Wednesday, 9 July 2025
NewsFeed

นักศึกษาโพสต์ โดนห้องสมุดปรับ 3,000 บาท เหตุ!! ลืมคืนหนังสือ 25 เล่ม โซเชียลเสียงแตก!! ฝั่งหนึ่งซ้ำเติม ไม่มีความรับผิดชอบเอง อีกฝั่งโต้แพงเกินไป

(8 ธ.ค. 67) โพสต์ของนักศึกษารายหนึ่งกลายเป็นไวรัล หลังเจ้าตัวแคปแชทที่คุยกับเจ้าหน้าที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยมาลงโซเชียล โดยในโพสต์จะได้ว่า เจ้าตัวโดนปรับค่าลืมคืนหนังสือ 4,600 บาท แต่มหาวิทยาลัยกำหนดเพดานสูงสุดที่ 3,000 บาท

เจ้าของโพสต์ได้อธิบายว่า ตนเองยืมหนังสือไป 25 เล่ม เลยกำหนดเวลาคืน จึงโดนปรับเล่มละ 5 บาท คูณจำนวนวันที่เลยกำหนด

ทางเจ้าของโพสต์ได้พยายามขอผ่อนจ่าย อ้างว่าไม่มีเงินจ่าย 3,000 บาท แต่ทางห้องสมุดได้ปฏิเสธ เพราะไม่มีนโยบายให้เขียนคำร้องผ่อนจ่าย

เมื่อโพสต์กลายเป็นไวรัล ก็มีชาวเน็ตเข้ามาถกประเด็นนี้กันเป็นจำนวนมาก ทั้งฝั่งที่มองว่า เจ้าของโพสต์ผิด ก็ต้องรับผิดชอบความผิดของตัวเอง การยืมหนังสือแล้วไม่คืนตามกำหนดมีผลกระทบต่อคนอื่น บางคนอาจไม่มีหนังสือสำหรับใช้ทำงานเลยก็เป็นได้

บ้างก็แนะนำให้เจ้าของโพสต์ไปหารายได้พิเศษ หาเงินมาจ่ายค่าปรับ หรือลองคุยกับครอบครัวเพื่อหาทางออก

ทางฝั่งคนที่ไม่เห็นด้วย ก็มองว่าควรเห็นใจนักศึกษาที่ยังไม่มีรายได้ ค่าปรับขนาดนี้แพงเกินไป ให้ไปหางานเสริมทำ ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ

ภูมิธรรม ย้ำ!! รัฐบาลรับฟังปม ‘เอ็มโอยู 44’ ขอ!! ‘สนธิ’ อย่าลงถนน ทำประเทศเสียหาย

(8 ธ.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 ในวันที่ 9 ธ.ค.ว่า

ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อมีความเห็นต่างก็สามารถเสนอความคิดเห็นเข้ามาได้ รัฐบาลพร้อมรับฟัง ยืนยันว่าเอ็มโอยู 44 ยังไม่ไปถึงไหน คณะกรรมการชุดเดิมได้หมดอายุลงแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะตั้งคณะกรรมการในลักษณะใด มีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง ซึ่งรัฐบาลกำลังฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายอยู่ ซึ่งขณะนี้ก็มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและเห็นต่าง ซึ่งเราพร้อมรับฟัง

เมื่อถามว่า หลังจากนายสนธิยื่นหนังสือแล้ว ประเมินว่าจะมีสถานการณ์รุนแรงจนนำไปสู่การรัฐประหารหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงอะไร เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย ส่วนที่นายสนธิประกาศจะลงถนนนั้น ขอว่าอย่าทำแบบนั้นเลย เพราะจะทำให้ประเทศเสียหาย กระทบไปถึงภาคเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว รวมถึงความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ หากเกิดสภาวะที่ไม่ปกติ ความเชื่อมั่นก็จะหาย การฟื้นฟูเศรษฐกิจก็ไม่เกิด จึงหวังว่าอย่ามีใครสร้างสถานการณ์ทำให้เกิดความวุ่นวาย ขอให้ดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ

