Wednesday, 22 May 2024
เพื่อไทย

'เพื่อไทย' รับฟังชาติพันธุ์ม้งถูกไล่รื้อที่ ย้ำ!! นโยบายตระหนักสิทธิ์ทำกิน ส่งเสริมคนอยู่กับป่า สิทธิต้องถูกพิสูจน์ กฎหมายต้องเป็นธรรม

พรรคเพื่อไทย นำโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และ ดร.ประเสริฐ พัฒนผลไพบูลย์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย รับฟังเรื่องร้องทุกข์จากตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นนายทุน ไล่รื้อที่ทำกิน ดำเนินคดีโดยไม่เปิดโอกาสให้พิสูจน์สิทธิ์ที่มีกฎหมายคุ้มครองอยู่

ดร.จำเนียร โฉมงาม ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการปกครองสภาผู้แทนราษฎรและที่ปรึกษากฎหมายกลุ่มชาวเขาม้งภูกล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนมากกว่า 10 ล้านคน กำลังถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมจากที่ดินทำกินที่ชาวบ้านได้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์มาตลอด และอยู่มาก่อนการเป็นที่ดินของรัฐ กลุ่มชาวเขาได้ต่อสู้มาอย่างยาวนาน แต่กลับถูกเลือกปฏิบัติ และละเมิดความชอบธรรมอันพึงมีพึงได้ ยืนยันว่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่มาวันนี้ เป็นคนที่อยู่ ก่อนประกาศเป็นเขตป่า แต่กลับถูกตีความว่าบุกรุกป่า  

พ่อหลวงสุรินทร์ นทีไพรวัลย์ ผู้ใหญ่บ้านหนองหอย ม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า การมาหาพรรคเพื่อไทยวันนี้เพราะเชื่อในการพูดจริงและทำสำเร็จได้จริง พรรคเพื่อไทยจึงเป็นความหวังและทางรอดของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ประสบปัญหาถูกไร่รื้อที่ดินทำกินมายาวนานเกือบ 10 ปี เราไม่อยากได้นโยบายแจกเงิน แต่เราอยากได้นโยบายที่เป็นประโยชน์ ส่งเสริมการทำมาหากิน ให้พวกเรากลุ่มชาติพันธุ์ดำรงชีวิตเลี้ยงดูช่วยเหลือตัวเองได้

'เพื่อไทย' ปั่นหนัก ได้กลิ่นยุบสภาปลายธ.ค.-ม.ค. ชี้!! หากดัน 'บิ๊กป้อม' เป็นนายกฯ จะไม่สง่างาม

(17 ก.ย. 65) - นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องพ้นจากการปฎิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายแล้วยังสามารถรักษาการต่อได้หรือไม่ว่า หากพล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้ง 35 คนก็จะหลุดจากตำแหน่งด้วย และต้องมีการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญให้พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาปฎิบัติหน้าที่ต่อ ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้เลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่วันที่ 30 ก.ย. ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร แต่ก็ดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์จะมั่นใจว่าจะได้กลับมา

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการเตรียมรับมือกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องผลจากตำแหน่งก็จะมีการดันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน นายสมคิด กล่าวว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่ง ก็ต้องมีการสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ในรัฐสภา เขาก็จะเสนอพล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อตามมาตรา 88 เพราะพปชร. เสนอพล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว หากจะมีการเสนอนายกรัฐมนตรีคนนอกก็สามารถทำได้ 

ทั้งนี้ หากจะต้องใช้คนนอกก็ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 คือ 500 เสียง เพื่อบอกว่าให้ยกเว้นรัฐธรรมนูญมาตรานี้ แต่การทำเช่นนี้ ไม่สง่างาม เนื่องจากยังมีชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่

'อุ๊งอิ๊ง' เยือนร้อยเอ็ด ช่วยผู้สมัครพท. หาเสียงชิงเก้าอี้นายก อบจ. มวลชนแห่รับ ตะโกน “ยินดีต้อนรับท่านนายกฯ”

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 ก.ย. ที่ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงโค้งสุดท้ายให้กับ นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด หมายเลข 2 พรรคพท.

