคนต้องทำงานเต็มที่”

เมื่อถามว่า ดูเหมือนตัวนพ.ชลน่าน ไม่สบายใจและนอยด์ ๆ หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่มี ก็ทำงานไป ไม่มีนอยด์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรามีหน้าที่ก็ทำให้เต็มที่อย่าไปคิดมากครับ”

ต่อมาเวลา 09.05 น. นพ.ชลน่าน ได้เดินออกจากตึกบัญชาการ 1 ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งคาดว่าจะไปพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะออกไปไหน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีธุระข้างนอกนิดหน่อย เมื่อถามย้ำว่า จะกลับเข้ามาประชุม ครม. หรือไม่ นพ.ชลน่าน หันมากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มว่า จะไม่ให้มาประชุมแล้วเหรอ เดี๋ยวกลับมา จากนั้นเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

ขณะที่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รมว.วัฒนธรรม ปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการสลับเก้าอี้ใน ครม. เพียงแต่ยกมือรับไหว้สื่อมวลชน พร้อมหัวเราะ

‘สุริยะ’ โต้!! ‘ก้าวไกล’ บอก 20 บาทตลอดสายทำไม่ได้ จะทำให้ดู ชี้!! ตอนนี้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เตรียมลุยเสนอ ครม.

(18 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณี นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ตนทราบสิ่งที่นายสุรเชษฐ์ออกมาให้ความเห็น ตนยินดีรับฟังทั้งคำติคำชมจากประชาชนและฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่ดูแล้วคิดว่าการวิจารณ์ในนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ตนพยายามดำเนินการ ตามที่นายสุรเชษฐ์บอกว่าไม่เห็นด้วยและไม่ควรทำนั้น ตรงนี้ตนยอมรับไม่ได้ เพราะประชาชนที่ใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบันหากต้องโดยสารระยะทางไกลราคาค่าโดยสารสูงสุดถึง 192 บาท ถือเป็นภาระของประชาชนจำนวนมาก และการทำให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้าเยอะ ๆ ก็จะมีส่วนลด PM 2.5 และลดค่าใช้จ่ายประชาชนไม่เช่นนั้นราคาจะแพงไม่น่าจะรับได้ ตนยืนยันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายตามที่เคยให้สัญญาภายใน 2 ปีต้องทำให้ได้ ตนให้สัมภาษณ์ไว้ตอนเดือน ก.ย.66 เพราะฉะนั้น ก.ย.68 รัฐบาลจะดำเนินการให้ได้

เมื่อถามว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายอื่น ๆ จะทำให้ราคา 20 บาททั้งหมดใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ถูกต้อง ทุกสายคือ 20 บาท นายสุรเชษฐ์บอกว่าทำไม่ได้ตนจะทำให้ดู

เมื่อถามอีกว่า วิธีการที่จะทำให้ได้สำเร็จเป็นอย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงได้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม จะตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อชดเชยให้กับผู้ประกอบการและจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เร็ว ๆ นี้ 