“ขณะที่กองทัพเข้าใจสถานการณ์ดี ทุกเหล่าทัพ มีหน้าที่รักษาความมั่นคงของประเทศ และพร้อมช่วยกันประคับประคองเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ให้ทุกอย่างอยู่ในภาวะปกติที่สุด ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เหตุที่ทำให้เกิดการรัฐประหารได้ หากมีกลุ่มไหนสร้างสถานการณ์ทำให้เกิดความวุ่นวาย เราก็พร้อมดำเนินการตามกฎหมาย” นายภูมิธรรม กล่าวทิ้งท้าย

‘ว้าแดง’ ออกแถลงการณ์!! ไม่คิดทำสงครามกับไทย ชี้!! ถูกสื่อบิดเบือน กล่าวอ้างเท็จ ด้วยเจตนาร้ายแอบแฝง

(8 ธ.ค. 67) จากสถานการณ์ชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีข่าวว่า ‘ว้าแดง’ มีความตึงเครียดและเผชิญหน้ากับทหารไทย ว่า ในวันนี้ ทางว้าแดง ได้ออกเอกสารข่าวจำนวน 3 ฉบับ ระบุว่า แถลงข่าวลือข้อกล่าวหาความตึงเครียดระหว่างไทยกับว้าแดง เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อบางส่วนได้ออกมากล่าวอ้างอย่างไร้ความรับผิดชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับข่าวกองทัพไทยจะโจมตีรัฐว้า นี่เป็นเพียงข่าวลือและก่อให้เกิดความขัดแย้งเท่านั้น

รัฐว้าไม่เคยบอกว่าจะเป็นศัตรูกับกองทัพไทย หรือไปทำสงครามกับกองทัพไทย บางสื่อประดิษฐ์คำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จเหล่านี้อย่างมุ่งร้ายด้วยเจตนาแอบแฝง โดยกลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวาย

สันติภาพเป็นกระแสทั่วไปของโลกทุกวันนี้ และว้าก็แสวงหาสันติภาพอย่างไม่หยุดยั้ง ว้าประณามกลุ่มข่าวลือที่จงใจสร้างปัญหาและพยายามก่อให้เกิดสงคราม และหวังว่าชาวเน็ตส่วนใหญ่จะจับตาดูและไม่เชื่อหรือเผยแพร่ข่าวลือ

ประธานาธิบดีซีเรีย ‘บาชาร์ อัล อัสซาด’ หนี!! ออกนอกประเทศแล้ว หลังสูญเสียพื้นที่ส่วนใหญ่ ให้กับการบุกสายฟ้าแลบ ของกลุ่มกบฏ

(8 ธ.ค. 67) นายรามี อับเดล ราห์มัน ผู้อำนวยการกลุ่มสังเกตการณ์ ระบุว่า ...

ประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล อัสซาด ออกจากซีเรีย ผ่านทางสนามบินนานาชาติดามัสกัสก่อนที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยกองทัพบกทิ้งสนามบิน” ซึ่งเอเอฟพีไม่สามารถยืนยันรายงานข่าวได้ในตอนนี้

นายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด อัล จาลาลี แถลงเผยแพร่ผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ว่าพร้อม ‘ร่วมมือ’ กับผู้นำทุกคนที่ประชาชนเลือก และพร้อมสำหรับกระบวนการถ่ายโอนอำนาจ หลังกบฏกล่าวว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด หนีออกนอกประเทศ ไปแล้ว 

ฝ่ายกบฏประกาศว่า ทรราชย์บาชาร์ อัล อัสซาด หนีไปแล้ว ขอให้ชาวซีเรียในต่างแดนกลับคืนสู่ ‘ซีเรียเสรี’

‘แพทองธาร’ เตรียมแถลงผลงาน 12 ธ.ค. นี้ ชี้!! มีผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง

(8 ธ.ค. 67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียม แถลงผลงาน โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว ระบุว่า 

2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง 

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. 

