Friday, 4 July 2025
เยอรมนี

พิพิธภัณฑ์เยอรมนีปลดป้ายอวยยศอีลอน มัสก์ เชื่อปมเชียร์ขวาจัด - ชูมือคล้ายสัญลักษณ์นาซี

(23 ม.ค.68) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 'Deutsches Museum' ในนครมิวนิก ประเทศเยอรมนี ได้ปลดแผ่นป้ายที่เคยยกย่องอีลอน มัสก์ ในฐานะนักสร้างแรงบันดาลใจด้านอวกาศออกจากนิทรรศการ โดยไม่มีการระบุเหตุผลอย่างชัดเจนถึงการนำป้ายดังกล่าวออก  

โฆษกของพิพิธภัณฑ์ชี้แจงว่า “การยกย่องบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ในพื้นที่สำคัญของนิทรรศการ อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการยกย่องที่ปราศจากการวิพากษ์วิจารณ์” พร้อมเสริมว่าความสำเร็จตลอดชีวิตของบุคคลหนึ่งมักสามารถประเมินได้อย่างเหมาะสมในภายหลังเท่านั้น  

ก่อนหน้านี้ ป้ายดังกล่าวได้นำเสนออีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง SpaceX ควบคู่กับนักบุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์จรวดในอดีตอย่างแม็กซ์ วาลีเออร์ และแฮร์มันน์ โอเบิร์ธ ในส่วนจัดแสดง “ผู้สร้างแรงบันดาลใจจากอดีตและปัจจุบัน”  

อย่างไรก็ตาม มัสก์ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งในประเด็นการใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สนับสนุนการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ และการสนับสนุนพรรคขวาจัด AfD ของเยอรมนี นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เขายังจุดกระแสความไม่พอใจจากการแสดงท่าทางคล้ายกับการทำความเคารพแบบนาซีระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ฉลองพิธีสาบานตนของทรัมป์

‘นายกฯ แพทองธาร’ ปลื้ม!! ‘เมืองเก่าน่าน - เชียงคาน’ แหล่งท่องเที่ยวไทย!! คว้า 2 รางวัลใหญ่ ระดับโลก

เมื่อวันที่ (6 มี.ค.68) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของกรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงาน ITB Berlin 2025 งานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในโลก

ในโอกาสนี้ นายกฯ ได้เยี่ยมชมคูหาประเทศไทย และบูธนิทรรศการขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. พร้อมแสดงความยินดีที่ อพท. เป็นตัวแทนแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษ เข้ารับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก 2 รางวัล จาก Green Destinations ได้แก่ 'เมืองเก่าน่าน' รางวัล Green Destinations Award ระดับเหรียญทองซึ่งนับเป็นแห่งเดียวของเอเชียและแห่งแรกของอาเซียน และ 'เชียงคาน' รางวัล Green Destinations Top100 Story Awards อันดับที่ 2 ของโลก ตอกย้ำผลสำเร็จตามนโยบายรัฐบาลให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพในระดับสากล

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานกรรมการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนกล่าวว่า นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของประเทศไทย ในการสร้างภาพลักษณ์ ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวไทยสู่มาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในระดับสากล รางวัลเหรียญทอง Green Destinations ที่เมืองเก่าน่าน (เมืองเก่าที่มีชีวิต) ได้รับในครั้งนี้นับเป็นรางวัลที่มีมาตรฐานเข้มข้น ที่สะท้อนถึงความสำเร็จในการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่าง อพท. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ชูความโดดเด่นด้านการจัดการแหล่งท่องเที่ยว (Destination Management) เพราะปัจจุบันมีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลเพียง 160 แหล่งจากทั่วโลก รวมถึง“เชียงคาน” ที่ปีนี้ได้รับรางวัล Green Destinations Top100 Story Awards อันดับที่ 2 ของโลก ในหมวด Thriving Communities ประเด็น เมื่อคูปองอาหารเช้ากลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชียงคาน ซึ่งเป็นเรื่องราวเล็ก แต่สามารถช่วยให้เกิดการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวของเมืองเชียงคานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นผลสำเร็จที่ทำให้ได้รับรางวัลในครั้งนี้

