Monday, 7 July 2025
NewsFeed

‘การบินไทย’ หวังผงาด!! ครองมาร์เกตแชร์ภูมิภาค 35% ขยายฝูงบิน 150 ลำ พร้อมปรับแผน เพื่อลดต้นทุนการซ่อม

(1 ธ.ค. 67) สถานการณ์อุตสาหกรรมการบินโลก IATA ประมาณการณ์รายได้รวมของสายการบินในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 119% ของรายได้รวมก่อนโควิด-19 โดยจะมีรายได้สูงถึง 996,000 ล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีปัจจัยมาจากการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสาร และการรักษาเสถียรภาพของผลตอบแทนต่อผู้โดยสาร

ขณะเดียวกัน IATA ยังคาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารทางอากาศทั่วโลกจะเติบโตถึง 2.1 เท่าภายในปี 2586 โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะมีอัตราการเติบโตสูงสุดคิดเป็น 2 ใน 3 โดยประเมินว่าในช่วงปีดังกล่าวจะมีจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางทางอากาศสูงถึง 8,600 ล้านคน และสัดส่วน 46% เดินทางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

จากแนวโน้มการขยายตัวของปริมาณการเดินทางดังกล่าว บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) วางแผนช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เกตแชร์) ในฐานะสายการบินแห่งชาติที่ครองฐานการบินในประเทศไทย ซึ่งเป็นเดสติเนชั่นยอดฮิตของการเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

‘ชาย เอี่ยมศิริ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยมุ่งมั่นจะเป็นสายการบินที่ให้บริการแบบเครือข่าย (Network Airline) เพื่อสร้างเป็นจุดแข็งในการขยายเครือข่ายเส้นทางบินในภูมิภาค โดยการขยายเครือข่ายเส้นทางบินระยะสั้นจะช่วยสร้างความได้เปรียบของบริษัท และเพิ่มความถี่และเวลาของเที่ยวบิน เพื่อเชื่อมต่อจุดบินเมืองใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับฐานการบินสำคัญอย่างกรุงเทพฯ

โดยภายใต้แผนขยายบริการแบบเครือข่ายนั้น การบินไทยจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนฝูงบินรองรับ พร้อมทั้งปรับปรุงฝูงบินครั้งใหญ่ เพื่อให้การบินไทยสามารถบริหารจัดการต้นทุนด้านการบินอย่างมีประสิทธิภาพ 

ซึ่งปัจจุบันวางเป้าหมาย ‘ลดแบบเครื่องบินเหลือ 4 แบบ’ จากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 การบินไทยมีฝูงบิน 8 แบบรวม103 ลำ ส่งผลให้ต้องแบกรับต้นทุนค่าซ่อมและอะไหล่ที่หลากหลาย โดยขณะนี้ได้ทำการปรับลดฝูงบินเหลือ 6 แบบรวม 79 ลำ และจะทยอยปรับลดต่อเนื่องในปี 2572 คาดเหลือ 5 แบบรวม 143 ลำ และท้ายที่สุดในปี 2576 จะเหลือ 4 แบบรวม 150 ลำ

สำหรับปลายทางของการปรับปรุงฝูงบิน ‘การบินไทย’ ในปี 2576 จะมีฝูงบินรวม 150 ลำ แบ่งเป็น เครื่องบินลำตัวกว้าง 98 ลำ และลำตัวแคบ 52 ลำ โดยมีประเภทเครื่องบิน ประกอบด้วย

• โบอิ้ง B777-300ER จำนวน 15 ลำ
• แอร์บัส A350 จำนวน 17 ลำ
• โบอิ้งตระกูล B787 จำนวน 66 ลำ
• แอร์บัส A320/A321 NEO จำนวน 52 ลำ

ทั้งนี้ การผลักดันแผนปรับปรุงฝูงบินดังกล่าว ปัจจุบันการบินไทยได้เจรจาและเข้าทำข้อตกลงกับ Boeing และ GE Aerospace เพื่อจัดหาเครืองบินลำใหม่จำนวน 45 ลำ พร้อมกับสิทธิในการจัดหาเพิ่มอีก 35 ลำ นอกจากนี้การจัดหาเครื่องบินลำตัวแคบ ปัจจุบันได้ทำการเจรจาและเข้าทำข้อตกลงกับ Lessor เพื่อจัดหาเครื่องบินลำใหม่รุ่นแอร์บัสA321 จำนวน 32 ลำ ซึ่งคาดว่าฝูงบินใหม่นี้จะทยอยรับมอบเข้ามาในปี 2570 – 2576

