Wednesday, 1 May 2024
NewsFeed

‘รัดเกล้า’ โชว์ผลสำเร็จจัดงาน ‘เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์’ 5 วัน ปลื้ม!! สร้างงานสร้างรายได้ให้ชุมชน แถมโกยภาษีเข้ารัฐ 742 ลบ.

(18 เม.ย. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าภาพรวมการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567 ที่ถนนราชดำเนินกลางและพื้นที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ระหว่าง 11-15 เมษายน 2567 พบว่า รัฐบาลสามารถมีรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 742 ล้านบาท เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวงานเป็นจำนวนมาก จนทำให้มีกระแสเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 2,886.82 ล้านบาท พร้อมพบว่า มีการสร้างรายได้ต่อชุมชน (พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย) รอบนอกบริเวณงานกว่า 500 ร้าน มีการจ้างงานและเพิ่มรายได้กับอาชีพรับจ้าง กว่า 2,000 คน

ทั้งนี้ ททท.ระบุว่า 8-14 เมษายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อร่วมเทศกาลสงกรานต์ ที่มีการจัดกิจกรรมด้านวัฒนธรรม และบันเทิงในหลายพื้นที่ สำหรับในสัปดาห์ถัดไป (15-21 เมษายน 2567) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอด ที่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียออกเดินทาง การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน และกระตุ้นให้สายการบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่าฟรี) ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน

“นับจากนี้รัฐบาล นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว. คลัง พร้อมที่จะดูแลนักท่องเที่ยว ให้มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ทั้งคนไทยและต่างชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และประทับใจในการท่องเที่ยวเมืองไทย พร้อมกับดูแลโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว ตามที่ประกาศไว้ ใน IGNITE THAILAND” รองโฆษกฯ​ กล่าว

สยอง!! ‘หลาน’ เข็น ‘ศพลุง’ เข้าธนาคาร หวังกู้เงินแสน ตีเนียนทำท่าทีว่ายังไม่ตาย สุดท้ายถูกพนักงานจับได้ 

เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความเหตุการณ์ในบราซิล โดยระบุว่า…

หลานสาวคนหนึ่งได้เข็นศพลุงไปธนาคาร เพื่อเซ็นสินเชื่อกู้เงินในชื่อของลุง โดยเธอตบตาเจ้าหน้าที่ธนาคารในเมืองรีโอเดจาเนโร (หลานสาวชื่อเอริกา เด ซูซา วิเอรา นูเนส)

ทั้งนี้ ขณะที่คอคุณลุงพับลงและตั้งไม่ตรง แต่หลานสาวก็พยายามที่จะตั้งคอขึ้น ซึ่งเธอใช้มือจับประคองไว้ และแกล้งทำเป็นกำลังพูดคุยกับลุง และบอกเขาเซ็นเอกสารเงินกู้ต่อหน้าพนักงาน

"คุณลุง ได้ยินหรือเปล่าคะ คุณลุงต้องเซ็นเอกสารนะ หนูเซ็นไม่ได้"

"เซ็นชื่อตรงนี้ และเลิกทำให้หนูปวดหัวได้แล้ว"

นั่นคือคำที่เธอแกล้งคุยกับลุงร่างที่ไร้วิญญาณ ซึ่งเธอทำเหมือนปฏิบัติกับคนปกติ

ซึ่งพนักงานธนาคารก็พูดว่า ฉันเห็นในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่ใช่สิ่งถูกกฎหมาย ลุงดูไม่ค่อยสบาย และลุงหน้าซีดมาก

ทางด้านหลานสาวเอริกา ก็ตอบกลับว่า “ลุงก็เป็นปกติแบบนี้” และพูดกับลุงว่าไม่สบายหรือเปล่า จะกลับไปโรงบาลอีกไหม

จากนั้นพนักงานธนาคารเริ่มสงสัย และบันทึกคลิปของทั้งคู่ไว้ ก่อนจะเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน

ทั้งนี้ สิ่งที่ช็อกที่สุดต่อมา หน่วยกู้ภัยยืนยันว่าเปาโล โรแบร์โต บรากา ชายวัย 68 ปี เสียชีวิตแล้ว ก่อนที่หลานสาวจะลากร่างลุงไปธนาคารด้วยรถเข็น ตำรวจจึงจับกุมเอริกา ในข้อหาหลอกลวง และเปิดเผยว่าเธอพยายามจะกู้เงิน 17,000 เรอัลบราซิล (119,090 บาท)

