Monday, 29 April 2024
Crime

รวบ ‘อาหยง’ หัวโจกแก๊งตุ๋นเหยื่อออนไลน์ ลวงคนไทยบังคับเป็น scammer ที่เมียนมา

รวบมังกรจีน หัวหน้าแก๊ง scammer หลอกคนไทยทำงานประเทศเพื่อนบ้าน บีบบังคับให้แชทตุ๋นเหยื่อออนไลน์

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ (31 ต.ค. 65) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รรท.ผกก.4 บก.ปคม. ร่วมกันแถลงจับกุมนายหวง เทียนหยง หรือ อาหยง อายุ 33 ปี สัญชาติจีน ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1112/2564 ลงวันที่ 8 ก.ค. 2564 ข้อหา “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ และ ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกองค์อาชญากรรมกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานฯ” หลังจับกุมตัวได้ที่ลานจอดรถของสนามมวยลุมพินี ถ.รามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นปี 2564 นายหวง ผู้ต้องหา พร้อมกับพวกซึ่งเป็นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีทั้งคนจีน ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า รวม 19 คน ร่วมกันหลอกคนไทยไปทำงาน ด้วยวิธีการลงโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต หลอกหาคนไปทำงานที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อ ก็จะถูกบังคับพาข้ามไปยังฝั่ง จ.เมียวดี ประเทศเมียนมาร์ ผ่านช่องทางธรรมชาติ เมื่อไปถึงก็จะพาไปที่บริษัท JinXin Holdings จำกัด จากนั้นก็บังคับให้ทำงานเป็น Scammer เพื่อหลอกลวงเงินผู้อื่นผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อหลอกให้นำเงินมาลงทุนธุรกิจเงินดิจิทัล หรือ บิทคอยน์ 

จับหนุ่มแสบหลอกรับซื้อดาวน์รถ นำไปขายต่อ อ้างเคยตกเป็นเหยื่อ รู้ช่องทางเลยเอามาหลอกต่อ

ปคบ.รวบหนุ่มแสบหลอกรับซื้อดาวน์/จำนำรถราคาถูกก่อนนำไปขายต่อตลาดมืด อ้างเคยตกเป็นเหยื่อ รู้ช่องทางเลยเอามาหลอกต่อ

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ.สั่งการให้ พ.ต.ต.กฤษณ์ พิพัฒน์พูนสิริ สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ., ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ ดอนนันชัย รองสว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ.นำกำลังจับกุม นายจิรพงษ์ หวังเต่ากลาง อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีในข้อหา 'ยักยอก' โดยจับกุมได้หน้าร้านข้าวมันไก่แม่มด ปากซอยช่างอากาศอุทิศ 5 แขวงและเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาได้หลอกรับซื้อดาวน์และรับจำนำรถยนต์จากเพจขายรถยนต์มือสอง หรือกลุ่มเฟซบุ๊กที่มีผู้ผ่อนรถต่อไม่ไหวแล้วหาคนผ่อนต่อ โดยผู้ต้องหาจะทำทีรับซื้อรับจำนำ หรือรับผ่อนรถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์ต่อ ซึ่งจะเน้นเป็นรถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็กซ์ หรือโตโยต้า รีโว่ โดยรับซื้อหรือจำนำในราคาคันละ 40,000 บาท และนัดรับรถจากผู้เสียหาย ก่อนนำไปขายต่อในตลาดมืด ในราคาคันละ  1-2 แสนบาท ต่อมาพอผู้เสียหายติดตามรถคืน ก็ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ 

นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังได้ตีสนิทผู้เสียหายบางราย แล้วใช้อุบายขอยืมรถยนต์ไปใช้และบอกว่าจะนำมาส่งคืน แต่ต่อมาก็ไม่นำรถมาคืนได้ เนื่องจากนำไปขายในตลาดมืดแล้ว ทำให้ผู้เสียหายหลายรายไปแจ้งความต่อตำรวจในหลายท้องที่ จนกระทั่งมีการออกหมายจับ และถูกตำรวจ กก.1 บก.ปคบ.ติดตามจับกุมไว้ได้