โดยทันทีที่ น.ส.แพทองธารเดินทางมาถึงมีคณะมวลชนที่สวมเสื้อสีแดงยืนรอต้อนรับ พร้อมมอบดอกกุหลาบ พวงมาลัยดาวเรืองให้กับ น.ส.แพทองธาร ขณะเดียวกันประชาชนยังได้ผูกผ้าขาวม้ารอบเอวให้กับ น.ส.แพทองธาร เพื่อเป็นการต้อนรับตามประเพณีของคนอีสาน พร้อมทั้งกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับท่านนายกฯ” ทั้งนี้ ระหว่าง น.ส.แพทองธาร เดินรับดอกไม้ที่ประชาชนมามอบให้ ได้กล่าวย้ำกับประชาชนว่า ขอให้เลือกนายเศกสิทธิ์หมายเลข 2 ด้วย ก่อนเดินทางออกจากท่าอากาศยานร้อยเอ็ด 

พท.ชี้ รัฐประหาร 49 เป็น 16 ปีที่ประเทศเสื่อมถอย ลั่น รัฐประหาร ไม่ใช่ทางแก้มีแต่ซ้ำเติมปัญหา

‘ลิณธิภรณ์’ ชี้ครบรอบรัฐประหาร 49 คือ 16 ปีแห่งความหลังที่ขมขื่นเสื่อมถอย รัฐประหารต้องสูญพันธุ์ เหตุไม่ใช่คำตอบของประเทศ 

ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ (ดร.หญิง : อรุณี กาสยานนท์) รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เมื่อ 16 ปีที่แล้ว รัฐบาลภายใต้การนำของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ณ วันนี้ ผ่านมา 16 ปี ประเทศไทยเสื่อมถอยลงทุกมิติ ทั้งมิติในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมคนไทยได้เรียนรู้ร่วมกันแล้วว่า รัฐประหารไม่ใช่ข้ออ้างในการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องในการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตย เพราะการเกิดขึ้นของรัฐประหารในปี 2549 และในปี 2557 ส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้ รวม 4 ด้าน ได้แก่ 

1. วิกฤตศรัทธาต่อระบบราชการและกระบวนการยุติธรรมถดถอยตกต่ำ : หลายกรณีที่เกิดขึ้นในสังคมไทย องค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้น และระบบนิติรัฐนิติธรรม หรือระบบอุปถัมภ์เบ่งบาน อย่างกรณี ส.ต.ท.หญิง ล้วนทำให้ประชาชนเกิดคำถามและข้อสงสัยต่อทั้งระบบราชการและกระบวนการยุติธรรมไม่มากก็น้อย จนทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อระบบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 

2. การทุจริตคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น : จากการประเมินขององค์กรโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International :TI) ซึ่งได้จัดการประเมินความเชื่อมั่นต่อการทุจริตในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทยได้ชี้ให้เห็นว่าการทำรัฐประหารที่ใช้ข้ออ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนจากนักการเมืองที่โกงกิน เป็นวาทกรรมเพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำรัฐประหารเท่านั้น เพราะในปี 2564 อันดับการทุจริตในประเทศไทยอยู่อันดับที่ 104  ตกต่ำสุดในรอบ 20 ปี แต่ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลพลเรือนของ ดร.ทักษิณ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 59 เป็นอันดับที่สูงสุดในรอบ 20 ปี ตัวเลขเหล่านี้ คือเครื่องยืนยันว่ารัฐประหารและรัฐบาลที่มีที่มาจากรัฐประหาร ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตและคอร์รัปชันได้ ซ้ำร้ายปัญหายิ่งรุนแรงมากขึ้น

3. รัฐบาลกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน : รัฐบาลสืบทอดอำนาจจากผู้นำรัฐประหาร กลายเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับประชาชนมากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมาในช่วง 10 ปี จากสถิติในปี 2565 ยอดรวมจำนวนคดีทางการเมืองมีกว่า 1,065 คดี มีผู้ถูกดำเนินคดีกว่า 1,808 คน และเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 280 ราย พวกเขาหมดอนาคต เพียงเพราะความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากรัฐบาล  