‘ชลน่าน’ ยัน!! ไม่นอยด์ หลังมีชื่อติดโผหลุด ครม. ลั่น!! มีหน้าที่ก็ทำให้เต็มที่ อย่าไปคิดมาก

(18 เม.ย.67) ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีชื่อถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ว่า ไม่มีอะไร ๆ ไม่ทราบเลยว่ามีสัญญาณอะไรอย่างไร เมื่อถามว่าได้มีการติดตามข่าวหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ติดตามอยู่ตลอด

เมื่อถามว่า ข่าวที่ออกมากระทบต่อการทำงานหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “สำหรับตัวผมไม่กระทบ แต่ในส่วนข้าราชการประจำจะกระทบหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่ผมก็พยายามสั่งการมาโดยตลอดว่าห้ามเกียร์ว่าง ทุกคนต้องทำงานเต็มที่”

เมื่อถามว่า ดูเหมือนตัวนพ.ชลน่าน ไม่สบายใจและนอยด์ ๆ หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่มี ก็ทำงานไป ไม่มีนอยด์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรามีหน้าที่ก็ทำให้เต็มที่อย่าไปคิดมากครับ”

ต่อมาเวลา 09.05 น. นพ.ชลน่าน ได้เดินออกจากตึกบัญชาการ 1 ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งคาดว่าจะไปพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะออกไปไหน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีธุระข้างนอกนิดหน่อย เมื่อถามย้ำว่า จะกลับเข้ามาประชุม ครม. หรือไม่ นพ.ชลน่าน หันมากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มว่า จะไม่ให้มาประชุมแล้วเหรอ เดี๋ยวกลับมา จากนั้นเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

ขณะที่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รมว.วัฒนธรรม ปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการสลับเก้าอี้ใน ครม. เพียงแต่ยกมือรับไหว้สื่อมวลชน พร้อมหัวเราะ

วิกฤต Gen Z จีน 'หางานยาก-งานรายได้ต่ำ-มีไม่กี่คนที่จะได้งาน' สุดท้ายหันมาใช้ชีวิตแบบ 'ถ่างผิง' เรียบง่าย ไร้ความทะเยอทะยาน

Gen Z หรือ Generation Z หมายถึงเด็กที่เกิดในช่วงปลายทศวรรษ 1990 จนถึงกลางทศวรรษ 2010 ดูจากอายุอานามแล้ว เป็นคนรุ่นที่กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทในองค์กรต่าง ๆ

ทว่า ปัจจุบัน Gen Z ในจีน ได้พากันหันหลังให้กับชีวิตในบริษัทใหญ่ ๆ เหมือนคนรุ่นพ่อแม่ และปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่สนใจอาชีพการงานที่มั่นคง ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่ผันผวนอย่างหนัก

ปัจจุบัน จีนมี Gen Z ราว 280 ล้านคน ผลการสำรวจทัศนคติของ Gen Z เมื่อเทียบกับคนในช่วงอายุอื่นพบว่า Gen Z ถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ ‘มองโลกแง่ร้ายมากที่สุด’

มหกรรมการหางานครั้งล่าสุดในกรุงปักกิ่งตอกย้ำสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เพราะตำแหน่งที่เปิดรับมีแต่งานที่ใช้ทักษะต่ำ เช่น การเป็นผู้ช่วยขายประกัน หรือไม่ก็ผู้ช่วยขายอุปกรณ์ทางการแพทย์

หากพูดถึงเงินเดือนคาดหวังในมหกรรมการหางานดังกล่าวแล้ว ค่าเฉลี่ยสำหรับพนักงานใหม่ได้ปรับลดลงใน 38 เมืองสำคัญ ถือว่าเป็นการปรับลดครั้งที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016

หนุ่มปริญญาโทวัย 25 ที่เรียนจบสาขาวิศวกรรมซอฟท์แวร์จากเยอรมนีคนหนึ่งเชื่อว่า ผู้ที่มีความสามารถจริง ๆ จะต้องหางานได้ เขาเชื่อว่า ‘อนาคตของโลกอยู่ที่จีน’

