Saturday, 4 May 2024
เตือนภัย

สยอง!! หนุ่มซื้อซูชิแถวบ้าน เจอหมึกคล้าย ‘หมึกบลูริง’ ร้านแจงไม่ได้แล่เอง สับปนกันมา พร้อมรีบคืนเงินให้

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 66 สมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพเตือนภัยลงในกลุ่ม ‘พวกเราคือผู้บริโภค’ หลังไปซื้อซูชิจากร้านแห่งหนึ่งแถวบ้าน และไปเจอซูชิหน้าหมึกที่ลักษณะคล้ายกับ ‘หมึกบลูริง’ ที่มีพิษร้ายแรง โดยระบุข้อความว่า…

“อันนี้จากร้านซูชิแถวบ้านครับ ฝากเตือนกันด้วยนะครับ ค่อนข้างจะชัดว่าเป็นวงที่หนวด ไม่ใช่ที่โคนหนวดครับผม ยังไงถ้าไม่มั่นใจ แนะนำว่าไม่ให้กิน ดีที่สุดครับ”

พร้อมกับโพสต์ภาพของซูชิหน้าหมึกคำดังกล่าว โดยที่หนวกหมึกนั้นมีวงแหวนอยู่ทุกชิ้น ซึ่งลักษณะคล้ายกับหนวดของ ‘หมึกบลูริง’ และได้โพสต์ภาพเปรียบเทียบระหว่างหมึกบลูริง กับ ‘หมึกอิคคิว’ ซึ่งหมึกอิคคิวนั้นมีวงแหวนที่แก้มแค่ 1 วง กินได้ไม่เป็นอันตราย ส่วนหมึกบลูริงนั้นมีวงแหวนที่หนวดหลายจุด มีพิษร้ายแรง

โดยผู้โพสต์บอกว่า “แจ้งทางร้านเรียบร้อยครับ ร้านขอโทษแล้ว คืนเงินมาแล้ว ร้านแจ้งว่าไม่ได้แล่เอง แต่ซื้อที่เค้าสับปนกันมาครับ”

สำหรับ ‘หมึกบลูริง’ จะมีลักษณะลำตัวขนาดเล็ก มีลายวงแหวนสีฟ้าสะท้อนแสงเล็กๆ กระจายอยู่ตามลำตัวและหนวด ตัวเต็มวัยมีขนาด 4-5 เซนติเมตร และหนวดยาวประมาณ 15 เซนติเมตร อาศัยอยู่ตามซอกหินและชอบหลบซ่อนตัวอยู่ในทรายใต้ท้องทะเล เคลื่อนที่โดยการใช้หนวดเดินจะไม่ใช้การพ่นน้ำเพื่อพุ่งตัวในการเคลื่อนที่เหมือนหมึกกล้วย

พิษของหมึกบลูริงหรือ ‘หมึกสายสีน้ำเงิน’ มีชื่อว่า ‘Maculotoxin’ (มาคูโลทอกซิน) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับพิษของปลาปักเป้าที่มีชื่อว่า ‘Tetrodotoxin’ (เทโทรโดทอกซิน) สามารถพบพิษนี้ได้ในต่อมน้ำลาย (Salivary gland) ปาก หนวด ลำไส้ และต่อมหมึก พิษชนิดนี้จะทำลายระบบประสาททำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และทำให้เหยื่อตายหรือเป็นอัมพาต ผู้ที่ถูกหมึกบลูริงกัดเปรียบเหมือนการฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือดโดยตรง

โดยพิษจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว และเร็วกว่าพิษจากปลาปักเป้า อาการเริ่มแรกของผู้ที่ถูกกัดหรือกินหมึกบลูริงเข้าไปจะมีอาการคลื่นไส้ ตาพร่าเลือน มองไม่เห็น ประสาทสัมผัสไม่ทำงาน พูดหรือกลืนน้ำลายไม่ได้ จากนั้นจะเป็นอัมพาตและหยุดหายใจเนื่องจากสมองขาดออกซิเจน หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจะทำให้ตายในที่สุด

‘ดร.เสรี’ ชี้!! ปีนี้มีสิทธิร้อนเพิ่ม ผลพวงที่ส่งต่อมาจากปี 2023

(11 ม.ค. 67) รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ รองประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า #โลกร้อนสุด 2023 อะไรจะเกิดขึ้นตามมาในปี 2024 นอกเหนือการควบคุม