ดร. ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการ อพท. รักษาการแทนผู้อำนวยการ อพท. กล่าวเพิ่มเติมว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ นอกเหนือจากการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนและชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่แล้ว ในระดับนโยบาย หน่วยงานภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและต่อยอดขยายผลเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันโดยมี อพท.เป็นหน่วยงานต้นน้ำในการบูรณาการการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสู่มาตรฐานสากล กรมการท่องเที่ยวเป็นหน่วยงานกลางน้ำในการรับรองมาตรฐานทางการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประไทยเป็นหน่วยงานปลายน้ำที่มีบทบาทสำคัญในการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวไปยังกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวคุณภาพทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ เพื่อยกระดับพื้นที่เมืองเก่าน่าน จังหวัดน่าน เชียงคาน จังหวัดเลย และแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับมาตรฐานและรางวัลในระดับสากล นำเสนอพื้นที่พิเศษซึ่งเป็นเมืองน่าเที่ยว ให้เป็นที่รู้จักและเกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยว และการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปยังชุมชนท้องถิ่น สร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล 

สำหรับบูธนิทรรศการครั้งนี้ อพท. ได้นำเสนอข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่ผ่านกระบวนการพัฒนาของ อพท.โดยใช้เกณฑ์ของสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก (GSTC) และนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติ พร้อมนำเสนอกิจกรรม Creative Tourism โดยสาธิตและให้ผู้ร่วมงานได้ระบายสี Art Toy หัวเรือแข่งพญานาคเมืองน่านจำลอง ออกแบบและผลิตโดยกลุ่มนักออกแบบชาวน่าน นับเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่ตอบรับกระแสความนิยมบนฐานอัตลักษณ์เมืองน่านที่มีความสวยงามและมีเรื่องราวของประเพณีการแข่งเรือของชาวน่าน และได้ร่วมประชุมหารือความร่วมมือกับหน่วยงานพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในระดับนานาชาติ ได้แก่ สมาคมท่องเที่ยวเชิงนิเวศเอเชีย (AEN) และองค์กร Green Destinations เป็นต้น

‘ทรัมป์’ เล็ง!! ถอนทหาร 35,000 นาย ย้ายจาก ‘เยอรมนี’ ไป!! ‘ฮังการี’

(9 มี.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในยุโรปด้วยการ ถอนทหารอเมริกัน 35,000 นายออกจากเยอรมนี ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นการเปลี่ยนเกมด้านความมั่นคงของ NATO และอาจทำให้สัมพันธ์สหรัฐฯ–ยุโรปเดือดพล่านยิ่งขึ้น

แหล่งข่าวจากทำเนียบขาวเผยว่า “ทรัมป์หงุดหงิดกับยุโรป เพราะพวกเขาดูเหมือนจะเร่งสถานการณ์ไปสู่สงคราม” ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะทรัมป์เคยส่งสัญญาณหลายครั้งว่า สหรัฐฯ จะไม่คุ้มกันประเทศที่ไม่ลงทุนด้านความมั่นคงของตัวเองอย่างจริงจัง

ฮังการี - เป้าหมายใหม่ของกองกำลังสหรัฐฯ?

The Telegraph รายงานว่า เป้าหมายที่เป็นไปได้ของการโยกย้ายครั้งนี้คือ "ฮังการี" ประเทศที่รักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียมาโดยตลอด และเพิ่งสร้างแรงกระเพื่อมใน EU ด้วยการวีโต้มาตรการสนับสนุนยูเครนเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา

วิกเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี เป็นหนึ่งในผู้นำยุโรปที่มักค้านการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่า การที่ทรัมป์อาจย้ายทหารไปที่นั่นเป็นการเดินเกมในลักษณะใดกันแน่ เพราะหากเกิดขึ้นจริง ก็หมายความว่าสหรัฐฯ กำลังส่งสัญญาณถึง NATO ว่า “จ่ายเยอะ—ได้เยอะ, จ่ายน้อย—จัดการตัวเอง”

โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ไบรอัน ฮิวจ์ส ให้ความเห็นว่า "แม้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การโยกย้ายกำลังทหารเป็นเรื่องที่กองทัพสหรัฐฯ พิจารณาอยู่เสมอ เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามในปัจจุบัน" ซึ่งฟังดูเหมือนแถลงการณ์กลาง ๆ แต่แปลเป็นภาษาชัด ๆ ได้ว่า "เรากำลังหาทางออกที่ดีที่สุดให้ตัวเอง"

