Saturday, 18 May 2024
ElectionTime

‘ก้อง อรรฆรัตน์’ อึ้ง!! ถาม กกต.เบอร์ผู้สมัครมีครบหมด แต่ทำไมเบอร์ 13 ของตัวเองกลับหายอยู่เบอร์เดียว?!!

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 นายอรรฆรัตน์ นิติพน หรือ ‘ก้อง’ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตประเวศ-สะพานสูง เบอร์ 13 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์คลิปผ่านติ๊กต็อกส่วนตัว ชื่อ ‘kongmushroom’ โดยได้ระบุว่า…

“เรียนประชาชนคนไทย และ กกต.ครับ มีเรื่องหน้าพิศวงเกิดขึ้นที่ซอยอ่อนนุชครับ เรื่องมีอยู่ว่า มีเบอร์ของผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 11, หมายเลข 12 และ หมายเลข 14 คำถามคือ หมายเลข 13 หายไปไหนครับ? เหตุการณ์พิศวงนี้เกิดขึ้นที่ LPN อ่อนนุชครับ”

‘ชัยวุฒิ’ ถก 'อ.ปวิน' แลกเปลี่ยนมุมมองความเห็นต่างทางการเมือง ชี้!! การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป อาจนำปัญหามาสู่ประเทศได้

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 66 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มาร่วมให้สัมภาษณ์และพูดคุย เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง และความคิดเห็นทางการเมือง ในรายการ ‘Pavin Channel’ ของรองศาสตราจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการ นักเขียน นักรัฐศาสตร์และอดีตนักการทูตชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต

โดยนายชัยวุฒิได้กล่าวว่า ตนนั้น มีความดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้มาคุยกับอาจารย์ปวิน อีกทั้งตนนั้นมีความรักและเคารพอาจารย์ปวินเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาจารย์นั้นเป็นคนเก่ง เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ และคิดว่าตนและอาจารย์ปวินคงทำงานร่วมกันได้ แม้ว่าทั้ง 2 คน จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน อยู่คนละฝ่าย แต่ตนเชื่อว่า ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ อยากให้บ้านเมืองของพวกเรามีความเจริญก้าวหน้า อยากให้คนไทยมีชีวิตที่ดี อยากเห็นประเทศไทยเป็นบ้านที่น่าอยู่ของทุกคน 

แต่เนื่องจากทุกวันนี้การทำการเมืองนั้นมีความยากลำบากมากขึ้น ตนได้ไปร่วมดีเบต ได้ไปพูดคุยมาหลายเวที ก็มองเห็นถึงความขัดแย้งที่มีค่อนข้างเยอะ เพราะมีคนที่เห็นต่างกันหลายกลุ่ม หลายฝ่าย มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งตนคิดว่า ความเห็นทางการเมืองที่ต่างกัน มันมีความรุนแรงมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่บางพรรคมีนโยบายบางอย่างออกมา เป็นนโยบายที่จะเปลี่ยนประเทศ เปลี่ยนนั่น เปลี่ยนนี่ ทำให้ตนคิดว่า มันยังไกลเกินไปสำหรับตอนนี้ และอาจส่งผลให้มีความวุ่นวายทางการเมืองเหมือนที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งตนคิดว่าอาจารย์ปวินก็คงจะเคยเห็นมาก่อนแล้ว การที่ประเทศต่างๆ มีปัญหา และมีความวุ่นวาย ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่รวดเร็วและรุนแรงจนเกินไป

“ผมคิดว่า สิ่งนี้คือเรื่องสำคัญ พรรคพลังประชารัฐจึงมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง นี่ไม่ใช่วาทกรรมนะครับ สิ่งนี้เป็นความคิดของลุงป้อมจริงๆ ที่อยากจะประสานให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย มาพูดคุยและหาทางออกร่วมกัน เราสามารคิดต่างกันได้ครับ แต่เราต้องรักและสามัคคีกัน เราต้องจับมือและเดินไปด้วยกันกับ พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 ขอฝากด้วยครับ”

โดยหลังจากนั้น ทางอาจารย์ปวินได้ออกมาตอบกลับคลิปดังกล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณคุณชัยวุฒิมากเลยนะครับ ที่มาเป็นแขกให้กับช่อง ‘Pavin Channel’ ผมก็ขอถือคตินี้เช่นกันครับ ว่า ผมให้พื้นที่กับคนต่างด้วย เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ได้มีโอกาสเชิญน้องบอส มีนชัยนันท์ มาร่วมในรายการ วันนี้จึงถือโอกาสเชิญคุณชัยวุฒิ หรือ ‘พี่โอ๋’ มาหาเสียงในช่องนี้ด้วย มาฟังมุมมองในด้านการเมืองของพี่โอ๋ และสิ่งที่พี่โอ๋อยากเห็นในการเมืองไทย ใครก็ตามที่อยากจะเลือกพี่โอ๋ เชิญตามสบาย โหวตกันได้เต็มที่เลยนะครับ”

5 ผู้สมัครฯ เขต 3 ปทุมฯ ถกเดือด!! ปมก๊วนอิทธิพล ปทุมฯ ครองจังหวัด งัดนโยบายพรรคประชัน!! ผ่านเวทีดีเบต THE STATES TIMES