ปี 2023 เป็นปีที่นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุด แต่อุณหภูมิเฉลี่ยกลับเพิ่มขึ้นกว่า 1.48oC เมื่อ 100 ปีที่แล้ว และสูงกว่าปี 2016 ที่เคยเป็นสถิติสูงสุด ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งมาจากปรากฏการณ์ El Nino ที่กำลังเกิดขึ้น และคาดการณ์ว่าจะแตะระดับสูงสุด ในเดือนมกราคมปีนี้ ดังนั้นการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงสภาพอากาศสุดขั้วต่างๆจึงเกิดตามมาโดยไม่สามารถควบคุมได้ ดังตัวอย่างการเกิดคลื่นความร้อน และไฟป่าในแคนาดา US และยุโรป น้ำท่วมใหญ่ในแอฟริกาตะวันออก รวมทั้งน้ำท่วมรุนแรงในภาคใต้ประเทศไทย

จากข้อมูลอุณหภูมิเฉลี่ยรายวันในปี 2023 ยังบ่งชี้ว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ยรายวันทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (173 วันที่อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 oC) ตั้งแต่มนุษย์เริ่มมีการใช้พลังงานฟอสซิล ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงยังคงไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์ความรุนแรงจากสภาพอากาศสุดขั้วใด จะเกิดขึ้นบ้าง และจะเกิดขึ้นเมื่อไรในอนาคต แม้แต่การคาดการณ์ปริมาณฝนยังมีความคลาดเคลื่อนสูง และไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าในระยะยาวเป็นรายเดือน รายฤดูกาล เป็นต้น เนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลก็ยังสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เหมือนกัน

ดังนั้นด้วยโมเมนตัม และการถ่ายทอดพลังงานความร้อนต่อเนื่องจากปี 2023 ทำให้ปี 2024 จึงเป็นปีที่มีความเสี่ยงสูงที่จะร้อนกว่าปี 2023 การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิดังกล่าวบ่งชี้การเกิดขีดจำกัด 1.5oC ตามข้อตกลงปารีสซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในรอบ 20-30 ปี และอาจจะแตะ 3oC จากการประเมินรายงาน NDC (National Determined Contribution) ของแต่ละประเทศที่ส่งมาในปัจจุบัน ดังนั้นเหตุการณ์ความรุนแรงจากสภาพอากาศสุดขั้วจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และต้องเฝ้าระวังกันต่อไป 

ตร. เตือน ผลิต หรือเผยแพร่ สื่อลามกสร้างด้วย AI ที่ใช้หน้าผู้อื่น โทษสูงสุด คุก 5 ปี ปรับ 200,000 บาท

วันนี้ ( 21 มกราคม 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ โดยปัจจุบันได้มีกลุ่มมิจฉาชีพได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มาใช้ในการสร้างเนื้อหาปลอมขึ้นมาเพื่อใช้ในการฉ้อโกง หรือสร้างความเสียหาย นั้น

ในห้วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพได้นำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการสร้างสื่อลามกปลอม โดยการนำภาพของบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ดารา นักร้อง นักแสดง ต่าง ๆ ตลอดจนบุคคลทั่วไป มาใช้เป็นใบหน้าตัวอย่างให้ปัญญาประดิษฐ์นำไปสร้างภาพคลิปหรือภาพลามกที่ปรากฎหน้าของบุคคลดังกล่าวขึ้น จากนั้นนำไปเผยแพร่ หรือขายผ่านช่องทางต่าง ๆ

โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สรุปความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับ ผู้ที่ผลิต เผยแพร่ และส่งต่อสื่อลามกปลอมที่สร้างด้วย AI จะเข้าข่ายความผิดทางอาญา 6 ฐานความผิด ตามกฎหมายดังต่อไปนี้

1. ความผิดฐาน “หมิ่นประมาท” – ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

2. ความผิดฐาน “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” – ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

3. ความผิดฐาน “ผลิต มีไว้ ซึ่งสื่อลามก เพื่อการค้า เพื่อการแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน” - ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287(1)

4. ความผิดฐาน “โฆษณาหรือไขข่าวว่าจะหาสื่อลามกได้จากบุคคลใด หรือวิธีการใด” - ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287(3)

5. ความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” - ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(4) หรือ มาตรา 14(5) แล้วแต่กรณี

6. ความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย” – ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 16

