Saturday, 18 May 2024
แพทองธารชินวัตร

3 คู่หยุดโลก!! รับฝีปากประชันศึกดีเบต

วันที่ 22 เม.ย.66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ต้องทันกัน" โดยเสนอให้สื่อสำนักใหญ่จัดดีเบตการเมืองสามคู่หยุดโลก เริ่มด้วยคู่ “ประวิตรปะทะประยุทธ์” มันส์แน่นอน จากนั้นเป็นคู่ “สุดารัตน์ประลองกึ๋นอุ๊งอิ๊ง” แล้วตบท้ายด้วยคู่ “เศรษฐาโชว์มุมมองเศรษฐกิจกับพิธา” เชื่อว่าสื่อไหนทำได้รับรองถนนโล่ง ผู้ชมหน้าจอถล่มทลาย

นายจตุพร กล่าวถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจดหมายฉบับที่ 10 ที่มีเนื้อหาสำคัญทิ่มแทง กระชวก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ชนิดตีความเนื้อหาในจดหมายสะท้อนถึงตัดขาดความเป็นพี่น้องชายชาติทหารอย่างสิ้นเยื่อใยต่อกัน

เนื้อหาส่วนสำคัญของจดหมายฉบับที่ 10 นั้น พล.อ.ประวิตร เปิดเผยถึงการก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยสนับสนุนให้แก้ รธน.และกฎหมายเลือกตั้งมาเป็นระบบบัตรสองใบ และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ใช้ 100 หาร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คัดค้าน เชื่อตามความเห็น ส.ว. เพราะเกรงจะสู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ จึงยืนกรานให้ใช้แบบเดิมคือ บัตรเลือกตั้งใบเดียวและ ส.ส.บัญชีรายชื่อใช้ 500 หารจำนวนคะแนนเสียง พร้อมทั้งตอนท้ายของจดหมาย พล.อ.ประวิตร ยังให้ติดตามฉบับที่ 11 “ผมจะพูดถึงเรื่อง เป็นนายกต้องให้เกียรติสภาอย่างไร”

นายจตุพร กล่าวว่า ขอเสนอให้สื่อใหญ่ๆ จัดคู่ดีเบตระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร เพราะจดหมายของ พล.อ.ประวิตร ฉบับที่ 10 นั้นพุ่งเป้าโดยตรงใส่ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับกล่าวหาต่อต้านการแก้กฎหมายเลือกตั้งและ รธน.ที่เปลี่ยนจากบัตรใบเดียวมาเป็นบัตรสองใบและระบบปาตี้ลิสต์หาร 100 อีกทั้งจะมีจดหมายในฉบับที่ 11 เรื่องการเป็นนายกฯให้เกียรติสภาก็พุ่งชน พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรงเพราะถูกข้อกล่าวหาว่า ไม่ให้เกียรติสภา

"ดังนั้น คู่นี้จะเป็นคู่มวยหยุดโลก ดีเบตระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ มันต้องเกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร จะเขียนจดหมายฝ่ายเดียวได้อย่างไร และ พล.อ.ประยุทธ์ จะตอบเป็นจดหมายทำไม มาดีเบตกันเลย พูดแบบไม่มีเวลาจำกัด เมื่อ พล.อ.ประวิตร แทงเข้าขั้วหัวใจ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วยังสำทับอีกว่า จะแทงอีกครั้งหนึ่งในจดหมายที่ 11 ดังนั้น ไม่มีทางอื่นแล้ว คู่มวยหยุดโลกนี้ต้องเกิดขึ้นในเวทีดีเบต”

นายจตุพร ประเมินว่า การเขียนจดหมายพุ่งชนแบบกามิกาเซ่นั้นเป็นเพราะฐานคะแนนของ พปชร.และ รทสช. มาจากที่เดียวกัน อีกอย่างฝ่ายอนุรักษ์มีความเชื่อว่ามีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่จะหยุดทักษิณ ชินวัตร ได้ ยิ่งจะทำให้ พล.ประวิตร-พปชร. คะแนนเสียงหายไปจากจอเรดาร์

ดังนั้น ในการแข่งขันรอบแรกระหว่าง รทสช.กับ พปชร.ต้องชิงดำกันก่อน ว่าใครจะเป็นที่หนึ่งของสายอนุรักษ์ โดยไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่เป็นเรื่องของสองพลเอกชื่อ “ประวิตรปะทะประยุทธ์” เท่านั้น เพราะจดหมายฉบับที่ 10 พุ่งใส่ พล.อ.ประยุทธ์ เต็มๆ โดยไม่ต้องมีใครมาเสี้ยมหรือยุกันให้บาดหมางใดๆ