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 THE STATES TIMES จัดเวทีดีเบต 'ถลกข่าว ถลกปัญหา' จับตาโค้งสุดท้ายนโยบายแก้ไขปัญหาพื้นที่เขต 3 ปทุมธานี ณ พื้นที่เขต 3 จังหวัดปทุมธานี ตลาดจัมโบ้ องค์การบริหารส่วนตำบล คลอง 3 ซึ่งมีผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ทั้งหมด 10 พรรคการเมือง  

สำหรับการดีเบตครั้งนี้ ได้ผู้สมัคร ส.ส. มาร่วมดีเบตทั้งหมด 5 พรรค ได้แก่ นายสุทัศน์ พรหมมาศ เบอร์ 3 พรรคไทยภักดี, ดร.ปรีชา ชื่นชนกพิบูล เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ, นายชัยพร จันทนา เบอร์ 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายนภัทร โภคาสัมฤทธิ์ เบอร์ 8 พรรคประชาธิปัตย์, นายโชคชนะ ทวีกุล เบอร์ 10 พรรคพลังปวงชนไทย ดำเนินรายการโดยนายสถาพร บุญนาจเสวี

เกี่ยวกับประเด็นเรื่องกลุ่มอิทธิพลในท้องที่ นายสุทัศน์ พรหมมาศ เบอร์ 3 พรรคไทยภักดี กล่าวว่า "ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ปทุมฯ หรือพื้นที่ไหน ก็ล้วนมีกลุ่มอิทธิพล กลุ่มคนพวกนี้จะมาทำลายประเทศชาติ ซึ่งตนมั่นใจว่าพื้นที่ปทุมธานีมีการทุจริต ชาวบ้านที่ถูกอิทธิพลไม่กล้าพูดความจริง เพราะกลัว ถ้าพ่อแม่พี่น้องปลดล็อกความกลัวและกล้าพูด บ้านเมืองเราจะดีขึ้น ขณะนี้ยังมีผู้มีอิทธิพลจากต่างชาติเริ่มทยอยเข้ามาในประเทศไทย ถ้าพรรคไทยภักดีได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ตนจะเข้าไปปราบโกงและจับคนพวกนี้ให้หมดไปจากประเทศไทย”

ด้าน ดร.ปรีชา ชื่นชนกพิบูล เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ”จริงๆ แล้วบ้านเรามีความโกงอยู่ในตัวเอง เพราะว่าคนที่เป็นการเมืองท้องถิ่น มีการเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองระดับประเทศ มีการเอื้อผลประโยชน์ให้กับคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นอสม., กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน การโกงจึงมีมาตลอด ดังนั้นนักการเมืองทุกคนควรมีหลักธรรมาภิบาล ดังนั้นพรรคยืนยันว่าจะไม่ร่วมงานกับคนโกงแน่นอน"

นายชัยพร จันทนา เบอร์ 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า "ตนอยู่วงการตุลาการมา 30 กว่าปี เป็นเรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างมากที่ปทุมธานีไม่เหมือนเดิมแล้ว เมื่อก่อนเป็นเมืองธรรมมะไปเมืองธรรมมะ แต่ตอนนี้การเมืองท้องถิ่นกลับมีแต่กลุ่มอิทธิพล แค่เรื่องการทำงานก็จะเห็นได้ว่ามีการนำลูกท่านหลานเธอ เด็กฝาก มาทำงาน เราจึงควรมีหลักธรรมาภิบาลถึงจะทำให้ปทุมธานีพัฒนาไปข้างหน้าได้"

นายนภัทร โภคาสัมฤทธิ์ เบอร์ 8 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า "จุดยืนของตนต้องการทำงานอย่างสุจริต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เองมีนโยบายเรื่องความสุจริตอยู่แล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมา 4 ปี ตนมองว่ามันเป็นการดูถูกประชาชน สำหรับคนที่ซื้อเสียงในพื้นที่เขาต้องใช้เงินหลายสิบล้าน พี่น้องประชาชนอย่าดูถูกตัวเองด้วยการรับเงินจากคนโกง เพื่อปทุมธานี"

นายโชคชนะ ทวีกุล เบอร์ 10 พรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า "สำหรับตนไม่มีอะไรมาก เพราะตนเห็นว่าการเมืองปทุมธานีมีสิ่งไม่ดีเข้ามา ตนต้องแก้ไข ปัญหาทุจริตการโกง ให้สิ้นซากไปจากปทุมธานี  ยังไงเราทุกคนต้องช่วยกันกำจัดกลุ่มอิทธิพลและคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากประเทศไทย"

เปิดข้อห้าม กฎหมายเลือกตั้ง ม.79 วันที่ 13-14 พ.ค.นี้ ห้ามทำอะไรบ้าง ฝ่าฝืนระวังเจอโทษหนัก ทั้งจำทั้งปรับ!!

