Friday, 3 May 2024
อุ๊งอิ๊ง

'พี่วัน' โพสต์จะเลือก ‘อุ๊งอิ๊ง’ นั่ง หัวหน้าพรรคคนใหม่ เปรย!! อาจเป็นการไปพรรคเพื่อไทยครั้งสุดท้ายในชีวิต

(27 ต.ค. 66) นายวัน อยู่บำรุง อดีต สส. พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘วัน อยู่บำรุง’ ระบุว่า…

กำลังไปพรรคเพื่อไทยเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และจะเลือกคุณอุ๊งอิ๊งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ไม่รู้ว่าการไปพรรคครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของผมหรือไม่

‘ภูมิธรรม’ ยัน!! ‘เศรษฐา’ ไร้นัย ส่งสัญญาณอยู่ไม่ครบ 4 ปี แค่ชื่นชม ‘อุ๊งอิ๊ง’ มีคุณสมบัติครบเหมาะเป็นนายกฯ สบาย

(28 ต.ค.66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้สบายๆ ว่า ไม่มีนัยอะไร แต่ถือเป็นความจริงที่มีความเหมาะสม และเมื่อขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว หัวหน้าพรรคทุกคนก็มีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยมองว่าความพร้อมของนางสาวแพทองธารมีครบถ้วน ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีพูดเช่นนี้ ก็เป็นความจริงที่นางสาวแพทองธาร ก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และทุกคนก็รู้สึกเช่นนั้น 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายเศรษฐา ระบุว่า น.ส.แพทองธาร สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้เป็นการส่งสัญญาณว่านายกฯ เศรษฐา จะอยู่ไม่ครบ 4 ปีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สามารถคิดได้หลายอย่าง อาจจะอยู่ครบ 4 ปี แล้วน.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ต่อได้ ย้ำว่าน.ส.แพทองธาร มีความพร้อม เมื่อได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งในด้านคุณสมบัติ ประสบการณ์ทำงาน การหาเสียง ทุกอย่างก็พร้อมหมด ทั้งนี้ไม่ถึงขั้นที่จะต้องแบ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนละ 2 ปี เพราะไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น แต่เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำงานมากกว่า

เมื่อถามย้ำว่า ภาพที่นายเศรษฐา ทำท่าจูบมือน.ส.แพทองธาร ตามธรรมเนียมต่างชาติ หลังได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นการส่งสัญญาณหรือส่งไม้ต่ออะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า แล้วแต่จะตีความ แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นการแสดงความชื่นชม และเคารพซึ่งกันและกัน ยืนยันไม่ได้มีนัยอะไร  

ผู้สื่อข่าวถามว่าน.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว จะนำพาพรรคไปเป็นพรรคอันดับหนึ่งในใจประชาชนได้อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เชื่อว่าด้วยความพร้อมและประสบการณ์ของนางสาวแพทองธารมีมากกว่าคนอื่น ส่วนจะนำพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าได้หรือไม่นั้น ยืนยันว่าทุกการเลือกตั้ง เรามั่นใจ อยู่ที่ความพร้อมของทุกฝ่าย และวันนี้เราก็พร้อมแล้วที่น.ส.แพทองธาร จะมาเชื่อมต่อคนระหว่างวัย ให้สามารถทำงานได้มากขึ้น

'เศรษฐา' เท้าลอย!! 'อุ๊งอิ๊ง' สุกงอม ต่อคิวสอยนายกฯ ขุนพลชกเปิดหน้า!! ในจังหวะ 'พท.-ก้าวไกล' มิตรสะบั้น



และแล้วสภาผู้แทนราษฎร ก็ปิดสมัยประชุมสามัญครั้งที่ 1 ปี 2566 ลงอย่างเป็นทางการวันที่ 31 ต.ค. แต่การประชุมสั่งลานัดสุดท้ายจริงๆ เกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา...