‘สืบสวนนครบาล’ บุกรวบ ‘โก้ ราชเทวี’ ผู้ต้องหาแสบ หลอกเงินสาวผ่านแอปฯหาคู่

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนของประชาชนทางเพจ 'สืบสวนนครบาล IDMB' ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกัณรวิชญ์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือโก้ อายุ 31 ปี ซึ่งผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมหลอกลวงทรัพย์สินจากผู้เสียหายหลายราย ผ่านทางแอพพลิเคชันหาคู่และสื่อออนไลน์ ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่า นายกัณรวิชญ์ ได้มีหมายจับในคดีฉ้อโกงและย้ายไปอยู่คอนโดแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่     

ล่าสุด วันที่ 28 ก.พ. 66 พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ พ.ต.ท.ภัทร บุญอารักษ์ และเจ้าหน้าที่ กก.สส.4 บก.สส.บช.น. จับกุมนายกัณรวิชญ์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือโก้ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ 37/2566 ลง 2 ก.พ.66 โดยกล่าวหาว่า ฉ้อโกง หลบหนีศาลไม่มาตามกำหนดนัด จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณคอนโดแห่งหนึ่ง ถ.ศิริมังคลาจารย์ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 66 เวลาประมาณ 16.00 น.

พฤติการณ์สุดโหด!! รวบน้องชาย 'นักร้องดัง' พร้อมพวก  ร่วมฆ่าโหด 4 ศพ ยัดท้ายรถทิ้งแม่น้ำโก-ลก

13 มี.ค.2566 - ที่ห้องโถงชั้น 1 อาคารตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.ดิเรก โฉมยงค์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.สมใจ สิงห์เกลี้ยง ผกก.สภ.แว้ง พ.ต.อ.ฉลอง เล็กน้อย ผกก.สภ.บูเก๊ะตา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

โดยร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายมาหะมะ สุวรรณอายิ หรือ วัง บ้านเลขที่ 11 ม.4 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส 2.นายอัสรี เจ๊ะกอ หรือ ยี บ้านเลขที่ 1 ม.4 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส 3.นายอีชัน เจ๊ะนาแว หรือ ปาดัง อยู่บ้านเลขที่ 594 ม.4 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส 4.นายเมธาวัตร อรุณ หรือ อาท ซึ่งเป็นน้องชายของนายเมธี อรุณ นักร้องดังวงลาบานูน อยู่บ้านเลขที่ 118 ม.1 ต.แม่ดง อ.แว้ง จ.นราธิวาส และ 5.นายณัฐวุฒิ แวอับดุลเลาะ หรือ มิง อยู่บ้านเลขที่ 208 ม.10 ต.มาโมง อ.สุศิริน จ.นราธิวาส

ในคดีร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 คน ประกอบด้วย 1. นายมูฮัมหมัดอาลียะ เราะห์มัด อายุ 38 ปี 2.นายนิเฮง ประเปะ อายุ 27 ปี 3. นายอัสวี มือลี อายุ 19 ปี และ 4.นายมูห์เซ็น ยะโกะ อายุ 33 ปี เหตุเกิดคาบเกี่ยวในวันที่ 21 และ 22 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา

ซึ่งแยกเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต 3 คน คือ นายมาหะมะ นายอัสรี และนายอีซัน ซึ่งใช้อาวุธปืนทนพก ขนาด 9 ม.ม.และอาวุธปืนลูกซอง ส่วนผู้ที่นำศพไปทิ้งอำพราง หรือ ซ่อนเร้น จำนวน 2 คน คือ นายเมธาวัตร และนายณัฐวุฒิ หลังก่อเหตุแล้วเสร็จ นายเมธาวัตร นายณัฐวุฒิ และพวกอีก 2 คน ที่ยังหลบหนี ได้ร่วมกันเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิต 3 คน คือ นายมูฮัมหมัดอาลียะ นายนิเฮง ประเปะ และนายอัสวี ใส่ท้ายรถยนต์เก๋ง วิ่งออกจากบ้านเกิดเหตุไม่มีเลขที่ซึ่งตั้งอยู่ในสวนปาล์ม บ้านก่อซอ ม.4 ต.แว้ง อ.แว้ง นำไปมิ้งในบึงจือแร ม.1 ต.แม่ดง