(13 พ.ค. 66) ห้ามโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งให้ผู้สมัคร ส.ส. หรือพรรคการเมือง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 (วันก่อนเลือกตั้งหนึ่งวัน) จนจบวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 กฎหมายเลือกตั้งกำหนดห้ามไม่ให้ผู้ใด โฆษณาหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองก็ตาม (มาตรา 79)

กฎหมายไม่ได้ระบุนิยามของ ‘การโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง’ ไว้ตรงๆ จึงต้องอาศัยการตีความ ตัวอย่างของการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการโฆษณาหาเสียงให้พรรคการเมือง เช่น
- การสวมเสื้อ เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ฯลฯ ที่มีสัญลักษณ์โลโก้พรรคการเมือง หรือมีสีและหมายเลขพรรคการเมือง
- การโพสต์ข้อความ การอัปโหลดภาพหรือคลิป ที่มีเนื้อหาสื่อไปในทางช่วยหาเสียงให้พรรคการเมือง ลงบนโซเชียลมีเดีย
- การแจกเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหาเสียง บริเวณใกล้หน่วยเลือกตั้ง หรือที่อื่นๆ

หากฝ่าฝืน โทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 156)

‘อภิสิทธิ์’ ลั่น!! ขอให้นึกถึงประเทศเป็นหลัก อย่าเลือกเพราะเกลียด-กลัว ยืนยัน ‘ปชป.’ มีคนทุกรุ่น สามารถช่วยประเทศฟันฝ่าวิกฤตไปได้

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์จัดการปราศรัยใหญ่นัดสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง ภายใต้ชื่องาน “#SAVEประชาธิปัตย์ เพื่อ #SAVEประชาธิปไตยไม่โกง” โดย นายอภิสิทธิ์​ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ปราศรัยว่า ก่อนเข้าสู่การเมืองตนอายุ 27 ปีไม่มีสตางค์ ไม่มีอิทธิพล แต่มาใกล้ถึงจุดสูงสุดได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ประชาชนให้การสนับสนุน ตนจึงเป็นหนี้บุญคุณประชาชน และพรรคที่สังกัดตลอดไป ตนอยากมายืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนกับพรรคอื่นแน่นอน เป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ ขณะที่พรรคอื่น ถ้าเอ่ยชื่อบางพรรค ก็จะร้องอ้อ รู้เลยว่า ตั้งขึ้นมาไว้สนับสนุนลุง อีกพรรคก็มีลุงอีกคน ส่วนอีกพรรคเป็นของเสี่ย และอีกพรรคมีคนแดนไกลกำกับอยู่หรือป่าว แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรอย่างนั้นแน่นอน เพราะ 77-78 ปี พรรคประชาธิปัตย์มีไว้เพื่อสืบสานอุดมการณ์ ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคล แต่มีประชาชนเป็นเจ้าของพรรค

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้ไปร่วมร่างนโยบายกับพรรค แต่รู้ว่าสิ่งที่กำหนดออกมามีการหารือกับนักการเมืองของพรรคที่ล้วนแต่เป็นตัวแทนของประชาชน แล้วกลั่นออกมาเป็นสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับประชาชนและประเทศไทย ดังนั้นนโยบายของพรรคบางทีไม่ตื่นเต้น เร้าใจ และไม่ลดแลกแจกแถมเหมือนคนอื่น การเลือกตั้งเที่ยวนี้พี่ประชาชนอ่านแล้วตาลาย เพราะนโยบายเยอะจริงๆ แต่หลายเรื่องเราต้องดูประวัติความเป็นมา เช่นนโยบายผู้สูงอายุ เดี๋ยวนี้มีทั้งบำนาญ กองทุนสารพัด เพราะคนไทย 100 คนจะมีผู้สูงอายุ 20 คน ก็ไม่แปลกที่มีนโยบายผู้สูงอายุออกมาแข่งขันกันใหญ่ แต่ 30 ปีที่แล้วผู้สูงอายุมีไม่มากนายชวน หลีกภัย ขณะเป็นนายกฯ ก็อนุมัติเบี้ยผู้สูงอายุให้เป็นปีแรก 300 บาท ต่อมาตนเป็นนายก ฯก็ปรับให้เป็น 500 บาท ดังนั้นไม่ว่าประชาชนจะเชื่อนโยบายใครแต่คนที่คิดทำก่อนคือพรรคประชาธิปัตย์

“ดังนั้นอย่าเอาความกลัว ความเกลียดเป็นตัวตั้ง แต่ให้นึกถึงประเทศเป็นตัวตั้ง โดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวเลือกนี้ ตนยืนยันว่าคนที่มาเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์มีทุกรุ่นที่จะช่วยประเทศได้ทั้งสิ้น เราเป็นพรรคที่สร้างคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่เหล่านั้นรู้ว่าการสร้างการเปลี่ยนแปลงต้องทำอย่างมีศิลปะ บางครั้งความพยายามจะเปลี่ยนแปลงโดยไม่เรียนรู้ความละเอียดอ่อน ความรู้สึกนึกคิดของคนต่างวัย ในที่สุดจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง” นายอภิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนต้องกาบัตรสองใบ ตนไม่ใช่เซียนการเมือง ได้ดูโพลบ้างแต่ไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าใครจะได้จัดรัฐบาล แต่พอจะมองเห็นความวุ่นวายหลายอย่างที่จะเกิดขึ้น เกี่ยวกับกติกาที่ออกแบบมา ตนยืนยันได้เพียงว่าเลือกประชาธิปัตย์เราจะเป็นหลักให้กับบ้านเมืองได้ เลือกประชาธิปัตย์เราจะช่วยฟันฝ่าวิกฤตต่างๆได้ จะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านเราทุ่มเททำงานให้กับประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง จะทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและจะสืบทอดอุดมการณ์ของประชาธิปัตย์ตลอดไป