สูตรสำเร็จของการบินจากการวางแผนธุรกิจและปรับปรุงฝูงบินครั้งนี้ มีเป้าหมายจะครองมาร์เกตแชร์สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกลับมาในระดับ 35% ภายในปี 2572 เป็นต้นไป เพิ่มขึ้นหลังการปรับลดเครื่องบินและปรับปรุงฝูงบินในปี 2566 ที่การบินไทยมีจำนวนฝูงบิน 70 ลำ ครองมาร์เกตแชร์ 28% และจะเป็นผลบวกระยะยาวที่ทำให้การบินไทยสามารถบริหารต้นทุนทางการบิน ค่าซ่อมและอะไหล่เครื่องบินที่ลดลง

‘หมอยง’ โพสต์เฟซ!! ย้อนดู 5 ปี โควิด 19 ความยุ่งเหยิง ดรามา ของวัคซีน และเซียนคีย์บอร์ด

(1 ธ.ค. 67) ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ แพทย์อาวุโส นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ เรื่องวัคซีน และโรคโควิด-19 โดยมีใจความว่า ...

ย้อนดู 5 ปี โควิด 19, ปีที่ 2 ปีที่ยุ่งเหยิง และดราม่า เกี่ยวกับวัคซีน และเซียนคีย์บอร์ด 

หลังการระบาดใหญ่ทั่วโลก ในปีแรก ทุกคนมุ่งหวัง ที่จะยุติการระบาดด้วยวัคซีน จึงมีการผลิตคิดค้นวัคซีนกันมากมาย มากกว่า 10 platform รวมทั้งของประเทศไทยเองด้วย ประเทศไทยมีการออกข่าวว่าจะผลิตวัคซีนได้สำเร็จภายใน 2 ปี

เมื่อสิ้นปีแรก การผลิตและออกมาใช้จริง ก็เริ่มปรากฏออกมา ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย ไวรัสเวกเตอร์ และ mRNA ประสิทธิภาพของวัคซีนได้ลงพิมพ์ ในวารสารต่างๆ จะเห็นว่า mRNA มีประสิทธิภาพสูงสุด มากกว่าไวรัสเวกเตอร์ และเชื่อตาย แต่ผลทั้งหลายเป็นผลระยะสั้นทั้งนั้น ความจริงผลระยะยาวค่อยออกมาทีหลัง 

วัคซีนจึงขาดแคลนในระยะแรก เพราะทุกประเทศแย่งกัน ทางตะวันตก จะไม่รับวัคซีนของจีน และจีนเองก็ไม่รับวัคซีนของทางตะวันตก ประเทศกำลังพัฒนา ส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนจากจีน และ mRNA จะใช้ในทางตะวันตก ไม่เพียงพอ ตลาดเป็นของผู้ขาย จะกำหนดกฎเกณฑ์อย่างไรก็ได้ในการซื้อ เช่นต้องวางเงินก่อน และจะเอาหรือไม่เอาก็ต้องจ่าย ซึ่งขัดกับหลักการจัดซื้อของประเทศไทย และบางบริษัทให้วางเงินก่อนจะผลิตสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ไม่รับรู้ ถ้าไม่สำเร็จก็ต้องเสียเงินฟรี 

วัคซีนเชื้อตายจึงเข้ามาในประเทศไทยก่อน แล้วตามมาด้วยไวรัสเวกเตอร์ กว่าประเทศไทยจะเริ่มฉีด mRNA ก็เข้าสู่ กันยายน ตุลาคมแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มีการเรียกร้องเอา mRNA มาเป็นวัคซีนหลัก จะเห็นบนหน้าเพจมากมาย มีดราม่าเกิดขึ้น ด้อยค่าวัคซีนเชื้อตายอย่างหนัก และกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ประเทศจีน มีอัตราการเสียชีวิตโดยรวม น้อยกว่าประเทศทางตะวันตกอย่างมาก

ปีที่ 2 ความรุนแรงของโรคมาก อยู่มีอัตราตายเกือบ 1% ดังนั้นการรณรงค์ให้วัคซีน จึงเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และอัตราการครอบคลุม 2 เข็มแรก ได้เร็วมาก โดยทุกแห่งและโรงพยาบาลร่วมมือกันดีมาก