อีกอย่าง เห็นว่า เสียง ส.ว. 250 คน ย่อมอยู่กับ พล.อ.ประวิตรหรือ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น จึงต้องวัดดวลกันให้รู้ไปเลยใครจะได้ ส.ว.เสียงข้างมากมาครอง แล้วยังต้องช่วงชิงเสียงในตลาดฝ่ายอนุรักษ์ด้วยกันเพื่อแข่งกันตั้งรัฐบาล โดยวงประเมินทั่วไปในขณะนี้ เชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตรจะชนะ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้ากระแสเป็นตามปกติแล้วเสียงจะมาเทให้พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น พล.อ.ประวิตร จะปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินหาเสียงแบบสบายตัวอีกไม่ได้ จึงต้องจ้วงแทง นับเป็นการเขียนจดหมายที่อ่านการเมืองได้ขาดและพุ่งเป้าได้ตรง
ส่วนการจับมือพรรคข้ามฟากกับพรรคเพื่อไทยร่วมตั้งรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะเผยโฉมอีกไม่นาน เพียงจดหมายฉบับที่ 10 ก็เริ่มบอกเค้าลางให้เห็นบ้างแล้ว แต่จำเป็นต้องประกาศศึกกับพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งกันก่อน

อีกทั้ง เห็นว่า การเมืองมันอำมหิตมาก ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง เหมือนตามที่เพื่อไทยประกาศไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง อีกสายอนุรักษ์นิยมก็เริ่มไม่มีพี่ไม่น้องแล้ว ดังนั้น การข้ามมาเอาคะแนนเสียงอีกฝั่งที่มีเพื่อไทย ก้าวไกล ครองเสียงอยู่ย่อมเป็นไปไม่ได้ จึงต้องเปิดศึกแย่งเสียงในฝั่งเดียวกันก่อน คือ ดีงคะแนนจาก รทสช.

“ศึกดวลดีเบตระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นศึกที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับคนไทย เมื่อ พล.อ.ประวิตร ลงมือกระชวกขนาดนี้ แสดงถึงไร้ความเป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่มีความเกรงใจหลงเหลืออยู่ เพราะจดมายฉบับ 10 มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเปิดศึกชนกัน แล้วมีจดหมายฉบับ 11 มาตอกย้ำให้ชัดยิ่งขึ้น”

นายจตุพร ค่าดว่า ทางฝ่าย รทสช. ต้องรู้ตัวเช่นกันว่า กระบอกปืนจากมือ พล.อ.ประวิตร คนฝ่ายเดียวกันได้หันมายิงใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นการชี้ชะตานายกฯ ภายใต้กติกา ส.ว. 250 คน เมื่อเป็นเดิมพันสูงชนิดทุ่มสุดตัว ก็ยอมกันไม่ได้ หลีกทางให้กันก็ไม่พ้น ดังนั้น จึงต้องให้คู่นี้มาดีเบตกันแล้ว

ส่วนการดีเบตคู่ที่สอง นายจตุพร เสนอจัดประลองกึ๋นระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กับอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เพราะคุหญิงสุดารัตน์ เคยเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยมาก่อน ปัจจุบันอุ๊งอิ๊งก็เป็นแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทยอยู่ ตนเชื่อว่า ดีเบตคู่นี้คนอยากฟังมาก

ยังมีอีกคู่คือ ระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ซึ่งน่าสนใจ เพราะแนวคิดทางเศรษฐกิจในมุมต่างๆนั้นเป็นอย่างไร ส่วนนอกนั้น คงไม่ต้องดีเบตกันแล้ว เพราะแต่ละพรรคสร้างรังแต่พอตัวของตัวเองไปแล้ว คงไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร แค่รักษาฐานเสียงให้ตัวเองรอดก็หนักหนาสาหัสแล้ว

"ผมว่า การดีเบตของสามคู่นี้ จะต้องมีคนดู เอาคู่ประวิตรกับประยุทธ์ มาเป็นแมตซ์หยุดโลก ตามด้วยคุณหญิงสุดารัตน์กับอุ๊งอิ๊ง จะเห็นมุมใหม่ แล้วเศรษฐากับพิธา จะเห็นหลักคิดวิธีคิดทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ผมว่าเอาสามคู่นี้มันส์แน่”

ในสถานการณ์ทุกพรรคเร่งโหมหาเสียงนั้น นายจตุพร เล่าถึงศิลปะโกงเสียงของของนักการเมืองว่า ทุกยุคของการเลือกตั้ง ล้วนมีลูกเล่นแกมโกงเพื่อชิงคะแนนเสียงกันทั้งนั้น บางยุคกล่าวหาผู้สมัครซื้อเสียง เมื่อเขาไปแล้ว ตัวเองก็เจรจาซื้อเสียงเสียเอง บางครั้งนักการเมืองก็เขี้ยวลากดินคิดกระทั่งกล่าวหาบางพรรคใช้แบงก์ปลอมซื้อเสียง ถ้าไม่อยากติดคุกต้องนำมาแลกกับตัวเองในครึ่งราคา ดังนั้น จึงได้กำไรฟรีๆ ไปเท่าตัว อีกฝ่ายก็เจ๊งทันที แถมทุกชาวบ้านรุมด่าเอาอีก สิ่งเหล่านี้เป็นศิลปะทำลายทางการเมืองของพวกเขี้ยวลากดินที่เคยปฏิบัติชิงคะแนนเสียงกันมาแล้วทั้งสิ้น

ส่วน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.จะไม่ให้คนทุจริตเลือกตั้งไปเป็น ส.ส. พร้อมขู่ไม่ยอมให้ผีหลุดไปหนุนจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า คนไทยคงไม่เชื่อตามที่พูดแน่ ซึ่งการพูดดังกล่าวแสดงถึงจะไม่รับรองให้เป็น ส.ส. ก่อน