เมื่อแล้วเสร็จนายเมธาวัตร ได้กลับมาที่บ้านไม่มีเลขที่ดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในสวนปาล์ม โดยได้ใช้รถยนต์กระบะของตนเองยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำตาล ทะเบียน บง 4747 นราธิวาส ร่วมกับนายณัฐวุฒิ และเพื่อนหลบหนีอีก 2 คน ช่วยกันนำร่างของนายมูห์เซ็ง ขึ้นรถยนต์กระบะ แล้วนายเมธาวัตร ขับรถยนต์กระบะของตนเอง โดยมีนายอัสรี นั่งด้านข้าง นำศพนายมูห์เซ็ง ไปทิ้งในแม่น้ำโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านไอร์ปาเซ ม.7 ต.ฆอเลาะ อ.แว้ง มีคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุยังหลบหนีเป็นคนขับรถ จยย.และมีนายอัสรี นั่งซ้อนท้ายไปตลอดทาง

โดย พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ให้การรับสารภาพและประจักษ์พยานที่นำไปตรวจสอบตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ มีผลตรวจออกมาชัดเจนถึงพฤติกรรมของคนร้ายแต่ละคน ที่ตรวจสอบพบในบ้านจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีทั้งคราบเลือก ปลอกกระสุนปืน รวมทั้งคราบลายนิ้วมือที่ติดไว้ตามบริเวณต่างๆ ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกให้การซัดทอด เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดี

‘วัชรินทร์’ กรรมการไทยหนึ่งเดียวใน ONE ฉายา ‘เปาป้อม’ คิดสั้นปลิดชีพตัวเองด้วยปืนพก เหตุเครียดจากเรื่องงาน

วันนี้ (17 มิย. 66) เฟซบุ๊ก มิสเตอร์ป๋อง ได้โพสต์ข้อความข่าวการจากไปของ สิบตำรวจเอก วัชรินทร์ รัชนิพนธ์ หรือ “เปาป้อม” ฉายาในวงการมวย ซึ่งได้ปลิดชีพตัวเองด้วยปืนพก โดยระบุว่า ...

..กรรมการไทยหนึ่งเดียวในONE อนาคตกำลังไปได้สวย มาด่วนคิดสั้นปลิดชีพตัวเองช็อควงการมวย!!
..เวลา ประมาณ 22.00 น.วันศุกร์ที่ 16 ม.ย.66  ตำรวจ สน.ลาดพร้าว พร้อมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เข้าตรวจสอบเหตุการณ์ สิบตำรวจเอก วัชรินทร์ รัชนิพนธ์ หรือ “เปาป้อม” ฉายาในวงการมวย เสียชีวิตภายในห้องพัก  ที่คอนโมิเนียมแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ  ที่เกิดเหตุใกล้ตัวพบปืน 1 กระบอก 

..พันตำรวจเอกธนาพันธ์  ผดุงการ ผู้กำกับ สน.ลาดพร้าว  ให้ข้อมูลว่า ภายในห้องที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ คาดว่า ยิงตัวเองและเสียชีวิตทันที ซึ่งเบื้องต้นพบรอยกระสุนยิงเข้าที่ขมับ  ขณะที่ภรรยา ให้การว่า กลับเข้ามาห้องช่วง 4 ทุ่ม หลังเลิกงาน เมื่อเปิดห้องก็พบว่า สามีเสียชีวิตแล้ว พร้อมระบุว่าสามีมักมีความเครียดเรื่องงาน จึงสันนิษฐานว่าเป็นสาเหตุของการทำร้ายตัวเอง!!

📌อัตชีวประวัติ ส.ต.อ.วัชรินทร์ รัชนิพนธ์
สังกัด สำนักงานจเรตำรวจ กองตรวจราชการที่ 9
ภูมิลำเนา: อ.กะเปอร์ จ.ระนอง

..มีความชื่นชอบมวยมาตั้งแต่เด็ก เริ่มชกมวยตอนอายุประมาณ 9 ขวบ พอจบ ม.3 ก็ได้มาอยู่ค่ายป.ชัยวัฒน์ โดย อ.อรัญ จันทรนุกูลกิจ พามาฝาก กับ”โกล้ง “สยามเมืองใต้ คุณ ชัยวัฒน์ วุฒิไกรสกุล , คุณ บุญโด่ง ศักดิ์ชัยวัฒน์ ,ลุงปิง ภูธร 