แต่พอกลับมาถึงจีนจริง ๆ เขาเริ่มไม่มั่นใจเมื่อเจอบรรยากาศเศรษฐกิจบ้านเกิดแม้ทักษะ และองค์ความรู้ที่เขามีจะเป็นที่ต้องการอย่างมาก แต่ในความเป็นจริง มีคนที่จบจากยุโรป และเรียนมาในสาขาเดียวกันจำนวนมาก

‘งานจึงไม่ได้หาง่ายอย่างที่คิด’ เขากล่าว

เพื่อนหลายคนของเขา จึงตั้งเป้าไปที่งานราชการแทน หลังมองว่างานบริษัทเอกชนนั้น ‘อนาคตมืดมน’ ทำให้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หนุ่มสาวชาวจีนเข้าสมัครสอบคัดเลือกรับราชการมากเป็นประวัติการณ์ คือสูงกว่า 3 ล้านคน

เขากล่าวว่า “เด็กนับล้านต่างมองหางานแน่นอน มีไม่กี่คนที่จะได้งาน และคนโชคดีที่ได้งาน ก็เป็นงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับสาขาที่จบ”

หญิงสาวชาวจีนอีกคนที่จบจากมหาวิทยาลัยในประเทศ มีความมุ่งมั่นกับการหางาน และหาอะไรทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้งานที่ต้องการ เช่น การเป็นไกด์นำเที่ยวในอุทยานแพนด้า นครเฉิงตู หรือเป็นพนักงานขายเครื่องดื่ม และฝึกงานในโรงเรียนอนุบาลก็เคยมาแล้ว

“งานพวกนี้ไม่ค่อยมีอนาคตนัก” เธอกล่าว “งานทักษะต่ำ แน่นอนเงินเดือนย่อมต่ำ ที่สำคัญถูกแทนที่ง่ายมากหากคุณหยุดงานแค่ครึ่งวัน รุ่งขึ้นก็จะมีคนใหม่มาทำแทน เมื่อเป็นแบบนี้ เด็กส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะกลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ หรือที่เรียกว่าประกอบอาชีพลูกเต็มเวลา”

ปัจจุบัน เธอเป็นพนักงานขายหนังสือและอุปกรณ์การศึกษา แม้จะไม่ใช่งานในฝัน แต่เธอมองว่ายังดีกว่าไม่มีอะไรทำ และคิดในแง่บวกว่าเป็นการสั่งสมประสบการณ์

ในทางกลับกัน ครอบครัวของเธอเป็นกังวลมาก เนื่องจากเธอเป็นลูกหลานคนแรกของครอบครัวที่จบมหาวิทยาลัย พ่อของเธอภูมิใจมากถึงขนาดจัดเลี้ยงโต๊ะจีนกว่า 30 โต๊ะในวันรับปริญญา

“พ่อแม่คาดหวังว่าหลังจากที่พวกเขาส่งเสียฉันเรียนหนังสือ อย่างน้อยฉันจะหางานได้ พวกเขาคาดหวังให้ฉันมีชีวิตที่ดี แต่ฉันยืนยันว่าจะเดินไปตามทางของตัวเอง และในความเร็วที่ฉันกำหนดเอง”

เธอตั้งเป้าหมาย ว่าต้องไปให้ไกลกว่านี้ และหวังว่าวันหนึ่งจะไปเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลีย เธอเชื่อว่าช่วงชีวิต Gen Z แบบเธอง่ายกว่าคนรุ่นพ่อแม่มาก เพราะตอนนั้น จีนจนกว่านี้มาก ความฝันต่าง ๆ ก็ดูห่างไกลจากความเป็นจริงแบบฟ้ากับเหว

“ยังมีเวลาอีกมากสำหรับพวกเราเพื่อไปถึงจุดหมาย เราไม่ได้สนใจหรือทุ่มชีวิตไปกับการหาเงินเมื่อเทียบกับคนรุ่นก่อน เรามองไปที่วิธีการที่จะทำให้ฝันเป็นจริงยังไงมากกว่า”