ถ่ายทอดสดที่ช่อง NBT2HD และ Facebook Live: Live NBT2HD

‘พิธา’ ถามรัฐบาล!! ตัวเลข 15% มาจากไหน ชี้!! ควรให้มี ‘การปฏิรูปภาษี’ ทั้งระบบ

(8 ธ.ค. 67) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาประเด็นการขึ้นภาษีแวต 15% ว่า ภาษีในประเทศ มีทั้งภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม ทั้งนิติบุคคล บริษัท ส่วนตัว รวมไปถึงภาษีที่ดิน สรรพสามิต ศุลกากร และอีกมากมาย ทำไมต้องมาเจาะจงที่แวต ตนสนับสนุนให้มีการปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ซึ่งต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าบริหารจัดการให้เพียงพอต่อทั้งประเทศและต้องเป็นธรรมอย่างไร แต่พอรัฐบาลบอกว่า 15 : 15 : 15

“คนที่ไม่เคยเสียภาษีในระดับ 15% ต้องมาเสีย 15% บริษัทนิติบุคคลที่เคยเสียภาษี 30% ก็ได้ลดสิ ใช่หรือไม่ เวลาหาเสียงขึ้นเวทีที่ไหนผมไม่เคยได้ยินว่าให้เสียแวตเกิน 9% นะ เท่าที่ผมจำได้ มีแต่ขึ้นทีละนิด เพื่อไม่ให้ลำบากประชาชนมากขึ้น พอไม่พูดทั้งระบบ แล้วมาเจาะจงที่แวต มันทำให้ผิดบริบทไป เพราะฉะนั้น ผมเห็นด้วยกับการปฏิรูปภาษีทั้งระบบทุกตัว … ถ้าพูดทั้งระบบ แล้วมาอธิบายทีละอัน ผมคิดว่าก็จะไม่ได้รับการต่อต้าน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า อยู่ดีๆ นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็โพล่งมาที่แวต 15% แล้ววันต่อมาก็เป็น 15 : 15 : 15 ก็เลยทำให้ไม่ได้รับการตอบรับ จึงอยากฝากไปถึงนายพิชัย และนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า การปฏิรูปภาษีทั้งหมดต้องมองทั้งระบบ อย่าเจาะจงที่อันใดอันหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ประชาชนสับสนและไม่ได้รับการยอมรับ

เมื่อถามว่าตัวเลข 15 % เป็นการโยนหินถามทางหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ฟัง นายพิชัยบอกว่าทั่วโลกเขาเก็บกัน 15-25% ตนคิดว่านายพิชัยน่าจะดูค่าเฉลี่ยโลก โดยที่ไม่ได้ดูบริบทประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งตนขอให้โอกาสนายพิชัยได้อธิบายว่าทำไมต้อง 15%

“ตอนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯกัน เคยพูดเรื่องปฏิรูปภาษี เรื่องแวต หรือแม้กระทั่งการอภิปรายในสภาที่มีงบประมาณ เคยมีการพูดกันถึง 9% แต่ว่า 15% ตัวเลขมาจากไหนผมก็ไม่เข้าใจ ต้องฝากถามด้วยว่าตัวเลข 15% มาจากไหน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่าต้องอธิบายให้มากขึ้นว่าการขึ้นภาษีแวต 15 % ลดความเหลื่อมล้ำอย่างไร รวมถึงแรงจูงใจในการลดหย่อนภาษีจะเอาอย่างไร ถ้าอธิบายเป็นระบบ แถลงแล้วจบก็ไม่สับสนเท่านี้

เมื่อถามว่าการเสนอลักษณะนี้ บ่งบอกได้หรือไม่ว่ารัฐบาลถังแตก นายพิธา กล่าวว่า “ผมว่าบ่งบอกอะไรไม่ได้เลย เพราะมันไม่รู้บริบท อยู่ดีๆก็โพล่งมา ถามผมไม่ได้ ต้องถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถามนายกรัฐมนตรี ถามรัฐบาลว่าทำไมอยู่ดีๆ ต้องขึ้น ทำไมต้องขึ้น 15% แล้วภาษีตัวอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อมจะทำอย่างไรต่อ