ผมเองทำการศึกษา การกระตุ้นเข็มสามด้วยวัคซีนเชื้อตาย Sinovac เปรียบเทียบกับ ไวรัสเวกเตอร์และ mRNA คณะกรรมการจริยธรรมยังไม่ยอมให้ทำ ตอนหลังเลยต้องเปลี่ยนจากเชื้อตาย Sinovac มาเป็น Sinopharm ถึงได้ทำ แต่ก็เสียดายข้อมูลทางวิชาการ ที่เราไม่มี การฉีดวัคซีนเชื้อตายชนิดเดียวกัน 3 เข็ม เสียดายโอกาสทางวิชาการอย่างมาก

งานวิจัยทางด้าน วัคซีนโควิด ในช่วงนี้หาอาสาสมัครและมีผู้สมัครใจเป็นจำนวนมาก และทำได้อย่างรวดเร็วมาก ต้องขอขอบคุณอาสาสมัครอย่างยิ่ง รวมทั้งแหล่งทุนด้วย ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงมีผลงานให้เห็น โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน และสูตรต่างๆ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสูตรการฉีดวัคซีนสลับไปมา 3 เข็ม รวมทั้งสิ้น 24 แบบ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์สุดท้ายไม่ต่างกันเลย เพราะทั้งหมดเป็นแอนติเจนชนิดเดียวกัน คือ spike protein ของ Wuhan strain 

ในปีนี้เป็นปีที่ ผมเองถูกกล่าวหาให้ร้าย อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ หรือการเมืองทั้งที่จริงแล้วตัวเองไม่เคยไปยุ่งเลยแม้แต่นิดเดียว มุ่งค้นหาทางวิชาการและให้ข้อมูลผู้บริหารและประชาชน เพื่อช่วยปกป้องโรคร้าย การกล่าวให้ร้ายผมเอง ไม่ได้สนใจ แต่คนรอบข้าง ทนไม่ได้ จึงมีการแจ้งความฟ้องร้อง ผู้ที่กล่าวหารุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษา และมีหน้าตาในสังคม

คดีในการฟ้องร้อง บางคดีได้สิ้นสุดแล้ว และบางคดีจนถึงวันนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ที่สิ้นสุดแล้วส่วนใหญ่ศาลจะตัดสิน เป็นเรื่องของการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ถือเป็นคดีอาญา ศาลให้จำคุก 2 ปี และปรับ 3 แสน บาท เข้าแผ่นดิน ถ้าสารภาพก็ลดลงกึ่งหนึ่ง และเกือบทั้งหมดโทษจำให้รอลงอาญา หลายราย ยอมความ มาขอโทษ ก็จะยอมเกือบทุกกรณี แต่จะให้บริจาคเงิน เข้ามูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ แทน โดยตัวเองไม่ไปแตะต้องเงินจำนวนนี้เลย

ยง ภู่วรวรรณ
ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์
ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬา
30 พฤศจิกายน 2567

‘นายกฯ’ เตรียม!! ลงใต้ 6 ธ.ค. นี้ เพื่อช่วยเหลือชาว ‘สงขลา – ปัตตานี’

(1 ธ.ค. 67) หลังเกิดกระแสดรามาในโซเชียลว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ลงพื้นที่ไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมชายแดนภาคใต้ แต่กลับเดินกับครอบครัวอยู่ที่เชียงใหม่-เชียงราย ซึ่งเป็นช่วงที่มีการประชุม ครม.สัญจร ล่าสุด มีรายงานว่า นายกฯ มีกำหนดการเตรียมลงพื้นที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดปัตตานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจติดตามสถานการณ์น้ำ และเร่งรัดการเยียวยา และฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค.จะมีการประชุม ศปช.เพื่อวางกำหนดการ และจุดที่จะลงไปติดตามตรวจเยี่ยม โดยวางไว้เบื้องต้นว่านายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ในวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.นี้

นายกฯ ได้สั่งการไปยัง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ให้ประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งรัดให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะจุดที่ขาดแคลนเครื่องมือ และได้ประสานกระทรวงกลาโหมให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือประชาชน โดยต้องการให้เร่งรัดขั้นตอนการเยียวยาให้เกิดความรวดเร็ว ไม่ให้ประชาชนต้องรอนาน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ตั้งใจจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมในช่วงแรกแล้ว แต่ติดภารกิจการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่วางกำหนดการไว้ก่อนหน้าแล้ว และหากไปในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมหนัก จะเป็นภาระแก่เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนต้องมาคอยต้อนรับ โดยตลอดช่วงที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม นายกฯได้ติดตามและสั่งการนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมกองทัพ ลงไปช่วยประชาชนอย่างเต็มที่ ล่าสุดรัฐบาลได้มีการสั่งเบิกงบภัยพิบัติให้กับพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชน

‘นิด้าโพล’ เผย!! ผลสำรวจ ปชช. ชี้!! คดีล้มล้างฯ ไม่ควรยุบพรรค

(1 ธ.ค. 67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็น เรื่อง ‘ยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับผลกระทบของการยุบพรรคและการตัดสิทธิทางการเมืองต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงการมีสิทธิของประชาชนในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง หากพบบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 81.37 ระบุว่า ประชาชนควรจะมีสิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง รองลงมา ร้อยละ 16.42 ระบุว่า ประชาชนไม่ควรจะมีสิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง และร้อยละ 2.21 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สำหรับการยุบพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 61.30 ระบุว่า ควรมีการลงโทษด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การยุบพรรค รองลงมา ร้อยละ 36.10 ระบุว่า ควรมีการลงโทษยุบพรรค และร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.54 ระบุว่า ควรลงโทษตัดสิทธิทางการเมือง เฉพาะกับผู้กระทำการเท่านั้น รองลงมา ร้อยละ 31.68 ระบุว่า ควรลงโทษด้วยวิธีอื่นเฉพาะกับผู้กระทำการเท่านั้น ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ควรลงโทษตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ร้อยละ 6.26 ระบุว่า ควรลงโทษด้วยวิธีอื่นกับกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด และร้อยละ 3.21 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.63 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.35 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

ตัวอย่าง ร้อยละ 12.37 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.24 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.81 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.56 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.29 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 1.15 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

ตัวอย่าง ร้อยละ 35.42 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.37 สมรส และร้อยละ 2.21 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 0.69 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 19.16 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 35.50 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 10.07 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 29.69 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.89 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี

ตัวอย่าง ร้อยละ 9.77 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 17.40 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.53 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 11.68 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 16.11 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 19.01 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 4.50 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

ตัวอย่าง ร้อยละ 19.47 ไม่มีรายได้  ร้อยละ 3.36 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 14.97 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 33.28 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.69 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.66 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 2.21 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 1.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.69 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.38 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 0.76 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.08 ไม่ระบุรายได้

‘พีระพันธุ์’ กำชับ!! ‘ปตท. - กฟผ.’ ดูแลประชาชน แก้ปัญหาขาดแคลน ‘ก๊าซ - น้ำมัน’ ในพื้นที่น้ำท่วม

(1 ธ.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้มีพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุ และได้รับความเดือดร้อนมากถึง 130,000 กว่าครัวเรือน ซึ่งกระทรวงพลังงาน ได้รับรายงานการขาดแคลนเรื่องน้ำมัน และก๊าซ จึงได้ประสานงานให้ บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก ซึ่งรับผิดชอบงานในส่วนนี้ เข้าไปประสานงานกับส่วนราชการในพื้นที่ โดยล่าสุด ได้รับรายงานว่าขณะนี้สามารถขนส่งน้ำมัน และก๊าซลงในพื้นที่ได้แล้ว

"ล่าสุดได้รับรายงานว่า ตอนนี้เริ่มขนส่งน้ำมัน และก๊าซไปได้แล้ว แต่ต้องเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงขนส่งไปใช้ทางหลวงหมายเลข 42 ซึ่งดำเนินการได้ช้ากว่าปกติ เพราะระยะทางไกลขึ้น และถนนก็คดเคี้ยวมาก ทำให้เดินทางลำบาก และไม่สามารถทำเวลาได้ตามที่เคยดำเนินการอยู่ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาระยะหนึ่ง" นายพีระพันธุ์ กล่าวระบุ

สำหรับในเรื่องไฟฟ้า ได้กำชับให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตรวจสอบสถานการณ์เกี่ยวกับการผลิต และส่งไฟฟ้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เหล่านี้ด้วย

หนุ่มด่าทหาร เข้าช่วยน้ำท่วมภาคใต้ โวย!! ขับเร็ว สุดท้ายโดนทัวร์ลง ล่าสุด!! ทำคลิปขอโทษแล้ว