ต้องบันทึกไว้สักนิดว่า...นัดสั่งลาที่ว่าพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย ได้สำแดงความเก๋าความเขี้ยวทางการเมืองอยู่พอประมาณ...

เรื่องแรก บริหารจัดการเวลาให้ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ไปตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาเป็นผลสำเร็จ ทั้งนี้ด้วยความร่วมไม้ร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างรวมไทยสร้างชาติ และพรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ เป็นอย่างดียิ่ง...

รวมไทยสร้างชาติ ส่ง อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ มาถามชง...ขณะที่ประชาธิปัตย์ 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ที่กำลังคั่วรัฐมนตรีสมัยแรกมาเอง แกล้งแซวนายกฯ ว่า ระวังจะเป็นเบาหวาน เพราะคำถามของ สส.อัครเดช...

แต่ไฮไลต์สำคัญ มันอยู่ตรงที่ว่า ผู้ที่ตั้งกระทู้ถามสดอีกคน คือ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน ไม่ได้ถามนายกฯ ด้วย เพราะรัฐบาลบอกว่านายกฯ มาไม่ทัน ส่งนายทวี สอดคล้อง มาตอบแทน แต่ 'ชัยธวัช' ไม่ยอมถามด้วย...สุดท้ายก็กินแห้ว เลยต้องโพสต์ออกมาดังๆ ว่า สิ่งที่ตัวเองจะถามนั้นมันคือสิ่งที่ "ประยุทธ์คิด เศรษฐาทำ ไอ้โม่งสั่ง..." ทำเอาโซเชียลร้อนฉ่า...อดิศร เพียงเกษ ประธานวิปเพื่อไทยต้องออกมาโพสต์โต้ทำนองว่า ... (กู) ไม่กลัว (มึง) ... ประมาณนั้น

อีกเรื่องหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยดันจนผ่านฯ ทั้งๆ ที่พรรคก้าวไกลไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะสภาฯ ชุดที่แล้วได้ศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ ญัตติด่วนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบริการบันเทิงแบบครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เพื่อแก้ปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมายฯ...ที่ประชุมลงมติผ่าน ตั้ง 60 กมธ.วิสามัญ เรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทย...

ดูเหมือนว่าสัมพันธภาพระหว่างพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล เริ่มแยกห่างออกไปเรื่อยๆ...สมัยประชุมหน้าตั้งแต่กลาง เดือน ธ.ค. เป็นต้นไป รับประกันซ่อมฟรีว่าต้องปะฉะดะกันมันหยด...และก็เป็นจังหวะที่พอเหมาะพอดีที่พรรคเพื่อไทยได้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

แม้หัวหน้าพรรคคนใหม่ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายห้างไม่ได้อยู่ในสภาฯ ด้วย แต่กรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่ก็นั่งอยู่ในสภา คงจะต้องโชว์ฟอร์มโชว์หน้าโชว์ตา ออกมาประกาศตัวตนความเป็นคนการเมืองรุ่นใหม่...ไม่ใช่ปล่อยให้ สส.เด็กพรรคก้าวไกลโหวกเหวกโวยวายยึดสภาอยู่พรรคเดียวอย่างที่ผ่านมา...

สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคคนใหม่, ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค, จิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรค, ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รองเลขาธิการพรรค และ ฯลฯ...ถึงเวลาต้องจูงมือดาวรุ่งดวงใหม่ออกมาพูดจาแสดงกึ๋นแสดงตัวตนให้ประชาชนชื่นชมกันได้แล้ว...

ส่วน 'อุ๊งอิ๊ง' ก็ต้องบำเพ็ญเพียรโชว์กึ๋นและวุฒิภาวะ โดยเฉพาะฝีมือให้เห็นกันจะ-จะ โดยเฉพาะงานช้างงานใหญ่ที่รัฐบาลมอบหมายให้คือ...ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ...

