Friday, 11 July 2025
NewsFeed

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพผู้ยากไร้ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการฟรี พร้อมช่างและอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 172

ระหว่างวันที่ 16 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยเยาวชน ประชาชนผู้ยากไร้ และผู้พิการ มอบหมายคณะกรรมการมูลนิธิฯ ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย เร่งลดความเหลื่อมล้ำ มอบโอกาส สร้างชีวิต แก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน รวมมูลค่าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการกว่าเจ็ดแสนบาท โดยเมื่อวันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567 นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการ และ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  นำทีมลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย (จังหวัดที่ 16 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 21 ครัวเรือน พร้อมมอบจักรยาน จำนวน 50 คัน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 5 โรงเรียน 

เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวหนองคายในครั้งนี้ทั้งสิ้น จำนวน 560,120 บาท (ห้าแสนหกหมื่นหนึ่งร้อยยี่สิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ)  และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย  นายสุรพล แก้วอินธิ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชนเป็นประธานร่วมในพิธี มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งร่วมมอบและสร้างสีสันภายในงาน ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

และวันนี้ (วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2567) นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่ มอบค่าพาหนะ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ผ้าห่ม ปลากระป๋อง เส้นหมี่ขาว ทิชชูเปียก รองเท้าฟองน้ำ และ ขนม บรรจุถุงผ้าดิบ ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 172 รวมจำนวน 160 ชุด พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่เจ้าหน้าที่มูลนิธิขาเทียมอีก 50 ชุด คิดเป็นงบประมาณมูลค่าทั้งสิ้น 162,132.50 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นสองพันหนึ่งร้อยสามสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมี นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธี 

พร้อมด้วย ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กรรมการมูลนิธิขาเทียมฯ และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในพิธี ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย

รวมงบประมาณการดำเนินภารกิจ 3 โครงการ เพื่อชาวหนองคายและผู้เข้าร่วมโครงการในรอบนี้ทั้งสิ้น 722,252.50 บาท (เจ็ดแสนสองหมื่นสองพันสองร้อยห้าสิบสองบาทห้าสิบสตางค์)

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุก ๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน 'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต'

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

ตม.จว.กระบี่ รวบหนุ่มออสเตรีย ขับเจ็ตสกี ชนนักท่องเที่ยวรัสเซียเสียชีวิต

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้สืบสวนจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.กันตวัฒน์  พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.สรธรรศจ์  เอี่ยมละออ ผกก.ตม.จว.กระบี่ สั่งการให้ พ.ต.ท.สุเมธ กนกเหมพันธ์ รอง ผกก.ตม.จว.กระบี่ ,ว่าที่ พ.ต.ท.วิรัตน์ อินทร์ยอด สว.ตม.จว.กระบี่, พ.ต.ต.ศานติพจน์ นวนเรือง สว.ตม.จว.กระบี่ พร้อมด้วยชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.กระบี่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพีพี , ตำรวจ สภ.กะรน , ตำรวจท่องเที่ยว ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.3 บูรณาการร่วมเข้าตรวจค้นรีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะพีพี หลังทราบว่าคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ เข้าพักอาศัยในรีสอร์ตดังกล่าว จากการตรวจค้นพบนายเดวิดฯ อายุ 25 ปี สัญชาติออสเตรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ”ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย“ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมานายเดวิดฯ ได้ขับเจ็ตสกีชนชายชาวรัสเซียเสียชีวิตขณะเล่นน้ำบริเวณชายหาดกะรน ตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ต พยานในที่เกิดเหตุยืนยันว่าผู้ตายถูกเจ็ตสกีชน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า เจ็ตสกีลำดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว ก่อนตีวงเลี้ยวชนเข้ากับผู้ตาย หลังเกิดเหตุ นายเดวิดฯ ได้เดินทางต่อมายังเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะรน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้วยในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ตม.จว.กระบี่ จึงได้มีมาตรการออกตรวจพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชน ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และหากประชาชนท่านใดพบเห็นการกระทำผิด กรุณาแจ้งมายัง ตม.จว.กระบี่ โทร 075 611097 จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘พายุ’ โดดป้อง ‘นายกฯอิ๊ง’ ปมหนีตอบกระทู้พลังงาน ซัดพฤติกรรม ‘ไอซ์ รักชนก’ ไร้ความเคารพต่อสภา