เช่นเดียวกับหญิงสาวอีกคนที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยในประเทศมาหมาด ๆ เธอตั้งเป้าจะทำงานในบริษัทแฟชั่นยักษ์ใหญ่ แต่หลังจากได้เข้าไปสัมผัสการทำงานจริงราว ๆ 2 ปี ความกดดัน และความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับหัวหน้างาน ทำให้เธอตัดสินใจลาออก และหันมาประกอบอาชีพ ‘ช่างสัก’

เธอและเพื่อนชาว Gen Z นับล้านคนกำลังรู้สึกไม่พอใจกับโอกาสในการทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ Gen Z ในจีนจึงพากันหันมาใช้ชีวิตแบบ ‘นอนราบ’ หรือ Lying Flat (ภาษาจีนเรียกว่า ‘ถ่างผิง’) ซึ่งหมายถึง การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไร้ความทะเยอทะยาน ทำงานเท่าที่จำเป็น และเอาเวลาว่างไปทำกิจกรรมที่ตนสนใจ

ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลจีนพยายามผลักดันตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ ให้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิด COVID-19

อย่างไรก็ตาม การสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 2023 พบว่า อัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวทั่วประเทศเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่เกือบ 22%

สอดคล้องกับข้อมูลจากสถาบันอุดมศึกษาที่ชี้ว่า ผู้ที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ยอมทำงานที่ต่ำกว่าวุฒิ เพื่อให้มีรายได้ประทังชีวิตไปวันวัน

สาวช่างสักบอกว่า ตอนนี้เธอมีความสุขมาก และเชื่อว่า การเดินออกมาจากบริษัทใหญ่ ไม่เพียงหลีกหนี ‘แรงกดดันที่ไม่จบ’ เท่านั้น แต่ยังเป็นการค้นพบตัวเองที่คุ้มค่ามาก

เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าผู้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ในเชิงกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ ‘กินของขม’ ซึ่งเป็นวลีภาษาจีนที่ใช้อธิบายความหมายของ ‘ความอดทนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก’

ทั้งนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ออกมากระตุ้นเป็นระยะ ให้เด็กจบใหม่เลิกคิดว่าพวกเขาดีเกินกว่าจะใช้แรงงาน โดยบอกให้พวกเขา ‘พับแขนเสื้อขึ้น’ เพื่อไปทำงานที่ใช้แรง และให้ ‘กลืนความขมขื่น’

ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายสำหรับการกำหนดนโยบายของผู้นำจีน คือการทำให้กลุ่มคน Gen Z รู้สึกสงบลง ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าที่สุดในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ

ขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัว และตลาดแรงงานยังอยู่ในภาวะที่อึดอัด Gen Z เหล่านี้ต้องรับมือกับความท้าทายมากมาย อาทิ ความไม่เท่าเทียมทางสังคม การควบคุมทางการเมืองที่เข้มงวด และแนวโน้มทางเศรษฐกิจของจีนที่ยังดูไร้ความหวัง

สืบนครบาล ตามรวบใหญ่บางเขน เจ้าของเพจขายรถมือสอง นำรถที่ยังติดไฟแนนซ์มาขายให้ผู้เสียหาย

จากนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ตามหมายจับเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการฉ้อโกลหลอกลวงประชาชนในสื่อสังคมออนไลน์

โดยเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ    พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 2ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ศศรินทร์ หรือใหญ่ อายุ 34 ภูมิลำเนา ถ. พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. บุคคลตามหมายจับศาลอาญามีบุรี ที่ 660/2566 ลง 28 มิ.ย.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ” จับกุมได้ที่บริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 1 แยก 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม.

พฤติการณ์ในคดี ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้ติดต่อทางแอปพลิเคชั่นไลน์กับผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาใช้ไลน์ชื่อ Rin Ben ซึ่งเป็นพนักงานขายรถยนต์(เซลล์)ได้เสนอขายรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ Cls 250 ปี2012 ดีเซล ราดา 1,259,000 บาท ผู้เสียหายได้ตกลงซื้อ ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2565 ผู้ต้องหานัดหมายให้ผู้เสียหายไปทำสัญญาซื้อขายรถที่ศุนย์อาหารแถววัชรพล ตกลงกันโดยผู้เสียหายได้มอบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์รุ่น S300 ราดา 80.,000 บาท คงค้างชำระอีกจำนวน 450,000 บาท และผู้ต้องหาได้มอบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์รุ่น CIs 250 ปี 2012 ให้กับผู้เสียหาย ต่อมาผู้เสียหายได้ชำระส่วนที่เหลือให้ผู้ต้องหาโดยการโอนเข้าบัญชีผู้ต้องหาจำนวน 3 ครั้ง รวมจำนวน 200,000 บาท คงเหลือค้างชำระอีกจำนวน 250,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายจะชำระให้แต่ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อกับ ชื่อผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว จึงทราบว่ารถยนต์ดันดังกล่าวยังค้างค่างวดกับธนาคาร เป็นเงิน 1,209,438.23 บาท จึงเชื่อว่าถูกผู้ต้องหาหลอกลวง และได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