..โดยขึ้นมาอยู่ค่ายมวยกับเพื่อน 2 คน โดยโกล้งได้ตั้งชื่อให้เพื่อนชื่อ ฝนแปด และเปาป้อมชื่อ แดดสี่  และศึกษาต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญ ชกมวยไปด้วยเรียนหนังสือไปด้วย แต่มาโชคร้ายเลิกมวยตอนอายุ 19 ปี เพราะอุบัติเหตุแขนหัก!!
..จากนั้นด้วยความที่ต้องหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนก็รับสอนมวย ตามบ้าน โรงแรม จนมาเรียนต่อที่ มหาลัยรัตนบัณฑิต ต่อมาได้มีโอกาสเข้าอบรมผู้ตัดสินมวยไทยอาชีพและได้สอบเข้าเป็นกรรมการสนามมวยเวทีลุมพินี เมื่อปี พ.ศ. 2556 

📌เกียรติประวัติการทำงาน
-กรรมการยอดเยี่ยมสนามมวยเวทีลุมพินี ปี พ.ศ.2561 ,กรรมการยอดเยี่ยมการกีฬาแห่งประเทศไทยปี พ.ศ.2561,2562
-กรรมการคนเดียวของประเทศไทย ที่ได้รับโอกาสตัดสิน One Lumpinee และ One Championship วันนี้..มีการจัดการแข่งขัน One Lumpinee ทีมงานพยามโทรติดต่อแต่ก็ไม่มีคนรับสาย จนมาทราบข่าวเศร้าดังกล่าว!!

หนุ่มวิศวกร ถูกสาวหลอกให้รักนาน 3 ปี  หมดเงินไปกว่า 3 ล้าน แถมยังเป็นหนี้อีก 2 ล้าน 

ผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อช่วงตุลาคม ปี 63 ไปเจอหญิงสาวรายหนึ่งที่สถานบันเทิง โดยฝ่ายหญิงอ้างว่า ถูกชะตาจึงคุยกันเรื่อยมา และบอกว่ายังไม่มีใคร ต่อมาฝ่ายหญิงอ้างว่า แม่ป่วยเป็นมะเร็ง มีความจำเป็นต้องหาเงินรักษา ตนจึงโอนเงินไปช่วย ประมาณ 50,000-100,000 บาท โดยฝ่ายหญิงบอกว่า ให้ถือเป็นค่าสินสอด เพราะคบกัน ซึ่งในระหว่างที่คุยกัน ฝ่ายชายขอเจอครอบครัวแต่ฝ่ายหญิงก็บ่ายเบี่ยงตลอด อ้างว่าไม่สะดวก

จนเดือนเมษายน ปี 64 ฝ่ายหญิงอ้างว่าต้องใช้เงินเพื่อผ่าตัดแม่ ซึ่งขณะนั่นฝ่ายชายบอกว่าเงินเก็บที่มีหมดแล้ว อาจจะไม่สามารถโอนให้ได้ ฝ่ายหญิงจึงเริ่มขอห่าง ซึ่งฝ่ายชายพยายามติดต่อฝ่ายหญิง จนเดือนพฤษภาคม 2564 ฝ่ายหญิงบอกว่าเธอป่วยเป็นมะเร็ง และขาดการติดต่อไป กระทั่ง ตุลาคม 64 มีบุคคลอ้างว่าเป็นแม่ของฝ่ายหญิง ติดต่อมาหาฝ่ายชายผ่านทางไลน์และบอกว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว

แต่ผ่านไปสักพัก ก็มีผู้หญิงอ้างว่าเป็นพี่สาวฝาแฝดของฝ่ายหญิง ติดต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม 65 หญิงที่อ้างเป็นพี่สาวบอกว่าน้องสาวยังไม่ตาย แต่ถูกจับอยู่ที่มาเลเซีย จำเป็นต้องใช้เงินประกันตัว จำนวน 130,000 บาท เมื่อได้ประกันตัวกลับมาก็อ้างว่ากักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด -19 จึงไม่สามารถให้เจอตัวได้ และมีการขอให้โอนเงินเรื่อยมา 
จึงทำให้ฝ่ายชายเกิดข้อสงสัยว่ารักกันจริงหรือมาหลอกกัน และเมื่อไปค้นหาข้อมูลในอินสตาแกรมและโซเชียลก็พบว่า ฝ่ายหญิงใช้ชีวิตกิน เที่ยวหรู และเจอว่าฝ่ายหญิงมีครอบครัวแล้ว เพิ่งซื้อบ้านหลังใหม่ ในพื้นที่เขตสายไหม เปิดร้านขายอาหาร และซื้อรถคันใหม่ ฝ่ายชายพยายามติดต่อไปจนถึงตอนนี้แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงต้องเข้าร้องทางเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้หญิงรายนี้ไปกระทำพฤติกรรมเช่นนี้กับบุคคลอื่นอีก