นอกจากความผิดทางอาญาที่ได้กล่าวไปข้างต้น ผู้เสียหายที่ถูกนำภาพมาใช้เป็นภาพใบหน้าของบุคคลในสื่อลามกดังกล่าว ยังสามารถฟ้องเรียก “ค่าสินไหมทดแทน” จากผู้ที่กระทำ “ละเมิด” ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 อีกด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนมายังพี่น้องประชาชน ที่นำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มาใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นสนุก หรือหยอกล้อผู้อื่น รวมไปถึงผู้ที่ผลิตหรือพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เพื่อนำมาใช้ผลิตสื่อลามกจากภาพใบหน้าของบุคคลอื่น เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ให้หยุดการกระทำในลักษณะดังกล่าวทันที เพราะการกระทำของท่านเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย และต้องระวางโทษสูงสุดถึง จำคุก 5 ปี และ ปรับสูงสุดถึง 200,000 บาท

ส่วนผู้ที่คิดจะซื้อสื่อลามกของบุคคลมีชื่อเสียง ท่านอาจถูกหลอกจากกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์สร้างสื่อลามกดังกล่าว

สุดท้าย หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'สาว' แชร์ประสบการณ์ตรง ป่วยโรคหูดับ ต้องผ่าตัดสมองด่วน ชี้!! ไม่ได้กินหมูดิบโดยตรง แต่ได้เชื้อจากปลายตะเกียบคีบหมูกระทะ

(23 ม.ค.67) สาวเปิดเรื่องจริง ป่วยหูดับ ต้องผ่าตัดสมอง เดินไม่ได้ ภัยร้ายไม่แยกตะเกียบกินหมูกระทะ เป็นเรื่องราวที่ได้รับการแชร์ต่อๆ กันเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์ หลังหญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์คลิปเล่าเรื่องราวว่า “กินหมูกระทะอยู่ดีๆ ตื่นอีกทีเป็นคนพิการ ติดเชื้อจากปลายตะเกียบ”

เรื่องราวของ คุณมาย อายุ 24 ปี เจ้าของแอคเคาต์ mykai1269 ที่ออกมาเตือนเรื่องราวดังกล่าว มีใจความดังนี้
เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 ที่ผ่านมา คุณมายมีอาการไข้ขึ้นจนชักสลบไป 5 วัน ตื่นมาหู 2 ข้างไม่ได้ยิน โดย คืนที่ 1 เริ่มแรกมีไข้ขึ้นสูงแต่ไม่สูงมาก เช็ดตัวกินยาก็ดีขึ้น เลยกลับไปทำงาน
คืนที่ 2 ไปหาหมอเอกชน กินยาที่หมอให้ ไข้หาย เลยคิดว่าหายแล้ว เลยหยุดกิน
คืนที่ 3 อยู่ๆ ปวดหัวข้างเดียว ปวดมากๆ กินยาไมเกรน แขนขาหนักมากแทบขยับไม่ได้ คลายไปหยิบโทรศัพท์โทรให้พี่ที่รู้จักพาไป รพ. เดินลงมารอรถ อ้วกใต้คอนโด

มายเล่าต่อว่า พอถึง รพ. อ้วกอีกรอบ อ้วกเสร็จ ชักสลบไป 5 วัน ระยะเวลาที่สลบฝันว่าเดินอยู่ในโรงพยาบาลฟีลเหมือนวิญญาณหาร่างไม่เจอ สะดุ้งรู้สึกตัวทุกครั้งที่หมอพ่นยาที่จมูก แล้วหลับต่อ พอตื่นขึ้นมา หู 2 ข้างไม่ได้ยินอะไรเลย ขาเดินไม่ได้ ขณะนั้นหมอให้ยาฆ่าเชื้อทุก 12 ชั่วโมง

พออยู่ รพ.ได้ 1 เดือน เข้าเครื่องซีทีสแกนแล้วพบว่ามีของเหลวในสมอง อ.หมอถามว่า “ผ่าคืนนี้เลยไหม” เธอเลยรีบตอบเลยว่าผ่าค่ะ สำหรับขั้นตอนรักษาคือ ให้ยาฆ่าเชื้อ ฉีดสเตียรอยด์เข้าหูเพื่อให้กลับมาได้ยิน ทำกายภาพบำบัด เพราะตื่นมาก็เดินไม่ได้ จากนั้นก็เข้าห้องเช็กหูตลอดว่าได้ยินไหม ทำกายภาพบำบัดทุกอาทิตย์ จนตอนนี้ออกจาก รพ.แล้วยังเดินเซอยู่เลย ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เข้าห้องน้ำคนพิการ อยากแชร์ไว้เป็นอุทาหรณ์ใช้ชีวิตอย่างระวัง ถึงไม่กินหมูไม่สุกก็หูดับได้” เธอรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 44 วัน โดนเข็มแทงข้างละ 20 กว่าเข็ม หมอไม่ได้บอกว่าเป็นไข้หูดับ 