เมื่อวันที่ (19 ธ.ค. 67) นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอบโต้กรณี ‘ไอซ์ - รักชนก ศรีนอก’ สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน โพสต์ ig story เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2567 เพื่อเรียกร้องให้ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาตอบกระทู้ในสภาฯ เกี่ยวกับปัญหาค่าไฟฟ้าแพง โดยระบุว่า “ตอบนะครับ: สิ่งที่ท่านนายกฯทำอยู่ก็เป็นการแสดงออกถึงความเข้าใจในการบริหารราชการแผ่นดิน ท่านจึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มีหน้ารับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงไปตอบคำถามกระทู้ในวันนี้ 

เนื่องจากท่านรัฐมนตรีจะมีข้อมูลมากที่สุดในฐานะที่เป็นเจ้ากระทรวงเพราะเป็นเรื่องเดียวที่ต้องโฟกัส ซึ่งเทียบกับท่านนายกฯที่ต้องบริหารทั้งรัฐบาลที่มีถึง 20 กระทรวงให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ยังไม่รวมหน้าที่ความรับผิดชอบอื่น ๆ อีกมากมาย”

อีกทั้งยังชี้แจงว่า สาเหตุที่ นายกฯ ต้องเลื่อนการตอบกระทู้นั้น เพราะว่าติดภารกิจช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ อีกทั้ง นายกฯ ไม่ได้ยกเลิกการตอบกระทู้ เพียงแต่ขอเลื่อนไปเท่านั้น

และตำหนิการใช้ถ้อยคำของ น.ส. รักชนก โดยเฉพาะคำว่า 'เฟียส ๆ' ซึ่งเป็นการแสดงพฤติกรรมเหมือนบุคคลที่ไม่มีสัมมาคารวะและเคารพต่อพื้นที่สภา เพื่อการท้าทายนายกฯ ซึ่ง “เท่ากับว่า ที่จริงแล้วทางฝ่ายค้านไม่ได้ต้องการคำตอบที่มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริง”

‘รมช.กลาโหม’ ลั่น ‘กองทัพ’ พร้อมรบปกป้องอธิปไตย ย้ำชัด ‘ทหารไทย’ ไม่ได้อ่อน หลังถูกวิจารณ์ปมว้าแดงรุกล้ำเขตแดน

‘รมช.กลาโหม’ ลั่น ทหารไทย ไม่ได้อ่อน หลังถูกวิจารณ์ ปมว้าแดงรุกชายแดน ย้ำ 'กองทัพ' พร้อมปกป้องอธิปไตย ชี้ รบกันไม่ยาก แต่ผลกระทบเกินเยียวยา

(20 ธ.ค.67) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยเมียนมา กรณีพื้นที่ที่มีการพิพาทเกิดขึ้นกับกลุ่มว้าแดงในขณะนี้ ว่า ประเด็นนี้ไม่ขอลงรายละเอียด แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กองทัพพร้อมปกป้องอธิปไตยหากเกิดการรุกล้ำอธิปไตยเข้ามา เช่นเดียวกับกรณีที่เมียนมายังคงไม่ปล่อยตัว 4 ลูกเรือประมงไทย ไม่อยากจะลงในเรื่องของรายละเอียด เนื่องจากอยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งอาจกระทบต่อขั้นตอนการเจรจา อาจทำให้คนไทยที่อยู่ฝั่งนู้นได้รับผลกระทบ 

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าหน่วยงานความมั่นคง ไม่ได้อ่อนเกินไป พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่ายืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่ได้อ่อน เราพร้อมปฏิบัติการเมื่อรัฐบาลสั่งการ แต่การพูดคุยจะต้องคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว แต่อยากให้เชื่อใจ หากเป็นเรื่องอธิปไตย กองทัพปกป้องแน่นอน ไม่ยอมให้ใครมารุกล้ำอธิปไตย แต่ในขณะเดียวกัน การพูดคุยก็ต้องคำนึงถึงทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคม รวมถึงประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน

"การรบกัน การปะทะกัน เป็นอาชีพของทหาร และความรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย"

เมื่อถามว่ากลุ่มว้าแดง ไม่ได้รุกล้ำมาเพียงแค่จุดเดียว แต่ตลอดแนวชายแดนไทยเมียนมา มีการรุกล้ำถึง 80 จุด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ซึ่งพื้นที่ตามแนวชายแดน เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ปัจจุบันยังปักปันชายแดนไม่แล้วเสร็จ จึงมีพื้นที่ที่ไม่ชัดเจนหลายแห่ง ก็ต้องมีการพูดคุยกันในคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น ไทย - เมียนมา (TBC)และยืนยันว่าไม่มีเดดไลน์อย่างที่เป็นข่าว 