ทั้งนี้ หนุ่มวิศวกร รายนี้บอกว่า ตั้งแต่ติดต่อกันมา เคยเจอฝ่ายหญิงแค่ 3 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งได้เจอที่สถานบันเทิง ไม่เคยเจอครอบครัวของฝ่ายหญิง และสูญเงินกว่า 3 ล้านบาทแถมยังต้องเป็นหนี้จากการกู้เงินอีก 2 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือฝ่ายหญิง ซึ่งทุกวันนี้ตนต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิต เดือนละกว่า 1 แสนบาท 

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุ ลักษณะนี้ถือเป็นการฉ้อโกง เพราะฝ่ายหญิงตั้งใจหลอก โดยมีการสร้างเรื่องต่างๆ มาหลอกให้ฝ่ายชายเชื่อและโอนเงินช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินคดี โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความแล้วเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ สภ.บางปะกง จ. ฉะเชิงเทรา

ระวังภัยออนไลน์ เข้าดูเว็บไซต์ 18+ กดหัวใจใน TikTok เพื่อรับเงินค่าคอมมิชชัน สุดท้ายโดนหลอก

วันนี้ (20 มิ.ย. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พร้อมคณะร่วมกันเปิดเผย การหลอกลวงสูงมากขณะนี้ เป็นคดีออนไลน์เรทติ้งเกี่ยวกับเว็บไซต์ 18+ และหลอกลวงให้โอนเงินทำภารกิจกดหัวใจใน TikTok เพื่อรับเงินค่าคอมมิชชัน

โดย พล.ต.ต. ชูศักดิ์ ขนาดนิด  ผบก.ตอท.บช.สอท. เปิดเผยว่า ภัยออนไลน์ที่คนร้ายหลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินทำภารกิจเพื่อรับค่าคอมมิชชันเกี่ยวกับเว็บไซต์ 18+  “เข้าดูเว็บโป๊ สูญเงิน 3 ล้าน” คนร้ายโพส Facebook โฆษณาหาเหยื่อโดยใช้รูปแบบเว็บไซต์ 18+ เหยื่อหลงเชื่อกดลิงก์เพิ่มเพื่อนไลน์  คนร้ายเสนอเงื่อนไขให้ดูฟรีและมีเงินค่าคอมมิชชันจากการโอนเงินทำภารกิจเพิ่มเรทติ้ง  

โดยดึงเข้ากลุ่มหน้าม้า 5 คน (รวมเหยื่อและคนร้ายคนที่ 2 ด้วย) จากนั้นคนร้ายให้กดเข้าลิงก์เว็บไซต์ v-verve club ปลอมเพื่อโอนเงินทำภารกิจ เมื่อเหยื่อลงทะเบียนแล้ว ในช่วงแรกให้โอนเงินทำภารกิจจำนวนไม่มาก และเหยื่อได้เงินค่าคอมมิชชัน จากนั้นให้โอนเงินทำภารกิจจำนวนมากขึ้น คนร้ายจะอ้างว่าไม่เขียนบันทึกช่วยจำ เขียนผิด เขียนไม่ครบ เว้นวรรคไม่ถูกฯลฯ เพื่อให้โอนเงินเพิ่ม  

ต่อมาเมื่อคนร้ายให้เหยื่อถอนเงินได้  แต่ต้องจ่าย ค่าภาษี 37% ค่ายืนยันบัญชี 50% และค่าอื่นๆ ทุกครั้งจะให้โอนเพิ่มและอ้างเหมือนเดิมว่า ไม่เขียนบันทึกช่วยจำ เขียนผิด เขียนไม่ครบ เว้นวรรคไม่ถูกฯลฯ ในช่วงที่ให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มนั้น คนร้ายจะแจ้งย้ำตลอดว่าสุดท้ายจะได้เงินคืนทั้งหมด ส่วนเหยื่อเห็นยอดเงินการลงทุนทำภารกิจขึ้นในระบบของเว็บไซต์ปลอม จึงเชื่อว่าจะได้เงินคืนทั้งหมดเช่นกัน สุดท้ายสูญเงินไป 3 ล้านกว่าบาท 