สองตำแหน่งนี้ถ้าไปได้ถูกทาง เห็นแววสำเร็จ ปีหน้าปรับ ครม.ก็เข้าไปเป็นรัฐมนตรี...เพื่อลุ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงแต่ขาลอย...'อุ๊งอิ๊ง' สุกงอมวันไหนก็วันนั้น...คุณพ่อแม้วซึ่งถึงวันนั้นก็คงออกมาจ้ออยู่นอกคุกแล้วก็คงส่งลูกสาวถึงฝั่งฝัน...นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ภายในสภาฯ ชุดนี้

แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็อยู่ที่เหตุปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย...โดยเฉพาะผลงานและของพรรคเพื่อไทย ถ้าทำเพียงเพื่อให้ทักษิณพ้นโทษ ลูกสาวนายห้างได้เป็นนายกฯ 'วิน' อยู่สองคน...เห็นท่าจะลำบากครับ!!

‘สว.วันชัย’ ป้อง!! ‘เศรษฐา-เพื่อไทย’ เข้ามา 2 เดือน โดนด่าเหมือนอยู่เป็นปี งง!! ทำอะไรก็ผิด ถามกลับ!! “ไม่เอาเพื่อไทย แล้วจะเอาใครเป็นรัฐบาล?"

(29 ต.ค. 66) นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ไม่เอาเพื่อไทย แล้วจะเอาใครเป็นรัฐบาล’ ระบุว่า…

อยากจะถามดังๆ ถ้าไม่เอาเพื่อไทย และนายกฯ เศรษฐาแล้ว คุณจะเอาใครมาเป็นรัฐบาล มาเป็นนายกฯ เห็นกล่าวหาโจมตีกันจัง ไอ้โน่นก็ผิดไอ้นี่ก็ไม่ถูก จะยืนเดินนั่งนอน เสื้อผ้าหน้าผมรองเท้าถุงเท้าเป็นประเด็นกันไปหมด จะบ้าตาย ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลมาแค่ 2-3 เดือน โจมตีอย่างกับว่าเขาอยู่มาเป็นปี

นายวันชัย ระบุต่อว่า จะเกลียดทักษิณและเพื่อไทยก็เกลียดกันเอาเป็นเอาตาย เกลียดไม่เลิก เกลียดแบบเข้ากระดูกดำ ทั้งๆ ที่ผู้มีอำนาจเขาเลิกเกลียด เขาก้าวข้ามความขัดแย้งกันแล้ว แต่พวกนี้ยังฝังจิตฝังใจกับทักษิณอย่างกับสายสิญจน์มัดตราสัง ไม่ยอมเลิกรา จะบ้าบอกันไปถึงไหน ไม่คิดจะให้บ้านเมืองมันเดินหน้ากันบ้างหรือไร จะเป็นสัปเหร่อเผาผีกันไปอย่างนี้หรือ

นายวันชัย ระบุว่า แค่นายกฯ ไปแสดงความยินดีกับคุณอุ๊งอิ๊งด้วยท่าทีแบบนั้นก็ดิ้นกันเป็นกิ้งกือโดนไฟ ทำไม่ถูกบ้างล่ะ ไม่เหมาะสมบ้างล่ะ คนเป็นนายกฯ ทำอย่างนั้นมันน่าอาย ก็คนอยู่พรรคเดียวกัน พวกเดียวกัน จะเล่นจะหยอกกันบ้างไม่ได้หรือ และคุณอุ๊งอิ๊งที่เป็นหัวหน้าพรรค และจะเป็นนายกฯ คนต่อไปหรือไม่นั้น มันก็อยู่ที่ประชาชน ทั้งวัย และการเมืองในสถานการณ์นี้ที่มีก้าวไกลเป็นคู่แข่ง คุณไม่เอาคนวัยขนาดนี้ จะไปเอาคนแก่ขนาดไหนมาเป็นผู้นำ