นายสุริยะ กล่าวว่า ส่วนที่วิจารณ์ว่ากระทรวงคมนาคมไม่มีผลงานนั้น ขอชี้แจงว่าสิ่งที่ทำมาเป็นรูปธรรมวันนี้บริษัทจัดอันดับสนามบินทั่วโลกได้ปรับอันดับของประเทศไทยจากอันดับ 67 มาเป็น 57 เป็นเพราะนายกฯ ใส่ใจและสั่งการให้ตนไปปรับปรุงระบบต่าง ๆ ในสุวรรณภูมิ รองรับการท่องเที่ยว เห็นได้ชัดผลที่เกิดจากการที่เราได้ไปทำ ทำให้ถูกปรับขึ้นมา 10 อันดับในระยะเวลาที่รัฐบาลทำงานมา ตนเชื่อว่าผลงานที่กระทรวงคมนาคมทำมีสิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรม อีกตัวอย่างคือสถานีขนส่งมวลชนหมอชิต จะเห็นว่าสภาพเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ประชาชนใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และช่วงสงกรานต์ประชาชนเดินทางผ่านถนนเส้นสำคัญได้อย่างปลอดภัย การจราจรไม่ติดขั้นเหมือนที่มีการประเมินไว้ก่อน เราช่วยกันจนได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมาทั้งถนนพระราม 2 และถนนมิตรภาพ และวันนี้ (18 เม.ย.) หลังเสร็จประชุมคณะรัฐมนตรี ตนก็จะลงพื้นที่ภูเก็ตแก้ปัญหาการจราจนในพื้นที่เพราะเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ จะไปติดตามข้อสั่งการเรื่องการสร้างสะพานหรือทางแยกต่าง ๆ รวมถึงการบริหารจัดการจราจรอาจปิดจุดกลับรถช่วงเร่งด่วน และวันที่ 19 เม.ย. นายกฯ จะมีการลงพื้นที่ก็จะได้รายงานการบ้านตามข้อสั่งการของนายกฯ

‘วันนอร์’ ลั่น!! ไม่เคยยึดติดตำแหน่ง แต่รับไม่ได้ ปรับครม.ลามเปลี่ยนปธ.สภาฯ

(19 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีการเชื่อมโยงมาถึงการเปลี่ยนตำแหน่งประธานสภาฯ มีการส่งสัญญาณมาหรือไม่ ว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไร แต่การปรับ ครม.กับตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นคนละเรื่องกัน การปรับ ครม.เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องมีการเสนอชื่อเพื่อเลือกในที่ประชุมสภาฯ มีผู้รับรอง แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขณะที่วาระการดำรงตำแหน่งประธานสภาฯเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อบังคับการประชุมสภาฯ

“ในส่วนตัวของผม ไม่เคยติดยึดกับตำแหน่งใด ๆ ถ้าทำได้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ผมก็ต้องทำเต็มที่ แต่ถ้าทำไม่ได้ หรือไม่สามารถทำได้ ผมก็ไม่ติดยึด พร้อมที่จะไป แต่ผมขอเรียนว่าตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติเป็นเสาหลักประชาธิปไตย ต้องทำหน้าที่เป็นกลาง ไม่สามารถมีใครมาแทรกแซงได้ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดชัดเจน ประธานและรองประธานสภาฯ ต้องไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองใด ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความผูกพัน หรือมีการแทรกแซงจากพรรคการเมือง ยืนยันอีกครั้งว่าการปรับครม.เป็นเรื่องของนายกฯ แต่ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับฯ ผมไม่มีอะไรส่วนตัว แต่เกียรติศักดิ์ศรีสภาฯ ผมในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติต้องรักษาไว้” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

เมื่อถามว่าตำแหน่งประธานสภาฯ เลือกมาจากที่ประชุมฯ จึงไม่มีเหตุใดที่จะต้องเปลี่ยนกลางคัน? นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า “ประเพณีที่เคยปฏิบัติมาไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องมีความเป็นกลาง ไม่ใช่เครื่องมือของพรรคการเมืองใด”

เมื่อถามว่ายืนยันจะทำหน้าที่นี้ต่อไปหรือไม่? นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า “เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ ถ้าตนละเลย เท่ากับว่าตนไม่รักษาระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมอบให้ไว้ ยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีใครส่งสัญญาณมา ถึงส่งสัญญาณก็เป็นสัญญาณที่รับไม่ได้”