(1 ธ.ค. 67) จากกรณี จากกรณีฝนตกลงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ในพื้นที่ จ.ยะลานั้นทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ในเขตตัวเมืองยะลา โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ หน้าสถานีรถไฟยะลา โรงแรมยะลารามา น้ำได้เข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ชาวบ้านและร้านค้าต้องเร่งอพยพสิ่งของ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ จ.นราธิวาสก็ประสบกับสถานการณ์อุทกภัยเช่นกันกระทบทั้ง 13 อำเภอ น้ำยังท่วมและเอ่อล้นตลิ่งต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535 คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง

อย่างไรก็ตาม พบว่ามีทหารพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมกลับโดนชายรายหนึ่งด่าพร้อมอัดคลิปลง TikTok หาว่าทหารจะเข้ามาช่วยหรือทำลายข้าวของ ของชาวบ้านกันแน่ สุดท้ายทหารจึงต้องล่าถอยออกไป จนมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ชายรายดังกล่าว ทำให้สุดท้ายแล้วต้องลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งไป

ล่าสุดวันนี้ 30 พ.ย. ผู้ใช้ TikTok ‘เฟียนนนนนน (FIAN)’ ที่มีผู้ติดตามกว่า 5 แสนคน ซึ่งเป็นคนที่อัดคลิปด่าทหารที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านจากเหตุน้ำท่วม ออกมาโพสต์คลิปขอโทษแล้ว พร้อมยืนยันไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่เกี่ยวจ้ งกับประเด็นเรื่อง 3 จังหวัด และจากนี้ ตนเองจะใช้สื่อให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

ทั้งนี้ พบว่าหลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปมีขาวเน็ตจำนวนมาก เข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิการกระทำดังกล่าวพร้อมบอกว่าอยากได้ยินคำขอโทษที่มาจากใจ เพราะบางส่วนเห็นว่าคลิปขอโทษที่ทำออกมาน่าจะทำเพราะโดนชาวเน็ตด่าเสียมากกว่า

‘หมูเด้ง’ ตึงทั้งตัว!! แตกลายยันก้น รับหน้าหนาว ชาวโซเชียลชี้!! ‘สปอนเซอร์ครีมทาผิว’ต้องเข้าแล้ว

(1 ธ.ค. 67) เพจ ‘ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง’ ได้โพสต์ภาพ หมูเด้ง ที่ได้สัมผัสอากาศหนาวครั้งแรกในชีวิต ซึ่งภาพที่โพสต์ เป็นภาพของหมูเด้งยืนตากแดด พร้อมกับผิวหนังที่แห้งจนทำเอาตัวตึงไปหมด แถมผิวยังแตกลายงา ลามยันกันเลยทีเดียว

โดยทางเพจยังระบุข้อความว่า ‘เครื่องวัดอุณหภูมิรุ่นล่าสุด ทำงานครั้งแรก แสดงว่าเครื่องตรงไม่เพี้ยน’

และยังได้ระบุในคอมเมน์ใต้โพสต์ดังกล่าวอีกว่า 

‘นี่แค่วันแรกหนาวเบาๆ เองนะพ่อ ตูดยังแตกขนาดนี้ ช่วงนี้หมูเด้งหนาวจะนอนแอบมุมแล้วแม่นอนบังลมให้อีกที ทำให้อาจมองไม่เห็นหมูเด้งนะ’

ทั้งนี้ หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป แฟนๆ ก็เข้ามาคอมเมนต์แซวเด้งยับ เช่น  

หนาวๆๆ พอถึงหน้าหนาว สาวๆ ขาแตก

โอ๊ยยยย สปอนเซอร์ครีมทาผิวต้องเข้าแล้ววว หมูเด้ง เซเลปสาวแถวหน้าแห่งเมืองไทย 

อากาศเย็นนิดนุง ผิวแตกเลย

เครื่องทำน้ำอุ่นต้องเข้าแล้วลูก

หนาวตัวแตกเลย ขอครีมให้เด้งหน่อยงับ

สปอนเซอร์ครีมต้องเข้าแล้วมั้ยคะ

อิคำแก้วมันเป็นฮิปโป

เด้งตูดแตก

เห็นเลขอะไรกันบ้างคะ เราเห็น 04 ที่ก้นน้อง

ย่นไปหมด น้ำชง คอลลาเจนต้องมานะคะช่วงนี้ เย็นผิวแห้งละ

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งยังได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า … 

นึกว่าชามกระเบื้องแตกลายงา สวยน่าเก็บ

‘เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป’ จัดความสุข!! ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ มอบดีลที่ดีที่สุด!! ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.62 ล้านบาท