จากการตรวจสอบประวัติจากฐานข้อมูลระบบ พบผู้ต้องหาเคยมีคดีดังนี้
1. ปี 2564 คดีฉ้อโกง ของ สภ.บางบัวทอง
2. ปี 2565 คดีพรบ.เช็ค เจตนาที่จะไม่มีให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ของ สน.วังทองหลาง
3. ปี 2566 คดีฉ้อโกง ของ สน.คันนายาว (ในคดีที่ถูกจับนี้)

จากนั้นได้นำส่งพนักงานสอบสวน  สน. คันนายาว เพื่อเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ขอฝากเตือนภัยไปยังประชาชน หากซื้อรถมือสองโดยไม่ทราบที่มา หรือรถที่มีการประกาศขายลักษณะเป็นการโอนลอย ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นรถหนีไฟแนนซ์ หรือรถที่ถูกโจรกรรมมา ซึ่งผู้ซื้อรถมีความเสี่ยงถูกดำเนินคดีความผิดทางอาญาข้อหายักยอกทรัพย์หรือรับของโจร วิธีที่ง่ายและถูกต้องตามกฎหมาย ควรซื้อรถจากเจ้าของโดยตรง แล้วโอนกรรมสิทธิ์ชื่อครอบครองเป็นของตนให้ถูกต้อง

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ”สั่งตำรวจบูรณาการทุกภาคส่วน ร่วมตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชน เหตุโรงงานน้ำแข็งสารเคมีรั่วไหลที่บางละมุง ได้รับผลกระทบเกือบ 100 ราย กำชับการสอบสวนสาเหตุ เร่งทำความจริงให้ปรากฎ หากพบเป็นความผิดให้ดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและเด็ด

จากกรณีโรงงานน้ำแข็งในใพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สารแอมโมเนียรั่ว ทำให้สารเคมีฟุ้งกระจายไปทั่ว เมื่อช่วงกลางคืนที่ผ่านมานั้น วันนี้ (18 เม.ย.67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) สั่งการด่วนให้ พล.ต.ท. สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 นำตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครองและทุกภาคส่วนเข้าควบคุมสถานการณ์ ตั้งจุดช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมอพยพคนไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีประชาชนได้รับผลกระทบเกือบ 100 ราย เป็นพนักงาน , ประชาชนที่สัญจรผ่านด้านหน้าโรงน้ำแข็ง และประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณข้างเคียง ส่วนใหญ่มีอาการ แสบตา แสบจมูก แต่มี 9 ราย พบอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และ 3 ราย มีบาดแผล และอาการซึม

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ยังได้สั่งการให้เร่งสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร มีผู้ที่ต้องรับผิดชอบหรือไม่ เร่งทำความจริงให้ปรากฎ ตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยตั้งเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน หากพบเป็นความผิดอาญาให้ดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและเด็ดขาด รวมทั้งการสอบสวนปากคำประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ให้อำนวยความสะดวกกับพี่น้องประชาชนให้เกิดความสะดวกมากที่สุด นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.กำชับให้ตำรวจในพื้นที่ดูแลความปลอดภัย และร่วมช่วยเหลือประชาชนละแวกโรงน้ำแข็งที่อพยพมาอยู่ที่หอศาลาประชาคมอย่างเต็มที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

‘สุริยะ’ โต้!! ‘ก้าวไกล’ บอก 20 บาทตลอดสายทำไม่ได้ จะทำให้ดู ชี้!! ตอนนี้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เตรียมลุยเสนอ ครม.