หมอบอกแค่ว่า เยื่อหุ้มสมองอักเสบแล้วก็หูดับนะ หมอยังไม่แน่ใจว่าเชื้อที่อยู่ในสมองเป็นเชื้ออะไร แต่เรามั่นใจว่าเราไม่ได้กินหมูดิบ หรือหมูไม่สุกแน่นอนต่อมาวันที่ 22 ธันวาคม 2566 มายอัปเดตว่า ตอนนี้หูเริ่มได้ยินบ้างแล้ว เริ่มเดินคล่องตัวแล้ว แต่มีเซบ้าง เพราะเชื้อกินสมองไปเยอะ

อย่างไรก็ตาม เธอบอกด้วยว่า หูดับไม่ได้เงียบ ได้ยินเสียงรบกวนตลอดเวลา เสียงลม เสียงเหล็กกระทบกัน เสียงโทรศัพท์ แต่ไม่ได้ยินเสียงคนพูด โดยระหว่างนั้น เธอได้สื่อสารโดยการให้หมอหรือพยาบาลเขียนใส่กระดาษ หรือพิมพ์ในโทรศัพท์ ส่วนเธอก็พูดออกเสียงตอบ มากไปกว่านั้น มีหลายๆ คนให้ความสนใจถามถึงสาเหตุของการติดเชื้อในคลิป “กินหมูกระทะอยู่ดีๆ ตื่นอีกทีเป็นคนพิการ ติดเชื้อจากปลายตะเกียบ” เธอเล่าไว้ว่า ไม่ได้กินหมูไม่สุกหรือหมูดิบนะคะ เชื้อน่าจะมาจากปลายตะเกียบหรือช้อน อยากแชร์ประสบการณ์เป็นอุทาหรณ์ให้ใช้ชีวิตระมัดระวังกันนะคะ (แต่ที่คลิปออกมาร่าเริง เพราะเราติดตลกค่ะ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วไม่รู้จะเครียดไปทำไม)

กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา เจ้าตัวได้อัปเดตอาการหลังป่วยและผ่าสมอง ออกจาก รพ.ได้ 1 เดือน และเข้ารับการรักษา 3 เดือนว่า ตอนนี้สมองยังไม่กลับมา 100 เปอร์เซ็นต์ ยังเดินเซอยู่ เหม็นกลิ่นเนื้อสัตว์ ยิ่งเนื้อหมูยิ่งเหม็น กินไม่ได้เลยจะอ้วก (ผลจากการผ่าสมอง) สิ้นสุดการรักษา หูได้ยินข้างเดียว

เตือนภัย “Phishing Email กลโกงล้วงข้อมูล Login” ข้อสังเกตและวิธีป้องกันที่ถูกต้อง

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เตือนภัยประชาชนเรื่องความเสียหายจากอาชญากรรมการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ล่าสุดคนร้ายได้มีกลโกงใหม่ที่ชื่อว่า “Phising Email” เพื่อหลอกดักเอาข้อมูลสำหรับการ Login เข้าระบบ สร้างความเสียหายให้อย่างมาก
ล่าสุดได้มีกรณีศึกษาเรื่องกลโกง Phishing Email แอบอ้างเป็น Bitkub สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงแจ้งเตือนภัยให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบถึงพฤติการณ์ของคนร้ายและจุดสังเกตของคนร้ายเพื่อให้รู้เท่าทันกลโกงและไม่ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย
ลักษณะของกลโกงที่แอบอ้างเป็น Bitkub คือ คนร้ายได้ส่ง Email ถึงเหยื่อโดยจ่าหัว Email ระบุว่า “อัปเดตข้อมูล KYC ของบัญชีเพื่อป้องกันการระงับบัญชี 17 พฤศจิกายน 2566” เพื่อจะให้เหยื่อกด Link และอัปเดตข้อมูลภายในเวลาที่กำหนดตามภาพด้านล่าง