“ผมยืนยันได้ว่าชีวิตผมอยู่กับการเมืองมาตลอดชีวิตเป็นสิ่งที่ผมรัก และชอบใช้ชีวิตที่มีความสุขกับการติดตามเหตุการณ์ของบ้านเมืองด้วยความสุขใจ เมื่อได้โอกาสจากประชาชนและพรรค ผมก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ แต่เมื่อใดจังหวะเวลาไม่ใช่ ผมก็พร้อมจะถอยให้คนอื่นสามารถทำงานได้ นี่คือความเป็นนักประชาธิปไตยที่ประชาธิปัตย์สั่งสอนมา ดังนั้นผมไม่รู้ว่าสภาจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ เลือกตั้งครั้งหน้าอีก4 ปีหรืออาจจะสั้นกว่านั้น ไม่รู้ว่าวันนั้นผมจะอยู่ในสถานะอะไร แต่รู้แน่ว่าผมยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตราบเท่าที่ประชาธิปัตย์รักษาอุดมการณ์ในวันที่ก่อตั้งเมื่อ ปี2489 และตราบเท่าที่ผมเป็นสมาชิกพรรค เลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคสั่งตนก็ต้องมา อายุก็จะมากขึ้นหน่อยแต่ความหล่อก็จะเพิ่มขึ้น และความรักความผูกพันที่มีให้กับประชาชนไม่มีวันลดลงแน่นอน เพราะนี่คือ ประชาธิปัตย์ของพี่น้อง ดังนั้น 14 พฤษภาคม อย่าลังเลเเลือกประชาธิปัตย์ทั้งสองใบ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

‘บิ๊กป้อม’ ปล่อยคาราวาน ‘พปชร.’ หาเสียงทั่ว กทม. เริ่มขบวนตั้งแต่หน้าพรรค ไปจนถึงวงเวียนใหญ่

(13 พ.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำแกนนำพรรคพปชร. เคารพธงชาติ ก่อนปล่อยคาราวานรถหาเสียงโค้งสุดท้ายทั่วกทม. เพื่อให้กำลังใจผู้สมัครส.ส.ทั่วประเทศ พร้อมเชิญชวนประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ว่า วันนี้เป็นการหาเสียงวันสุดท้าย และเราจะยุติการหาเสียงในเวลา 18.00 น. ขอให้ผู้สมัครทุกคนทำงานให้เต็มที่เพื่อประเทศชาติ และประชาชนของเรา และความแข็งแกร่งของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะช่วยเหลือประชาชนต่อไป ขอฝากให้ช่วยกัน  

จากนั้นพล.อ.ประวิตร โบกธงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และปล่อยขบวนแห่ โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และหัวหน้าทีมรับผิดชอบดูแลกทม. นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการฝ่ายจัดทำนโยบาย ขึ้นขบวนรถแห่ แยกย้ายไปตามเส้นทางต่างๆ เริ่มปล่อยขบวนตั้งแต่หน้าพรรค ผ่านห้าแยกลาดพร้าว อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผ่านแยกยมราช เข้าถนนหลานหลวง ไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานพุทธ และจบที่วงเวียนใหญ่

‘มณีรัตน์’ ย้ำชัด!! อยากทำงานเพื่อพี่น้องพระโขนง-บางนา หวังผลักดันนโยบายรอบด้านให้ 'ปชช.-คนรุ่นใหม่' ก้าวไปถึงฝัน

เมื่อไม่นานมานี้ เฟซบุ๊กแฟนเพจของ น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตพระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 6 โพสต์ข้อความระบุว่า “จากใจถึงใจ” อยากให้พิจารณาจากคุณสมบัติของผู้สมัคร ความตั้งใจจริงในการทำงาน ความสามารถในการที่ผลักดันนโยบายต่างให้เกิดเป็นผลลัพธ์ และประโยชน์สูงสุดให้กับทุกคนชาวพระโขนง-บางนาค่ะ 14 พฤษภาคม เข้าคูหาบัตรสีม่วง 🟪 กาเบอร์ 6️ ค่ะ

พูดแล้วทำ #บางนา #ภูมิใจกรุงเทพ #ภูมิใจไทย #พระโขนง #ทีมแม่มณี #กาเบอร์6่

โดยวิดีโอดังกล่าวนั้นได้ตอบคำถามมากมาย โดยคำถามแรกนั้นถามว่าทำไมชาวพระโขนง-บางนา ต้องเลือกคุณมณีรัตน์ เบอร์ 6 ว่า ตอนนี้อายุ 40 ปี ผ่านมาครึ่งชีวิต ใน 20 ปีที่ผ่านมานั้น เป็น 20 ปี ที่มีคุณค่ามากๆเลย ถ้าเราก้าวข้ามเรื่องการทะเลาะกัน ทำทุกอย่าง โดยใช้เวลา 20 ปีนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน

ส่วนจุดยืนและแนวทางการทำงานการเมือง ตนอยากจะทำการเมืองที่สร้างสรรค์ และเรียกตนเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่คือคนที่ต้องทำงานได้กับทุกคน ผูกมิตร แล้วก็ทำเพื่อประชาชน ให้มีผลลัพธ์ ให้กับพี่้น้องประชาชนอย่างแท้จริง ผ่านนโยบายต่างๆ ส่งผลไปถึงคนในพื้นที่ของเรา โดยเฉพาะในเขตพระโขนงบางนา