เมื่อถามว่า กระทรวงกลาโหมมีแนวทางอื่นหรือไม่ ในเมื่อการปักปันเขตแดนไม่สามารถทำได้ในพื้นที่ที่เกิดการสู้รบ เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ที่ผ่านมาก็มีอยู่แล้ว แม้ไม่มีแนวเขตแดน แต่เรามีเส้นปฏิบัติการที่กำหนดว่าทั้งสองฝ่ายจะอยู่กันบริเวณไหน เพื่อเป็นกรอบการปฏิบัติของแต่ละฝ่าย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเรามีคนไทยในการพูดคุยอยู่แล้ว และมีความแน่นแฟ้นกับชนกลุ่มน้อย แต่พื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่ที่เราไม่ได้พูดคุยกับเมียนมาโดยตรง มีชนกลุ่มน้อย ที่ประกอบด้วยหลายกลุ่มอยู่ตรงนั้น เราจึงใช้กลไกทั้ง TBC และกลไกอื่น ๆ เข้ามาเสริม

นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล ยังฝากไปถึงสื่อโซเชียลที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นนี้ว่า ขอให้มั่นใจ กองทัพพร้อมปกป้องอธิปไตย และในการพูดคุยเราไม่ได้มองแค่ประเด็นด้านความมั่นคงหรือการทหารเพียงอย่างเดียว มีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ผลกระทบต่อประชาชน การรบการปะทะกันน่ะง่าย แต่เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ยากที่จะเยียวยา กองทัพจึงคำนึงถึงเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า คำนึงจนอ่อนอย่างที่สังคมวิจารณ์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตย เราก็พร้อม ปฏิบัติการได้ทันที

มาเลเซียฟื้นภารกิจค้นหาเที่ยวบิน MH370 ตั้งเงินรางวัล 70 ล้านดอลลาร์ หากพบเบาะแส

(20 ธ.ค.67) รัฐบาลมาเลเซียแถลงว่าจะรื้อฟื้นภารกิจค้นหาเที่ยวบิน  MH370 ที่หายไป หลังจากหายไปมากกว่า 10 ปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปริศนาใหญ่ที่สุดในวงการการบินโลก 

เที่ยวบิน MH370 ซึ่งเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 777 บรรทุกผู้โดยสาร 227 คนและลูกเรือ 12 คน ได้หายไปในระหว่างการเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ไปปักกิ่ง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2014

ในคำแถลงของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของมาเลเซีย แอนโทนี โล๊ค ได้กล่าวว่า ข้อเสนอในการค้นหาเที่ยวบิน MH 370 บนพื้นที่ใหม่ในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ตกเป็นของบริษัท Ocean Infinity ซึ่งเคยดำเนินการค้นหาครั้งล่าสุดจนสิ้นสุดในปี 2018 หากบริษัทนี้สามารถค้นพบเบาะแสสำคัญที่นำไปสู่การไขปริศนาจะได้รับเงินรางวัล 70 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,400 ล้านบาท) 

ในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลมาเลเซียมี 'ความรับผิดชอบและภาระหน้าที่' ต่อผู้คนที่สูญเสียคนที่รักเมื่อเครื่องบินหลุดจากเรดาร์ในมหาสมุทรเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 เขากล่าวเสริมว่ารัฐบาลของเขาหวังที่จะ 'ให้ความกระจ่าง' แก่ครอบครัวที่ตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

จากการสืบสวนของมาเลเซียในตอนแรกไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ว่าเครื่องบินถูกบังคับออกนอกเส้นทางโดยเจตนา กระทั่งพบหลักฐานเป็นชิ้นส่วนที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นของเที่ยวบินดังกล่าวลอยขึ้นฝั่งแอฟริกาและเกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย ทำให้รัฐบาลเปลี่ยนมามุ่งค้นหาบริเวณพื้นที่มหาสมุทรอินเดียแทน

ทั้งนี้ แม้การค้นหายังไร้เบาะแสสำคัญ แต่ที่ผ่านมาบรรดาญาติของผู้สูญหายได้เรียกร้องให้มีการชดเชยจากมาเลเซียแอร์ไลน์ โบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องยนต์ Rolls-Royce และกลุ่มประกัน Allianz ซึ่งเป็นบริษัทผู้เอาประกันของเครื่องบินดังกล่าว แต่ก็ยังไร้ความคืบหน้าในการจ่ายค่าเสียหายชดเชยเช่นกัน