หลังจากนั้น เมื่อเหยื่อได้กดเข้า Link แล้ว จะมีหน้า Website Login ปรากฏขึ้นเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ปลอม (ในกรณีนี้คือ Bitkub) เพื่อให้เหยื่อกรอกข้อมูล Email และ Password สำหรับ Login เข้าสู่เว็บไซต์ เมื่อเหยื่อกรอกข้อมูลดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เว็บไซต์ปลอมจะเปิดหน้าให้เหยื่อกรอก OTP เพื่อเข้าสู่ระบบต่อไป 
หากเหยื่อกรอกข้อมูลครบทั้งหมดคนร้ายจะนำข้อมูลที่ดักได้ ไปใช้ในการยึดเอาบัญชีผู้ใช้ของเหยื่อเพื่อขโมยเอาสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหยื่อถือไว้ในบัญชีไปทั้งหมดตามภาพด้านล่าง

นอกจากนี้ในหน้า Email หรือเว็บไซต์ จะมีช่องทางให้เหยื่อกดเพื่อต่อติด Customer Support ที่คนร้ายปลอมขึ้นมาเพื่อเสริมความแนบเนียน และเพิ่มโอกาสในการดักล้วงข้อมูล Email หรือในบางกรณีอาจมีการให้เพิ่มเพื่อนใน LINE เพื่อติดต่อพูดคุยกับคนร้าย ซึ่งในระหว่างสนทนาคนร้ายก็จะพยายามหลอกล่อเอาข้อมูลและพยายามส่ง Link Download Appplication ควบคุมโทรศัพท์มือถือของเหยื่อเพื่อดูดเอาเงินในบัญชีของเหยื่อต่อไป
จุดสังเกตหลัก: 
1. Email ที่คนร้ายส่งมานั้นจะไม่ใช่ชื่อหน่วยงานหรือบริษัทนั้นตรงๆ ยกตัวอย่างเช่น
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
o [email protected]
2. เว็บไซต์ที่เปิดขึ้นมาจะมีชื่อ Domain สะกดผิดหรืออ่านแล้วไม่เข้าใจความหมายตามตัวอย่างข้างล่างในกรณีนี้
o bit-kub.web.app
o ibitkub.web.app
o bikkub.web.app
o kyc-bilkub.web.app
o bifkub.web.app
o bilkub.web.app/bitkub
o firesbitkubwallet.web.app
o firesbitkubwallet.web.app
o bitkubswap.web.app
นอกจากนี้มักปรากฏว่า แม้ระบบ Login จะมีการร้องขอรหัส OTP ก็ไม่สามารถป้องกันการขโมยบัญชีของคนร้ายได้ เพราะคนร้ายได้หลอกเอาข้อมูลส่วนนี้ของเหยื่อไปด้วย ทำให้สันนิษฐานได้ว่าคนร้ายมีการ Monitor ระบบ Phishing ตลอดเวลา จึงถือว่าน่ากังวลเป็นอย่างมาก และใน Email ของคนร้ายจะกำหนดเวลากระชั้นชิดให้เหยื่อเกิดความวิตกกังวลและรีบกดดำเนินการตามที่คนร้ายวางแผนไว้ ซึ่งเมื่อติดต่อ Customer Support ปลอมของคนร้ายไป จะมีการขอให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือกด Link Download Application ควบคุมโทรศัพท์มือถือ
วิธีป้องกัน:
1. ติดตามข่าวสารจากหน่วยงาน และแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้อยู่สม่ำเสมอเพื่อให้รู้เท่าทันกลโกงของคนร้าย
2. ก่อนกด Link ใดๆ ให้ตรวจ URL ของ Link ให้ดี หากมีพฤติการณ์เหมือนในข้อสังเกตให้หลีกเลี่ยง
3. ไม่ Download และติดตั้ง Application จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ควร Download และติดตั้ง Application จากช่อง Play Store(Android) หรือ App Store (IOS) เท่านั้น
4. หากพบเห็น Email ที่น่าสงสัยปรากฏในช่อง Inbox ให้ Block Sender นั้นๆ ทันที
5. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่จำเป็นซึ่งนำไปสู่การขโมยบัญชีได้

สำหรับช่องทางรับรู้ข่าวสารเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.go.th

เตือนภัย!! เจ้าของธุรกิจโรงแรม - ลูกค้า มิจฉาชีพแฮกระบบจองออนไลน์ระบาดหนัก

 

ธุรกิจโรงแรม ผวา!! หลังพบกลโกงมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ ใช้วิธีแฮกข้อมูลจากเว็บจองห้องพักชื่อดัง โดยแอบนำข้อมูลการจองของลูกค้าตีเนียนขอเงินคืน ชี้ เริ่มระบาดถึงประเทศไทย เตือน!! เจ้าของโรงแรมตรวจสอบข้อมูลให้ดี ก่อนตกเป็นเหยื่อ