นายวันชัย ยังระบุอีกว่า แม้แต่เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก็ยังไม่ชัดเจนเลยว่ารัฐบาลจะเอาแบบไหนอย่างไร อยู่ในขั้นตอนที่เขาคงจะพิจารณากันให้รอบคอบ ทำได้ก็คงจะทำ และทำได้แค่ไหนเขาก็คงต้องดูกันให้ดี เป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีกันก็มีสติปัญญากันทั้งนั้น ทำแล้วบ้านเมืองเสียหาย ทำแล้วติดคุกติดตะรางเขาก็คงจะไม่ทำกันหรอก ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยคงจะมีบทเรียนเห็นพรรคพวกติดคุกติดตะราง หนีไปต่างประเทศกันแล้วหลายคน คงจะเป็นบทเรียนได้ดี

“การเป็นรัฐบาลครั้งนี้ ใครก็รู้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเยอะ เขาคงจะไม่ทำอะไรซ้ำรอยเดิม ทั้งการชุมนุมประท้วง การปฏิวัติรัฐประหาร มันเป็นบทเรียนกันกับคนทุกคน ควรหันหน้าเข้าหากันได้แล้ว เลิกเสียทีเถอะที่เอาแต่ด่าๆๆ แต่ไม่เห็นจะทำอะไรเลย แทนที่จะปรองดองกันกลับเมายาดองกันทุกวัน ว่างๆ ไปไหว้พระที่วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชันกันเสียบ้าง” นายวันชัย ระบุทิ้งท้าย

'หยุ่น' โพสต์!! 'ลุงตู่-อุ๊งอิ๊ง' ทักทายในงานแสดงโขน ชวนคิด "ดูการเมือง ก็เหมือน ดูโขน ดูละคร"

(5 พ.ย.66) นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suthichai Yoon' ระบุว่า…

ดูการเมืองก็เหมือนดูโขนดูละคร!

พล.อ.ประยุทธ์ กับ ครอบครัว ‘ชินวัตร’ แพทองธาร-พินทองทา พร้อมสามีของทั้งคู่ ทักทายกัน ระหว่างการเดินทางไปชมการแสดงโขนรอบปฐมทัศน์ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา (จาก Jin Somroutai ช่อง 3)

วิเคราะห์!! วิบากกรรม ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ชี้ชะตา ‘เศรษฐา’ บอกอนาคต ‘อุ๊งอิ๊ง’

ในที่สุดก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ไปแล้วว่า… โฉมหน้าค่าตานโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลเศรษฐา เป็นอย่างไร

ต้องยอมรับว่าทุกค่ายทุกสำนักพูดออกมาเป็นเสียงเดียวแทบจะพร้อมๆ กันว่า… ไม่ตรงปก!!

ครับ!! ‘เล็ก เลียบด่วน’ พูดด้วยใจนิ่งๆ เป็นกลางอย่างที่สุดว่า… ไม่ตรงปกจริงๆ… คำว่า ‘ไม่ตรงปก’ ในความหมายก็คือ ไม่ตรงกับที่ตัวเอง (พรรคเพื่อไทย) พูดตอนหาเสียงและยื่นเอกสารให้กับ กกต.

ไม่ตรงทั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ ไม่ตรงทั้งรูปแบบและเนื้อหาว่างั้นเถอะ… หนำซ้ำที่บอกกับ กกต. ว่าจะใช้เงินจากระบบงบประมาณและรายได้ภาษีปกติ… 

แต่ที่สุดของเศรษฐา คือ ‘กู้’ ออก พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท พร้อมคำยืนยันว่าจะผ่อนใช้ทัน 4 ปีช่วงรัฐบาลนี้

เหนื่อยครับ… อยากเอาใจช่วย แต่อ่านและฟังที่ท่านนายกฯ แถลงเมื่อวันที่ 10 พ.ย.แล้วเหนื่อยแทน… เหนื่อยแทนพรรคเพื่อไทย เหนื่อยแทนประเทศไทย… 

‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่ขอลงรายละเอียดหน้าตาของโครงการ แต่จะแลไปข้างหน้าว่า นโยบายที่ไม่ตรงปกนี้จะต้องฝ่าหลุมขวาก เป็นวิบากกรรมอย่างไรบ้าง… 

ประการแรก - ต้องลุ้นกันระทึกว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จะฝ่าข้าม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ไปได้หรือไม่… ไม่จำเพาะมาตรา 53 ที่พูดถึงกันเท่านั้น แต่มาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 3-4 มาตรา ก็เป็นกับดัก… ซึ่งก็ต้องให้กรรมการกฤษฎีกายืนยันออกมาดังๆ อีกทีว่า ‘โน พรอมแพลม’ ถึงจะยอมๆ กันไปได้บ้าง…

ประการที่สอง - โดยส่วนลึก เชื่อ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เถอะว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้แฮปปี้กับนโยบาย 5 แสนล้านบาทนี้ ยิ่งต้องมาร่วมยกมือผ่านกฎหมายด้วยแล้ว… งานนี้อย่าคิดว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ แม้ทั้งสองพรรคยังอยากจะเป็นรัฐบาลต่อไปก็เหอะ… 

ประการที่สาม - ต่อให้กฎหมายกู้เงินผ่านสองสภาฯ ไปแล้ว แต่เชื่อว่า ในที่สุดจะมีคนไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ… ดีไม่ดีอาจล้มคว่ำซ้ำรอย พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ล้านล้าน สมัยรัฐบาล ‘ยิ่งลักษณ์’ ก็ได้ ทำเป็นเล่นไป… 

เอาแค่สามประการดังว่ามาก็พอ… พื้นที่ที่เหลือ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ใคร่ขมวดปมสถานการณ์เหตุบ้านการเมืองที่เกี่ยวเนื่องมาเล่าสู่กันฟังว่า… 

ทว่า ณ นาทีนี้ สถานการณ์ของตัวนายกฯ เศรษฐาที่มั่นคงแบบป้อแป้ แต่ก็ยังโชคดีที่ใครต่อใคร รวมทั้งนายห้างชั้น 14… ยังเห็นใจในความมุ่งมั่น ขยันทำงาน

สายข่าวในพรรคเพื่อไทยกระซิบให้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ฟังว่า… หลายวันก่อนโน้น นายห้างชั้น 14 ได้ส่งสัญญาณตรงๆ ถึง นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงว่า ต้องปรับตัวให้เข้ากับ สส.ให้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะ สส.เหนือกับอีสาน ซึ่งขณะนี้ นายเศรษฐาได้ไหว้วานให้ ‘มาดามนครพนม’ อย่าง ‘มนพร เจริญศรี’ รมช.คมนาคม เป็นตัวช่วยประสานเรียบร้อยแล้ว… 

และช่วงปลายเดือน พ.ย. ต่อต้นเดือน ธ.ค. ‘วาระงาน’ ของนายกฯ ถุงเท้าแดงก็จะขึ้นเหนือ ไปอีสานแบบรัวๆ กันเลยทีเดียว!!

สำหรับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ที่พักหลังออกงานบ่อย และปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาลถี่ขึ้น… ย่อมเป็นธรรมดาที่จะถูกจับจ้องมองว่า เห็นท่าจะหนีไม่พ้นปีหน้า 2567 จะย่างสามขุมขึ้นเป็นนายกฯ แน่นอนนั้น… 

ยังต้องยืนยันฟันธง ว่า นายห้างชั้น 14 ต้องการให้ลูกสาวเป็นนายกฯ แน่นอน แต่ไม่ได้ขีดเส้นว่าต้องเป็นภายในปีหน้า… 