4. การเติบโตทางเศรษฐกิจถดถอย : รัฐบาลสืบทอดอำนาจที่ไร้ซึ่งความรู้ ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อต้องเจอกับวิกฤตโรคระบาดใหม่อย่างโควิด-19 จึงไม่สามารถบริหารประเทศภายใต้วิกฤตได้ สะท้อนได้จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ทิ้งดิ่งติดลบหนักสุดถึงกว่า 6% โดยจากการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่มาถึง 8 ปี ทำจีดีพีประเทศคิดเป็นมูลค่าเพิ่มแค่ 2.4 ล้านล้านบาท แตกต่างจากรัฐบาล ดร.ทักษิณ แม้มีโอกาสบริหารประเทศครบวาระ และพี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาในสมัยที่ 2 รวมการเป็นรัฐบาลเพียง 5 ปี ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ต้องเจอกับโรคระบาดใหม่ เช่น ไข้หวัดนก แต่จีดีพีไม่เคยติดลบ  ยังทำให้มูลค่าจีดีพีในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านล้านบาท เช่นเดียวกับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศเพียง 3 ปี แม้จะต้องเจอกับวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ปีแรกของการเข้ามาเป็นรัฐบาล แต่จีดีพีไม่ติดลบ ซ้ำยังทำให้มูลค่าจีดีพีในประเทศตลอดอายุของการเป็นรัฐบาล เพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านล้านบาท

‘เต้น-ณัฐวุฒิ’ โบ้ย ‘พธม.’ ต้นเหตุเกิดรัฐประหารปี 49 หากวันนั้นหยุดชุมนุมหลังยุบสภา บ้านเมืองคงไปอีกทาง

(19 ก.ย. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นจุดเริ่มต้นมหากาพย์ความขัดแย้งของสังคมไทย มาตลอด 16 ปี การชุมนุมของกลุ่ม พธม. ในช่วงปี 2548 - 2549 แม้จะมีขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์การเมืองได้ ถ้ากลุ่ม พธม. ยุติการชุมนุมไปหลังจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุบสภา บ้านเมืองอาจไปอีกทางหนึ่ง และจะไม่มาสู่หนทางนี้ได้ กระทั่งเมื่อกองทัพและเครือข่ายชนชั้นนำทำรัฐประหาร จึงกลายเป็นการเริ่มนับหนึ่งของมหากาพย์ความขัดแย้ง ก่อวิกฤตความแตกแยกของสังคมไทยยาวนานมาจนถึงวันนี้

16 ปีผ่านไป ตัวละครหลักในเหตุการณ์ยังคงอยู่ครบ ทั้งฝ่ายการเมือง กองทัพ และเครือข่ายอำนาจชนชั้น ขณะเดียวกัน 19 กันยา 49 และผลพวงจากเหตุการณ์นั้น ก็ให้กำเนิดตัวละครใหม่ เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง กระทั่งขบวนการหนุ่มสาว ที่ออกมาร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน เกิดการเรียนรู้อุดมการณ์ประชาธิปไตย และมีนักประชาธิปไตยเกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา เครือข่ายชนชั้นนำและกองทัพที่มีอิทธิพลสำคัญในมหากาพย์ความขัดแย้งนี้ ก็ไม่ได้รอดพ้นจากความเสียหายที่ก่อไว้ เพียงยังทรงตัวอยู่บนรอยปริร้าวของตัวเองได้ชั่วคราว แต่วันหนึ่งความเสียหายร้ายแรงจะลุกลามไปถึง

‘ส.ก.เพื่อไทย’ คิกออฟ ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาท’ พร้อมเดินหน้าสร้างอาชีพให้เด็ก-เยาวชนช่วงปิดเทอม

‘ส.ก.เพื่อไทย’ ดันนโยบายหาเสียงทำได้จริง คิกออฟ ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท’ เริ่ม 1 ต.ค.นี้ เดินหน้าสร้างอาชีพเด็ก-เยาวชนช่วงปิดเทอม หวังเชื่อม ‘1 ครอบครัว 1 Soft power’ เพิ่มรายได้ให้คนกรุงฯ 

นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก.เขตมีนบุรี พรรคเพื่อไทย และประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565  นโยบาย ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท’ จะมีผลบังคับใช้ โดยแต่ละเขตที่ได้ลงทะเบียนชุมชนกับกทม. และผ่านเกณฑ์การคัดเลือก รวมประมาณ 2,000 ชุมชน จากทั้งหมด 4,000 ชุมชน สามารถนำงบประมาณ 200,000 บาทไปพัฒนาพื้นที่ผ่านเขตของตนเองได้ โดยในการอนุมัติการใช้งบประมาณจะมีคณะกรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งภายในชุมชนมาร่วมตัดสินใจใช้งบประมาณแบบมีส่วนร่วม 