(1 ธ.ค. 67) นางสาวตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ครบทุกซับแบรนด์ พร้อมศูนย์บริการแบบครบจบที่เดียว เผยว่า แคมเปญ Benz BKK Group : End of Year Sale 2024!! เป็นแคมเปญที่ลูกค้าจะได้รับดีลที่ดีที่สุดส่งท้ายปี โปรโมชันเดียวกับ Motor Expo ที่ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.62 ล้านบาท อีกทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เพิ่งจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เปิดไลน์อัปยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury กว่า 6 รุ่น ครอบคลุมทั้งแบรนด์ Mercedes-Maybach และรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในกลุ่ม G-Class, S-Class และ V-Class โดยจัดแสดงภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Art of Cultivated Luxury’ นำเสนอความงดงามของศิลปะร่วมสมัยที่ผสานเข้ากับยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ สะท้อนถึงความประณีต รสนิยมชั้นสูง และสุนทรียภาพแห่งชีวิต แสดงถึงความมุ่งมั่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการมอบประสบการณ์อันเหนือระดับ ให้กับลูกค้าระดับไฮเอนด์ในทุกมิติ ในส่วนของเบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา ก็เช่นกัน เรายังคงมุ่งเน้นการให้บริการ และให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์เหนือระดับสุดประทับใจให้กับลูกค้า ประกอบกับขนาดของโชว์รูมที่กว้างขวาง สามารถจัดแสดงรถในโชว์รูมได้ครบรุ่นกว่า 30 คัน และยังสามารถทดลองขับรถรุ่นที่สนใจได้มากกว่า 15 รุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการ และการตัดสินใจได้ทันที

ในส่วนของการบริการหลังการขาย Aftersales Service ก็พร้อมให้บริการเต็มศักยภาพเพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี ที่ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง (Body & Paint) เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา ได้รับรองมาตรฐานสูงสุด Level 4 จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) พร้อมด้วยบุคลากรและเครื่องมือทันสมัย ครบวงจร รองรับงานซ่อมสี-ตัวถัง ได้ทุกรุ่น ทุกซับแบรนด์ สามารถรองรับรถได้กว่า 600 คันต่อเดือน พร้อมทั้งบริการเซอร์วิสอื่นๆที่สามารถให้บริการได้แบบ ครบ จบที่เดียว โอกาสนี้ขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาใช้บริการที่เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา ภายใต้บรรยากาศการตกแต่งโชว์รูมในเทศกาลคริสมาสต์ ให้คุณสามารถถ่ายรูป แชะ & แชร์ อัปเดตเทรนด์ได้ทุกมุม อีกทั้งอาหาร และเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ ครบครัน นอกจากนั้นเรายังมีอีกหนึ่งทางเลือกคุณภาพสำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มือสอง รถเดโม รถผู้บริหารไมล์น้อย พบกับงาน Mercedes-Benz Certified by Benz BKK Group : End of Year Sale 2024 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 3 วันเท่านั้น!! และเมื่อจองรถในงาน รับฟรี!! แพคเกจเคลือบแก้วเซรามิก มูลค่า 19,000.- บาท รวมถึงลูกค้าที่ซื้อแพคเกจ MBSP รับทันที ‘ผ้าห่มอุ่นใจ’ ผลงานการออกแบบจากศิลปินเยาวชนรุ่นใหม่ อาณา - สักกตะฤจ อินทรวิชะ อีกด้วย

นายเอกพงษ์ จินดาสมัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายขาย และการตลาด เผยดีลสุดพิเศษว่า สำหรับแคมเปญส่งท้ายปี เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา มากับข้อเสนอเดียวกับ MOTOR EXPO ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.62 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2567 พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าโดยไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติดไปถึงเมืองทองธานี ก็สามารถรับดีลเดียวกันที่โชว์รูม เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป – บางนา จัดแสดงรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาสัมผัสรถครบรุ่น กว่า 30 คัน และสามารถทดลองขับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นยอดนิยม 16 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น A 200 AMG Dynamic, GLA 200 AMG Dynamic, C 220 d AMG Line, C 350 e AMG Dynamic, GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, GLC 350 e 4MATIC Coupe AMG Dynamic, E 350 e AMG Dynamic, CLE 300 4MATIC Coupe AMG Dynamic, CLS 220 d AMG Premium, AMG CLS 53 4MATIC+, GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic, Vito 119 CDI Tourer Select, Sprinter 419 Business Long, EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic, EQS 500 4MATIC AMG Premium และ Mercedes-Maybach S 580 e Premium นอกจากนั้นที่ BKK Café มีบริการเสิร์ฟอาหารหลากหลายเมนูอร่อย, เมเจอร์ ป๊อปคอร์น และเครื่องดื่มฟรีตลอดงาน สำหรับผู้ที่สนใจทดลองขับ สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คชอป ถักกระเป๋าจากไหมพรมยักษ์ได้อีกด้วย