รู้จัก ‘สำนักงานเสริมสร้างประสิทธิภาพในภาครัฐ (D.O.G.E.)’ หน่วยงานระดับกระทรวงล่าสุดภายใต้รัฐบาล Trump ชุดใหม่

ประธานาธิบดี Donald Trump มีกำหนดจะเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในวันที่ 20 มกราคม 2025 โดยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา Trump ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ตั้งแต่ปี 2017 ถึง 2021 มีกำหนดจะเข้ารับตำแหน่งหลังจากที่เขาเอาชนะ Kamala Harris รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 โดยชนะทั้งคะแนนนิยม (Popular vote) และคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral college) เมื่อเข้ารับตำแหน่ง เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งไม่ติดต่อกันต่อจากอดีตประธานาธิบดี Grover Cleveland ในปี 1893 และเป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุด (78 ปี) ทั้งยังเป็นคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งหลังจากถูกฟ้องร้องเพื่อถอดถอนและเป็นคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีหลังจากที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา

ความแปลกและแตกต่างจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนอื่น ๆ ที่ผ่านมาของประธานาธิบดี Donald Trump ด้วยพื้นฐานภูมิหลังจากการเป็นนักธุรกิจและทำงานด้านสื่อมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน กอปรกับประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้วหนึ่งสมัย ทำให้เกิดคำมั่นสัญญาในการหาเสียงของประธานาธิบดี Trump ที่จะลดการใช้จ่าย ลดขนาด และการขาดดุลการคลังของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ โดยแนวคิดในการตั้งคณะทำงานที่เรียกว่า ‘สำนักงานเสริมสร้างประสิทธิภาพในภาครัฐ (Department of Government Efficiency : D.O.G.E.)’ เกิดขึ้นระหว่างการพูดคุยหารือระหว่าง Elon Musk ผู้บริหาร TESLA และประธานาธิบดี Trump โดย Musk ได้เสนอแนวคิดในการตั้งสำนักงานเสริมสร้างประสิทธิภาพในภาครัฐในเดือนสิงหาคม 2024 ประธานาธิบดี Trump ได้กล่าวในการหาเสียงว่า หากเขาได้รับการเลือกตั้ง เขาจะให้ Musk รับตำแหน่งที่ปรึกษาเสริมสร้างประสิทธิภาพในรัฐบาล และเพื่อตอบสนองต่อเรื่องนี้ Musk ได้เขียนโพสต์บน X ระบุว่า "ผมเต็มใจที่จะให้บริการ" พร้อมกับภาพของเขาที่สร้างโดย AI ซึ่งยืนอยู่หน้าแท่นปราศรัยที่มีข้อความว่า "สำนักงานเสริมสร้างประสิทธิภาพในภาครัฐ" ต่อมาประธานาธิบดี Trump ได้เสนอให้จัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวและให้ Musk และ Vivek Ramaswamy (ผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ Roivant Sciences CEO ของ OnCore Biopharma และ Arbutus Biopharma) เป็นผู้รับผิดชอบ

Musk ระบุว่า D.O.G.E. จะสามารถช่วยลดงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น การลดความสูญเปล่า การยกเลิกหน่วยงานที่ซ้ำซ้อน และการจำนวนเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง Ramaswamy ยังระบุด้วยว่า D.O.G.E. อาจจะยุบหน่วยงานของรัฐบาลกลางทั้งหมด และลดจำนวนเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางลงได้มากถึง 75% และ Musk ยังเสนอให้รวมหน่วยงานของรัฐบาลกลางจากมากกว่า 400 หน่วยให้เหลือต่ำกว่า 100 หน่วย ซึ่ง Musk ได้อธิบายว่าการยกเลิกและปรับปรุงกฎระเบียบเป็นเส้นทางเดียวที่จะไปสู่โครงการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารของ SpaceX และให้สัญญาว่าเขาจะ "ทำให้รัฐบาลไม่ต้องแบกรับภาระและเงินของประชาชนอีกต่อไป" 