NATO สะเทือน!! ทรัมป์ไม่สนใจ สมาชิกที่จ่ายไม่ถึงเป้า

ทรัมป์ย้ำหลายครั้งว่า ประเทศสมาชิก NATO ต้องเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้เป็นไปตามเกณฑ์ ซึ่งในปี 2024 มีเพียง 23 จาก 32 ประเทศ เท่านั้นที่ทำได้ โดย โปแลนด์ เป็นประเทศที่ลงทุนหนักสุดที่ 4.1% ของ GDP ขณะที่สหรัฐฯ ใช้ 3.4% ซึ่งทรัมป์มองว่า "เป็นภาระที่อเมริกันชนไม่ควรต้องแบก"

ทรัมป์เคยพูดตรง ๆ ว่า "ถ้าคุณไม่จ่าย ผมก็ไม่ช่วย" และถึงขั้นบอกว่า “ถ้าประเทศไหนใน NATO ไม่ยอมจ่าย ผมจะปล่อยให้รัสเซียจัดการเอง” ซึ่งนับว่าเป็นคำเตือนที่ชัดเจน และอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมทรัมป์ถึงสนใจย้ายกำลังไปประเทศที่ "จริงจัง" เรื่องงบกลาโหมมากกว่า

เยอรมนีอาจต้องรับมือเอง หากทรัมป์เดินหน้าถอนกำลัง

หากแผนนี้เดินหน้าจริง เยอรมนีอาจต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทางความมั่นคงแบบไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากฐานทัพสหรัฐฯ หลายแห่งในเยอรมนี เช่น Ramstein Air Base และ กองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำยุโรป ล้วนเป็นหัวใจสำคัญของ NATO ในยุโรป

การถอนกำลังออกจากเยอรมนีจะเป็นการตัดแรงสนับสนุนที่สำคัญสำหรับ NATO และอาจทำให้เยอรมนีต้อง เร่งเพิ่มงบกลาโหม และพิจารณาทางเลือกใหม่ ๆ ในการปกป้องประเทศของตนเอง

ในขณะที่ยุโรปกำลังจับตาว่าสหรัฐฯ จะดำเนินนโยบายนี้อย่างไร สัญญาณจากทรัมป์ดูเหมือนจะชัดเจนว่า “อเมริกาไม่ใช่ผู้คุ้มกันฟรี ๆ อีกต่อไป” และ NATO อาจต้องเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

‘T-Online’ เผยผลสำรวจ!! ชาวเยอรมัน ไม่พอใจ ‘อีลอน มัสก์’ แบนไม่ซื้อ Tesla เหตุ!! แทรกแซงทางการเมือง แสดงความเคารพแบบ ‘นาซี’ ส่งเสริม ‘ฟาสซิส’

(15 มี.ค. 68) การสำรวจชาวเยอรมันบน T-Online กว่า 100,000 คน เผยว่า 94% จะไม่ซื้อรถ Tesla ซึ่งตอกย้ำปัญหายอดขายตกต่ำในยุโรปลงไปอีก

ในปี 2024 Tesla มียอดขายลดลง 41% ในเยอรมนีเมื่อเทียบกับปี 2023 แม้ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 27% ในปี 2024 ก็ตาม

นอกจากนี้ ยอดขายของ Tesla ลดลง 70% ในสองเดือนแรกของปี 2025 ซึ่งรุนแรงกว่ายอดขายที่ตกต่ำอยู่แล้วในปี 2024 เสียอีก

สำหรับสาเหตุที่ยอดขายลดลง นอกจากการแข่งขันในตลาด EV ที่ดุเดือดขึ้นและการปรับโฉม Model Y แล้ว ยังเป็นเพราะชาวเยอรมันที่ไม่พอใจกับการแทรกแซงทางการเมืองของ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ในการเลือกตั้งท้องถิ่น และการสนับสนุนพรรค AfD ฝ่ายขวาจัด

นอกจากนี้ ชื่อเสียงของ Musk ก็พังทลายในเยอรมนีหลังจากแสดงความเคารพแบบนๅซีหลายครั้งในพิธีเปิด และโพสต์ที่น่าสงสัยหลายครั้งที่ส่งเสริมอุดมการณ์ฟาสซิส

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ทาง AfD ที่ Musk สนับสนุนก็ยังต่อต้าน Tesla อย่างแข็งขัน และออกโฆษณาที่เชิญชวนให้คนไม่ซื้อรถ Tesla

ทั้งนี้ ยอดขาย Model 3 ของ Tesla ก็กำลังร่วงลงในเยอรมนีเช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ว่า Model Y ไม่ใช่ปัญหาเดียว