อีกอย่างนโยบายของพรรคเพื่อไทย เฉพาะที่มารายได้ทำโครงการเงินดิจิทัลก็ไปไม่ถูกแล้ว แต่อาจมีเจตนาการซ่อนเร้นอะไรไว้ ซึ่งหวังว่า การวินิจฉัยของ กกต.จะมีความตรงไปตรงมา เรื่องที่ไม่รู้ ก็ไม่ควรใช้ความรู้สึกของ กกต.วินิจฉัย แต่ต้องฟังผู้ชำนาญการพิจารณา และควรให้ประชาชนได้รับรู้ก่อนจะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้ง อีกทั้งต้องปฏิบัติกับทุกพรรคตรงไปตรงมาเหมือนกับปฏิบัติกับพรรคเพื่อไทยด้วย "เรื่องซื้อเสียง ผมว่า กกต.ไม่มีปัญญาจัดการอยู่แล้ว งบประมาณอนุญาตให้ใช้จ่ายเป็นเรื่องจอมปลอม เป็นการแต่งบัญชีหลอกกันทั้งนั้น มีแต่ กกต.เท่านั้นที่เชื่อเป็นจริง แต่นักการเมืองไม่มีใครเชื่อเลย จึงขอให้ กกต.ได้ทำหน้าที่อย่างสุจริต ให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมสักครั้ง อย่างน้อยคนจะได้จำว่า ได้ทำหน้าที่อย่างสุจริต โปร่งใสจริงๆ ตามที่กฎหมายกำหนด หรือที่ได้กล่าวไว้กับประชาชน"

‘อุ๊งอิ๊ง’ เตรียมลุยงานต่อหลังคลอดลูกชาย เผย พร้อมขึ้นเวทีดีเบตชูนโยบาย-โชว์วิสัยทัศน์

(3 พ.ค. 66) ที่โรงพยาบาลพระราม 9 แพทองธาร ชินวัตร ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ปิฎก สุขสวัสดิ์ แถลงความพร้อมในการทำงานต่อหลังเลือกตั้ง โดยมีครอบครัวชินวัตร นำโดย คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ พินทองทา ชินวัตร ได้พาน้อง ‘พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์’ มาพบพี่น้องสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก

แพทองธาร เริ่มต้นกล่าวขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ การคลอดน้องธาษิณ เป็นการผ่าคลอด ไม่ได้ดูฤกษ์ยาม และเป็นไปด้วยความปลอดภัยแข็งแรงดีทุกประการ ความหมายชื่อ ‘ธาษิณ-พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์’ เป็นชื่อที่ตนเองตั้ง โดย ‘จ์’ มาจาก ‘พจมาน’ หรือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ผู้เป็นยาย และ ‘ธาษิณ’ มาจาก ‘ทักษิณ’ หรือ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นตา และภายหลังการคลอดเสร็จสิ้น ก็จะพักอีกสักสัปดาห์แรก เพื่อดูแลลูกชายและเริ่มต้นทำงานต่อไป

ส่วนกรณี การทวิตข้อความของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เรื่องการกลับบ้านนั้น แพทองธาร กล่าวว่า เป็นการทวิตด้วยความตื่นเต้นและตื้นตันที่ได้หลานคนที่ 7 คุณตาทักษิณ คงอยากเจอหลานช่วงลืมตาดูโลก อีกทั้ง การพูดคำว่า “กลับบ้าน” เป็นการพูดอยู่หลายครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าอาจส่งผลต่อการเมือง แต่ไม่ผิดที่จะหวัง โดยเฉพาะถ้าวันที่บ้านมีแต่เรื่องดีๆ

‘อุ๊งอิ๊ง’ ฟาดสายปั่น!! มุ่งใช้เทคนิคทางการเมืองไม่เลิก ทั้งที่ ‘เพื่อไทย’ พูดหลายรอบ ไม่จับมือ ‘พปชร.-รทสช.’

(3 พ.ค. 66) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรืออุ๊งอิ๊ง ได้ออกมาเปิดใจถึงประเด็นที่มีคนบางกลุ่ม ออกมาปั่นกระแสถึงปมการจับมือ ของพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำชัด ไม่จับมือ โดยระบุว่า...

“อิ๊งไม่เข้าใจเลย และไม่ทราบเลยว่าเป็นกระแสของพรรคคู่แข่งหรือเปล่าที่พยายามปั่นว่าเราไม่ชัดเจน ทั้ง ๆ ที่มันชัดเจน จนไม่รู้จะชัดยังไง ทุกคนได้ออกไปพูด ไม่ใช่แค่ตัวอิ๊งค์ด้วยซ้ำ คุณเศรษฐาเองก็พูด ผู้ใหญ่ในพรรคเองก็พูด ว่าเราจะไม่จับมือ แต่ก็ยังปั่นก็อยู่ว่าไม่ชัดเจน”

อุ๊งอิ๊ง ได้เสริมว่า “คงเป็นหนึ่งในเทคนิกทางการเมือง ก็เลยไม่ทราบว่าถ้าวันนี้ยืนยันแบบนี้ จะยังปั่นกระแสกันอยู่ไหม ยังจะปั่นขึ้นอยู่หรือเปล่า”

เปิดดีลลับ ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน สถานการณ์เปลี่ยน โจทย์ประเทศเปลี่ยน..!!