นอกจากนี้ในช่วงปิดภาคเรียนในช่วงเดือนตุลาคมนี้ สภาฯ กทม. ได้หารือร่วมกับผู้บริหาร กทม. และสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สำนักพัฒนาสังคม เตรียมจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ให้กับเด็กและเยาวชนได้ทำกิจกรรมพิเศษ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพิ่มทักษะ ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ และเพิ่มพูนประสบการณ์ให้มากขึ้นเพื่อการต่อยอดสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว เช่น กีฬา นาฏศิลป์ จับร้อง งานฝีมือ การขายสินค้าออนไลน์ โดยจะจัดกิจกรรมที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง เป็นที่แรก สามารถรองรับเด็กและเยาวชนได้ถึง 1,000 คน และในอนาคตจะหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพิ่มเติม เช่น ศูนย์สร้างสุขทุกวัน โรงเรียนฝึกอาชีพของ กทม. และจะร่วมกันผลักดันให้โรงเรียนในสังกัด กทม. รวม 437 แห่ง ได้รับบทบาทเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพ โดยฝึกอาชีพที่จำเป็นสำหรับอนาคตให้แก่เด็กๆ นอกเวลาเรียนปกติ นำร่องเขตละ 1 โรงเรียน และให้เริ่มดำเนินการให้เห็นชัดเจนในช่วงต้นปีงบประมาณที่จะถึงนี้

'คนเพื่อไทย' อบรม 'แรมโบ้' อย่าอวยรัฐประหาร พร้อมยก 10 ข้อ ชี้!! รัฐประหารทำประเทศไร้โอกาส

นายณพลเดช มณีลังกา คณะทำงานศูนย์ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวหลังจากที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาอวยการรัฐประหาร ว่า 16 ปีการรัฐประหารประเทศไทย ทำประเทศขาดและไร้โอกาสดังนี้

1.) ประชาธิปไตยที่วางรากฐานมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จะเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนจากการร่างและการเลือกของประชาชน เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ไม่มีการแจกกล้วยในสภา

2.) ประเทศชาติบ้านเมืองสิ้นความสง่าในสายตานานาชาติ ถ้ามาจากการยึดอำนาจ โดยคณะหนึ่งคณะใดไม่เป็นประชาธิปไตย มีการกล่าวหาและตั้งข้อหาการดำเนินคดีกับผู้ถูกยึดอำนาจในสถานการณ์ไม่ปกติจากการยึดอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ไม่สามารถตรวจสอบทรัพย์สินที่งอกเงยของผู้ยึดอำนาจและองคาพยพ

3.) ระบบการศึกษา เทคโนโลยี การเกษตร อุตสาหกรรมของประเทศชาติและอนาคตของชาติหยุดชะงัก เพราะมีผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพและไร้ความสามารถ อับอายไปทั่วโลก ยึดอำนาจขึ้นมาเป็นใหญ่

4.) คนยากจนมากขึ้นทบทวีคูณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าครองอำนาจรวม 8 ปี พิสูจน์ชัดแล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ตรงกันข้ามคนจนกลับเพิ่มมากขึ้น และความเหลื่อมล้ำทางสังคมยิ่งถ่างกว้างมากกว่าเดิมอีก ดูจากจำนวนผู้ลงทะเบียนบัตรประชารัฐหรือบัตรคนจน จาก 8 ล้านคนมาถึงปัจจุบัน 12 ล้านคน

5.) รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำคนไทยมองไม่เห็นอนาคตตนเอง หาทำเงินเพื่อประคองชีวิต การทุจริตคอร์รัปชันตรวจสอบไม่ได้ ค่าแรงที่หาเสียงเอาไว้ 400-425 บาท ทำไม่ได้ นักศึกษาเรียนจบตกงานมีผู้ว่างงานจำนวน 5.5 แสนคน เพราะไม่มีเส้นสายฝากเข้ารับราชการทางพิเศษ

6.) ถ้าไม่มีการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการบินของสุวรรณภูมิที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ที่จะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ไม่มีภาพทหารมายึดครองอำนาจให้ประเทศขาดความเชื่อมั่นจากทั่วโลกแบบทุกวันนี้

‘เพื่อไทย’ โชว์วิชั่นแก้ปัญหาศก.-แนวทางสร้างรายได้ที่ชัดเจน ปชช.พัทลุงเฮรับล้นหลาม พร้อมเปิดตัวแอพฯ รวบรวมปัญหาที่ดิน ดันแก้กม.ที่ดินทับซ้อน

เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่จังหวัดพัทลุง นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วย นายปฎิพัทธ์ เมืองสุวรรณ์ และนายสุพัฒน์ แก้วจันทร์ อาสาพรรคเพื่อไทยจังหวัดพัทลุง จัดกิจรรมเปิดตัวแอพพลิเคชั่น “Surver 123” ซึ่งเป็นหนึ่งแผนจากโครงการ “พนาเศรษฐกิจ” ที่อาสาพัฒนาที่ดินทำกินของพรรคเพื่อไทยได้ลงไปดำเนินการสำรวจและรวบรวมปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนตั้งแต่ภาคเหนือ จรดภาคใต้ 

นายวรวัจน์ กล่าวว่า วันนี้จังหวัดพัทลุงปัญหาที่ดินถือเป็นปัญหาใหญ่ มีพี่น้องประชาชนหลายครัวเรือนที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง หรือที่ดินไปทับซ้อนกับพื้นที่ของหน่วยงานรัฐ วันนี้เราจึงพยายามแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน จึงพัฒนาแอพพลิเคชั่น “Surver 123” ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่กลุ่มอาสาพัฒนาที่ดินทำกินของพรรคเพื่อไทยพัฒนาขึ้นเพื่อรวบรวมปัญหาที่เกี่ยวข้องกับที่ดินของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ โดยประชาชนที่มีปัญหาเกี่ยวกับที่ดินทำกินสามารถสแกน QR Code แล้วแจ้งข้อมูลปัญหาที่ตนเองกำลังประสบลงไปบนเครือข่าย จากนั้น อาสาพัฒนาที่ดินทำกินของพรรคเพื่อไทยจะรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากประชาชน สรุปเป็นข้อเสนอส่งไปยังพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคดำเนินการคิดนโยบายมาแก้ปัญหาในภาพรวมที่เป็นรูปธรรมให้กับพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น อาจจะเป็นการแก้ไขกฎหมายที่ดินในอนาคต ดังนั้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่มีปัญหาเกี่ยวกับที่ดิน ร่วมกันสะท้อนปัญหาของตนเองผ่านช่องทางดังกล่าว ขณะเดียวกันอาสาพัฒนาที่ดินทำกินของพรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งจะลงพื้นที่ไปสำรวจ และรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน พร้อมส่งข้อมูลที่ลงไปพบเจอด้วยตนเองมาทางแอพพลิเคชั่น “Surver 123” ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากประชาชนที่ไม่สะดวกให้ข้อมูลผ่านช่องทาง QR Coad ก็สามารถเรียกหาอาสาพัฒนาที่ดินทำกินพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ของท่านให้ไปเก็บข้อมูลปัญหาให้ได้ ทั้งนี้ เราเปิดตัวแอพพลิชั่นนี้ที่จังหวัดพัทลุงเป็นจังหวัดแรกแล้ว ตนเองมองว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการร่วมมือกันระหว่างองค์กรพรรคการเมือง กับประชาชนในการแก้ปัญหาให้กับชุมชนของพวกเรา

“นอกจากการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นดังกล่าวแล้ว การลงพื้นที่จังหวัดพัทลุงในครั้งนี้ของตน และอาสาพรรคเพื่อไทย ยังมีการเปิดตัวปฏิทินปฏิบัติการในแปลงปลูก โดยปฏิทินดังกล่าวจะรวบรวมข้อมูล และผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มาคำนวณเป็นกำหนดการเพาะปลูกในพื้นที่ในแต่ละพื้นที่ว่าพืชชนิดใด อาทิ ทุเรียน หรือส้มโอ ควรต้องปฏิบัติในแปลงปลูกอย่างใดจึงจะเหมาะกับสภาพอากาศ และปริมาณน้ำในช่วงเวลานั้นๆ และในอนาคตเรามีแนวคิดที่จะพัฒนาต่อยอดเป็นระบบ AI ในการวัดอุณหภูมิ รวมถึงสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ที่สัมพันธ์กับปัญหาโรคและแมลงซึ่งเป็นศัตรูพืช เพื่อหาทางป้องกันปัญหาดังกล่าวล่วงหน้า นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีนวัตกรรมจะนำมาใช้เพิ่มผลผลิต และเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนที่ปลูกยางพารา โดยที่ผ่านมาเราได้ทดลองทำเครื่องมือที่จะสามารถทำให้กรีดยางพาราได้ตลอดทั้งปี โดยประชาชนไม่ต้องลงแรงออกไปกรีดยางด้วยตนเอง พรรคเพื่อไทยตอบสนองปัญหาที่พี่น้องประชาชนภาคใต้สะท้อนมายังพรรคอย่างเต็มที่ และพยายามขับเคลื่อนการทำงานในแต่ละจังหวัดให้ตรงกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ โดยยึดการมีส่วนร่วมของประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เป็นสำคัญ เพราะหัวใจของเราคือการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง” นายวรวัจน์ กล่าว

นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า หลังจากเปิดตัวที่จังหวัดพัทลุงแล้ว คณะอาสาเพื่อไทยจะเดินทางไปเปิดแนวทางการพัฒนาลักษณะนี้ต่อที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน นอกจากนี้แล้ว ยังจะเปิดแนวคิดนคร 8 วิถี 9 วัฒนธรรมไทย ซึ่งประกอบไปด้วย การพัฒนาแนวคิด [Soft power] ยกระดับเมืองท่องเที่ยวระดับโลกด้วยวิถีไทยด้านอาหาร,ดนตรี,ภาษา,ประเพณี,สถาปัตยกรรม,ข้าวของเครื่องใช้,เครื่องแต่งกาย และความเป็นมงคล เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในจังหวัด และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ด้วยเสน่ห์ขอบวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย และเปิดแนวคิดทางด้านนวัตกรรมที่สำคัญ คือ การใช้เทคโนโลยีเพื่อแปรรูปพืชผลทางการเกษตร และเพื่อนำไปสู่การส่งออกผลผลิตให้กับพี่น้องเกษตรกรทางภาคเหนือด้วย

‘อุ๊งอิ๊ง’ ยินดี ‘เศกสิทธิ์’ ชนะเลือกตั้งอบจ.ร้อยเอ็ด ขอบคุณชาวร้อยเอ็ด นำพาแลนด์สไลด์สู่เพื่อไทย

เมื่อวันที่ (26 ก.ย.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความยินดีกับนายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ เบอร์ 2 จากพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถล่มทลาย 301,187 คะแนน อย่างไม่เป็นทางการ ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด ระบุว่าขอแสดงความดีใจกับนายเศกสิทธิ์ด้วย และขอขอบพระคุณพี่น้องชาวร้อยเอ็ดที่ไว้ใจพรรคเพื่อไทยและนายเศกสิทธิ์ งานใหญ่ไม่สามารถทำสำเร็จโดยคนคนเดียวได้ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย พรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน

ทางด้าน น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ขอแสดงความยินดีกับว่าที่นายกองค์การบริการส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด คนใหม่คือนายเศกสิทธิ์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถล่มทลาย 301,187 คะแนน อย่างไม่เป็นทางการ ชนะขาดทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น

30 ก.ย.นี้ 'คนจนหมดประเทศ' หรือ 'จนกันหมดประเทศ' ซัด!! รัฐปลื้มได้อย่างไรที่ยอดลงทะเบียนคนจนเพิ่มขึ้น?

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเหลืออีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 ถ้ายึดตามคำประกาศของรัฐบาล คนไทยจะหายจน คนจนจะหมดประเทศ ไม่รู้ว่าระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพ้นไป กับคนไทยจะหายจน อะไรจะเกิดขึ้นได้จริงก่อนกัน IMF ออกมาเตือนเศรษฐกิจโลกถดถอย เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น 

นอกเหนือจากผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และ จีนกับไต้หวัน ปัญหาคู่ค้าสหรัฐฯ-จีน เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจโลกที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ได้เกิดความผันผวน หลายปัจจัยที่มีผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2565 นับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ปัญหาเงินเฟ้อที่ทุบค่าครองชีพคนไทย รัฐบาลพาประชาชนประคองตัวให้รอดก็ยากมากแล้ว ประกาศหลายรอบจะทำคนจนหมดประเทศ แต่ยิ่งประกาศคนจนยิ่งเพิ่มขึ้น จากจำนวนคนจน 6 ล้านคน พุ่งขึ้นเป็น 20 ล้านคน แทนที่จะยอมรับว่าเป็นความล้มเหลวรุนแรง รัฐบาลกลับดีใจที่มีคนมาลงทะเบียนคนจนเพิ่มขึ้น นี่ถ้ามีคนลงทะเบียนคนจนทั้งประเทศ จะไม่เฉลิมฉลองใหญ่โตกันเลยหรือ ที่ประกาศหลายรอบ 30 กันยาฯ คนจนหมดประเทศ หรือจนกันหมดทั้งประเทศ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top