Tuesday, 8 July 2025
NewsFeed

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร 4 จังหวัด มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในส่วนภูมิภาค จังหวัดสระแก้ว อุตรดิตถ์ ชุมพร และนครศรีธรรมราช พร้อมมอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์

ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า  ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว อุตรดิตถ์ ชุมพร และนครศรีธรรมราช รวมจำนวน 400 คัน ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 1,160,000 บาท เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิต และเพื่อให้ผู้พิการสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และในโอกาสเดียวกันนี้ ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มูลนิธิฯ ยังได้มอบจักรยานใน “โครงการ จักรยานเพื่อน้องสัญจร” ให้กับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ รวม 5 แห่ง รวมจักรยานจำนวน 100 คัน อุปกรณ์กีฬา จำนวน 5 ชุด หน้ากากอนามัย 2,500 ชิ้น 

พร้อมค่าพาหนะโรงเรียนละ 2,000 บาท คิดเป็นมูลค่า 165,950 บาท เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนที่ประสบปัญหาการเดินทางมาโรงเรียน แบ่งเบาภาระผู้ปกครอง เสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร การแบ่งปัน และการดูแลสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินงานทั้งสองโครงการในครั้งนี้ทั้งสิ้น 1,325,950 บาท (หนึ่งล้านสามแสนสองหมื่นห้าพันเก้าร้อยห้าสิบบาทถ้วน)โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ /สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน 'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต'

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

สมุทรปราการ-แน่นวัด!! แต่งตั้ง 'พระครูจาบ' เจ้าอาวาสวัดหนามแดง รูปที่ 8 คณะศิษย์ยานุศิษย์ถวายมุทิตาสักการะ

เมื่อวันที่ (6 ธ.ค.67) ที่ผ่านมา ทางคณะพระภิกษุสงฆ์วัดหนามแดง พร้อมด้วย คณะกรรมการไวยาวัจกร อุบาสก อุบาสิกา คณะศิษย์ยานุศิษย์ คณะครู เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ข้าราชการตำรวจ คณะเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการตลอดจนพี่น้องประชาชนจำนวนมาก 

ร่วมในพิธีแห่และร่วมถวายมุทิตาสักการะแด่ท่าน พระครูวิทูรกิจจาทร (บุญเลิศ ปญฺญาธโร แก้วน้ำค้าง ) (พระครูจาบ) น.ธ.เอก ป.บส. พธ.บ. พธ.ม. โดยได้รับตราตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนามแดง รูปที่ 8 โดยคณะสงฆ์วัดหนามแดงได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานเพื่อน้อมอุทิศให้แด่อดีตเจ้าอาวาส ณ.อุโบสถวัดหนามแดง ต.บางแก้ว อ.บางพลี สมุทรปราการ 

โดยได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระเทพวชิโรดม เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย คณะสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ร่วมประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา อาทิ พระวชิรธรรมวิธาน เจ้าคณะอำเภอบางบ่อ เจ้าอาวาสวัดสุคันธาวาส พระมงคลธรรมธัช เจ้าคณะอำเภอบางเสาธง เจ้าอาวาสวัดศิริเสาธง พระศรีรัตนเมธี เจ้าคณะอำเภอบางพลี เจ้าอาวาสวัดกิ่งแก้ว พระวชิรกิจสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นต้น

ทั้งนี้ภายในพิธีถวายมุทิตาสักการะมี นายวันชัย คงเกษม อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เป็นผู้อ่านสารตราตั้งเจ้าอาวาส ในการดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนามแดง มีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน บริษัท ห้างร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว สภ.บางพลี คณะครู นักเรียนโรงเรียนในเขตพื้นที่วัดหนามแดง และใกล้เคียง คณะศิษยานุศิษย์ และคณะสงฆ์วัดหนามแดง ร่วมเป็นสักขีพยานในการประกาศแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดหนามแดง รูปที่ 8 คือท่านพระครูวิทูรกิจจาทร (พระครูจาบ) เจ้าอาวาสวัดหนามแดงองค์ปัจจุบัน

'สมศักดิ์' สั่งการ สธ. รับ4 ลูกเรือประมงไทยกลับคืนสู่มาตุภูมิ จัดทีมแพทย์ พยาบาลพร้อมอุปกรณ์พร้อมตรวจสุขภาพทันทีเมื่อถูกส่งตัวมาถึงฝั่งไทย