ยืนยันผ่านรายการ “คุยแหลก  แดกดึก”  ของคุณเธอ..มดดำ    ว่ายังไงๆก็จะกลับประเทศไทยในเดือน ก.ค. คือเดือนหน้านี้...

และเมื่อ 4 มิ.ย.  คุณลูก..อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร   ชินวัตร  ก็ตอบคำถามนักข่าวกลางขบวนงานBangkok Pride  Parade ว่าคุณพ่อจะกลับมาแน่แต่ยังไม่กำหนดวันและรายละเอียดการเดินทาง..

ครับ เล็ก เลียบด่วน กำลังพูดถึงคุณทักษิณ ชินวัตร  นักโทษหนีคดีที่เดินทางออกจากประเทศไทยอ้างว่าไปดูกีฬาโอลิมปิก ปักกิ่งเกมส์ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2551.. สิริรวม 15 ปีแล้ว..แต่ไม่ยอมกลับประเทศทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครห้าม.. ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีว่าถ้ากลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมคือติดคุก ซึ่งตอนนี้ทักษิณมีคดีถึงที่สุดแล้ว 3 คดี รวมโทษ 10 ปี  และยังมีคดีที่อยุ่ระหว่างการพิจารณาอีก 2-3 คดี..

แต่ก่อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค.และหลังเลือกตั้ง  “ทักษิณ” ประกาศย้ำว่าจะขอกลับบ้านเพื่อเลี้ยงหลาน 7 คนโดยจะยอมรับโทษหรือติดคุก...คำประกาศนี้ทำเอาหลายคนช็อคซีนีมา  แต่หลายคนก็เฉยๆ บอกว่าต่อให้อมโบสถ์มาพูดก็ไม่เชื่อ เพราะทักษิณพูดว่าจะกลับบ้านมา 20 กว่าครั้งแล้ว...

สำหรับเล็ก  เลียบด่วน  แม้จะออกอาการไปทางไม่ค่อยเชื่อ  แต่เมื่อพิจารณาเหตุปัจจัยทางการเมิองรอบนี้แล้วก็ต้องบอกว่า  เงื่อนไขและสภาพการณ์ทางการเมืองมันเอื้ออำนวยอยู่ไม่น้อยที่จะทำให้คนแดนไกลได้ฉวยใช้โอกาสกลับบ้าน...

สถานการณ์วันนี้ผู้คนในสังคมพยายามก้าวข้ามหรือสลายสีเสื้อ  และกล่าวสำหรับฝ่ายอนุรักษ์นิยมเองก็ไม่ได้มองพรรคเพื่อไทยและทักษิณเป็นตัวอันตรายมากเท่ากับพรรคก้าวไกลที่กำลังคั่วเก้าอี้นายกฯ

ฝ่ายอนุรักษ์นิยมปักธงเชื่อว่าหากก้าวไกลขึ้นเป็นรัฐบาล พวกเขาจะเปิดประตูให้กับสหรัฐฯเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในทั้งด้วยตั้งใจและความหลงผิด อ่อนหัด และจากนั้นจะนำพาไปสู่การลดทอนทำลายสถาบันสำคัญของชาติ..

ดังนั้นกรณีทักษิณ ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้น..แน่นอนที่สุดการกลับบ้านของทักษิณต้องผ่านข้อตกลงลับพิเศษ..ภายใต้การเคารพกระบวนการยุติธรรมคือมาติดคุกในเบื้องต้น แต่ผ่อนคลายเปิดช่องให้ทักษิณได้มีลมหายใจ เห็นแสงสว่างในเบื้องปลายของชีวิต..
“เล็ก  เลียบด่วน”  เคยเล่าให้ฟังแล้วถึงกฎกระทรวง 2 ฉบับเมื่อปี 2563 ที่อาศัยพ.ร.บ. ราชทัณฑ์ ปี 2560 ออกมาเพื่อเปิดทางให้มีสถานคุมขังพิเศษตามที่กำหนด บางคนถึงขั้นบอกว่าเป็นคุกแบบเซฟเฮ้าส์..ทักษิณกลับมาอาจได้ใช้บริการ

แต่ที่เหนือกว่านั้น..แหล่งข่าวฟันธงว่าถ้าถึงขั้นยอมติดคุก แสดงว่ามีข้อตกลง มีหลักประกันที่จะเปิดโอกาสให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่  และทักษิณก็จะใช้สิทธิในตัวออกไปเลี้ยงหลาน...หรือยิ่งกว่านั้นอาจจะขอแก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี..เพื่อเปิดทางให้ทักษิณแคล้วคลาด...