(18 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณี นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ตนทราบสิ่งที่นายสุรเชษฐ์ออกมาให้ความเห็น ตนยินดีรับฟังทั้งคำติคำชมจากประชาชนและฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่ดูแล้วคิดว่าการวิจารณ์ในนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ตนพยายามดำเนินการ ตามที่นายสุรเชษฐ์บอกว่าไม่เห็นด้วยและไม่ควรทำนั้น ตรงนี้ตนยอมรับไม่ได้ เพราะประชาชนที่ใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบันหากต้องโดยสารระยะทางไกลราคาค่าโดยสารสูงสุดถึง 192 บาท ถือเป็นภาระของประชาชนจำนวนมาก และการทำให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้าเยอะ ๆ ก็จะมีส่วนลด PM 2.5 และลดค่าใช้จ่ายประชาชนไม่เช่นนั้นราคาจะแพงไม่น่าจะรับได้ ตนยืนยันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายตามที่เคยให้สัญญาภายใน 2 ปีต้องทำให้ได้ ตนให้สัมภาษณ์ไว้ตอนเดือน ก.ย.66 เพราะฉะนั้น ก.ย.68 รัฐบาลจะดำเนินการให้ได้

เมื่อถามว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายอื่น ๆ จะทำให้ราคา 20 บาททั้งหมดใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ถูกต้อง ทุกสายคือ 20 บาท นายสุรเชษฐ์บอกว่าทำไม่ได้ตนจะทำให้ดู

เมื่อถามอีกว่า วิธีการที่จะทำให้ได้สำเร็จเป็นอย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงได้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม จะตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อชดเชยให้กับผู้ประกอบการและจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เร็ว ๆ นี้ 

นายสุริยะ กล่าวว่า ส่วนที่วิจารณ์ว่ากระทรวงคมนาคมไม่มีผลงานนั้น ขอชี้แจงว่าสิ่งที่ทำมาเป็นรูปธรรมวันนี้บริษัทจัดอันดับสนามบินทั่วโลกได้ปรับอันดับของประเทศไทยจากอันดับ 67 มาเป็น 57 เป็นเพราะนายกฯ ใส่ใจและสั่งการให้ตนไปปรับปรุงระบบต่าง ๆ ในสุวรรณภูมิ รองรับการท่องเที่ยว เห็นได้ชัดผลที่เกิดจากการที่เราได้ไปทำ ทำให้ถูกปรับขึ้นมา 10 อันดับในระยะเวลาที่รัฐบาลทำงานมา ตนเชื่อว่าผลงานที่กระทรวงคมนาคมทำมีสิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรม อีกตัวอย่างคือสถานีขนส่งมวลชนหมอชิต จะเห็นว่าสภาพเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ประชาชนใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และช่วงสงกรานต์ประชาชนเดินทางผ่านถนนเส้นสำคัญได้อย่างปลอดภัย การจราจรไม่ติดขั้นเหมือนที่มีการประเมินไว้ก่อน เราช่วยกันจนได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมาทั้งถนนพระราม 2 และถนนมิตรภาพ และวันนี้ (18 เม.ย.) หลังเสร็จประชุมคณะรัฐมนตรี ตนก็จะลงพื้นที่ภูเก็ตแก้ปัญหาการจราจนในพื้นที่เพราะเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ จะไปติดตามข้อสั่งการเรื่องการสร้างสะพานหรือทางแยกต่าง ๆ รวมถึงการบริหารจัดการจราจรอาจปิดจุดกลับรถช่วงเร่งด่วน และวันที่ 19 เม.ย. นายกฯ จะมีการลงพื้นที่ก็จะได้รายงานการบ้านตามข้อสั่งการของนายกฯ

'คมนาคม' ขีดเส้น พ.ค.นี้ ลุยสร้างไฮสปีด  หาก 'ซีพี' พลาดบัตรส่งเสริม BOI

(18 เม.ย. 67) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย โดยระบุว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างก่อสร้างรวม 12 สัญญา จากทั้งหมด 14 สัญญา และยังมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จเปิดบริการในปี 2571