สำนักงานนี้จะมีลักษณะเป็นคณะทำงานซึ่งคล้ายกับความพยายามก่อนหน้านี้ อาทิ คณะกรรมาธิการ Keep ในสมัยอดีตประธานาธิบดี Theodore Roosevelt หรือคณะกรรมาธิการ Grace ในสมัยอดีตประธานาธิบดี Ronald Reagan และคณะกรรมาธิการ National Partnership for Reinventing Government ของอดีตรองประธานาธิบดี Al Gore และ 14 พฤศจิกายน 2024 Musk ได้เชิญชวนให้บุคคลที่สนใจเข้าทำงานให้กับ D.O.G.E. โดยสามารถส่ง CV ไปยังบัญชี X ของ D.O.G.E. บนโซเชียลมีเดีย และแม้จะเรียกว่า ‘กระทรวง (Department)’ แต่ก็ไม่ใช่หน่วยงานบริหารระดับรัฐบาลกลางซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาก่อนจึงจะจัดตั้งหน่วยงานนี้ได้ แต่จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานที่ปรึกษาที่ปฏิบัติงานนอกรัฐบาลแทน โดยหน่วยงานนี้อาจดำเนินงานภายใต้รัฐบัญญัติคณะกรรมการที่ปรึกษาระดับรัฐบาลกลาง (The Federal Advisory Committee Act)

แม้ว่า D.O.G.E ไม่น่าจะมีอำนาจในการควบคุมใด ๆ ด้วยตัวเอง แต่แทบไม่มีข้อสงสัยเลยว่าหน่วยงานแห่งนี้สามารถมีอิทธิพลต่อฝ่ายบริหารชุดใหม่และมีกระบวนการกำหนดงบประมาณได้ ประธานาธิบดี Trump กล่าวว่าหน่วยงานดังกล่าวจะช่วย “ปรับปรุงแก้ไข ยุบเลิกระบบรัฐการ ลดกฎระเบียบที่มากเกินไป ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย และปรับโครงสร้างหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกลาง” นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่ามัสก์และรามาสวามีจะทำงานร่วมกับสำนักงานบริหารจัดการและงบประมาณเพื่อจัดการกับสิ่งที่เขาเรียกว่า "การฟุ่มเฟือยและการฉ้อโกงครั้งใหญ่" ในการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2024 Musk ได้เสนอให้ยุบสำนักงานคุ้มครองทางการเงินผู้บริโภค (The Consumer Financial Protection Bureau) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ 1,600 นาย ใช้งบประมาณปีละราว 600ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แนวคิดของ Musk และ Ramaswamy เป้าหมายสูงสุดของ D.O.G.E. คือการมีประสิทธิภาพมากพอที่จะขจัดความจำเป็นของรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ได้มากที่สุด และมีการกำหนดวันสิ้นสุดการทำงานของ D.O.G.E ไว้ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดของ Ramaswamy ที่ว่าโครงการของรัฐบาลส่วนใหญ่ควรจะต้องมีวันสิ้นสุดโครงการที่ชัดเจน สอดคล้องกับประธานาธิบดี Trump ที่กล่าวว่างานของ D.O.G.E. จะ "เสร็จสิ้น" ไม่เกินวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามในคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาตรงกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 250 ปีของสหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดี Trump เรียกผลลัพธ์ที่เสนอโดย D.O.G.E. ว่าเป็น "ของขวัญที่สมบูรณ์แบบสำหรับอเมริกา" จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจในอันที่จะเห็นว่า D.O.G.E. จะทำให้ภารกิจของกระทรวงต่าง ๆ ที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร

สำหรับบ้านเราแล้ว มีหน่วยงานในลักษณะนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 22 ปีก่อน จากการปฏิรูประบบราชการเมื่อปี พ.ศ. 2545 ซึ่งส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการบริหารงานและการปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการในทุกกระทรวง ทบวง กรม ครั้งใหญ่ อันเป็นผลมาจากพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 และ พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ทำให้เกิดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ส่วนราชการระดับกรม ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ ริเริ่ม ผลักดัน และเสนอแนะนโยบายต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติราชการ และการพัฒนาระบบราชการ ผ่านกลไกต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่พี่น้องประชาชนคนไทย ผลงาน 22 ปีของสำนักงาน ก.พ.ร.ที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นจากประสิทธิภาพและประสิทธิผลของหน่วยราชการตามที่เราท่านได้ใช้บริการและประสบพบเจอในปัจจุบันทุกวันนี้

‘เอกนัฏ’ เอาจริงปิดยาว ‘รง. ซิน เคอ หยวน’ หลังเกิดเหตุไฟไหม้ พบบกพร่องหลายจุดจนเกิดเหตุระเบิด ส่อโดนฟันมาตรฐานเพิ่มเติม

‘เอกนัฏ’ ส่ง ‘ทีมสุดซอย’ ตรวจเข้ม ‘รง. เหล็กซิน เคอ หยวน’ ที่เกิดเหตุไฟไหม้ เผยไม่แจ้งย้ายถังก๊าซจนเกิดเรื่อง สั่งปิดยาวปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย ‘ฐิติภัสร์’ เผย สมอ.พบผลิตเหล็กไม่ทำตามหลักเกณฑ์สั่งแก้ไขทันที ส่อโดนยึดใบอนุญาต จ่อฟันข้อหาเพิ่มหากผลตรวจเหล็กตกเกรด

เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ภายใน บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ตั้งอยู่ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จากการรั่วไหลของถังก๊าซ LPG ขนาด 110,000 ลิตร ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 5 คน เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 ว่า ได้ส่งชุดตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์ ผอ.กองตรวจการมาตรฐาน 1 เจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มีการเคลื่อนย้ายถังก๊าซ LPG โดยไม่แจ้งขออนุญาตจากสำนักงานพลังงานจังหวัดระยอง ซึ่งในส่วนนี้สำนักงานพลังงานจังหวัดระยองได้สั่งระงับไม่ให้ใช้งานภายในบริเวณถังก๊าซที่เกิดเหตุ สั่งห้ามนำถังก๊าซที่เกิดเหตุกลับมาใช้ใหม่และต้องแก้ไขพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุให้กลับอยู่สภาพเดิมตามที่เคยขออนุญาตไว้ โดยต้องมีวิศวกรควบคุม พร้อมปรับเงินจำนวน 5 หมื่นบาท ในส่วนของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้สั่งให้ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในทั้งหมด ตรวจสอบสภาพถังก๊าซให้เป็นไปตามมาตราฐานทั้งโรงงาน ตรวจสอบสภาพอาคารภายในโรงงานทั้งหมดว่าแข็งแรงปลอดภัยหรือไม่

“อุตสาหกรรมจังหวัดระยองได้สั่งให้ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด หยุดประกอบกิจการเป็นระยะเวลา 30 วัน และต้องแก้ไขตามข้อสั่งการ รวมถึงแก้ไขสิ่งแวดล้อมภายในโรงงานทั้งหมด โดยต้องมีวิศวกรเฉพาะด้านรับรอง และแจ้งให้อุตสาหกรรมจังหวัดระยองร่วมตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยก่อนจึงจะพิจารณาอนุญาตให้ประกอบกิจการอีกครั้ง” นายเอกนัฏ กล่าว

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวเสริมว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ร่วมตรวจสอบสายการผลิตและผลิตภัณฑ์เหล็กของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ด้วย โดยพบว่า ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ สมอ. โดยมีการซื้อวัตถุดิบจากผู้ขายที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอยู่ในระบบทะเบียนของบริษัท ไม่กำหนดเกณฑ์ตัดสินความสามารถของผู้ขายวัตถุดิบ กำหนดเกณฑ์การตัดสินทางเคมีไม่สอดคล้องกับมาตรฐานที่ มอก. กำหนด สมอ.จึงสั่งให้แก้ไขปรับปรุงภายใน 15 วัน หากไม่แจ้งกลับมาจะถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการ

“สมอ.ยังได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เหล็กไปตรวจสอบว่าเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์หรือไม่ด้วย คาดว่าจะได้ผลในสัปดาห์หน้า และหากพบว่าไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” น.ส.ฐิติภัสร์ ระบุ

‘เพชร กรุณพล’ โร่แจง ‘สุเมธ’ ที่ถูกจับไม่ใช่ ผอ.พรรค เหน็บพอเป็นเรื่อง ปชน. เปิดข้อมูลหมดไม่สนข้อมูลถูกผิด

(20 ธ.ค.67) จากกรณีตำรวจภูธรภาค 2 ชุดขยายผล ‘กวาดล้างผู้มีอิทธิพลใน จ.ปราจีนบุรี’ บุกค้นจับกุมบ้านผู้ต้องสงสัย พบอาวุธปืนเถื่อน พร้อมเครื่องกระสุนเป็นจำนวนมาก ก่อนจะพบว่าบ้านผู้ต้องสงสัยดังกล่าว คือ นายสุเมธ ผู้อำนวยการพรรคประชาชน ประจำจังหวัดปราจีนบุรี

ด้าน พ.ต.อ.สุรพร เทพเสน ผกก.สภ.ระเบาะไผ่ เปิดเผยว่า ตำรวจภูธรภาค 2 ได้รับคำสั่งกวาดล้างผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี สืบเนื่องจากคดี นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาในคดี การเสียชีวิตของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง โดยพบอาวุธปืน 5 กระบอก เป็นปืนที่ไม่มีใบอนุญาต 2 กระบอก และเครื่องกระสุนหลายร้อยนัด และอีก 3 กระบอก เจ้าหน้าที่ได้ยึดไปตรวจสอบ โดยจะมีการดำเนินคดีข้อหาพกอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝากขังต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรีต่อไป