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้แสดงความยินดีต่อครอบครัวและประชาชนชาวไทยที่ลูกเรือประมงไทย 4 คน ได้รับการปล่อยตัวจากทางการประเทศเมียนม่าแล้วเมื่อเย็นวันที่ 5 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมานับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนที่เรือประมงไทยถูกเมียนม่าจับกุมทั้งลูกเรือ และยึดเรือประมงไปด้วยนั้น รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยรองนายกรัฐมนตรี รัฐมตรีและผู้รับผิดชอบในหน่วยงานทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่ที่เกิดเหตุได้พยายามติดต่อประสานงานกับทางฝั่งเมียนม่าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เมียนม่าปล่อยตัวลูกเรือประมงไทยโดยเร็วที่สุด ในส่วนของนายสมศักดิ์และทรวงสาธารณสุขนั้นมีความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพอนามัยของลูกเรือประมงว่ามีโรคภัยอะไรหรือไม่ 

“หลังจากกระทรวงสาธารณสุขได้รับการประสานงาน ให้จัดแพทย์และพยาบาลเพื่อเตรียมพร้อมในการตรวจสุขภาพของคนไทยทั้ง 4 คนเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย  กระทรวง สธ.ก็ดำเนินการโดยมีความพร้อมทั้งบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ขอให้ความมั่นใจว่าในการตรวจสุขภาพทั้งทางกายและสุขภาพจิต สธ.จะทำอย่างเต็มที่ รัฐบาลต้องดูแลและปกป้องคุ้มครองอย่างดีที่สุด”

โฆษกกระทรวงสธ. ฝ่ายการเมืองกล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อคืนวันที่ 5 ธันวาคม ลูกเรือประมงทั้ง 4 คนได้พักรอที่เกาะสอง จังหวัดระนอง มีการส่งมอบข้ามมายังจังหวัดระนองในวันที่ 6 ธันวาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม ได้เตรียมพาหนะพร้อมแล้ว ทั้งกรณีที่จำเป็นต้องเดินทางไปรับที่เกาะสอง หรือรอรับที่ท่าเรือระนอง โดยยึดถือหลักความปลอดภัยของคนไทยเป็นสำคัญ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการจัดแพทย์และพยาบาลไว้พร้อมในการตรวจสุขภาพของคนไทยทั้ง 4 คนเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย และทีมสุขภาพจิตของ รพ.ระนอง ได้ทราบข้อมูลพื้นฐานของทั้ง 4 ครอบครัว และได้เตรียมพร้อมให้การประเมินและดูแลทั้ง 4 ครอบครัวแล้ว

กองเรือยุทธการ ร่วมภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม ตามรอยพ่อ สืบสานต่อเพื่อแผ่นดิน 5 ธันวาคม

เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.67)  พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการ กองเรือยุทธการ เป็นประธาน ในการจัดกิจกรรม 'ตามรอยพ่อสืบสานต่อเพื่อแผ่นดิน' ณ ลานอุทยานประวัติศาสตร์ เรือของพ่อ ต.91 

ประกอบด้วย กิจกรรมเดินเทิดพระเกียรติ มีกำลังพลจากหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน พี่น้องประชาชนในพื้นที่สัตหีบ คณะครู อาจารย์ ผู้ปกครอง นักเรียนของโรงเรียนสัตหีบ เขตกองเรือยุทธการ ร่วมกันจัดกิจกรรมร้องเพลงชาติ กล่าวน้อมรำลึก ฯ การมอบรางวัลการประกวดวาดภาพ และการประกวดการเขียนเรียงความ 

กิจกรรมนี้ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระผู้ทรงเป็นพ่อของแผ่นดินไทย ผู้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยหลักธรรม พระสติปัญญา เพื่อความผาสุกของประชาชนชาวไทย ทรงดำเนินงานโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมาย เพื่อพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน รวมทั้งโครงการต่อเรือชุดเรือ ต.91 จำนวน 9  ลำ ประกอบด้วยเรือ ต.91 ถึง เรือ ต.99 ซึ่งได้ดำเนินการต่อเรือชุดดังกล่าว ในประเทศไทยทั้ง 9 ลำ ถือว่าเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการในพระราชดำริ ให้ดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน

คุมกำเนิดเด็กแว้น! รรท.ผบช.ภ.2 แถลง ตำรวจสระแก้ว เปิดปฏิบัติการ 'เขตห้ามแว้น ปิดตำนานซิ่ง สกัดทุกความรุนแรง' ยึดรถแต่งซิ่ง 160 คัน