พรรคภูมิใจไทยนั้นมุ่งเน้นนโยบายต่อเนื่อง และสัญญาที่จะทำด้านสาธารณะสุข เช่น เรื่องศูนย์ฟอกไตฟรี ซึ่งก่อนหน้านี้นโยบายของภูมิใจไทยก็ทำขึ้นฟรีอยู่แล้ว แต่ที่จะทำต่อจากนี้ก็คือให้มีศูนย์ฟอกไตฟรีทุกเขต ทุกอำเภอ ย่นระยะเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชนที่จะพาผู้ป่วยไป

ตนมีความเข้าใจหัวอกคนทำงาน ในการที่คนจะออกไปทำงานค่าเดินทางนั้นเป็นต้นทุนของทุกคน ถ้าตนได้มีโอกาสเข้าไปทำงานก็อยากจะผลักดันให้เป็นรูปธรรมให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะเป็นการลดค่าใช้จ่าย ลดความทุกข์ของพี่น้องประชาชนคนเมือง

นอกจากนี้ยังมีนโยบายส่งเสริมคนรุ่นใหม่ เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือไม่ว่าจะเป็นคนทำงานประจำที่อยากมีอาชีพอิสระ หรือแม้กระทั่งที่อยากมีรายได้เสริม แต่ก็มีอุปสรรค์มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าขนส่ง หรือแม้กระทั่งช่องทางที่จะค้าขาย เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะช่วยผลักดันเป็นการลดค่าขนส่งต่างๆ ผลประโยยชน์เกี่ยวกับทางด้านภาษี เพื่อที่ซัพพอร์ตให้พ่อค้าเหล่านี้เดินต่อไปได้

ส่วนกระแสการเลือกตั้งในโค้งสุดท้ายนั้น กระแสก็เป็นเรื่องของกระแส แต่อยากให้มองถึงความตั้งใจจริงและคุณสมบัติ ข้อดีของตนอย่างหนึ่งก็คือเป็นคนที่ทำงานผ่านมาหลาบบทบาท สามส่วนหลักๆเลยก็คือ ภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาคราชการ ตนเคยทำงานร่วมมาแล้วทั้งหมด ตนจึงสามารถที่จะเห็นภาพรวมต่างๆ และทำงานขับเคลื่อนออกมาให้เป็นผลลัพธ์แก่ประชาชน

คนรุ่นใหม่กับการเมืองใหม่ในมุมมองของตนนั้น มองว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้ตัดสินที่อายุ แต่อยู่ที่แนวคิด อยู่ที่ความเข้าใจมากกว่า ว่าคนรุ่นใหม่เหล่านี้อยากได้อะไร คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้มีความฝัน มีแรงบันดาลใจ มีความต้องการอยากจะทำนู่นอยากจะทำนี่ หน้าที่ของตนก็คืออยากที่จะผลักดันไม่ว่าจะเรื่องสาธารณะสุข ที่คนรุ่นใหม่ต้องมีความห่วงใยพ่อแม่ ครอบครัว แต่ตัวเขาเองนั้นต้องรับเอฟเฟคต่างๆโดยตรง ได้การที่ต้องดูแล อาทิ หาหมอ หายา หรือแม้กระทั่งค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าเดินทางที่จะไปทำงาน หรือสุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ดิจิทัลครีเอทีป เชฟ หรืออาชีพต่างๆ ถ้าตนมีโอกาสก็อยากจะผลักดันทั้งเชิงนโยบาย ทั้งเชิงปฏิบัติ อยากจะให้ไปสู่ฝันให้ได้

\ส่วนคำถามสุดท้ายที่ถามว่า ความตั้งใจที่ทำให้มานั่งอยู่ตรงนี้ คืออะไร นางสาวมณีรัตน์ตอบอย่างมั่นใจว่า “ก็อยากจะทำจริงๆ อยากจะทำให้กับทุกคนในพื้นที่ มีความตั้งใจจริงๆ อยากจะมาเป็นทั้งตัวเชื่อม เป็นทั้งตัวคนทำงาน ให้ผลประโยชน์ตกกับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขตพระโขนง-บางนา อย่างแท้จริง”

‘กรณ์’ ชี้ เดินสายมา 1,183 วัน ปชช. คือแรงบันดาลใจให้สู้มาตลอด ย้ำจุดยืนครั้งสุดท้าย!! ‘ชพก.’ ทุบทุนผูกขาด เพิ่มโอกาสให้ ปชช.

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนทำงานในฐานะหัวหน้าพรรค เดินสายพบพี่น้องประชาชน ทั้งปราศรัยและลงพื้นที่ มาถึงวันนี้ 1,183 วันเต็ม สะสมความรู้สึก ความคิด ประสบการณ์มามากมาย ตนทำงานทุกวันไม่เคยท้อ เพราะมีเป้าหมาย วัตถุประสงค์ ของพรรคชาติพัฒนากล้า วันนี้อยากบอกกับพี่น้องว่า เป้าหมายการทำงานของพรรคชาติพัฒนากล้า เราจะมาทำงานเพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยรวยขึ้น แต่ความรวยไม่สามารถแก้ปัญหา และทำให้เรามีความสุขได้ เราจะไม่มาอ้างเหมือนนักการเมืองหลายๆคน ว่าจะมากำจัดคนยากคนจนออกจากบ้านเมือง ทุกประเทศทั่วโลกก็ต้องมีคนจนที่เราต้องดูแล แต่สิ่งที่พรรคชาติพัฒนากล้าจะให้คือโอกาสที่จะทำให้อนาคตของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