‘ประชัย’ เตือน!! ‘แบงค์ชาติ’ คุมค่าเงินบาท ให้จริงจัง ก่อนกลียุคทางเศรษฐกิจ ชี้!! คนจนได้รับผลกระทบ

(8 ธ.ค. 67) นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์สถานการณ์ค่าเงินบาทเป็นตอนที่ 21ว่า ข่าวสารการปิดโรงงานโรงแล้วโรงเล่า ทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นอย่างท่วมท้นยากที่ธปท.และรัฐบาลจะแก้ไขได้ ตามที่เครดิตบูโรและธปท.ได้แถลงไว้นั้น  เหตุเนื่องมาจาก ธปท.ปฏิบัติหน้าที่รักษาเสถียรภาพเงินบาทอย่างเสรีนิยมโดยปล่อยให้ค่าเงินบาทขึ้นลงตามธรรมชาติหรือตามยถากรรมแล้วแต่ผู้ก่อการร้ายนิวยอร์กจะปั่นขึ้นเท่าที่พวกมันต้องการทั้งๆที่ช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาประเทศคู่แข่งทางการค้าของเราเช่น จีน เวียดนาม เกาหลีใต้ ต่างปล่อยให้ค่าเงินของเขาอ่อนค่ากว่าเราเป็น 10% ขึ้นไป แม้แต่ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์อินเด็กซ์ ค่าเงินบาทก็แข็งกว่า 18.93% ทำให้สินค้าส่งออกแพงกว่าของคู่แข่ง

ขณะเดียวกันราคาสินค้านำเข้าจากคู่แข่งทางการค้าราคาคิดเป็นเงินบาทกลับถูกกว่าของเรา เป็นเหตุให้สินค้าส่งออกขาดทุน ขณะเดียวกันสินค้านำเข้าก็ถูกกว่าต้นทุนการผลิตจากโรงงานภายในประเทศทำให้ต้องปิดโรงงานโรงแล้วโรงเล่า คนงานตกงานเป็นสิบล้านคน

สำหรับสินค้าปฐมภูมิก็เช่นกัน สินค้าต่างประเทศที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ด้อยค่ากว่าเงินบาท ทำให้ราคาสินค้าที่เกษตรกรและฟาร์มปศุสัตว์ในประเทศได้รับตกต่ำลง เงินที่จะจับจ่ายซื้อสินค้าหายไปมาก ภาษีที่รัฐบาลเก็บได้ต่ำกว่างบประมาณแผ่นดิน หนี้สินครัวเรือนและหนี้สินไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นยากแก่การแก้ไข สถาบันการเงินได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงซึ่ง ธปท.รู้เป็นอย่างดีตามรายงานของ ธปท.และเครดิตบูโรที่แนบมาอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยต้มยำกุ้งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดย world bank อาจสั่งแช่แข็งสถาบันการเงินและปัจจัยการผลิตทั้งประเทศแล้วหั่นศพแยกอวัยวะศพขายให้ผู้ก่อการร้ายนิวยอร์กและพวกในราคาเท่าเศษเนื้อไปทำกำไร 

แต่ครั้งนี้คงจะเกิดกลียุคเพราะคนจนที่ได้รับผลกระทบมีมากอาชญากรรมเต็มบ้านเต็มเมืองเพราะคนไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย ตามสมควร

ขอวอนให้ ธปท.อย่าประมาททำการรักษาเสถียรภาพเงินบาทอย่างจริงจังอย่างน้อยบาทควรอ่อนลง

ก.11.5%เหมือนเงินหยวนจีน
หรือ

ข. 18.93%เหมือนกับดอลลาร์อินเด็กซ์
หรือ

ค.
16.67+24.5=41.17% เหมือนกับเงินวอนเกาหลีใต้
หรือ

ง.  83.26%เหมือนกับเงินดองเวียดนาม
(หมายเหตุ:ข้อ ค.และข้อ ง.อ่อนมากเกินไป)

ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ การปิดโรงงาน การว่าจ้างแรงงาน คนว่างงาน
การบริโภคภายในประเทศ หนี้ครัวเรือนและหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ GDP โต 3-5%

“พิชัย” หารือทูตอังกฤษ เน้นย้ำความสำคัญในการจัดทำ FTA ไทย-UK ร่วมกันในอนาคต สร้างมูลค่าการค้า-การลงทุน เติบโตต่อเนื่อง

(8 ธ.ค. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย (นายมาร์ค กุดดิ้ง) เพื่อหารือประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน รวมถึงการพิจารณา ความเป็นไปได้ในการจัดทำ FTA ไทยกับ UK เพื่อขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน สอดคล้องกับนโยบายการเร่งสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย

นายพิชัยฯ เปิดเผยว่า ได้หารือกับ นายมาร์ค กุดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โดยสองประเทศได้เน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนร่วมกัน ผ่านกลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า (Joint Economic and Trade Committee: JETCO) ไทย - สหราชอาณาจักร (UK) ในระดับรัฐมนตรี เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการดำเนินธุรกิจ อำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน โดยเร่งรัดการดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะภายใต้กรอบการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (Enhanced Trade Partnership: ETP) ผ่านกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจครอบคลุมสาขาที่สองประเทศมีศักยภาพและทรัพยากรที่ส่งเสริมกัน เช่น การเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม การลงทุน การท่องเที่ยว และสุขภาพ  ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันกับ นายดักลาส อเล็กซานเดอร์ รัฐมนตรีการค้าของสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 18 ก.ย.67 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมคอร์ทยาร์ด บาย แมริออท กรุงเทพฯ โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะจัดการประชุม JETCO ไทย – UK ครั้งที่ 2 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานร่วมกันในปี 2568 ซึ่งเป็นโอกาสดีในการเฉลิมฉลองครบ 170 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันด้วย

โอกาสนี้ นายพิชัยฯ เปิดเผยว่า ไทยได้เน้นย้ำกับ UK ถึงความสำคัญของการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้นดังกล่าวว่า จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพิจารณาเจรจา FTA ระหว่างกันในอนาคต ซึ่งเป็นแนวนโยบายที่รัฐบาลไทยผลักดันและให้ความสำคัญกับการทูตพาณิชย์เชิงรุก โดยเห็นว่า หากสองฝ่ายสามารถจัดทำ FTA ร่วมกันได้ จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้มูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งภาคธุรกิจของทั้งไทยและ UK ต่างก็สนับสนุนการเริ่มเจรจาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งขยายการค้าระหว่างกัน

นายพิชัยฯ กล่าวเสริมว่า ได้ขอบคุณ UK ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพิจารณารับไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) รวมทั้งใช้โอกาสนี้แจ้ง UK ให้ทราบว่า กระทรวงพาณิชย์ยินดีอำนวยความสะดวกและสนับสนุนการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศในไทยให้เป็นไปอย่างสะดวกและราบรื่นมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือบริการเป้าหมายที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน เช่น อุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบจัดเก็บข้อมูล (Data Center) ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ 

ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – ต.ค.) สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับ 22 ของไทยในตลาดโลก และเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในภูมิภาคยุโรป (รองจากสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์) โดยมีมูลค่าการค้ารวมระหว่างกัน 5,535.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 1,372.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่าการส่งออกสินค้ารวม 3,454.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ไก่แปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล อัญมณีและเครื่องประดับ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่มีมูลค่าการนำเข้ารวม 2,081.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม

จับแล้ว "ดาบตำรวจ" ยิงปืนขึ้นฟ้ากลางชุมชน รรท.ผบช.ภ.2 ลั่น! ตำรวจแตกแถวดำเนินคดีไม่ไว้หน้า ให้ออกจากราชการ