ขณะที่ รับโทรศัพท์ครั้งเดียว สูญเงินหลายแสน” คนร้ายใช้เบอร์โทรศัพท์ 02-502-8053 โทรหาเหยื่อแนะนำตัวว่าโทรมาจาก tiktok อยากให้ช่วยทำการตลาดโดยกดหัวใจ แล้วจะได้รับเงินค่าคอมมิชชั่นจำนวนมาก เหยื่อหลงเชื่อกดเพิ่มเพื่อนไลน์  คนร้ายส่งลิงก์แอปพลิเคชัน TikT0k ของจริงมาให้เหยื่อกดหัวใจ แล้วให้บันทึกหน้าจอส่งให้ดู  คนร้ายจ่ายเงินค่าคอมมิชชันให้เหยื่อ จากนั้นคนร้ายให้เหยื่อกดลิงก์เข้าเว็บไซต์ปลอมโอนเงินทำภารกิจง่ายๆ ใช้เงินทุนน้อย ๆ  เมื่อทำภารกิจเสร็จให้บันทึกหน้าจอส่งให้ดูแล้วให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีม้า  คนร้ายโอนเงินทุนพร้อมค่าคอมมิชชันให้เหยื่อคืนเพื่อให้หลงเชื่อ ต่อมาคนร้ายให้เหยื่อเข้ากลุ่ม VIP 3 คน และให้ทำภารกิจ 3 ภารกิจ 9 คำสั่งซื้อ แล้วจึงจะถอนเงินค่าคอมมิชชันได้หลายครั้ง 

โดยเพิ่มเงื่อนไขให้ยากขึ้น หากทำภารกิจผิดพลาดเหยื่อต้องรับผิดชอบ โดยต้องสั่งซื้อเพิ่ม 3-5 ครั้ง และต้องทำงานให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด ในภารกิจช่วงนี้คนร้ายให้เหยื่อโอนเงินซื้อพอร์ตหุ้น BTC ในเว็บไซต์ปลอมด้วย เหยื่อทำการกิจและโอนเงินตามขั้นตอนที่คนร้ายบอกให้ทำ ซึ่งแต่ละขั้นตอนยอดเงินจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และยอดเงินจะแสดงให้เห็นในระบบ เมื่อทำภารกิจเสร็จจะถอนเงินได้ คนร้ายอ้างว่าทำผิดขั้นตอน ถอนยอดไม่ตรง ต้องโอนเงินปลดล็อคระบบ และต้องโอนเงินฝากยอดเข้าระบบ สุดท้ายก็จะสูญเสียเงินไปจำนวนมาก

‘เนท MyMateNate’ จ้างตำรวจคอมมานโด ไล่ล่าในห้างฯ ล่าสุด ผบ.ตร. ตั้งกรรมการสอบแล้ว เบื้องต้นมีความผิดตามกฎหมาย

จากกรณียูทูบเบอร์ ชื่อดัง เนท MyMateNate จ้างตำรวจ 50 นาย - คอมมานโด ไล่ล่าในห้างฯร้าง ได้โพสต์คลิปภารกิจการเอาตัวรอดคลิปหนึ่ง พร้อมทั้งระบุข้อความว่า "จะรอดไหม?!" จนกลายเป็นกระแสสังคมถึงความเหมาะสมนั้น

วันที่20มิ.ย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร เปิดเผยว่า อีก 7 วันก็น่าจะรู้เรื่อง ให้ภาค7ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว เบื้องต้น เป็น ตำรวจจำนวน8 นาย ที่อยู่กองบินตำรวจ 2 นาย ตำรวจ ตชด.  6นาย เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นไม่ถึง 50 นาย มีแค่ 30 คน นอกนั้นน่าจะเป็นพลเรือน ดูแล้วทางตำรวจที่ไปก็เห็นว่าไม่ได้ขอทางผู้บังคับบัญชา ซึ่งความผิดทางเราก็ไม่ได้เป็นเอาตาย การทำอะไรก็ต้องขออนุญาตก่อน ทางผู้จัดทำยูทูปเบอร์ พูดว่ามีการจ้าง ตร. 50 คน ไปโฆษณาเป็นเรื่องของธุรกิจส่วนตัว  

ซึ่งจะมีความผิดกฎหมายหลายข้อ เช่นการแต่งกายคล้ายตำรวจ ให้ประชาชน เข้าใจผิด ดูแล้วว่าตำรวจไม่ต้องมาทำงานทำการ ไปทำงานที่อื่น มีรถตำรวจด้วย ตอนนี้ให้ฝ่าย กฎหมายตำรวจดูว่ามีการละเมิดหรือไม่