(2 ก.พ. 67) หลังจากมีรายงานข่าวว่า แพลตฟอร์มจองห้องพักโรงแรมออนไลน์ (Travel Agent) รายใหญ่ของโลกถูกเจาะระบบในต่างประเทศ และนำข้อมูลการจองของลูกค้าไปใช้ ทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก

ล่าสุด กลุ่มมิจฉาชีพ ได้เริ่มเข้ามาเล่นงานธุรกิจโรงแรม และลูกค้าโรงแรมในประเทศไทยแล้ว โดยนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมย่านสุขุมวิทรายหนึ่ง ได้ให้ข้อมูลว่า ในช่วงนี้หลาย ๆ โรงแรมในไทยจะได้รับสแปมเมล์ ที่เป็นชื่อของเอเจ้นท์จองห้องพักรายใหญ่รายหนึ่ง ส่งเข้ามาจำนวนมาก โดยรูปแบบจะเปลี่ยนเนื้อหาหลอกล่อ (Scam) ไปเรื่อย ๆ และทุกครั้งอีเมล์จะแนบ link ให้กดเข้าดู ทั้งนี้ หากเผลอกดเข้าไปดู ทางแฮกเกอร์ หรือ มิจฉาชีพ ก็จะได้ข้อมูลการจองของลูกค้าและโรงแรมไป

หลังจากนั้น จะมีการนำข้อมูลการจองของลูกค้าทำการยกเลิกการจอง และให้คืนเงินค่าจอง ซึ่งรูปแบบนี้จะใช้ได้กับการจองที่ยังไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ต้องวางวงเงินในบัตรเครดิตไว้ก่อน แน่นอนว่า หากเจ้าของธุรกิจโรงแรม หรือ พนักงานไม่ตรวจสอบให้ละเอียด ก็อาจจะเกิดความเสียหายได้

นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบการให้คลิก link ที่แนบมา ซึ่งหน้าตาเหมือนกับ link เอเจ้นท์ จากนั้นให้กรอกพาสเวิร์ดเข้าระบบ หลังจากได้พาสเวิร์ดเข้าระบบแล้ว ทางมิจฉาชีพจะส่งข้อความไปหาลูกค้าที่ทำการจองห้องพักให้โอนเงิน หรือ อาจจะมาในรูปแบบการร้องเรียน (Complaint) ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าพักจริง และแนบ link ที่เป็น Scam เพื่อหลอกให้กดเข้าไปดูเพื่อเอาข้อมูลลูกค้า เรียกได้ว่า มีสารพัดกลโกงหลากหลายรูปแบบที่นำมาใช้ล่อลวง

ขณะที่ในฝั่งของลูกค้า ยังมีอีกรูปแบบหนึ่งที่น่ากลัวอย่างมาก คือ แฮกระบบ Extranet ของเอเจ้นท์ แล้วส่งข้อความปลอมจากโรงแรมให้ลูกค้าที่จองห้องพัก โดยแนบ link มาให้กด แล้วให้เข้าไปกรอกข้อมูลบัตรเครดิตการ์ดใหม่ ซึ่งลูกค้าบางคนกลัวว่าจะโดนยกเลิกห้องพัก และไม่ทันระวังตัวตรวจสอบรายละเอียดให้ดี ก็อาจจะตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางเจ้าของธุรกิจโรงแรมหลายแห่ง ได้รวมตัวกันและส่งเรื่องไปยังเอเจ้นท์รายดังกล่าว เพื่อให้หาทางป้องกันไม่ให้เกิดช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเจาะระบบและนำข้อมูลไปใช้ แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด โดยตัวแทนของเอเจ้นท์ได้ยืนยันว่าระบบมีความปลอดภัยแล้ว

นักธุรกิจเจ้าโรงแรม คนดังกล่าว ยังฝากเตือน เจ้าของธุรกิจโรงแรม พนักงาน และลูกค้า หากเจออีเมล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เป็นชื่อแปลกคล้าย ๆ กับอีเมล์ของเอเจ้นท์ที่รับจองห้อง และมี link ให้กด หรือ ให้ตรวจสอบบัตรเครดิต กรอกข้อมูลต่าง ๆ อย่าเพิ่งหลงเชื่อ ให้ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด เพราะอาจเป็นมิจฉาชีพก็ได้