อังกฤษและเยอรมนีเตือนพลเรือนที่เดินทางไปสหรัฐฯ อาจถูกส่งกลับ หลังจากนโยบายการเข้าเมืองเข้มงวดขึ้น

(21 มี.ค. 68) อังกฤษและเยอรมนีออกคำเตือนพลเรือนของตัวเองที่มีแผนจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาในช่วงนี้ โดยระบุว่า พลเรือนเหล่านี้อาจเผชิญกับความเสี่ยงสูงในการถูกปฏิเสธการเข้าประเทศ หลังจากหลายรายได้รับผลกระทบจากนโยบายการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้นภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกรณีที่มีการรายงานว่า พลเรือนจากหลายประเทศได้เผชิญสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดจากการตรวจสอบที่เข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติหรือความคิดเห็นที่อาจถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกปฏิเสธหรือถูกเนรเทศออกจากประเทศ

โดยมีกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นในรัฐเทกซัส พลเรือนจากฝรั่งเศสประสบปัญหาคล้ายกันเมื่อกลุ่ม กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากแดนน้ำหอมที่เดินทางไปประชุมวิชาการในสหรัฐฯ ได้ประสบปัญหาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียด และถูกจับกุมภายหลังการสอบสวน

หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ถูกส่งกลับประเทศฝรั่งเศส หลังจากพบว่ามีชื่ออยู่ในระบบฐานข้อมูลของ FBI โดยเหตุผลในการจับกุมและเนรเทศนั้น เกิดจากการวิจารณ์ประธานาธิบดีทรัมป์ในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิด เพื่อลงโทษบุคคลที่มีความเห็นต่างทางการเมือง

ต่อมาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ชี้แจงว่า นักวิทยาศาสตร์คนดังกล่าวถูกจับกุม เนื่องจากได้รับแจ้งจากทาง FBI ตรวจสอบแล้วว่า เป็นบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือไม่พึงประสงค์ต่อความมั่นคงของประเทศ

กรณีนี้สร้างความวิตกกังวลในหมู่ผู้ที่เดินทางไปสหรัฐฯ โดยเฉพาะนักวิจัยและผู้ที่มีความเห็นทางการเมืองแตกต่าง เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการควบคุมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่เข้มงวดมากขึ้นในสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของทรัมป์ ซึ่งสร้างคำถามเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของบุคคลในประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเสรีภาพและสิทธิพลเมือง

ด้านทางการฝรั่งเศสแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสได้ออกแถลงการณ์ประณามการปฏิบัติต่อพลเรือนฝรั่งเศสและเรียกร้องให้มีการทบทวนกระบวนการตรวจสอบของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของพลเมืองจากพันธมิตร

ทั้งนี้ อังกฤษและเยอรมนีจึงได้ออกคำเตือนต่อพลเรือนของตนว่า ควรเตรียมตัวให้พร้อมหากเดินทางไปสหรัฐฯ โดยต้องระวังเสี่ยงที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง หากมีประวัติหรือความคิดเห็นที่อาจเข้าข่ายการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากทางการสหรัฐฯ

นอกจากนี้ มีรายงานว่าผู้ถือกรีนการ์ด ก็ไม่รอดจากการถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ (ICE) โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคมอเมริกัน

หนึ่งในกรณีที่ได้รับการรายงานจากสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษคือ การจับกุม มาห์มู๊ด คาลิล (Mahmoud Khalil) นักศึกษาชาวซีเรียจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาถือกรีนการ์ดและเพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาโทในสหรัฐฯ เขายังเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของชาวปาเลสไตน์ และได้เข้าร่วมการประท้วงหลายครั้งเพื่อเรียกร้องสิทธิของชาวปาเลสไตน์ ในที่สุดเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ ICE จับกุมในอพาร์ทเมนท์ของเขาในมหาวิทยาลัย

การจับกุมมาห์มู๊ด คาลิลสร้างความตกใจและความหวาดกลัวในหมู่ผู้ถือกรีนการ์ดและพลเมืองที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เนื่องจากการดำเนินการนี้เกิดขึ้นหลังจากการปรับนโยบายของทรัมป์ที่เน้นการเข้มงวดต่อการตรวจสอบและกักกันผู้ที่ถือกรีนการ์ด รวมทั้งผู้ที่มีกิจกรรมทางการเมืองที่รัฐบาลไม่เห็นด้วย