เมื่อวันที่ (7 ธ.ค. 67) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท.ผบช.ภ.2) เปิดเผยถึงกรณีชายลักษณะคล้ายคนเมา ยิงปืนขึ้นฟ้า จำนวน 3 นัด หน้าร้านขายของชำ และร้านอาหารตามสั่งภายในซอยเขาน้อย ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี เหตุเกิดช่วงบ่ายวันนี้ ว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุ เป็นตำรวจ ยศดาบตำรวจ ตำแหน่ง ผบ.หมู่(ป.) สภ.นาจอมเทียน ขณะนี้ได้คุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายและมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว

รรท.ผบช.ภ.2 กล่าวว่า หลังก่อเหตุตำรวจ สภ.บางละมุง เร่งตรวจสอบและสืบสวนพบว่า ดาบตำรวจนายดังกล่าวหลบหนีกลับไปยังบ้านพักของตัวเอง เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่า ยังสวมใส่เสื้อผ้าตัวที่ใช้ก่อเหตุ อยู่ในอาการมึนเมา พูดจา วกไปวนมา ในลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่น 
จึงเจรจาเกลี้ยกล่อมระยะหนึ่ง ต่อมาสามารถควบคุมตัวไว้ได้และตรวจยึดอาวุธปืน Smith&Wesson ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก และปลอกกระสุน ขนาด .357 จำนวน 3 นัด คาดว่าเป็นปลอกกระสุนที่ใช้ก่อเหตุ จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางมายัง สภ.บางละมุง เมื่อตรวจวัดแอลกอฮอล์ในร่างกายพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตรวจไม่พบสารเสพติด พบเพียงสารกัญชา จึงได้แจ้งข้อหาฐาน 1.พกพาอาวุธปืนติดตัวในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะฯ
2. ยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชนฯ
3. ขับขี่รถในขณะเมาสุรา

“สั่งการให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างเด็ดขาดตรงไปตรงมา เป็นตำรวจมีอาวุธปืนแล้วก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อสังคม ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง 
ทั้งนี้หากพบตำรวจกระทำความผิดต้องดำเนินคดีตามกฎหมายทันที ไม่ละเว้น ดำเนินคดีอาญาพร้อมกับดำเนินการทางวินัยควบคู่กันไป ตำรวจทำผิดกฎหมายเสียเองต้องให้ออกจากราชการ“ รรท.ผบช.ภ.2 กล่าว

‘หมอสุรัตน์’ ชี้ สาเหตุ ‘น้องผิง’ เสียชีวิตอาจไม่ใช่การนวด หลังผลเอกซเรย์ออกมา ไม่พบกระดูกกดทับสันหลัง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.สุรัตน์ ตันประเวช เปิดภาพเอกซเรย์ ‘น้องผิง ชญาดา’ นักร้องสาวรถแห่ ไม่พบกระดูกกดทับสันหลัง หวั่นสาเหตุการเสียชีวิตอาจไม่ใช่การนวด

จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่นักร้องสาว "ผิง ชญาดา กีตาร์เรคคอร์ด" เสียชีวิตเนื่องจากไปนวดแล้วหมอนวดบิดที่คอ ได้รับผลกระทบต่อร่างกายถึงขั้นขยับตัวไม่ได้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (9 ธ.ค. 67) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.สุรัตน์ ตันประเวช โพสต์ข้อความผ่านเพจ ‘สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์’ โดยระบุว่า

“มีข่าวแจ้งว่า คนไข้ ที่เสียชีวิต อาจไม่ใช่จากการนวดนะครับ เห็นว่า น่าจะมีอักเสบและติดเชื้อ
x ray ไม่พบมีกระดูกกดสันหลัง* กรณีน้องไปนวดแล้วเสียชีวิต คนกลัวจัด ใจเย็น นะทุกคน ฟังจารย์ก่อน