‘ผู้ปกครอง’ เฝ้าระวัง!! ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ แปลงร่างเป็น ‘Toy Pod’ ผลิตเลียนแบบ ‘ตุ๊กตา-ของเล่น-กล่องขนม’ หวั่นระบาดสู่เด็ก

(21 มี.ค. 67) ผศ.ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ ผู้จัดการโครงการศึกษาพัฒนาขยายผลการเฝ้าระวังและจัดการความรู้ผลิตภัณฑ์เสี่ยงสุขภาพ เปิดเผยว่า ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าได้ปรับเปลี่ยนรูปโฉมของสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นใหม่ให้ห่างไกลจากบุหรี่มวน โดยใช้การตลาดการ์ตูน ปรับรูปร่างหน้าตาจากบุหรี่ไฟฟ้าแบบเดิม มาเป็นบุหรี่ไฟฟ้า Gen 5 ‘toy pod’ หรือบุหรี่ไฟฟ้าตุ๊กตา ที่ผลิตเลียนแบบตุ๊กตา ของเล่น ตัวการ์ตูนฮิต อาร์ตทอย ทำเหมือนกล่องขนม ขวดน้ำผลไม้ ไปจนถึงเครื่องเขียน ชนิดเลียนแบบได้เหมือนสมจริงทั้งรูปร่างหน้าตา ขนาด และสีสัน และมีขนาดเล็ก ซึ่ง toy pod ใช้นิโคตินปรับโครงสร้างหรือนิโคตินสังเคราะห์ทำให้สูบง่ายไม่ระคายคอ มีนิโคตินสูง 3-5% สูบได้นานถึง 8,000-15,000 พัฟฟ์

โดย toy pod จะผลิตเลียนแบบตัวการ์ตูนตุ๊กตายอดฮิต โดราเอมอน Super Mario โปเกมอน บางรุ่นเลียนแบบอาร์ตทอยชื่อดังอย่างตุ๊กตา Molly ตุ๊กตา plush หรือตัวการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์ บางรุ่นสร้างตัวการ์ตูนขึ้นมาเองเป็น brand character เช่น การ์ตูนโจรสลัด โดยขายสินค้าผ่านการผจญภัยของตัวการ์ตูนและเหล่าสมุน บางรุ่นทำเหมือนของเล่นเลโก้ และผลิตออกมาเป็นคอลเลคชั่นคล้ายของสะสม แต่ละชุดมี 10-12 ตัว มีชื่อเรียกแต่ละชุด มีสีแตกต่างกันเพื่อบอกรสชาติ กลิ่นหอม รสชาติผสมผสานกันทั้งผลไม้ ความเย็น และลูกกวาด เช่น รสแตงโม พีช มิ้นท์

“เป็นที่น่าตกใจที่การตลาดล่าเหยื่อเด็กนี้ประสบความสำเร็จ จากการมีข่าวว่ามีการระบาดในกลุ่มนักเรียนระดับประถม ล่าสุดพบเด็ก ป.1 (6 ขวบ) พกบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้นพ่อแม่ ครูและโรงเรียน ควรต้องคอยเฝ้าระวังบุหรี่ไฟฟ้าแปลงร่างเหล่านี้ที่เป็นอันตรายต่อเด็ก เพราะ toy pod ออกแบบช่วงปากสูบให้กลมกลืนไปกับตัวตุ๊กตา จนอาจไม่ทราบว่านี่คือบุหรี่ไฟฟ้า หากนำมาวางปนกันกับของเล่น อาจแยกไม่ออกว่าอันไหนคือของเล่นจริง อันไหนคือบุหรี่ไฟฟ้า” ผศ.ดร.ศรีรัช กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า การตลาดล่าเหยื่อของธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าที่ไร้จริยธรรมนี้ นอกจากจะพัฒนาบุหรี่ไฟฟ้าให้เย้ายวนเด็กอายุเล็กลงเรื่อยๆ ยังพัฒนาสถานที่ และส่งเสริมการขาย ในสื่อโซเชียลที่ถูกใจและตรงกับวิถีชีวิตของเด็กๆ ด้วย จากรายงานการเฝ้าระวังการตลาดบุหรี่ไฟฟ้าในสื่อออนไลน์ช่วงม.ค.-ก.พ. ปี 2567 โดย น.ส.กนิษฐา ไทยกล้า พบว่า มีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในสื่อออนไลน์จำนวนมากถึง 309 บัญชีรายชื่อ 