ไว้โอกาสหน้า เล็ก เลียบด่วน ค่อยกล่าวถึงรายละเอียดและเทคนิคทางกฎหมายอีกครั้ง...เอาเป็นว่าวันนี้ดังที่กล่าวมาคือช่องทางของคนแดนไกล...แต่ดีลลับดีลพิเศษนี้จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อการเมืองถึงทางตัน การจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลไปต่อไม่ได้ พรรคเพื่อไทยต้องยอมเจ็บปวดย้ายขั้วสลับข้างมาร่วมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม และยินยอมให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ ดังที่เล็ก เลียบด่วน ได้วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้
สวัสดีครับ

‘อุ๊งอิ๊ง’ คอนเฟิร์ม ‘ทักษิณ’ เตรียมกลับไทย 22 ส.ค.นี้ ยัน!! การกลับมาครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการเมือง-พรรคพท.

(20 ส.ค. 66) ที่ ม.กรุงเทพธนบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการไปทำบุญที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่าได้มีโอกาสทำบุญและอวยพรให้คุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) เดินทางกลับด้วยความราบรื่น และเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ติดภารกิจ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว พอมีเวลาก็เลยอยากไปทำบุญ ซึ่งก็ได้ชวนพี่สาว สามีและเพื่อนสนิทไปทำบุญไหว้พระร่วมกัน ซึ่งก็รู้สึกสบายใจ

เมื่อถามว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณถือเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดให้กับตัวเองที่มีอายุครบ 37 ปีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ปกติเวลาพูดคุยกันเองในครอบครัว พูดเสมอว่าถ้าพ่อกลับเมื่อไหร่ ก็ถือเป็นของขวัญของทุกคนในบ้าน และใกล้วันเกิดของตนเองก็ถือเป็นของขวัญวันเกิดด้วยแน่นอน

เมื่อถามต่อถึงข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางกลับ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ความปลอดภัยตนขอรวมไปถึงเรื่องการเดินทางมาถึงแล้ว รวมถึงเรื่องสุขภาพ ที่ตนอยากให้ท่านปลอดภัยและสุขภาพแข็งแรง เพราะเมื่อเดินทางมาถึงก็ยังไม่ได้เข้าบ้าน

เมื่อถามว่านักวิชาการมีการวิเคราะห์กันว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณ ถือเป็นตัวประกันทางการเมือง และมีการเชื่อมโยงไปถึงการโหวตแคนดิเดตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เข้าใจว่าคุณพ่อถูกแยกออกจากการเมืองได้ยาก แต่การกลับมาของคุณพ่อถือเป็นการกลับมาของประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์กลับมาในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ผ่านมา 17 ปีแล้ว ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กัน ท่านก็จะพูดเสมอว่าหลาน 7 คนแล้วอยากกลับมาเลี้ยง นี่เป็นข้อแรกเสมอที่คุณพ่อพูดถึงการจะกลับมา ดังนั้นตนเข้าใจในบทบาทของคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องการเมืองหรือเรื่องเป็นตัวประกัน ท่านคิดว่ากลับมาแล้วปลอดภัย รอวันที่จะได้กลับมาอยู่กับลูกหลาน  

เมื่อถามว่ามีการพูดไปถึงว่าการกลับมาของนายทักษิณครั้งนี้ จะถูกหลอกหรือเป็นเหยื่อทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ถามกลับทันทีว่า “ถูกใครหลอก จริงๆ แล้วคุณพ่อออกไป 17 ปีแล้ว ก็จะมีหลายข้อมูลที่ได้รับ ทั้งข้อมูลที่ผิดและข้อมูลที่ถูก ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว 17 ปี ผ่านอะไรมากันเยอะมาก ดังนั้นการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจของท่านเองไม่ได้มีใครหลอก หรือท่านก็ไม่ได้หลอกใคร ซึ่งการเดินทางกลับมาครั้งนี้เป็นการตกลงกันภายในครอบครัว ท่านถึงตัดสินใจกลับมา”

เมื่อถามว่ามีการประเมินว่าหากการโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.ไม่ผ่าน อาจจะต้องมีการเสนอชื่อน.ส.แพทองธาร แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท. ซึ่งก็อาจจะกลายเป็นตัวประกันทางการเมือง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อยากให้มองการเมืองสร้างสรรค์ขึ้น การที่คุณพ่อกลับมาเป็นเรื่องของคุณพ่อกลับมา เพราะอยากกลับมาอยู่กับครอบครัว นี่คือเรื่องที่ชัดเจนมากๆ ส่วนเรื่องของการเมืองขอให้เป็นเรื่องการเมืองของพรรคพท. การกลับมาของคุณพ่อไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองหรือพรรคพท.และคดีของคุณพ่อต่างๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการโหวตนายกฯ ดังนั้นอยากให้แยก 2 เรื่องนี้ออกจากกันอย่างชัดเจน

เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณเดินทางกลับในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันโหวตนายกฯ ไม่สามารถปฏิเสธความเชื่อมโยงนี้ได้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ใช่ความเชื่อมโยงทางการเมืองใดๆ เลย เพราะวันที่ 22 ส.ค.นี้ คุณพ่อประกาศตกลงที่จะกลับมาก่อนที่จะมีการประกาศโหวตนายกฯ และส่วนตัวนับวันแล้วยังคิดว่าจะโหวตนายกฯวันที่ 18 ส.ค.นี้ ด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณพ่อบอกจะกลับมาวันที่ 31 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันหยุด คุณพ่อก็เลยเปลี่ยน ซึ่งตนเองก็ได้ช่วยดูปฏิทินวันไหนฤกษ์ดี ก็คือวันที่ 10 ส.ค. ที่ประกาศไป แต่คุณพ่อต้องไปตรวจสุขภาพ แต่ละส่วนในร่างกาย ในแต่ละสถานที่กัน ฉะนั้นจึงทำให้เลยวันที่ 10 ส.ค.ไป จึงหาวันฤกษ์ดีวันใหม่ ซึ่งตรงกับวันที่ 22 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ทางครอบครัวรู้กันก่อนที่จะมีวันประกาศวันโหวตนายกฯ

เมื่อถามว่าการตรวจสุขภาพของคุณพ่อถือว่าตอนนี้โอเคแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คุณพ่อตรวจสุขภาพทุกปี บางครั้งก็มีปัญหาบ้าง ก็ต้องมีการฟอลโลว์อัพกัน ตอนนี้คุณพ่ออายุ 74 ปีแล้ว และความจริงท่านก็เป็นคนแข็งแรง อยู่ต่างประเทศท่านก็มีผ่าตัดเล็กน้อยบ้าง แต่พอตอนนี้อายุเข้า 74 ปีต้องตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าต้องมีการดูฤกษ์ยามในการเดินทางกลับ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ก็ต้องดูนิดนึง ดูไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี วันฤกษ์ดี ทุกคนก็อยากให้ทุกวันเป็นวันที่ดี

เมื่อถามอีกว่ามีโอกาสจะเลื่อนเดินทางกลับอีกหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่มี ย้ำว่าวันที่ 22 ส.ค.นี้แน่นอน

เมื่อถามถึงดีลกับฝ่ายผู้มีอำนาจจบแล้วใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ดีลอะไร ดีลฝ่ายไหน ยืนยันว่าไม่ได้ดีลกับใครเลย”

เมื่อถามถึงขั้นตอนการเดินทางกลับที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า  คุณพ่อจะเดินทางกลับมาที่สนามบินดอนเมืองในเวลา 09.00 น. โดยเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งครอบครัวมารอรับ จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังจากนั้นจะต้องมาดูต่อว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ทั้งนี้จะไม่มีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ซึ่งครอบครัวได้มีการดำเนินการอะไรไว้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ต้องถามคุณพ่อก่อนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าครอบครัวต้องเคารพการตัดสินใจของคุณพ่อว่าจะให้ทำอย่างไร เดี๋ยวก็คงจะได้ทราบกัน

เมื่อถามว่ากระบวนการยุติธรรมล่าสุดที่มีการเปิดเผยจำนวนปีที่ต้องถูกจำคุกประมาณ 5 ปี น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในเรื่องของคดีตนขอไม่ไปแตะ เพราะกลัวจะพูดข้อมูลไม่ตรงหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้องออกไป เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวสั้นๆว่า “ยังค่ะ”

เมื่อถามว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณ ซึ่งพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนตัวยอมรับได้ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธา กล่าวว่า “ยอมรับค่ะ ตนคิดว่ามันคือการตัดสินใจของคุณพ่อ ถ้าคุณพ่อยอมรับได้ครอบครัวซัพพอร์ตเต็มที่แน่นอน” 

'อุ๊งอิ๊ง' ยังสู้!! จับซอฟต์พาวเวอร์ สร้างบารมี ต่อคิวนายกฯ ก้าวไกลว้าวุ่น 'ขุนพลฝ่ายค้าน' แต่มีคนหวงแท่น ประธานสภา 1

เลียบการเมือง...ช่วงสุดสัปดาห์นี้...ไม่มีอะไรดีไปกว่าขอสรุปหมายเหตุประเทศไทยว่าด้วยการเมืองแบบเนื้อๆ สัก 3-4 เรื่อง...ตามสไตล์ของ 'เล็ก เลียบด่วน'

เรื่องแรก - การแบ่งงานให้รองนายกฯ ทั้ง 6 คน ของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ต้องบอกว่า 'รองอ้วน' ภูมิธรรม เวชยชัย นอกจากเป็น สร.2 รองจาก สร.1 เศรษฐาแล้ว งานกำกับดูแลก็ล้นหน้าตัก นอกจากคุมกระทรวงพาณิชย์ที่ตัวเองนั่งว่าการแล้ว ยังคุมกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้ 5 เส้น คือ ข้ามฟากไปคุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของพรรคพลังประชารัฐ ด้วย...

วิเคราะห์เจาะลึกสั้นๆ งานนี้...เป็นที่ยินยอมพร้อมใจของ เจ้ากระทรวงฯ คือ ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ที่รู้อยู่แก่ใจว่า...ได้เก้าอี้กระทรวงเกษตรฯ มานั้น เพราะใคร...จากนี้ไปชวนให้จับตามองว่าสมัยหน้าคุณผู้กองน่าจะถึงเวลากลับบ้านเพื่อไทย ช่วยเป็นขุนพลคนสำคัญดูภาคเหนือ และอีสานบางส่วน...อ้าว!! ตามไปดู

เรื่องที่สอง - คำสั่งที่น่าสนใจที่สุดคำสั่งหนึ่งคือ คำสั่งที่ 230/2566 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการ 29 คน มีนายกฯ เป็นประธาน 'อุ๊งอิ๊ง' แพทอง ธารชินวัตร เป็นรองประธาน 'หมอเลี้ยบ' สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี เป็นกรรมการและเลขานุการ...