(6 ธ.ค.67) ที่ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท.ผบช.ภ.2) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว (ผบก.ภ.จว.สระแก้ว) แถลงผลปฏิบัติการ “เขตห้ามแว้น ปิดตำนานซิ่ง สกัดทุกความรุนแรง” กวาดล้างจับกุมยึดรถจักรยานยนต์แต่งซิ่ง ต้นเหตุก่อความเดือดร้อนรำคาญ ก่ออุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ จว.สระแก้ว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 2 จึงกำชับปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ดัดแปลง แต่งซิ่ง ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน และความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกที่เกี่ยวข้อง และสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วสั่งการไปยังกองกำกับการสืบสวน และสถานีตำรวจทุกแห่ง เปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมยึดรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งผิดกฎหมาย ยึดของกลางได้ ดังนี้ 

1. รถจักรยานยนต์แต่งซิ่งผิดกฎหมาย 160 คัน 
2. ท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน 95 ชิ้น 
3. อาวุธปืน 13 กระบอก กระสุน 7 นัด 

นอกจากนี้ ในระหว่างปฏิบัติการกวาดล้างรถแต่งซิ่ง เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 ตำรวจ สภ.วัฒนานคร จว.สระแก้ว ได้กุมแก๊งขโมยสายไฟ คุมตัวผู้ต้องหา 3 คน ขณะกำลังปีนรั้วเข้าไปในบ้านอดีตนักการเมืองเพื่อขโมยสายไฟ จึงจับกุมตัวพร้อมของกลางรถยนต์ที่ใช้ในการตระเวนลักทรัพย์ พร้อมสายไฟ 7 ม้วน ยาวประมาณ 270 เมตร ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

อย่างไรก็ตามตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วได้ดำเนินการระดมกวาดล้างห้วงก่อนเทศกาลปีใหม่ระหว่างวันที่ 25 พ.ย. - 4 ธค 67 มีผลการปฏิบัติสามารถจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 391 หมาย หมายจับคดียาเสพติด 13 หมาย หมายจับคดีอาญาทั่วไป 154 หมายและหมายศาล 224 หมาย ซึ่งมีผลการจับกุมเป็นอันดับ 2 ของตำรวจภูธรภาค 2

ปฏิบัติการดังกล่าว เป็นเพียงหนึ่งในนโยบายในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ หลังจากนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการป้องกัน แต่จะเป็นการ ปฏิบัติการเชิงรุก ปราบปรามอาชญากรรม รูปแบบต่าง ๆ และอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและประชาชน โดยตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว จะดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อสร้างความปลอดภัย จนเกิดความอุ่นใจ นำไปสู่ความเชื่อมั่นของประชาชนและสายตาชาวโลก ดังวิสัยทัศน์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ "เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน"

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ ลงพื้นที่ภาคใต้ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม-ช่วยเหลือประชาชน ย้ำทุกหน่วยงานเร่งคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด เผย ‘นายกรัฐมนตรี’ ห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบ 

(6 ธ.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางสาวธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย , ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) , พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) , นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่อุทกภัยภาคใต้ ณ จังหวัดยะลา  โดยได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัย และแผนการแก้ไขปัญหาพร้อมกล่าวมอบนโยบาย ณ อาคารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมืองยะลา ก่อนเดินทางต่อไปยังอาคารศรีนิบง ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา อำเภอเมืองยะลา เพื่อพบปะประชาชนและมอบถุงยังชีพให้ผู้แทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เกิดอุทกภัยขึ้นในหลายแห่งของพื้นที่ภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำจะเคลื่อนผ่านอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีความเสี่ยงฝนตกหนักและฝนตกหนักมากบางแห่ง รัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จึงได้มอบหมายให้ลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อคลี่คลายโดยเร็วที่สุด 

นายประเสริฐ กล่าวว่า วันนี้ได้เน้นย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยมอบจังหวัด ศอ.บต. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย และจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ ให้พร้อมต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และมอบ สทนช. ประสานกรมชลประทาน จังหวัด ปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย เพื่อแก้ไขสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมกันนี้ สทนช. จังหวัด การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ต้องประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2567 และป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนบางลาง และการจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง และเมื่อมีผลกระทบกับประชาชน ต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

“นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำกับ สทนช. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กรมประชาสัมพันธ์ และจังหวัด ประชาสัมพันธ์สถานการณ์อุทกภัยและแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ พร้อมมอบหมายศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ ประสานและบูรณาการการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อสถานการณ์น้ำ ทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง ที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก และจะดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังเพื่อทุกครัวเรือนผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว 

ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ รวม 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 7 อำเภอ จังหวัดพัทลุง 5 อำเภอ จังหวัดสงขลา 4 อำเภอ จังหวัดปัตตานี 4 อำเภอ จังหวัดนราธิวาส 3 อำเภอ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่เพื่อบรรเทาผลกระทบให้ประชาชน โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ปริมาณฝนจะลดลง รวมทั้งได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ในช่วงหลังจากนี้ตามที่รองนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา และ สสน. คาดการณ์ว่าจะกลับมามีฝนตกหนักถึงหนักมากอีกครั้งในช่วงวันที่ 13 – 16 ธ.ค. 67 บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จากนั้นแนวโน้มฝนจะลดลงตามลำดับ สำหรับเขื่อนบางลางจะยังคงอัตราการระบายน้ำที่ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) ต่อวัน ซึ่งจะต้องมีการติดตามประเมินสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแผนการระบายให้เหมาะสม โดยจะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับระดับน้ำทะเลด้วย 

โดยขณะนี้การระบายน้ำของเขื่อนบางลางยังไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำบริเวณหน้าเขื่อนปัตตานี โดยเขื่อนปัตตานีได้มีการหน่วงน้ำไว้ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 67 ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนลดลงตามลำดับ โดยเฉพะเขตตัวเมืองปัตตานี จ.ปัตตานี ระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งแล้ว และในการบริหารจัดการน้ำ ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยของเขื่อนทุกแห่ง ทั้งนี้ ศูนย์ฯ ส่วนหน้าจะบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประเมินวิเคราะห์สถานการณ์ประกอบการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่และระดมสรรพกำลังเพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์อุทกภัย รวมทั้งฟื้นฟูเยียวยาความเสียหายให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมจิตอาสา 'เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ' เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในหลวง ร. 9 วันชาติ วันพ่อแห่งชาติ และวันดินโลก 5 ธันวาคม 2567

(6 ธ.ค.67) พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 นำกำลังพลจิตอาสาทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ประกอบด้วย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค1) กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุน กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 21 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เทศบาลตำบลบางเสร่ เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว คณะครู และนักเรียนโรงเรียนเกล็ดแก้ว จัดกิจกรรมจิตอาสา 'เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ' ณ โรงเรียนเกล็ดแก้ว ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

กิจกรรมนี้ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกใน พระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์ ทรงปกครองประชาราษฏร์ด้วยหลักทศพิธราชธรรม ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อขจัดความทุกข์ยากแก่พสกนิกร ก่อให้เกิดคุณอเนกอนันต์แก่ ประเทศชาติ และกิจกรรมนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี ความรักสามัคคี ระหว่าง กองทัพเรือ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ โดยกิจกรรม ประกอบด้วย การปรับปรุงภูมิทัศน์ การตัดหญ้า กวาดใบไม้ เก็บขยะ และปลูกพืชผักผลไม้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง               

นอกจากนี้ ยังมีการจัดเลี้ยงไอศกรีมให้กับเด็กๆ ชั้นอนุบาลของโรงเรียนเกล็ดแก้ว สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับเด็กนักเรียนและผู้เข้าร่วมกิจกรรม

ผบ.ตร.สั่งเด็ดขาดให้ รรท.ผบช.น.เร่งคดีตำรวจจราจรกลาง 7 นาย รุมทำร้ายร่างกาย หากพบความผิดฐานใด ดำเนินการทุกข้อหา พร้อมดำเนินการทางวินัยทุกมิติ ย้ำพร้อมให้ความเป็นธรรม ทำตรงไปตรงมา รับเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สั่งขันน็อตการตั้งด่านทั่วประเทศตามระเบียบ

(6 ธ.ค.67) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) 7 นาย รุมทำร้ายร่างกายขณะตั้งด่าน ว่า เรื่องนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รับทราบรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

ในทางคดีได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.ลงมาดูคดีด้วยตนเอง รวบรวมหลักฐานภาพกล้องวงจรปิด กล้องติดตัว (bodycam) พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งพยานอื่นๆ ทุกมิติ เพื่อไขข้อเท็จจริง ดำเนินการตามกฎหมาย เอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ  

สำหรับคดีมีความคืบหน้า มีการเรียกตำรวจทั้ง 7 นายมาแจ้งข้อกล่าวหาในเบื้องต้น รวมทั้งจะมีการพิจารณาความผิดในข้อหาอื่นด้วย หากพบพยานหลักฐานหรือข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนทางวินัยได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว 
     