1. ปกติ คน train นวด อาชีพ เค้าไม่กดจนกระดูกหักแบบนั้นและไม่นวดคอที่มีเส้นเลือด

2. จาก x ray กระดูกโดนกด ผิดรูปจริง แสดงว่า โดนกดหรือบิดแรงมากๆๆ
คราวนี้กรณีนี้เป็นไง

คนไม่รู้ บอกลาการนวด ด่าหมอนวด ใจเย็น
การที่น้อง มีอาการปวดแบบ แปลกๆ บอกเลย มีปัญหา ไขสันหลัง แหงๆ อาจอักเสบ หรือไขสันหลังบวม ด้วยซ้ำ ไม่รู้นวดจนไขสันหลังมีปัญหาก่อนเป็นเหตุ หรือ นวดแล้ว พร้อมมีโรคอักเสบแทรกพอดี จึงให้นวดแรงไปด้วย คือ ปวดจากไขสันหลังนะ โคตรปวด เพราะเป็นปวดเซลล์ประสาทส่วนกลาง central pain syndrome จึงไปนวดซ้ำเรื่อย ๆ

จะให้วิเคราะห์ อาการต่ออาการไหมหละ tracking ตำแหน่งและเหตุให้ได้ แบบนี้ เรียก hyperalgesia คือ เซลล์รับความรู้สึกทำงานผิดปกติ จะสร้างการปวดเองนะ มักจากการอักเสบ จึง ปวดไม่หาย สำคัญคือ เมื่อปวดมาก ก็จะให้หมอ กดให้แรงที่สุด จึงเป็นแบบที่เห็นนะ เฮ้ย หมอ แรงๆ ส่วนหมอ ก็นะ ตามใจ จัดเต็มที่

กรณี มีโรคอื่นแทรกด้วย อาจมีโรคการอักเสบ NMO neuromyelitis optica ก็เป็นได้ ทำให้ปวด ทนไม่ได้ ต้องนวดให้แรง เพราะหากนวดแรง สมองจะรับความรู้สึกแรงกดจากนวด ทำให้ความรู้สึกเจ็บจากสันหลัง ไม่ผ่านเข้าตาม gate control theory ประตูความปวดรับได้ ความรู้สึกเดียว (เหมือนคนปวดหัว ลอง เอามือ ต่อยหน้าแรงๆ สิ หายปวดหัว ปวดหน้าที่โดนต่อยแทน) อีกอย่าง ปวดต่อมา ลงมาถึงราวนม ระดับ T4 ต่ำกว่า ที่ไขสันหลังตรงคอมาก คล้ายมีการลามลงมา

แต่ถ้าหมอนวด บ้าระห่ำขนาด นวดให้คอหักไปเลย นี่ก็ บ้าเกินไป ไม่เคยเห็น แต่ถ้าเกิดจริง เข้าคุกแน่ ๆ ไปหักคอเขา

เอาว่า กรณีนี้ ไม่พิสูจน์ทราบ อะไรเป็นไก่ เป็นไข่
หมอบางคน แบบสรุปความก็ด่ากันไป แต่ใจเย็นนะ เด็ก หมอนวดไทยตกงานกัน ซวยเฉย ที่ดีๆ เค้าก็มี เยอะแยะ

ส่วนเหตุเสียชีวิต ไม่น่าใช่จากไขสันหลังโดยตรง ปกติรอยโรคไขสันหลัง อาการเป็นต่ำจากรอยโรคที่คอลงมา ไม่ขึ้นไปที่สมอง น่าจะเสียจากภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่เกิดจากนอนติดเตียง
ทำไม อาจารย์  รู้เรื่องนวด อะ

7 ปีที่แล้ว เป็น หัวหน้าศูนย์แพทย์แผนไทยและผสมผสาน TTCM คณะแพทย์ มช. ไงหละ  น้องชาย ก็ ปอ โท แผนไทย และ อจ. ก็เป็น อจ. หมอ สมอง ที่ คิดหน่อย วิเคราะห์หน่อย ไม่งั้นผิดทางหัวจะปวด เท่านี้แหละ  ยังไง ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
– อจ สุรัตน์นะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top