“มันไม่มีเหตุใด ๆ ที่จะต้องเปลี่ยนตำแหน่ง ถ้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ก็ต้องไปเอง ผมถือว่าต้องให้ประโยชน์ประชาชนเกียรติศักดิ์ศรีสภาฯ เดินไปให้ตรงแนวทาง จะมาบิด ๆ เบี้ยว ๆ เพื่ออย่างใดอย่างหนึ่งผมว่าไม่ถูก ถ้าถามว่าให้ประเมินว่าผมยังทำหน้าที่ได้หรือไม่ ผมประเมินเองไม่ได้ สื่อและประชาชนจะเป็นคนประเมิน” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีใช้งบฯจำนวนมากเดินทางไปดูงานต่างประเทศ? นายวันมูหะมัดนอร์ ในฐานะประธานรัฐสภา ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า “ต้องขออภัย เรื่องนี้เป็นเรื่องของวุฒิสภา ดังนั้นต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของประธานวุฒิสภา”

‘เกรียงยศ-รทสช.’ ทวงสัญญา กทม.บูมคลองโอ่งอ่าง รับปากเร่งจัดกิจกรรมช่วยชาวชุมชน แต่สุดท้ายเงียบ

เมื่อไม่นานมานี้ นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนออกมาตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎรเรียกร้องให้กรุงเทพมหานครได้เข้ามาพัฒนาคลองโอ่งอ่าง เพื่อคืนความเป็นแลนด์มาร์กใจกลางกรุงเทพมหานครให้กลับมาเหมือนเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาถูกปล่อยให้ทิ้งร้างไม่ได้รับการเหลียวแล ล่าสุดก็ยังไม่เห็นสัญญาณจาก กทม. ว่าจะเข้ามาดำเนินการอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนที่รับปากกับประชาชนและผู้ประกอบการไว้ว่า ใน 2 เดือน 4 เดือนและ 6 เดือนจะมีโครงการต่าง ๆ ออกมา

นายเกรียงยศ กล่าวว่า เห็นนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นำอดีต สก.ลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง ก็ดีใจ ที่หลายฝ่ายออกมาร่วมมือผลักดันการพัฒนาคลองโอ่งอ่างให้กลับมาเหมือนเดิมตามความต้องการของชุมชน ชาวบ้านและผู้ค้า ทีมงานพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงพื้นที่หลายรอบเพื่อไปดูว่า มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่หลังจากได้ตั้งกระทู้ถามในสภาฯ 

ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตนก็ลงไปคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ ทว่าก็ยังไม่เห็นว่ากทม.ทำอะไรเหมือนที่รับปากไว้ พวกเขายังรออยู่ว่า จะมีการจัดกิจกรรมจริงหรือไม่ ขนาดเทศกาลสงกรานต์ กทม. ยังไม่จัดงานสงกรานต์ที่คลองโอ่งอ่างทั้งที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ

“ผมขอเรียกร้องให้คนที่ลงมาช่วยพัฒนาคลองโอ่งอ่าง ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง อย่าลงมาเฉพาะช่วงมีเทศกาลหรือทำแบบฉาบฉวยหวังหาเสียง หรือเพียงแค่เกาะกระแสไปวัน ๆ ไม่ว่าใครจะลงมาช่วย ถือเป็นเรื่องดีทั้งหมด เพราะชาวบ้านและผู้ประกอบการได้ประโยชน์ หรือ กทม.จะมาร่วมกันทำ ผมก็ยินดีผมพร้อมจะไปคุยด้วย แต่เวลานี้ผู้ประกอบการและชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไรเลย มีแต่เพียงคำบอกเล่า ไม่เห็น กทม.ขยับ ผมก็จะจะติดตามแต่เรื่องนี้ต่อไปว่าสัญญาที่ให้ไว้กับชาวชุมชนและผู้ค้าจะดำเนินการเมื่อไร” นายเกรียงยศกล่าว