นอกจากนี้ โฆษก ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร.เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหาย และครอบครัว ยืนยันว่าคดีนี้จะทำตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือกัน หากพบเป็นความผิดอาญาและวินัยในส่วนใดจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด รวมถึงมาตรการทางปกครองกับผู้บังคับบัญชาด้วย  ซึ่งได้กำชับเรื่องนี้กับทาง บช.น. ไปแล้ว ให้เร่งรัดดำเนินการให้ชัดเจน พร้อมกำชับการตั้งด่านของตำรวจทั่วประเทศ ให้ผู้บังคับบัญชาไปกำชับการปฏิบัติตามระเบียบและหลักยุทธวิธี ทำตามกรอบกฎหมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้การต้อนรับ ออท.ราชอาณาจักรสวีเดน/ไทย สานสัมพันธ์ด้านการทหาร เสริมความเข้มแข็ง และทันสมัยให้กับกองทัพ

(6 ธ.ค.67) พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กห. ได้กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้การต้อนรับ นาง Anna Hammargren (อันนา ฮัมมาร์เกรน) ออท.ราชอาณาจักรสวีเดน/ไทย ณ ห้องสุรศักดิ์มนตรี ในศาลาว่าการกลาโหม 

โดย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชื่นชมความสัมพันธ์ที่มีมาแนบแน่นอย่างยาวนาน กว่า 156 ปี ทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชน นํามาสู่ความร่วมมือระหว่างกัน ในหลายมิติ อาทิ การศึกษาและเทคโนโลยี นวัตกรรม พลังงานและสิ่งแวดล้อม การสาธารณสุข รวมทั้งนโยบายป้องกันประเทศ เน้นย้ำความสัมพันธ์ความร่วมมือด้านความมั่นคงและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างมีนัยยะสําคัญ รวมทั้งยินดีที่ความร่วมมือทางทหารของทั้งสองประเทศ อันมีพัฒนาการที่ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บังคับบัญชาและกําลังพล การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนา ขีดความสามารถด้านยุทโธปกรณ์ 

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหม หวังว่าจะสามารถขยายความร่วมมือร่วมกันต่อไป ทั้งในด้านความมั่นคงทางไซเบอร์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ด้านความมั่นคง ในภูมิภาค รวมถึงพัฒนาการของการนําเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาทิ AI มาใช้ในกิจการทางทหาร 

อีกทั้ง เชื่อมั่นว่า ออท.ราชอาณาจักรสวีเดน/ไทย จะสามารถสานต่อการดำเนินงาน ระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ขอบคุณสวีเดนที่แสดงความประสงค์จะดำเนินความร่วมมือกับ กห. ในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง และยินดีที่ บ.ขับไล่แบบ Gripen ของสวีเดนเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาของ ทอ. ด้วยมีความเข้ากันได้ของระบบที่ใช้งานในปัจจุบัน และมีความสอดคล้องกับปัจจัยด้านงบประมาณและความต้องการทางทหาร 

โครงการจัดหายุทโธปกรณ์ของ กห. ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เสริมความเข้มแข็ง และทันสมัยให้กับกองทัพเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความคุ้มค่า ผลประโยชน์ที่ประเทศและประชาชน จะได้รับตอบแทนกลับคืน 

ในโอกาสนี้ ออท.ราชอาณาจักรสวีเดน/ไทย ได้ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้การต้อนรับ รวมทั้งกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ และสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกัน

ผบ.ทรภ.2 ร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกล กับ ผู้บัญชาการภาคทหารเรือที่ 1 กองทัพเรือมาเลเซีย แนะนำตัวในโอกาสเข้ารับหน้าที่ และเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลระหว่างกัน 

(6 ธ.ค.67) พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 (ผบ.ทรภ.2) ร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกล กับ Rear Admiral Dato' Baharudin Bin Wan Md Nor ผู้บัญชาการภาคทหารเรือที่ 1 กองทัพเรือมาเลเซีย เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับหน้าที่ และเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลระหว่างกัน ณ ห้องประชุม ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 2

โดยมี รองเจ้ากรมข่าวทหารเรือ และผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือ ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เข้าร่วมการประชุม

กองทัพเรือ ให้ความสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือกับกองทัพเรือมิตรประเทศในทุกระดับ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเลระหว่างกัน โดยการประชุมดังกล่าว นับเป็นกิจกรรมการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ในระดับพื้นที่ปฏิบัติการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top