ครึ่งเทอมหลัง หรือสมัยหน้าก็รอได้… ให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ บำเพ็ญบารมีไปก่อน เว้นแต่ว่า… เศรษฐาเดินสะดุดบันไดทำเนียบ เดินต่อไปไม่ได้จริงๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง… 

เป็นนายกฯ ไม่ยากเท่ากับอยู่ให้ได้ ไปให้เป็น… ให้ประชาชนยอมรับ… 

ถ้าไม่ดื้อด้านหน้ามืดตามัว… แค่ ดิจิทัลวอลเล็ต เรื่องเดียวก็คงทำให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ คงได้คิดและนำไปถอดรหัสเป็นกรณีศึกษาได้ไม่น้อยทีเดียว

'อุ๊งอิ๊ง' ปักหมุดสงกรานต์ปี 67 ดันสู่สุดยอด 'ซอฟต์พาวเวอร์' เล็ง!! สาดน้ำทั้งเดือนเมษา ทยอยจัดทั่วทั้งประเทศ 77 จังหวัด

(1 ธ.ค. 66) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โพสต์ความคืบหน้าในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “แผนงานปีหน้า เริ่มแล้วค่ะ ประชุมคณะกรรมการการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์เมื่อวานนี้ ทั้ง 12 คณะ จาก 11 อุตสาหกรรม ได้เสนองบประมาณเพื่อเตรียมดำเนินการในปีหน้า โดยหลังจากนี้เราจะเสนองบประมาณตามลำดับขั้นตอนต่อไป และอีกหนึ่งเรื่องใหญ่และน่าตื่นเต้น คือแผนงานใหญ่ปีหน้า วันสงกรานต์จะไม่ใช่แค่เทศกาลแบบในอดีตที่ผ่านมา แต่เราจะจัดงานใหญ่ มหาสงกรานต์ World Water Festival-The Songkran Phenomenon”

“เราจะปักหมุดให้สงกรานต์ในไทยปีหน้า เป็นเทศกาลที่คนทั้งโลกต้องบินมาเล่นที่บ้านเรา และสงกรานต์ปีหน้า เราจะไม่เล่นน้ำแค่ 3 วันนะคะ แต่จะจัดงานกันทั้งเดือน ทยอยจัดกันทั้งประเทศ 77 จังหวัด เตรียมวางแผนกันได้เลยนะคะว่าสัปดาห์ไหนของเดือนเมษายน อยากจะไปเล่นน้ำสงกรานต์กันที่จังหวัดไหนคะ มาร่วมกันทำให้สงกรานต์บ้านเรา เป็นเทศกาลที่ทั่วโลกต้องปักหมุดมาเล่นน้ำที่บ้านเรา และทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลกค่ะ #IngShin #PheuThai #PheuThaiParty #เพื่อไทย #พรรคเพื่อไทย #WorldWaterFestival  #THACCA #OFOS”

‘อุ๊งอิ๊ง’ แจง!! จัดกิจกรรมสงกรานต์ 77 จว.ทั่วประเทศ หวังให้ทั้งเดือนเมษายนมีงานต่อเนื่อง เพื่อดึงดูด นทท.

(6 ธ.ค. 66) ที่ เดอะกรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนาโครงการเสริมสร้างศักยภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และบุคลากรทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ว่า อยากให้สมาชิกทุกคนมาร่วมกิจกรรมที่ทีมงานได้เตรียมไว้ ซึ่งทุกคนได้ร่วมกิจกรรมอย่างสนุกสนานมาก และมีการระดมสมองกัน มีการละลายพฤติกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น

เมื่อถามว่ามีการใช้งบประมาณเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์เป็นจำนวนมาก น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ที่ตนเป็นประธานอยู่ ได้ประชุมเรื่องงบประมาณที่ใช้จบไปแล้ว ก็เหลือการนำเข้าที่ประชุมที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อเคาะและนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งงบดังกล่าวนี้กว่าจะเสร็จก็น่าจะเดือน พ.ค.2567 ซึ่งจะเป็นงบทั้งปี ตั้งแต่ปี 2567-2568 เพราะฉะนั้นจะเป็นไปตามกระบวนการแน่นอนตามที่นายกรัฐมนตรีได้พูดไว้