ทั้งนี้ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ได้ยินข่าวว่าทางกทม.ได้จัดงานตลาดนัดคนเดินหลายแห่ง ที่ดัง ๆ คือ ย่านดินแดง จึงอยากถามว่า ‘ดินแดง’ อัตลักษณ์ของพื้นที่คืออะไร ผู้ค้าที่มาค้าขายก็มาจากข้างนอกทั้งหมด แทบไม่มีคนในพื้นที่ การจัดลักษณะนี้คนในพื้นที่ไม่ได้ประโยชน์และไม่ได้โชว์อัตลักษณ์ทำไมถึงจัดได้ แต่คลองโอ่งอ่างถือเป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันทั่วโลก แต่ไม่มีการจัดกิจกรรม อยากถามว่าผิดฝาผิดตัวหรือไม่”

คำถามคาใจ!! "หากลุงตู่เป็นคนดีจริง เหตุใดถึงแพ้เลือกตั้ง?" กระจ่าง!! "เพราะแพ้ทริกการสร้างปีศาจ แล้วอาสามาปราบปีศาจ"

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ 'พี่ลุงแมนไทยแลนด์แดนสวรรค์' (@plm89thailand) ได้เผยแพร่วิดีโอพร้อมระบุแคปชันว่า "ถ้าลุงตู่ดีจริง ทำไมแพ้เลือกตั้ง เพราะคนไทยชอบคนด่าเก่ง เทคนิคการสร้างปีศาจ แล้วอาสาปราบปีศาจนั่นเอง"

โดยเนื้อหาในวิดีโอมีใจความดังนี้ "ถามว่าลุงตู่เป็นคนดี ทําไมถึงแพ้เลือกตั้งใช่ไหม? ดูเอาเองก็แล้วกันนะครับ..."

ในคลิปวิดีโอดังกล่าว ปรากฏหน้าและเสียงของนักการเมืองหลายคนที่ได้ออกมาพูดหาเสียง และแสดงความคิดเห็นในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา 

คนแรกคือ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล จากพรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า... "การเข้ามาต่อสู้ในวงการเมืองของดิฉัน บอกตรงนี้ เข้ามาแก้แค้นไม่ใช่แก้ไขค่ะ"

ต่อมาเป็น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า "และเมื่อเวลาเปลี่ยน ฟ้าเปลี่ยน ขั้วอํานาจเปลี่ยนเมื่อไหร่ คดีเหล่านั้นจะถูกหยิบขึ้นมาจากลิ้นชัก เพื่อพิพากษา 3 ป."

ถัดมาคือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคยกล่าวไว้ว่า "ก็อยากให้ทุกคนดูหน้าดิฉันไว้ว่า ก็คงไม่ได้ชอบนะคะ การรัฐประหารที่เกิดขึ้น 2 ครั้งล่าสุดที่ทุกคนจําความกันได้ ดิฉันก็คงไม่ได้ชอบ แต่ถามว่าคนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย คนที่ทํารัฐประหารมา ดิฉันจะอยากจับมือด้วยหรือไม่ อันนี้คงจะเป็นคําตอบที่ประชาชนก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว 

สุดท้ายคือนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ที่เคยระบุว่า "ประเทศไทยของเราเสียหายมามากแค่ไหนแล้วจากรัฐบาลของนายคนนี้ วันที่ 15 ถึงวันที่ 16 นี้เราไปหาคําตอบกันได้ที่รัฐสภา แล้วเราจะเช็กบิลปรวิต เพื่อปิดสวิตช์ 3 ป."

ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกรายนี้ระบุเพิ่มเติมว่า "มันเป็นละครทางการเมือง ที่สร้างตัวร้ายขึ้นมา ทุกคนที่หาเสียงได้สร้างขึ้นมา นั่นคือเผด็จการ แล้วทุกพรรคที่หาเสียงก็เรียกตัวเองว่าเป็น 'ประชาธิปไตย' แล้วก็มุ่งโจมตีไปที่ลุงตู่คนเดียว โดยใช้การด่า แซะ ประชด แต่ลุงตู่ไม่เคยว่าร้ายใครเลย มีแต่พูดให้คนไทยรักกัน ช่วยกัน ก็ไปฟังเองนะครับ"

จากนั้นก็ได้เปิดวิดีโอของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ได้กล่าวว่า...