ด้าน นายปริวัตร คงคลัง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย Mercedes-Benz Certified เสริมว่า Mercedes-Benz Certified by Benz BKK Group ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้น 3 โชว์รูมเบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา มีรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มือสอง รถเดโม่ รถผู้บริหารไมล์น้อย มีรถจอดแสดงให้เลือกชมมากกว่า 70 คัน ทุกคันผ่านการตรวจเช็กกว่า 200 รายการ ตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รถที่ปลอดภัย คุณภาพดี ในราคาที่คุ้มค่า พร้อมอัดดีลพิเศษส่งท้ายปีที่งาน Mercedes-Benz Certified by Benz BKK Group : End of Year Sale 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 3 วันเท่านั้น!! โอกาสสุดท้ายของปี ให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายขึ้น ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 2.39% และรับฟรี! แพคเกจเคลือบแก้วเซรามิก มูลค่า 19,000.- บาท เมื่อจองในงาน และรับรถภายใน 29 ธันวาคม 2567 สำหรับผู้ที่สนใจเปลี่ยนรถ กำลังมองหารถคันใหม่ ‘รถคันเก่าของคุณมีค่า’ รับเพิ่ม 100,000.- บาทเมื่อขายกับเรา พร้อมรับทองคำมูลค่า 20,000 บาทอีกด้วย

นางสาวลภัสวรรณ ผูกทอง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการหลังการขาย ฝ่ายศูนย์บริการ พร้อมด้วย นายสมชาย เซี้ยเจริญ ผู้จัดการศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ร่วมนำเสนอแคมเปญศูนย์บริการด้วยว่า ถึงช่วงเวลาแห่งความสุข ศูนย์บริการร่วมส่งมอบความสุข เพียงนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการตลอดเดือน ธันวาคมนี้ รับ BKK Dairy 2025 พร้อม BKK Pouch ทันที และที่ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง เมื่อเปิดใบเคลม 100,000 บาทขึ้นไป รับฟรี!! BKK CARRY-ON LUGGAGE 20 มูลค่า 4,990 บาท พิเศษเฉพาะที่เบนซ์ บีเคเค บางนา เท่านั้น! อีกทั้งยังทิ้งท้ายแคมเปญ ‘ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย ไปกับเบนซ์ บีเคเค บางนา’ เชิญชวนลูกค้าทุกท่านนำรถเข้าตรวจเช็กฟรี! 67 รายการ ก่อนเดินทางไกลในช่วงฮอลิเดย์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 28 ธันวาคม นี้ 

สนใจนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ http://mb4.me/OAB_BenzBKKGroup 

หรือโทร 02-745-2222

‘อาจารย์อุ๋ย’ ชี้!! ‘เมียนมาร์’ ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ยิงเรือประมงไทย ละเมิด!! หลักกฎหมายระหว่างประเทศ จี้!! รัฐบาลดำเนินการตอบโต้

(1 ธ.ค. 67) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟสบุ๊กว่า

กรณีที่เรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย 3 ลำ จนทำให้ลูกเรือบาดเจ็บ 2 คน เสียชีวิต 1 คน และจับกุมเรือประมงไทย 1 ลำพร้อมลูกเรือ 31 ไว้นั้น กฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter) มาตรา 51 ให้สิทธิแก่รัฐสมาชิกในการใช้กำลังป้องกันตนเองโดยใช้อาวุธ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีการรุกล้ำน่านน้ำหรือไม่ ด้วยหลักจารีตประเพณีและคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล (International Tribunal for the Law of the Sea) ซึ่งได้เคยวางหลักไว้ในคดี SAINT VINCENT AND THE GRENADINES V. GUINEA ว่า การใช้กำลังอาวุธด้วยการยิงเข้าใส่เรือประมงจนเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของลูกเรือ ถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 