มีการโพสต์ 605 ครั้ง ส่วนใหญ่ 66.7% เป็นผู้ขายรายเก่าที่ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มาก่อนปี 2567 รองมาคือ 33% เป็นผู้ขายรายใหม่ที่ลงทะเบียนใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ปี 2567 โดยลักษณะการขายส่วนใหญ่ 54.4% เป็นผู้ขายย่อย 44.7 ขายส่ง/รับตัวแทนขาย และ 1% รับรีวิว ทั้งนี้ 29.1% ใช้แพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) มากที่สุด รองมาคือ 26.9% เฟซบุ๊ก 17.5% อินสตาแกรม 15.2% เว็บไซต์ 7.4% ไลน์ 3.6% ติ๊กต็อก และ 0.3% ยูทูบ

“กลยุทธ์การตลาดบุหรี่ไฟฟ้าบนสื่นออนไลน์ เน้นโพสต์เพื่อสร้างการรับรู้ถึงตัวผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า การรักษาลูกค้าด้วยการจัดส่งฟรี แจก แถม และลดราคา จนกระทั่งเกิดการซื้อขาย ส่งถึงบ้าน มีเก็บเงินปลายทาง โดยผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่นิยมโพสต์ขายมากที่สุด คือ 89.3% pod รองมาคือ 6.3% ชุดบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมสูบ และ 4% เครื่องเปล่า โดยแนวโน้มของการออกแบบผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าเน้นให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ ความชอบของคนรุ่นใหม่ เริ่มมีการรายงานพบตู้กดขายบุหรี่ไฟฟ้า” ผศ.ดร.นพ.วิชช์ กล่าว

ผศ.ดร.นพ.วิชช์ กล่าวต่อไปว่า น่าเป็นห่วงมากที่เด็กอาจกำลังตกเป็นเหยื่อการตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าบนสื่อออนไลน์ เพราะหากสมองของเด็กตั้งแต่ในครรภ์ถึงอายุ 25 ปี สะสมสารนิโคตินจากบุหรี่ไฟฟ้า จะทำให้เซลล์สมองถูกทำลายได้มาก โดยเฉพาะต่อระบบความจำ ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับการเรียน และส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ชัก หัวใจล้มเหลวได้ ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องคงมาตรการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ดีที่สุด และยังต้องเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องจริงจัง จับกุมผู้กระทำความผิดที่ลักลอบนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าบนสื่อออนไลน์ ที่กำลังเป็นปัญหาในปัจจุบัน เพื่อปกป้องเด็กจากการตลาดล่าเหยื่อนี้ 

“วิกฤตการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า หายนะกำลังคืบคลานทำร้ายลูกหลานไทย สังคมคงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ จะต้องร่วมพลังกันออกมาส่งเสียงดังๆ บอกรัฐบาล ว่า 'คนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า' ร่วมกันสอดส่องดูแลหากมีสิ่งผิดกฎหมาย ช่วยกันแจ้งเบาะแส สายด่วน สคบ. 1166 และที่สำคัญผู้ปกครองและครูต้องรู้เท่าทันกลยุทธ์ล่าเหยื่อ รู้จักพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ร่วมแรงร่วมใจทั้งชาติเพื่อปกป้องลูกหลานไทยจากมหันตภัยนี้” ผศ.ดร.นพ.วิชช์ กล่าว

‘กงสุลใหญ่ฯ ฟูกูโอกะ’ เตือนภัยคนไทย หลังแผ่นดินไหวไต้หวัน แนะ!! ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัด

(3 เม.ย.67) สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ประกาศเตือนภัยสึนามิ ระบุว่า ด้วยวันนี้ (วันพุธที่ 3 เมษายน 2567) เวลาประมาณ 09.02 น. (เวลาท้องถิ่นในญี่ปุ่น) เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.5 แมกนิจูด ที่ไต้หวัน โดยพบแรงสั่นสะเทือนสูงสุดระดับ 4 ที่เกาะโยนากูนิ (ใกล้กับไต้หวัน) กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้ออกประกาศเตือนภัยสึนามิ ในเกาะโอกินาวะ เกาะมิยาโกจิมะ หมู่เกาะยาเอยามะ โดยขอให้ประชาชนอพยพทันที คาดการณฺ์ว่า คลื่นอาจสูงถึง 3 เมตร และอาจจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในบางพื้นที่ 

ในการนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียง โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด จนกว่าจะมีประกาศยกเลิกเตือนภัย และติดตามข่าวสารของทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด

กรณีฉุกเฉินสามารถติดต่อสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน  090-9572-1515 หรือ 090-2585-3027


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top