"ทุกคนคงมีความรู้สึกเช่นเดียวกับผมนะครับ เห็นแล้วมันสะท้อนใจ มันเจ็บปวด ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าเราไม่รักกัน เราไม่ช่วยกัน สิ่งต่าง ๆ ที่เราไม่คาดคิดมันจะเกิดขึ้น ซึ่งเรายอมรับไม่ได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทุกคน ในฐานะเป็นคนไทย ทุกคนต้องช่วยกันทําให้บ้านเมืองนี้มีความสงบเรียบร้อย แต่ผมยอมเหนื่อย ยอมเจ็บปวด ก็เพื่อคนไทยครับ"

'นายกฯ' ชื่นชม!! แผนงานแก้ปัญหาจราจรจาก 'รทสช.ภูเก็ต' บูรณาการทุกภาคส่วน เกิดผลเป็นรูปธรรม 'ระยะสั้น-ยาว'

'เอกนัฏ-พิชชารัตน์' ลงพื้นที่ร่วมคณะนายกฯ ติดตามโครงการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีเป้าหมายจะยกระดับทั้งเกาะสมุย และภูเก็ตให้เป็นเกาะระดับโลก

(19 เม.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และนางนวลจันทร์ สามารถ คุ้มบ้าน อดีตผู้สมัคร สส.ภูเก็ต เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทำงานผลักดันเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาจราจรในภูเก็ตมาโดยตลอด 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจติดตามรายงานสรุปโครงการก่อสร้างสะพานยกระดับ ทางหลวงหมายเลข 4027 (ทางเลี่ยงเมือง) ตอนบ้านเมืองใหม่ - แยกเข้าสนามบิน ระหว่าง กม.18+850 - กม.20+800 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยกล่าวชื่นชมและกล่าวขอบคุณผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการทำงาน มีการทำแผนงานเกิดผลเป็นรูปธรรม ถือเป็นแผนงานที่เหนือความคาดหมาย เป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการทั้งภาครัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ตามความคาดหวังของประชาชนทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

'ก้าวไกล' เต้น!! หลัง 'ชัยวัฒน์' แฉ!! พรรคการเมืองเอี่ยวเผาป่า ท้า!! เปิดหลักฐาน ลั่น!! อย่าผูกขาดความรักป่าไว้เพียงคนเดียว

(19 เม.ย.67) จากกรณีที่คุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สื่อสารในช่องทางออนไลน์ส่วนตัวและให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในลักษณะที่ทำให้สังคมเชื่อว่าพรรคการเมืองและนักการเมือง รวมถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้าน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาป่า ทำให้เกิดฝุ่นพิษเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ด้าน พรรคก้าวไกล จึงได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ ว่า...

1.ข้อกล่าวหาดังกล่าว ถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลขอให้นำมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย และตามแนวนโยบายของรัฐบาล

แต่หากไม่มีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง

2.ภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและหน่วยงานราชการ ส่วนพรรคก้าวไกล ภาคประชาสังคม รวมทั้งอาสาสมัครประชาชน ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเครื่องมืออุปกรณ์ กำลังคน อาสาสมัคร การเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และกำหนดนโยบายที่เหมาะสมที่สุด ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง

3.พรรคก้าวไกลยังมีแนวนโยบายและการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติอีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษระยะยาวอย่างยั่งยืน

สุดท้าย ขอย้ำเตือนไปยังคุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ว่ากรุณาเปิดใจให้กว้าง อย่าผูกขาดความรักป่าไว้เพียงคนเดียว มิเช่นนั้นแล้ว จะนำมาสู่ความคิดที่ว่าตนเองดีและสูงส่งกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งอาจนำมาสู่การปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจเกินขอบเขตและไม่เป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน อย่างที่คุณชัยวัฒน์เคยถูกกล่าวหามาแล้วหลายครั้ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top