นายกรณ์ กล่าวว่า ตนอยากให้คนไทยไม่ว่าจะเกิดมาจากที่ไหน ภาคไหน คนไทยทุกคนมีโอกาสที่จะฝัน ที่จะเชื่อว่า ถ้าเขาขยัน มุ่งมั่น ตั้งใจ เขาจะมีโอกาสที่จะมีชีวิต และรวยขึ้นได้ วันนี้คนไทยยังไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เพราะกติกาของสังคมที่คนไทยทุกคน ขอให้ขยันและตั้งใจโอกาสมีแน่นอน และพรรคชาติพัฒนกล้า เป็นพรรคแห่งโอกาส ข้อเสนอนโยบายประชาชนนิยม ลดแลกแจกแถม เราทำประชานิยมมาแล้วกี่ยุคสมัย สุดท้ายคนไทยก็ยังไม่รวย เพราะติดกับดักว่า โอกาสก้าวหน้าเขาไม่มี วาทกรรมการเมือง ว่า เบี้ยผู้สูงอายุ จำนำข้าว และจะไปตัดงบทหาร เป็นรัฐสวัสดิการ ขอบอกว่าต่อให้ยุบกระทรวงกลาโหม ก็จะได้เงินมาแค่ 2 - 3 แสนล้านบาท ไม่ถึงครึ่งของนโยบายที่นำเสนอกัน ประเทศเราไปจุดนั้นได้ เราต้องรวยกว่านี้อีกเยอะ นั่นคือการสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า ประชาชนทุกคนต้องมีความเชื่อ มีความหวัง สิ่งที่ตนได้รับมาตลอดคือของฝากจากพี่น้องประชาชน คือฝากให้เราช่วยดูแล แก้ปัญหาปากท้อง ที่จ.ภูเก็ตช่วงโควิด ทำมาหากินไม่ได้เลย ฝากช่วยดูแลเรื่องดอกเบี้ย โอกาสการกู้ยืมเงิน พอมา จ.ชุมพร พี่น้องประชาชนก็ฝากเรื่อง ราคาพืชผลทางการเกษตร ราคาปุ๋ย ไปที่ไหนมีแต่ของฝาก นี่คือความจริง ประชาชนยังมีความหวัง ถ้าเขาไม่หวัง ไม่ศรัทธา เขาไม่มาฝากพรรคชาติพัฒนากล้าหรอก และนี่คือแรงบันดาลใจที่เราสู้มาตลอดพันกว่าวัน

นายกรณ์ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค แรงบันดาลใจนอกจากมาจากประชาชนแล้ว ทีมงานของเราทุ่มเทเสียสละ ไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ขอเพียงโอกาสช่วยบ้านเมือง ตนขอยกตัวอย่างเพื่อนผู้สมัคร 2 คนๆ แรกคือ เลขาธิการพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ วันนี้ไม่ได้อยู่กับเรา นายเทวัญ เลือกที่จะสู้ด้วยการแข่งขันในเขตเลือกตั้งเดิมของตัวเองคือเขต 1 โคราช ที่มีการแข่งขันหนักมาก ตนขอส่งกำลังใจไปให้นายเทวัญ ด้วย ผู้สมัครอีกท่านคือ นายจูรี นุ่มแก้ว เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เรื่องราวชีวิตเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ตน ผู้สมัคร และพี่น้องชาวใต้นับล้านคน เขาต่อสู้แนวทางสร้างสรรค์ บริสุทธิ์ นายจูรีทำงานเพื่อส่งตัวเองเข้าเรียน  ใฝ่คว้าหาโอกาสด้วยตัวเขาเองจนประสบความสำเร็จ ทั้งเป็น นักกฎหมายรับราชการ เป็นสื่อมวลชน จนมาเป็นดาวติ๊กตอก สร้างรายได้หลายสิบล้าน จากนั้นเขาทิ้งทุกอย่าง เพื่อทุ่มเทให้กับการเมือง สองท่านคือ ดีเอ็นเอ คือการสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน เน้นเรื่องของการสร้างโอกาส

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า  เราเป็นพรรคที่นำเสนอยุทธศาสตร์ชัดเจน เราจะสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้ เราจะสร้างรายได้ให้กับประเทศ 5.5 ล้านล้านบาท ซึ่งต่างจากพรรคอื่นคือเราสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในระดับครัวเรือน เพราะเรามองประชาชนอยู่ศูนย์กลาง เช่น นโยบายเฉดสีเชียว การสร้างโรงงานไฟฟ้าโดยประชาชนที่มีหลังคาบ้าน , เฉดสีขาว เราส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ฯลฯ และไม่เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น โอกาสทางการเมืองก็สำคัญ การใช้สิทธิของพี่น้อง มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เรายืนหยัดคือความเป็นประชาธิปไตยของบ้านเมือง เราจะเข้าร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาล่าง โดยไม่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.