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของทรัมป์ยังคงยึดมั่นในนโยบายที่มุ่งเน้นความมั่นคงของประเทศ และการควบคุมการเข้าเมืองอย่างเข้มงวด โดยมักมีการตรวจสอบผู้เดินทางที่มีท่าทีหรือความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสายตาของรัฐบาล

สถานการณ์นี้จึงเป็นที่จับตามองในระดับสากลและอาจสร้างความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรบางประเทศ ที่ถูกมองว่าอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเข้าเมืองของสหรัฐฯ

‘ภูมิธรรม’ เยือนเยอรมนี เยี่ยม นร.เตรียมทหารไทย เน้นย้ำภารกิจ…เรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อนำกลับพัฒนาชาติ

เมื่อวันที่ (12 พ.ค.68) ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เดินทางเยี่ยมนักเรียนเตรียมทหารไทยในประเทศเยอรมนี โดยมีนักเรียนจากทั้งเหล่าทหารบกและทหารอากาศเข้าร่วม พร้อมหารือถึงชีวิตความเป็นอยู่และปัญหาที่พบระหว่างการศึกษา

สำหรับนักเรียนเตรียมทหารที่เข้าร่วม ประกอบด้วยผู้ศึกษาในสาขาวิศวกรรมอากาศยาน วิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมไฟฟ้า โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญที่หยิบยกขึ้นมาคืออุปสรรคด้านภาษาเยอรมัน และเงื่อนไขการประดับยศของเหล่าทหารบกซึ่งต้องจบปริญญาโทก่อน

นายภูมิธรรมได้กล่าวให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วม พร้อมเน้นย้ำให้นักเรียนตั้งใจศึกษา นำความรู้ เทคโนโลยี และประสบการณ์กลับมารับใช้บ้านเกิด เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าในยุคที่การทหารต้องพึ่งพานวัตกรรม

‘เยอรมนี’ อาจฟื้นระบบเกณฑ์ทหารปีหน้า หากไม่มีอาสาสมัครมากเพียงพอในอนาคต

(26 พ.ค. 68) บอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนี เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (24 พ.ค.) ว่า รัฐบาลอาจพิจารณานำระบบเกณฑ์ทหารกลับมาใช้ภายในปี 2569 หากจำนวนผู้สมัครใจเข้าร่วมกองทัพยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ

เยอรมนีในฐานะสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) กำลังเร่งเสริมศักยภาพทางการทหารนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในปี 2565 แต่การรับสมัครทหารโดยสมัครใจยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

กองทัพเยอรมนีระบุว่า ยังต้องการกำลังพลเพิ่มอีกประมาณ 100,000 นายในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามพันธะผูกพันกับ NATO ได้อย่างเต็มที่

พิสโตริอุสกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลยังเน้นการรับสมัครทหารแบบสมัครใจเป็นหลัก แต่หากจำนวนผู้สมัครไม่เพียงพอในอนาคต อาจจำเป็นต้องพิจารณานำระบบเกณฑ์ทหารภาคบังคับกลับมาใช้ พร้อมเสริมว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจมีผลบังคับใช้เร็วที่สุดในวันที่ 1 ม.ค. 2569

ด้านอันเดรียส เฮนเน ผู้บัญชาการกองบัญชาการปฏิบัติการภายในประเทศของกองทัพเยอรมนี กล่าวสนับสนุนความพยายามในการเพิ่มจำนวนผู้สมัคร โดยระบุว่า เยอรมนีกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ยังจำเป็นต้องเร่งให้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ โครงสร้างพื้นฐาน และกำลังพล

สมาคมรถยนต์ไฟฟ้าเยอรมนี ยื่น ‘ล้มละลาย’ สื่อคาดต้นเหตุมาจากบอร์ดแตกหัก จนพาองค์กรล้ม

เมื่อวันที่ (23 พ.ค. 68) ที่ผ่านมา ศาลในกรุงเบอร์ลินได้ประกาศว่า Bundesverband Elektromobilität (BEM) หรือสมาคมรถยนต์ไฟฟ้าเยอรมนี ได้ยื่นขอล้มละลายอย่างเป็นทางการ โดยมีทนายความ โยอาคิม โฟกต์-ซาลุส ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเหตุผลที่นำไปสู่การล้มละลายยังไม่มีการเปิดเผยชัดเจน ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนีกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงและแรงสั่นสะเทือนอย่างหนัก