ส่วนอีก 2 สัญญาที่เหลือ ประกอบด้วย สัญญาที่ 4 - 1 ช่วงบางซื่อ - ดอนเมือง และสัญญาที่ 4 - 5 ช่วงบ้านโพ - พระแก้ว อยู่ระหว่างรอลงนามสัญญา โดยเฉพาะสัญญาที่ 4 - 1 ช่วงบางซื่อ - ดอนเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับเอกชนคู่สัญญาในโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) เพื่อรับงานก่อสร้างส่วนของพื้นที่ทับซ้อนบริเวณนี้ ซึ่งทราบว่า ร.ฟ.ท.ยังอยู่ระหว่างเจรจารายละเอียด

“ทราบว่าตอนนี้การรถไฟฯ กำลังเจรจากับเอกชนคู่สัญญาไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน และโครงการนี้ก็อยู่ในการดูแลของอีอีซี ซึ่งกำลังเจรจาเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน โดยเงื่อนไขในนั้นจะมีการก่อสร้างพื้นที่ทับซ้อนช่วงบางซื่อ - ดอนเมืองด้วย และขณะนี้ทางเอกชนก็อยู่ระหว่างขอบัตรส่งเสริม BOI ครั้งสุดท้าย ซึ่งต้องได้รับภายในเดือน พ.ค.นี้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็น่าจะกระทบต่อสัญญาไฮสปีดเชื่อมสามสนามบินด้วย”

อย่างไรก็ดี นโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีกรอบดำเนินงานว่าหากเอกชนคู่สัญญาไฮสปีดเชื่อมสามสนามบินไม่สามารถออกบัตรส่งเสริมการลงทุน BOI ได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ แน่นอนว่าจะทำให้การแก้ไขสัญญาโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบินล่าช้าออกไปอีก ในส่วนของรถไฟไทยจีนที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องอยู่ในเงื่อนไขงานก่อสร้างพื้นที่ทับซ้อน ก็จำเป็นต้องตัดสินใจดำเนินการเพื่อไม่ให้โครงการรถไฟไทยจีนต้องล่าช้าออกไปด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีเป้าหมายว่าหากภายในเดือน พ.ค.นี้ เอกชนยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการก่อสร้างพื้นที่ทับซ้อนช่วงบางซื่อ - ดอนเมือง ก็จะมอบหมายให้ ร.ฟ.ท.เริ่มดำเนินการเปิดประกวดราคาจัดหาผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการตามแผนงานของรถไฟไทยจีน โดยงานส่วนนี้ประเมินวงเงินก่อสร้างราว 9 พันล้านบาท และก่อนหน้านี้ ร.ฟ.ท.มีกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติในก่อสร้างสร้างงานอยู่แล้วราว 4 พันล้านบาท ดังนั้นจะเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมอีกราว 5 พันล้านบาท เพื่อเริ่มดำเนินการทันที ไม่ให้กระทบต่อภาพรวมโครงการรถไฟไทยจีน

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า รถไฟไทยจีนตอนนี้เดินหน้างานก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นอีก 2 สัญญาที่เหลืออยู่ควรต้องมีทางออกโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อแผนเปิดให้บริการในปี 2571 โดยจากการประเมินภาพรวมในตอนนี้ยังเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผน ในเดือน พ.ค.นี้ จะเป็นกรอบเวลาสุดท้ายของการรอความชัดเจนงานก่อสร้างพื้นที่ทับซ้อน ช่วงบางซื่อ - ดอนเมือง เพราะรัฐบาลก็มีเงินในการลงทุนก่อสร้างเองให้เป็นไปตามแผนงานอยู่แล้ว อีกทั้งโครงการนี้ก็มีความพร้อมทั้งแบบก่อสร้างสามารถเริ่มงานได้ทันที

ไม่รอด!! ’Google‘ ไล่ออก 28 พนักงาน บุกเข้ายึดห้องของ CEO หลังข่มขู่ให้บริษัทหยุดทำธุรกิจกับ 'รัฐบาลอิสราเอล'

(18 เม.ย. 67) กูเกิล (Google) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบท อิงค์ (Alphabet Inc) สั่งปลดพนักงาน 28 คน หลังจากพนักงานเหล่านั้นเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านโปรเจกต์ นิมบัส (Project Nimbus) ซึ่งเป็นโครงการมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ ที่กูเกิลร่วมมือกับบริษัทอะเมซอนดอตคอม อิงค์ (Amazon.com Inc) เพื่อให้บริการด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบคลาวด์แก่รัฐบาลอิสราเอล