นอกจากนี้ ในเรื่องคุณภาพชีวิต เราเดือดร้อนปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 เราต่อสู้เพื่อให้พี่น้องมีอากาศสะอาด ผ่าน พ.ร.บ.อากาศสะอาด หรือโอกาสของผู้สูงอายุที่จะมีบ้านที่ปลอดภัย ผ่านโครงการอารยสถาปัตย์ , ช่วงกลางคืนทุกคนเงยหน้าต้องมองเห็นดาว เราจึงมีนโยบายคุ้มครองพื้นที่ที่เป็นฟ้ามืดเป็นมรดกให้ลูกหลานเราสามารถดูดาวได้ เราต้องการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้ สิ่งที่พรรคชาติพัฒนากล้าให้ความสำคัญอีกโครงการที่อยากพูดถึงวันนี้คือ ถึงเวลาแล้วที่กองสลากจะเพิ่มสัดส่วนคืนกำไรให้กับประชาชนผ่านโครงการ หวยจังหวัดๆ ละ 3 ล้านบาท สร้างเศรษฐีจังหวัดละ 3 คนในทุกงวด

นายกรณ์ กล่าวว่า แม้เราจะเป็นพรรคเล็ก แต่เป็นพรรคเล็กที่คิดใหญ่ ที่สามารถเปลี่ยนทิศทางประเทศ เราจะทำให้ทุกคนรวยขึ้น มีคำถามว่า นโยบายที่เรานำเสนอ ดูเป็นเรื่องใหญ่ แล้วพรรคเล็กเลือกไปแล้วทำได้จริงหรือ ขอตอบว่า ถ้าพี่น้องย้อนกลับไปดู สองปีที่ผ่านมา เมื่อเจอปัญหาหนักๆ เช่น ค่าน้ำมันแพง ไฟแพง อัตราดอกเบี้ยแพงพี่น้องกู้ยืมเงินไม่ได้ มีพรรคไหนสู้เพื่อพี่น้องบ้างนอกจากเราพรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญเท่าขนาดของหัวใจ อยู่ที่ความตั้งใจถ้าเรามีโอกาสเราต่อสู้เต็มที่ พรรคเราจะมี ส.ส.กี่คนก็แล้วแต่ตนมั่นใจหัวใจของผู้สมัครทุกคน

สุดท้ายวันอาทิตย์นี้ มันเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ที่ท่านรอมา 4 ปี ในการที่จะใช้สิทธิไปเลือกตั้ง เพื่อกำหนดทิศทางอนาคตของประเทศ ตนอยากเชิญชวนให้ท่านใช้สิทธิหนึ่งครั้งนี้ของเราในการสร้างพลังบวกให้กับสังคมไทย ที่พูดแบบนี้เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้ง มันจะมีกระบวนการปั่นให้เราทั้งกลัวทั้งเกลียดในทุกยุคทุกสมัย ไม่มีอะไรต้องกลัว สิ่งที่เขาไม่พูดถึงคืออิทธิพลของทุนผูกขาดที่อยู่เหนือการเมือง พรรคยิ่งใหญ่ยิ่งต้องอาศัยทุนผูกขาด แต่พรรคเราพรรคเล็กที่มีอิสระในการต่อสู้ ที่ประชาชนวางใจได้ เราไม่อยู่ภายใต้ทุนผูกขาด วันที่ 14 พฤษภาคม พี่น้องเลือกด้วยพลังบวก เลือกคนที่ท่านศรัทธา อย่าเลือกด้วยความกลัว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราจะเก็บความภาคภูมิใจจนถึงวันเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าเราได้ใช้ 1 เสียงของเรา ไปสู่พลังบวก ดีกว่าเราเลือกด้วยพลังลบที่ทั้งเกลียดและกลัว 14 พฤษภาคม กาเบอร์ 14 เลือกพรรคชาติพัฒนากล้า และเบอร์ผู้สมัครทุกเขตที่อยู่ในพื้นที่ท่าน

'บอส อริย์ธัช' ชี้ แก้ ม.112 ต้องทำประชามติ ถามคนทั้งประเทศ ลั่น!! ใช้สภาฯ แก้ไขคงไม่เหมาะ เพราะกระทบต่อจิตใจคนไทย

(13 พ.ค. 66) นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ (บอส) ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เบอร์ 14 เขตประเวศ และ เขตสะพานสูง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า หนึ่งในประเด็นคำถามแห่งยุคสมัยของสังคมไทยเวลานี้คือ 'ม.112' ซึ่งมีคนบางกลุ่มหยิบยกมาใช้เป็นเครื่องมือจนนำมาสู่ความขัดแย้งในหลายระดับของสังคม 

ขณะที่จุดยืนเรื่องนี้ของเราคือเพิกเฉยต่อกระแส เพราะกระแสแบบนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้โซเชียลอย่างไม่สร้างสรรค์ เช่นเดียวกับกระแสไม่เลือกเราเขามาแน่ ลักษณะนี้คือลักษณะเดียวกัน ที่มีอัตลักษณ์เหมือนกัน แต่เลือกจะปั่นให้สังคมแตกแยกจากคนละมุมคนละขั้ว ให้ฝ่ายขวา และ ฝ่ายซ้าย เป็นเหมือนน้ำและน้ำมัน 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเมื่อปัญหาเกิดขึ้น ในฐานะพรรคการเมืองมีหน้าที่แนะนำแนวทางทางเหมาะสมแก่สังคม ซึ่ง ม.112 เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญยิ่ง เราจึงไม่เห็นด้วยที่พรรคการเมืองบางพรรคเสนอให้ใช้สภาแก้ไข เนื่องจากเรื่องนี้กระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ และพรรคของเราเชื่อในประชาชน ทางออกในการแก้ปัญหานี้ก็ต้องกลับไปฟังเสียงประชาชน