ต่อมาเมื่อคืนวันที่ 19 ธันวาคม 2567 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความ ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดหลายเรื่องครับ

1. ผู้อำนวยการกองการเลือกตั้งปราจีนบุรี ชื่อ สุเมธ ไสลวงษ์

2. ผู้ถูกตรวจค้นเป็นสมาชิกพรรคชื่อ สุเมธ เหรียญพงษ์นาม ชื่อเหมือนกัน แต่เป็นคนละคนนะครับ

3. ไม่มีปืนเถื่อน ปืนทั้ง 5 กระบอก มีทะเบียนถูกต้อง 3 กระบอกเป็นของคุณสุเมธ / 1 กระบอกของพี่ชาย / 1 กระบอกของพ่อ

4. ถูกบุกตรวจค้น จากการแจ้งของผู้หวังดีที่ต้องการรางวัลนำจับ (คำนี้ในบันทึกตำรวจ) ไม่ใช่การบุกจับกุม

5. ปืนทุกกระบอกอยู่ในบ้าน และเก็บรักษาในกล่อง ไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานทันที

6. คุณสุเมธ รับสารภาพ จากข้อหาไม่มีใบอนุญาตพกปืน ของพี่ชายและของพ่อ ที่อยู่ในบ้านตนเอง และอยู่ในกล่อง ซึ่งขณะบุกค้นไม่ได้พกปืนอยู่กับตัว

7. การบุกค้นเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า ซึ่งกระทำตามหมายศาล แต่ก็แอบแปลกใจว่าไม่เคยมีชื่อเป็นผู้มีอิทธิพล ปืนมีทะเบียน แถมอยู่ในกล่อง ในบ้านตัวเอง บุกค้นเพราะอ้างว่ามีคนแจ้งเพื่อหวังรางวัลนำจับ ช่างเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ตั้งใจทำงานจนน่าประทับใจคุ้มค่ากับเงินภาษีประชาชนจริง ๆ

อะไรที่เกี่ยวกับพรรคประชาชน ไม่ต้องเดาให้ยาก มาครบทั้งชื่อ ทั้งตำแหน่ง แม้จะมั่วบ้างจริงบ้าง เสียหายไปแล้วก็ช่างมันไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องขอโทษ แต่กับคนอื่นพรรคอื่น เขียนให้เดาเอาไว้ฝึกสมองประชาชนสินะครับ

อังกฤษผุดไอเดียปรับเงินผู้ปกครอง หากนักเรียนทำพฤติกรรมแย่

(20 ธ.ค.67) สถาบันวิจัย Tony Blair Institute (TBI) ในอังกฤษเสนอไอเดียต่อรัฐบาลให้ครูมีอำนาจปรับเงินผู้ปกครองของนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในโรงเรียน โดยให้เหตุผลว่าครูควรมีอำนาจในเชิงกฎหมายที่คล้ายกันกับตำรวจปรับผู้ขับขี่ เพื่อบังคับให้ผู้ปกครองเข้าพบและจัดทำแผนปรับปรุงพฤติกรรมของบุตรหลาน

รายงานระบุว่า หากผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือในการปรับปรุงพฤติกรรมบุตรหลาน ครูสามารถแจ้งตำรวจหรือหน่วยงานด้านสวัสดิการสังคมเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาได้ โดยชี้ว่าครูอยู่ในบทบาทที่สามารถสังเกตและปัญหาที่ลึกซึ้งและมีบทบาทสำคัญในการป้องกันปัญหาในระยะยาวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและลดวิกฤตการณ์ขาดแคลนครูได้

Alexander Iosad ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมของ TBI กล่าวว่า “ปัจจุบันครูไม่มีอำนาจและไม่ได้รับการสนับสนุนเพียงพอในการรับมือกับพฤติกรรมที่ก่อกวนและอันตรายที่เพิ่มขึ้น” พร้อมเสนอให้ฟื้นฟูอำนาจและสนับสนุนครูอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้บริหารโรงเรียนบางรายแสดงความกังวลว่าการให้อำนาจนี้อาจเพิ่มภาระงานและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครองตึงเครียดมากขึ้น พร้อมเสนอให้เพิ่มงบประมาณสำหรับหน่วยงานด้านสวัสดิการสังคมและการสนับสนุนเด็กและครอบครัวที่มีปัญหาแทน