อืมม...กรณีนี้วิเคราะห์เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่า...หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเธอกัดไม่ปล่อย ตอนเปิดตัวเข้าร่วมเวทีเลือกตั้งเพื่อไทยชูธงนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์...พอตั้งรัฐบาลนี้ก็กระโดดมาจับงานนี้หวังให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเพื่อไทย...

ที่สำคัญที่สุด...นี่คือใบเสร็จยืนยันว่า 'อุ๊งอิ๊ง' จะเดินต่อไปบนเส้นทางการเมือง ด้วยความอดทน พิสูจน์ตัวตน โชว์ผลงาน...เป้าหมายคือนายกฯ คนต่อไปต่อจากเศรษฐา...

เรื่องที่สาม - เล็ก เลียบด่วน เขียนถึงบ่อยกรณี...บรรดาอดีตบิ๊กทหารที่จะมาช่วยหัวหน้าคณะรำวงย้อนยุค...สุทิน คลังแสง ที่ย่างสามขุมไปคุมกระทรวงกลาโหม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามโผ...ดังจะสรุปตำแหน่งทางการเมืองที่ ครม. ต้องประทับตราแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ 'บิ๊กทิน' ดังนี้

- ที่ปรึกษา พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 19 อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
- เลขานุการรัฐมนตรี พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ ตท.20 อดีตเลขาธิการสมช.
- ผู้ช่วยรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ ตท.20 อดีตรองผบ.ทอ.
- หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี พล.อ.มล.สุปรีดี ประวิตร หรือ 'หม่อมเป๊ป' อดีตอาจารย์ รร.นายร้อยจปร. และศึกษาอบรมบางช่วงกับตท.20

ใครจะตีความว่า...ที่จะรายล้อมช่วยงานท่าน 'บิ๊กทิน' คือ ตท.20 และแก่นแกนของรุ่นนี้เป็นสายตรงของ 'ลุงตู่' ก็ไม่ผิด...ก็รู้อยู่แล้วนี่นา...ว่า รัฐบาลเศรษฐาเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้ ก็เพราะ สว.สายลุงตู่...ไม่ต้อง งง…

เรื่องที่สี่ - แถมท้าย เล็ก เลียบด่วน ทำโพลส่วนตัวมาแล้วว่าโอกาสที่รัฐบาลเศรษฐาจะตีตั๋วยาวอย่างน้อยครึ่งเทอมหรือสองปีนั้น ชิลๆ...บีบบังคับให้พรรคก้าวไกลต้องปรับกระบวนท่า ยอมรับตำแหน่ง 'ผู้นำฝ่ายค้าน' พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงต้องช่วยปลดล็อกลาออกจากหัวหน้าพรรค...รอก็แต่กรณี 'หมออ๋อง หมูกระทะ' ปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ยังอิดออดหวงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ไม่ยอมลาออกปลดล็อกข้อกฎหมาย แต่อยากให้พรรคขับออกไปอยู่กับพรรคเป็นธรรม กอดตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เอาไว้...

ซึ่งถ้าก้าวไกลใช้แม่ไม้ ฉลาดเเกมโกงอย่างที่ว่าจริง…ต้องฟันธงว่าหมดหล่อ จะเสียหายหลายล้าน...อย่าหาทำ...ขอบอก!!

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

‘อุ๊งอิ๊ง’ เซ็นตั้ง ‘นนกุล’ นั่งอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ พร้อมเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรม ‘ภาพยนตร์’ เต็มที่

เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่ 1/2567 ออกคำสั่ง เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ เพิ่มเติม ระบุว่า…

ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 268/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2566 นั้น เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 2 (6) ของคำสั่งดังกล่าวข้างต้น 

คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จึงมีคำสั่งให้ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้

1. นายชานน สันตินธรกุล เป็น อนุกรรมการ

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 
สั่ง ณ วันที่ 9 มกราคม 2567
(ลงชื่อ) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 
ประธานกรรมการพัฒนาชอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ 

'อุ๊งอิ๊ง' ยัน!! เสียงดังโซนวีไอพีคอนเสิร์ต 'เอ็ด ชีแรน' ไม่ใช่เสียงตน  แต่มองเป็นเรื่องปกติ เพราะคนไปดูไม่ใช่ต้องนั่งเงียบเหมือนไปวัด 

(13 ก.พ.67) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์จำนวนมากเกี่ยวกับดรามาคอนเสิร์ต Ed Sheeran นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ ที่มาจัดที่ประเทศไทย แต่โซนวีไอพีกลับหัวเราะเสียงดัง ทำให้มีผู้ชมบางคนถึงกับทนไม่ไหว ต้องเดินออกระหว่างคอนเสิร์ตว่า ตนเห็นคลิปเช่นกัน ทุกท่านก็ฟังเสียงตนบ่อย “ซึ่งนั่นไม่ใช่เสียงตน” เสียงตนเป็นเอกลักษณ์ หากตะโกนคงจะจำได้ทันที เพราะตะโกนหาเสียงมาแล้ว ร้องเพลงเพี้ยนมาไม่รู้กี่รอบ