ทั้งนี้ การประท้วงดังกล่าวซึ่งนำโดยองค์กรโน เทค ฟอร์ อะพาไทด์ (No Tech for Apartheid) เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร (16 เม.ย.) ทั่วสำนักงานของกูเกิลในนิวยอร์ก ซิตี, ซีแอตเทิล และซันนีเวล แคลิฟอร์เนีย โดยกลุ่มผู้ประท้วงในนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียจัดการชุมนุมกว่า 10 ชั่วโมง รวมถึงมีการบันทึกภาพและถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงทวิตช์ (Twitch) โดยผู้ประท้วงถูกจับกุม 9 รายในข้อหาบุกรุกในช่วงเย็นของวันอังคาร

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า พนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วง รวมถึงผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมการประท้วงโดยตรง ได้รับอีเมลจากกลุ่มแรงงานสัมพันธ์ของบริษัทที่แจ้งให้พวกเขาพักงาน

กูเกิลได้แจ้งในอีเมลถึงบรรดาพนักงานที่ได้รับผลกระทบว่า บริษัทจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยจะเปิดเผยข้อมูลตามความจำเป็นเท่านั้น

ด้านแถลงการณ์จากพนักงานของกูเกิลในองค์กรโน เทค ฟอร์ อะพาไทด์ระบุว่า ในช่วงเย็นวันพุธ (17 เม.ย.) พวกเขาได้รับแจ้งจากกูเกิลว่าถูกไล่ออกจากบริษัทแล้ว

ทั้งนี้ กูเกิลได้ให้การสนับสนุนวัฒนธรรมการอภิปรายแบบเปิดกว้างมาโดยตลอด แต่การเคลื่อนไหวของพนักงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ทดสอบความมุ่งมั่นดังกล่าว โดยพนักงานของกูเกิลที่จัดการประท้วงหยุดงานในปี 2561 เพื่อต่อต้านแนวทางของบริษัทในการจัดการกับข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศได้เปิดเผยว่า กูเกิลได้ทำการลงโทษพวกเขาสำหรับความเคลื่อนไหวดังกล่าว

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เผยตัวเลขนักท่องเที่ยว 21.70 ล้านคน ส่วนใหญ่งงตัวเลข เนื่องจากมากกว่าประชากร 17 ล้านคน

(18 เม.ย. 67) เพจ 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' เผย กัมพูชา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ได้เปิดเผยตัวเลขนักท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลปีใหม่เขมร 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-16 เมษายน 2567 ว่า...

ตัวเลขนักท่องเที่ยว 21.70 ล้านคน
นักท่องเที่ยวต่างชาติ 110,000 คน

🌊เมือง-จังหวัดยอดนิยม 5 อันดับแรก 

1.จังหวัดกำปงจาม 
 *นักท่องเที่ยว 5,349,297 คน
 *นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 514 คน

2.จังหวัดเปรยแวง  
* นักท่องเที่ยว 229,867 คน
* นักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 คน

3.จังหวัดกำปงสปือ 
* นักท่องเที่ยว 2,102,247 คน
* นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1,668 คน

4.จังหวัดพระตะบอง 
* นักท่องเที่ยว 1,731,432 คน
* นักท่องเที่ยวต่างชาติ 3,197 คน

5.จังหวัดกำปอต
* นักท่องเที่ยว 1,400,375 คน
* นักท่องเที่ยวต่างชาติ 3,122 คน

🌊:จากความเห็นในสื่อออนไลน์  ส่วนใหญ่ยังงงตัวเลข เนื่องจากตัวเลขมากกว่าประชากร 17 ล้านคน  และบางคนบอกทำงานไม่ได้ไปเล่น   

🌊*หากยึดหลักการปี 2022-2023  
นักท่องเที่ยว 1 คนสามารถไปหลายจังหวัดจะถูกนับ 1 ทันที ที่ผ่านเขตจังหวัด

จากภาพกัมพูชาเริ่มใช้คำว่า 
Sangkrant :  สังกรานต์
Maha Sangkrant : มหา สังกรานต์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top