“เราตั้งงบประมาณไว้ประมาณ 5,100 ล้านบาท มาจากภาคเอกชนทุก ๆ สาขาที่คุยกันไว้ 11 สาขา ซึ่งเราไม่ได้ของบเพิ่ม เป็นงบที่มีอยู่ในกระทรวง แล้วในแต่ละกระทรวงก็จะนำมารวมกัน เพื่อทำเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ และตัวเลขนี้รัฐบาลไม่ได้คิดขึ้นมา เป็นการร่วมมือทำงานกันระหว่างผู้รู้จริงคือภาคเอกชน ซึ่งรัฐบาลคอยอำนวยความสะดวกให้กับสิ่งที่เอกชนรู้อยู่แล้วในแต่ละสาขา ซึ่งเอกชนมีความระมัดระวังอยู่แล้วในการใช้งบประมาณ และมีตัวเลขออกไปแล้วว่าแต่ละสาขาใช้งบประมาณเท่าไร” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่าจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในการใช้งบจะทำให้คณะกรรมการมีโอกาสมาดูว่าจะปรับลดอะไรบ้างหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือคอมเมนต์ต่าง ๆ เรารับฟังแน่นอน และดีใจที่ทุกคนให้ความสนใจกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์เพราะมีความหลากหลายมาก ๆ ถ้ามีคนสนใจเยอะ ๆ ตนเชื่อว่าอุตสาหกรรมต้องดีและแข็งแรงขึ้นแน่นอน 

เมื่อถามว่าดึงงบมาจากกระทรวงไหนบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ดึงงบมาจากหลายกระทรวง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น ซึ่งเป็นงบที่อยู่ในกระทรวงนั้นอยู่แล้ว แต่เรานำมาจัดแจงให้เห็นภาพว่าทำอะไรบ้าง

เมื่อถามว่าหลังจากที่ประกาศกิจกรรมสงกรานต์ออกมาแล้วหลายคนได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนได้สื่อเรื่องสงกรานต์ไปในเฟซบุ๊กของตนเอง และเห็นการตีความกลับมา ว่า จะให้สาดน้ำกันทั้งเดือน “อันนี้ก็หนาวเหมือนกันนะคะถ้าสาดน้ำกันทั้งเดือน” ซึ่งตนไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่จะเป็นเรื่องของการจัดกิจกรรม 77 จังหวัดทั่วประเทศ แน่นอนวันที่ 13-15 เม.ย. เรามีอีเวนต์ทุกปีอยู่แล้ว แต่เราจะพยายามให้ทั้งเดือนเมษายน มีงานทั่วประเทศ เพื่อรอนักท่องเที่ยวเข้ามาให้มีจุดเที่ยวในประเทศไทยยาวนานขึ้น อยู่นานขึ้น นั่นคือจุดมุ่งหมาย แต่ถ้าจะให้สาดน้ำ 30 วันก็คงจะไม่ได้