“จริงๆ ไปคอนเสิร์ตก็เป็นสถานที่ที่มีความสุข หลายคนที่ไม่ใช่เฉพาะโซนวีไอพีก็ส่งเสียงหรือร้องเพลงตาม เป็นปกติของคนไปคอนเสิร์ต ไม่ใช่ไปคอนเสิร์ตแล้วต้องนั่งเงียบ ซึ่งหากเราไปวัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไปคอนเสิร์ตก็อีกเรื่องหนึ่ง มันไม่เหมือนกัน และคิดว่าไม่มีอะไร”

เมื่อถามว่า บรรยากาศขณะนั้นมีชาวต่างชาติโวยขึ้นมาหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ไม่มี” และก่อนที่จะถึงเวลาเริ่มคอนเสิร์ต ตนก็ได้มีโอกาสเดินดูห้องวีไอพีต่างๆ เพื่อฟังแนวทางธุรกิจและแนวทางบริหารของผู้จัดงานว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตนก็รู้สึกประทับใจในสถานที่และรู้สึกว่ามีห้องรับรองพิเศษ มีเครื่องเสียงที่ดี บรรยากาศก็ดี “ย้ำว่าได้ฟังคลิปแล้วแต่ไม่ใช่ตน”

‘อุ๊งอิ๊ง’ โต้!! ไม่ใช่ตัวแทน ‘ทักษิณ’ บินกัมพูชา เข้าพบ ‘ฮุนเซน’ ยัน!! ไปในนามหัวหน้าพรรค ส่วนหัวข้อพูดคุยยังไม่ได้ตกลงแน่ชัด

(5 มี.ค.67) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดการที่จะเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาเพื่อพบสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า มีแพลนว่าจะเดินทางไปวันที่ 18-19 มีนาคมนี้ แต่แพลนโดยละเอียดยังไม่ได้ลง เพราะต้องแพลนร่วมกับทางประเทศกัมพูชาด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่กำหนดหัวข้อที่จะมีการพูดคุยกัน แต่ใกล้ถึงเวลาที่จะเดินทางไปจะมีการเปิดเผยอีกครั้งว่าจะมีการพูดกันเรื่องอะไรบ้าง

เมื่อถามถึง กรณีที่มีการวิเคราะห์ว่าการเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาครั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจทางการเมืองแทนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่ต้องแทน ซึ่งหากถึงเวลาที่นายทักษิณจะไป ท่านก็ไปเองได้ แต่ขณะนี้ตนเป็นหัวหน้าพรรค พท. ฉะนั้น จึงไปในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ในนามของนายทักษิณ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารในรัฐบาลใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ครั้งนี้ตนไปในนามพรรค พท. อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ารายละเอียดที่จะพูดคุยกันนั้น เรายังไม่ได้ตกลงกันเนื่องจากต้องดูว่าจะสามารถพูดคุยกันได้ประมาณไหน และต้องดูเรื่องความอ่อนไหวของประเด็นนั้นๆ ด้วยว่าจะสามารถพูดคุยกันได้เท่าไหร่ แต่เรื่องส่วนตัวต้องไม่คุยแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยเดินทางไปเองก็จะเป็นการคุยเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องงาน แต่ในครั้งนี้เราเดินทางไปในนามของหัวหน้าพรรค พท. เราจะต้องเตรียมเรื่องงานไปด้วย

‘อุ๊งอิ๊ง’ รับ!! จะไปตักเตือน ‘สส.เพื่อไทย’ หลังดูบอลเว็บเถื่อนช่วงอภิปรายงบในสภาฯ

(22 มี.ค.67) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถ.วิภาวดีฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง สส.พรรคเพื่อไทย เปิดชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ระหว่างทีมชาติไทย และทีมชาติเกาหลีใต้ ในช่วงที่สภาผู้แทนราษฎรมีการอภิปรายงบประมาณปี 2567 โดยชมผ่านเว็บเถื่อน ซึ่งเว็บดังกล่าวมีโฆษณาของเว็บพนันด้วยว่า ต้องตักเตือนกันเรื่องที่ดูบอลระหว่างประชุมงบประมาณ ซึ่งเป็นเวลาไม่เหมาะสม

พร้อมย้อนถามสื่อมวลชนว่า “ตรงนี้มีใครดูเว็บเถื่อนบ้างมั้ย อิ๊งค์ว่าจริง ๆ ต้องดูแลเรื่องนี้อีกทีด้วย อิ๊งค์คิดว่าเว็บเถื่อนทุกคนเข้าถึง เราก็ต้องดูเว็บที่ไม่เถื่อน หรือช่องทางที่ไม่เถื่อน เราสามารถให้ประชาชนได้ดูยังไงได้บ้าง อันนี้คงต้องดูแลกันต่อไป แต่ใช่ ไม่ควรดูในเวลานั้น อิ๊งค์ก็จะตักเตือน”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top