BEM อ้างว่ามีสมาชิกประมาณ 450 ราย ประกอบด้วยผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตสถานีชาร์จไฟ ผู้ให้บริการด้านกฎหมาย รวมถึงซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรม นอกจากนี้สมาคมยังเคยมีคณะกรรมการที่ปรึกษาระดับรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกรัฐสภาเยอรมันและยุโรป

ทั้งนี้ เบื้องหลังการล้มละลายอาจเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งภายในองค์กร ซึ่งปรากฏสู่สาธารณะเมื่อราวหนึ่งปีครึ่งก่อน โดยเป็นความขัดแย้งระหว่างอดีตประธานสมาคม เคิร์ท ซิกล์ และสมาชิกบอร์ดอีกสองราย ได้แก่ คริสเตียน ฮีพ และ มาร์คุส เอ็มเมิร์ต ในประเด็นการใช้เงินและการดำเนินงานของบริษัทในเครือ BEM Academy GmbH จนนำไปสู่การแยกทางกับ Sigl ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2024 โดยไม่มีการแต่งตั้งผู้มาแทน

จนถึงขณะนี้ สมาคมยังไม่ได้แถลงการณ์ใดๆ อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว การล้มละลายของ BEM กลายเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่สะท้อนความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของเยอรมนี ซึ่งแม้จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีนี้ในยุโรป แต่อุปสรรคภายในและแรงกดดันจากภายนอกก็ยังคงมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของภาคส่วนนี้

‘ญี่ปุ่น’ หล่นจากบัลลังก์ ครั้งแรกในรอบ 34 ปี หลังเสียแชมป์เจ้าหนี้โลกให้กับ ‘เยอรมนี’

(27 พ.ค. 68) ญี่ปุ่นสูญเสียสถานะประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี แม้ว่าสินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดก็ตาม 

ข้อมูลจากกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นระบุว่า ณ สิ้นปี 2024 สินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศของญี่ปุ่นอยู่ที่ 533.05 ล้านล้านเยน (ราว 127.93 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 13% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เยอรมนีมีสินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศรวม 569.7 ล้านล้านเยน (136.73 ล้านล้านบาท) แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่จีนอยู่ในอันดับสามด้วยสินทรัพย์สุทธิ 516.3 ล้านล้านเยน (123.91 ล้านล้านบาท)

การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิของญี่ปุ่นส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ทำให้มูลค่าของสินทรัพย์ในต่างประเทศเมื่อแปลงเป็นเงินเยนสูงขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินทรัพย์สุทธิของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น

ในทางกลับกัน การที่เยอรมนีขึ้นเป็นประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก สะท้อนถึงดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลอย่างมาก ซึ่งในปี 2024 อยู่ที่ 248.7 พันล้านยูโร (ราว 9.45 ล้านล้านบาท) เป็นผลมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง

‘ทรัมป์’ ขึ้นภาษี EU 50% ทำให้ ‘เยอรมนี’ เสี่ยงทรุดหนัก คาดสูญ 7.3 ล้านล้านบาท GDP ลดลง 1.1% ต่อปี..ถึง 2028

(27 พ.ค. 68) สถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี (IW) รายงานว่า หากสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปที่อัตรา 50% ต่อเนื่องจนสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเยอรมนีสูญเสียมูลค่าสูงสุดถึง 200,000 ล้านยูโร (ราว 7.39 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2028

การศึกษาของ IW ชี้ว่า ผลกระทบดังกล่าวจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีลดลงเฉลี่ยปีละ 1.1% ระหว่างปี 2025 ถึง 2028 และหากสหภาพยุโรปตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีในลักษณะเดียวกัน ความสูญเสียทางเศรษฐกิจของเยอรมนีอาจเพิ่มขึ้นเป็น 290,000 ล้านยูโร (ราว 10.71 ล้านล้านบาท) ในช่วงเวลาเดียวกัน

ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2025 ว่าจะเรียกเก็บภาษี 50% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป โดยให้เหตุผลว่าการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรปไม่มีความคืบหน้า และระบุว่าหากสินค้าถูกผลิตในสหรัฐฯ จะไม่ถูกเก็บภาษีดังกล่าว

ขณะที่ ลาร์ส คลิงไบล์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนี เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขข้อพิพาททางภาษีระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปโดยเร็ว เนื่องจากการเก็บภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย

ส่วนภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี โดยเฉพาะภาคการส่งออก กำลังเผชิญกับความเสี่ยงอย่างมากจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top