ซึ่งก็จะเรียก youtuber มาให้ปากคำดูเจตนาเค้าด้วย

‘กรมศุลกากร’ ยึดทุเรียนลักลอบนำเข้า  น้ำหนัก 8,420 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า อธิบดีกรมศุลกากรได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตภายในประเทศ และเป็นการป้องกันการสวมสิทธิผลไม้ไทยที่ส่งออกไปต่างประเทศ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกษตรกรไทยและผู้ประกอบการที่สุจริต 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 นายศศิน ปงรังษี ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 1 นายประพันธ์ จันทร์ไทยศรี นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ ได้ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรลงพื้นที่เฝ้าระวังการลักลอบขนส่งสินค้าเกษตรที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร บริเวณถนน 317(หน้าโรงพยาบาลวังสมบูรณ์) ตำบลวังสมบูรณ์ อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว พบรถบรรทุก 6 ล้อ มีลักษณะน่าสงสัย จึงทำการขอตรวจค้น พบทุเรียนสด มีถิ่นกำเนิดต่างประเทศ ไม่ปรากฏเอกสารหลักฐานแสดงการผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง จำนวน 8,420 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1,178,800 บาท

กรณีดังกล่าว ถือเป็นความผิดตามมาตรา 242 และ 246 ประกอบมาตรา 252 เจ้าหน้าที่จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 166 และ 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ยึดของดังกล่าวพร้อมนำตัวผู้ต้องหาและยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดส่งด่านศุลกากรอรัญประเทศ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘ชัยวุฒิ’ เร่งปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เดือน พ.ค. ระดมจับคนขายบัญชีม้า ซิมม้าแล้วกว่า 200 ราย

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 2/2566เพื่อเร่งรัดทุกหนว่ยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์

วันนี้ (23 มิถุนายน 2566) นายชัยวุฒิ รัฐมนตรีดีอีเอส พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์ สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.อ. ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ต. เอก รักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. พล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ท. สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการประจําสํานักงานผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ นาวาโท ศักติพงษ์ สิบหมื่นเปี่ยม ผู้อํานวยการฝ่ายเฝ้า ระวังความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ สกมช. นายเขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อํานวยการกองคดีเทคโนโลยี และสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ ไทย นายกฤษณ์ ไพโรจน์กีรติกุล ผู้อํานวยการฝ่ายอาวุโส บมจ. ธนาคารกรุงไทย ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย นางสาวสุชา บุณยเนตร ผู้ช่วยเลขาธิการสํานักงาน ก.ล.ต. นางสาวอรวรี เจริญพร ผู้อํานวยการสํานักบริหาร จัดการหมายเลขโทรคมนาคม สํานักงาน กสทช. และนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อ เศรษฐกิจและสังคม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 2/2566 เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และพิจารณากระบวนการ ดําเนินงานที่เกี่ยวข้องในการระงับยับยั้งธุรกรรมที่ต้องสงสัยและช่องทางสําหรับให้บริการประชาชนอย่าง สะดวกและรวดเร็ว

ที่ผ่านมาหลัง พ.ร.ก. มีผลบังคับใช้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดําเนินการ สรุปผลได้ดังนี้ เมื่อเทียบก่อนและหลังออก พ.ร.ก. สถิติการเกิดคดีออนไลน์ ลดลง และสามารถอายัดบัญชีคนร้ายได้มากขึ้น ดังนี้

- สถิติคดีออนไลน์ - การอายัดบัญชีก่อน เฉลี่ย 790 เรื่อง/วัน หลัง เฉลี่ย 684 เรื่อง/วัน

(คดีลดลงเฉลี่ย 106 เรื่อง/วัน) ก่อน อายัดได้ทัน 6.5% (ขออายัด 1.35 พันล้านบาท อายัดทัน 87 ล้านบาท) หลัง อายัดได้ทัน 15.3% (ขออายัด 1.5 พันล้านบาท อายัดทัน 229 ล้านบาท) (อายัดได้ทันเพิ่มขึ้น 8.8%)