การวิเคราะห์ข้อมูลจาก Edurio และ Opinium ระบุว่ากว่าครึ่งของครูในอังกฤษต้องเผชิญกับปัญหาการขาดการสนับสนุนในการจัดการพฤติกรรมนักเรียน และน้อยกว่า 10% เชื่อว่าโรงเรียนของตนบังคับใช้กฎระเบียบอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ครูมากกว่า 2 ใน 3 ยอมรับว่าการเรียนการสอนในชั้นเรียนมักถูกรบกวนจากพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนบางคน

รายงานยังชี้ว่าการรบกวนที่ต่อเนื่องทำให้ครูหมดกำลังใจและส่งผลให้พวกเขาพิจารณาออกจากอาชีพ โดยครูที่เผชิญกับปัญหาพฤติกรรมรุนแรงมีแนวโน้มลาออกสูงเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีปัญหาดังกล่าว

Pepe Di’Iasio เลขาธิการสมาคมผู้บริหารโรงเรียนและวิทยาลัยในอังกฤษ กล่าวว่า ภาครัฐควรมุ่งเน้นการให้การสนับสนุนเด็กอย่างเหมาะสมตั้งแต่ระยะแรกและเพิ่มงบประมาณสำหรับการดูแลสวัสดิภาพนักเรียนในโรงเรียน แทนการเปลี่ยนไปลงโทษที่ผู้ปกครอง

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการอังกฤษกล่าวว่า “ที่ผ่านมากระทรวงทำงานร่วมกับครูอย่างใกล้ชิดเพื่อยกระดับมาตรฐานการศึกษาและจัดการกับสาเหตุพื้นฐานของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อไป”

คู่รักสิงคโปร์โวยเครื่องเพชรของขวัญแต่งงานหาย หลังเช็คเอาท์โรงแรมหรู 5 ดาว ย่านนานา

(20 ธ.ค.67) กลายเป็นประเด็นร้อนในต่างประเทศ เมื่อคู่สามีภรรยาชาวสิงคโปร์เปิดเผยผ่านสื่อออนไลน์ในท้องถิ่นว่า เครื่องประดับมูลค่า 30,000 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 760,000 บาท) ของพวกเขาได้สูญหายระหว่างการเข้าพักที่โรงแรมหรู 5 ดาว ย่านนานา ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งคู่ระบุว่าลืมเครื่องประดับไว้ในห้องพักหลังเช็คเอาท์ไปเพียง 30 นาที เมื่อกลับมาตรวจสอบกับพนักงานโรงแรมกลับได้รับแจ้งว่าไม่มีสิ่งของหลงเหลืออยู่ในห้องพัก พวกเขาจึงให้เพื่อนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยช่วยแจ้งความก่อนบินกลับสิงคโปร์

นายเจิ้ง ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เครื่องประดับที่หายไปมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นของขวัญแต่งงานที่เพิ่งมอบให้กันเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ของที่หายประกอบด้วยแหวนแต่งงานจากแบรนด์ทิฟฟานี แหวนเพชร 2 วง และสร้อยข้อมือ 1 เส้น เขาเล่าว่าหลังจากเช็คเอาท์เวลา 14.30 น. ทั้งสองรอรับกระเป๋าเดินทางที่ล็อบบี้นานกว่า 15 นาที แต่เมื่อกระเป๋ายังมาไม่ถึงจึงออกไปชอปปิ้งก่อนกลับมาอีกครั้ง ภรรยาจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเครื่องประดับไว้ในห้องพัก แต่เมื่อขอให้พนักงานช่วยตรวจสอบ กลับไม่พบสิ่งของดังกล่าว

ทั้งคู่ได้แจ้งให้โรงแรมตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งพบว่าพนักงานยกกระเป๋าคนหนึ่งมีพฤติกรรมที่ดูผิดปกติ โดยเฉพาะการมองไปที่กล้องในลักษณะที่น่าสงสัย ทำให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของพนักงานรายนี้

โฆษกของกลุ่มแบรนด์ดัง ยืนยันว่า โรงแรมรับทราบเหตุการณ์และกำลังดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด พร้อมติดต่อผู้เสียหายโดยตรงเพื่อให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเพิ่มเติมไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวและมาตรฐานภายในของโรงแรม

ขณะนี้ทางตำรวจไทยอยู่ระหว่างการสืบสวน โดยคู่สามีภรรยาหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้เข้าพักระมัดระวังทรัพย์สินของตนมากขึ้น ทั้งนี้ผลการสอบสวนจะต้องรอติดตามความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top