ดังนั้น ข้อเสนอของเราคือเสนอให้มีการสร้าง ‘ประชามติ’ ถามประชาชนทั้งประเทศว่า ถ้าเขาอยากจะแก้ จะแก้อะไร ต้องไปฟังคนทั้งประเทศมา เพื่อให้ปัญหาที่มีความอ่อนไหวนี้มีฉันทามติเป็นกติการ่วมกันได้จริงในสังคม กติกา คือ สิ่งสำคัญของการอยู่ร่วมกัน แต่กติกาจะไร้คุณค่าเมื่อมีคนโกง ดังนั้นในฐานะคนรุ่นใหม่ ผมต้องการให้ประเทศไฉไลกว่าเดิม คนซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยเฉพาะในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 21 กรุงเทพมหานคร และ กลุ่มคนที่ตีมึนกระหายการเข้าสู่อำนาจ ที่รู้ตัวว่าไม่มีความสามารถเพียงพอ ไม่มีหัวใจของการเป็นผู้แทนราษฎร ผมขออนุญาตพูดตรงนี้ว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นเรื่องของโอกาส 

โอกาสครั้งนี้ 1 สิทธิ์ 1 เสียง เรามีเท่ากันครับ ตัวตนคนเราต่างหากที่ไม่เท่ากัน โอกาสนี้โอกาสเดียวที่จะทำความเป็น พหุวัฒนธรรม นำพาประเทศชาติพ้นจากวิกฤติความขัดแย้ง โอกาสนี้ขอท่านมองให้ชัดถึงตัวตนของผู้สมัครรับเลือกตั้ง มองและพิจารณา ถึงคุณสมบัติ 'พร้อมใช้ ตั้งใจจริง' เป็นอันดับแรก และตัดสินใจที่ความเป็นคนรุ่นใหม่ รุ่นใหม่ที่วิธีคิด มีหัวหน้าพรรคที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ อีกทั้งความรู้ความสามารถ เช่น พี่ท๊อป วราวุธ ศิลปอาชา ลูกชายของ คุณพ่อบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย ผู้สำเร็จรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 2540 ก้าวข้ามทุกข้อขัดแย้ง ผู้สร้างเมืองตัวอย่าง เมืองที่สดใส เมืองสุพรรณบุรีสีชมพู 

14 พฤษภาคม 2566 นี้ ผมกราบขอเชิญชวนทุกท่าน เลือก ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 21 14 พฤษภาเข้าคูหากาเบอร์ 14 บัตรสีม่วงเลือก บอส อริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ คนรุ่นใหม่ พร้อมใช้ ตั้งใจจริง และ เลือกพรรคสีชมพู พรรคชาติไทยพัฒนา นำความสดใสนำนโยบายที่ไม่ขายฝัน นโยบายที่ทำได้จริง คอนเซปต์ ว๊าวไทยแลนด์ WOW Wealth Opportunity and Welfare for all 

ใช้โอกาสเพียงหนึ่งเดียวนี้ชี้ชะตาชีวิตของตัวท่าน เลือกชาติไทยพัฒนา เลือกพรรคสีชมพูทั้งแผ่นดิน เพื่อมุ่งสู่ประเทศไทยที่ทุกประเทศทั่วโลกรอคอย ทางออกที่ดีที่สุดคือต้องมีทางเลือกให้ประชาชน บริหารงานด้วยวิสัยทัศน์ที่เป็นสากล คือ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีความเชี่ยวชาญในประเด็นท้องถิ่น วิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อม สอดประสานทำงานอย่างคล้องจองแนบแน่น และราบรื่น (Glow with the flow) สามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เป็นพื้นที่ตรงกลางให้ทุกขั้วสามารถนำนโยบายที่ดีมาขยับไปร่วมกันได้

'ประวิทย์' ชาติไทยพัฒนา ลุยหาเสียง เขต 5 พระนครศรีอยุธยา ชู!! พัฒนากรุงเก่าเจริญเทียบสุพรรณฯ - แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก

(13 พ.ค. 66) นายประวิทย์ สุวรรณสัญญา ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 พระนครศรีอยุธยา เบอร์ 12 พรรคชาติไทยพัฒนา ลงพื้นที่ อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.บางซ้าย อ.ลาดบัวหลวง ชูนโยบาย บ้านพี่เมืองน้องเราไม่ทิ้งกัน พัฒนาบ้านเรา ให้เหมือนสุพรรณบุรี เพราะพื้นที่คลองสองจังหวัดนี้ติดกัน มีความตั้งใจที่อยากจะเป็นสะพานนำความเจริญจากสุพรรณเข้าสู่อยุธยา เพื่อพี่น้องเกษตรกร เพื่อปากท้องชาวบ้าน เลือกคนใหม่ และเลือกพรรคชาติไทยพัฒนา เบอร์ 18

นอกจากนี้ ยังพร้อมรับฟังปัญหาน้ำท่วมจากพ่อแม่พี่น้องในพื้นที่ โดยมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่อยากจะเข้ามาเป็นปากเป็นเสียงและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้พี่น้องพระนครศรีอยุธยาเขต 5 เพื่อที่พี่น้องเขต 5 จะได้ไม่เดือดร้อนทุกปี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top