ผลการดําเนินงาน 4 ด้าน

1. บัญชีม้าซิมม้าแก๊งCallCenter-ปิดกั้นSMS/เบอร์โทรหลอกลวงรวม188,915รายการ (กสทช.) / ปิดกลุ่ม facebook ซื้อขายบัญชีม้า 19 กลุ่ม (กระทรวงดิจิทัลฯ) / อายัดบัญชี 101,904 บัญชี (สตช.) / - แจ้งรายชื่อบุคคล /เจ้าของบัญชีธนาคาร ที่ใช้กระทําความผิด 993 รายชื่อ (ปปง.) / ดําเนินคดี บัญชีม้า ซิมม้า 219 คดี ผู้ต้องหา 216 คน (ตํารวจ)

2. การหลอกลวงลงทุน-ระดมทุนออนไลน์และหลอกลวงทางการเงิน-ดําเนินคดี740คดี/ผู้ต้องหา 762 ราย (ตํารวจ)

3. การพนันออนไลน์-ดําเนินคดี662คดี/ผู้ต้องหา774ราย(ตํารวจ)/ปิดกั้น2,334เว็บไซต์ (กระทรวงดิจิทัลฯ)

4. การหลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ - ดําเนินคดี 331 คดี / ผู้ต้องหา 347 ราย (ตํารวจ)

ที่ประชุมไดพ้ ิจารณาประเด็นที่สําคัญในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ 7 เรื่อง

1. เหตุอันควรสงสัยของสถาบันการเงินโดยได้กําหนดเหตุอันควรสงสัยของธุรกรรมทางการเงินที่อาจเป็น การดําเนินการของมิจฉาชีพ 18 ข้อ

2. เหตุอันควรสงสัยของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ที่อาจเป็นการดําเนินการของมิจฉาชีพ10ข้อ

3. ระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลฯ ระหว่าง สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจ

กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสมาคมธนาคารไทยอยู่ระหว่างพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล ITMX ซึ่งที่ ประชุมมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศและสมาคมธนาคารไทยเร่งรัดการจัดทําระบบแลกเปลี่ยน ข้อมูลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

4. ระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่าง ผู้ให้บริการ เครือข่ายโทรศัพท์ ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้สํานักงาน กสทช เร่งพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ เพื่อใช้ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์

5. วิธีการและช่องทางในการแจ้งเหตุอันควรสงสัย และรับส่งข้อมูล ของสถาบันการเงินฯ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตํารวจจะพัฒนาระบบ Banking เชื่อมต่อกับระบบ ITMX ของสถาบันการเงินเพื่อเป็น ช่องทางรับแจ้งเหตุอันควรสงสัย และให้ ปปง. และ DSI พิจารณาช่องทางในการรับแจ้งเหตุอันควร สงสัยและการรับส่งข้อมูลกับสถาบันการเงินด้วย

6. วิธีการและช่องทางในการแจ้งเหตุอันควรสงสัย และรับส่งข้อมูล ของผู้ให้บริการโทรศัพท์ฯ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระบบ banking ของตํารวจจะเชื่อมต่อกับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลของ

กสทช. ด้วยเพื่อรับแจ้งเหตุอันควรสงสัย

7. วิธีการและช่องทาง ของสถาบันการเงินฯ ในการรับแจ้งจากผู้เสียหาย โดยหน่วยงานได้ ร่วมกัน ดําเนินงานตาม พรก อย่างจริง

8. มาตรการอื่นๆได้แก่การควบคุมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อไม่ให้เป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยน และฟอกเงิน การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการรัฐร่วมเอกชน แนวทางการป้องกันและปราบปรามบัญชีม้าและ ซิมม้า แนวทางในการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้แก่ประชาชน มาตรการในการป้องกันปราบปรามคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีประเภท แอปพลิเคชันดูดเงิน

รัฐมนตรีชัยวุฒิฯ แจ้งว่า คณะกรรมการได้เห็นชอบแนวทางตามที่เสนอและขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นําไปดําเนินการ อย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาลดความเดือดร้อนให้ประชาชนโดยเร็วต่อไป และขอขอบคุณทุก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขานรับและตั้งใจร่วมกันในการดําเนินงานแก้ไขปัญหาลดความเสียหายและอาชญากรรมที่ เกิดขึ้น บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จับกุมผู้กระทําความผิด และดําเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า และซิมม้ามาลงโทษ ซึ่งจะสามารถบรรเทาการสูญเสียทรัพย์ได้แน่นอน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top