ทั้งนี้ ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐทุกรัฐจักต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลังอาวุธให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อทำการเข้าจับกุมเรือ แม้ว่าจะเป็นเรือที่ทำผิดกฎหมายก็ตาม เพราะการใช้กำลังอาวุธจะทำให้มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำให้คนของชาติอื่นต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะทำให้เกิดความบาดหมางต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยไม่จำเป็น ซึ่งวิธีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในทางระหว่างประเทศเมื่อพบเรือต่างชาติที่ต้องสงสัย คือการเตือนด้วยเสียงหรืออาณัติสัญญาณในรูปแบบที่เห็นได้ชัดให้เรือต้องสงสัยนั้นหยุด และหากเรือต้องสงสัยนั้นไม่ตอบสนองหรือไม่หยุด เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าขึ้นเรือและใช้กำลังเข้าควบคุมความสงบเรียบร้อยได้ หรือหากเรือต้องสงสัยนั้นมีการใช้กำลังอาวุธยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่จึงสามารถใช้อาวุธยิงตอบโต้ได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่เมียนมายิงเข้าใส่เรือประมงไทยโดยไม่มีการเตือนหรือแจ้งล่วงหน้าให้หยุดเรือจึงเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ซึ่งรัฐบาลไทยต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาเยียวยาความเสียหาย และปล่อยตัวลูกเรือที่ถูกจับโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ (retortion/reprisal) เช่น ส่งทูตกลับประเทศ ปิดน่านน้ำ ปิดชายแดน จำกัดการนำเข้าสินค้า บอยคอตสินค้า ตัดความช่วยเหลือต่าง ๆ กับประเทศเมียนมา ฯลฯ ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำได้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อผดุงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของประเทศไทยและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนไทยที่ประสบเหตุ อย่างเต็มที่ ด้วยความปรารถนาดี 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขอบคุณตำรวจทุกหน่วยที่ร่วมดูแลประชาชนพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ กำชับปฏิบัติหน้าที่เข้มแข็งต่อเนื่อง

(30 พ.ย. 67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ติดตามรายงานสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ พบว่าปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 78 อำเภอ 515 ตำบล 3,552 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 553,921 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 9 ราย โดยเฉพาะให้เฝ้าระวังพื้นที่ติดแม่น้ำใหญ่ในจังหวัดต่างๆ ที่พบว่ามีระดับน้ำเพิ่มขึ้น ได้แก่ คลองท่าดี จ.นครศรีธรรมราช , ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ด้าน จ.พัทลุง , ลุ่มน้ำแม่น้ำตรัง จ.ตรัง , แม่น้ำละงู จ.สตูล , แม่น้ำปัตตานี จ.ปัตตานี , แม่น้ำสายบุรี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส 

จากรายการการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พบว่าหน่วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจภูธรภาค 8 , ตำรวจภูธรภาค 9 , ตำรวจภูธรจังหวัด , ตำรวจพื้นที่ , ตำรวจสอบสวนกลาง (ตำรวจทางหลวง , ตำรวจน้ำ) , ตำรวจท่องเที่ยว , ตำรวจตระเวนชายแดน ฯลฯ บูรณาการการทำงานเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุทุกมิติอย่างรวดเร็วตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน โดยพบว่าตำรวจพื้นที่ได้ออกตรวจเยี่ยมประชาชนผู้ประสบภัย เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ให้เกิดอาชญากรรมซ้ำเติม , มอบสิ่งของเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน , จัดเตรียมเรือท้องแบนและกำลังพลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย ช่วยเหลือเคลื่อนย้ายประชาชนและสิ่งของจำเป็นไปยังที่ปลอดภัย ส่วนบริเวณถนนที่มีน้ำท่วมผิวการจราจรในเส้นทางสายหลักและสายรอง ได้มีการทำแผนผังเส้นทางสำรองและป้ายบอกทางให้ชัดเจน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน , ตัดต้นไม้ล้มบนถนนกีดขวางทางจราจร รวมถึงการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนหลังน้ำลดอีกด้วย

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอขอบคุณและให้กำลังใจข้าราชการตำรวจทุกนาย ทุกหน่วย ที่ร่วมแรงร่วมใจให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ทุกจังหวัด รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสก่อเหตุซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน จึงขอให้คงการปฏิบัติอย่างเข้มงวด เข้มแข็ง ต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ หากพื้นที่ใดต้องการความช่วยเหลือ หรือขาดแคลนสิ่งใด ขอให้แจ้งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทันที ผู้บังคับบัญชาพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้การปฏิบัติในการดูแลพี่น้องประชาชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทางสายด่วน 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top