“อิ๊งอยากให้ทุกคนมูฟออนจากการนิยามซอฟต์พาวเวอร์ได้แล้ว เรากำลังจะทำเรื่องที่ใหญ่กว่านั้น เพื่อพัฒนาประเทศให้ไปถึงจุดที่ยิ่งใหญ่อลังการ อันนี้เรามองไปถึงจุดข้างหน้า แล้วเราจะปักหมุดว่าเราจะเป็นประเทศที่ดันซอฟต์พาวเวอร์ออกจากประเทศ ทำให้คนทั่วโลกรู้จักเรา เข้าใจเรา ชอบวัฒนธรรมของเรา นี่คือสิ่งที่เราพยายามทำอยู่ เราไม่ได้พยายามนิยามคำว่าซอฟต์พาวเวอร์แล้ว” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นผู้นำหญิงคนหนึ่ง ขณะนี้มีมาดามแป้ง มาดามเดียร์ ขึ้นมาชิงตำแหน่งใหญ่ ๆ สำคัญ ๆ ในประเทศ มองว่าจะทำให้ผู้หญิงขึ้นมามีบทบาทอย่างไรได้บ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนมองว่าการที่ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทเป็นเรื่องที่ดี ความคิดหรือว่าภาพจำในอดีตที่ผ่านมา อาชีพนั้น อาชีพนี้เหมาะกับผู้ชายเท่านั้น ซึ่งตนมองว่าคำนั้นไม่สามารถใช้ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว ตนคิดว่าทั้งผู้หญิงผู้ชายมีสิทธิ์ทุก ๆ อาชีพเมื่อมีใจรัก เมื่อมีความสามารถ และได้รับโอกาส เพราะฉะนั้นจะผู้หญิงผู้ชายได้หมดและตนยินดีในด้านของการเมือง หรือด้านของตำแหน่งสำคัญ ๆ ที่มีผู้หญิงจะเข้ามามีบทบาทเยอะขึ้น เป็นเครื่องหมายว่าเปิดโอกาสให้ผู้หญิงและผู้ชายทำได้ทั้งนั้น เปิดโอกาสให้ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน 

อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร นักการเมืองสายครีเอตแห่งปี

เป็นเรื่องที่เห็นได้ไม่บ่อยนักในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ ‘ผู้หญิง’ จะก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในแวดวงการเมือง อาจเพราะความเคยชินและการเหมารวมไปว่า ‘การเมือง’ เป็นเรื่องของ ‘ผู้ชาย’ ซึ่งถูกผูกโยงไปถึงเรื่องเพศ การต่อสู้ ฟาดฟัน และความแข็งแกร่ง

แต่ในปี 2566 ‘ผู้หญิง’ ที่ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาททางการเมืองมากที่สุดคนหนึ่งก็คือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งก้าวเท้าเข้ามาแตะวงการการเมืองครั้งแรกเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2564 ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย

ในครั้งนั้นอุ๊งอิ๊งได้ให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตัวว่า “ไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่ทำงานในฐานะที่ปรึกษาพรรค จะมาทำด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ มาด้วยหัวใจที่อยากจะผลักดันให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสที่มากขึ้นกว่านี้ ส่วนโอกาสที่จะมาทำงานการเมืองต่อหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ขอเป็นที่ปรึกษาพรรค และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด นี่คือก้าวแรกที่ได้เป็นที่ปรึกษาก็ยังตื่นเต้น กลัวทำได้ไม่ดี ขอเอาตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน อย่างอื่นไว้ทีหลัง”

ภายหลังรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ก็ได้เดินหน้าลุยงานทันที โดยไปร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ และไอเดียใหม่ ๆ กับกลุ่ม UNISEC และกลุ่ม SpaceZap ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนและผู้ที่มีความสนใจในด้านอวกาศ นอกจากนี้ยังคิดค้นนโยบาย ‘1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์’ ปลดปล่อยศักยภาพคนไทย สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง อีกด้วย

และเมื่อประเทศไทยใกล้เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็จัดเคมเปญ ‘ครอบครัวเพื่อไทย’ ให้ว่าที่ผู้สมัคร สส. ของพรรค ได้มีส่วนร่วมในการ ‘หาสมาชิก’ เป็นฐานในการ ‘คัดคน’ ลงสมัครเลือกตั้ง ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ จึงได้สวมหมวก ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ อีกหนึ่งใบ โดยเปิดตัวที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง

ต้องยอมรับว่า ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ ทำหน้าที่ ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ อย่างเต็มที่และสุดกำลังจริง ๆ เพราะขณะเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคในการเดินทางไปเหนือ อีสาน เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน เพราะก็ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อหวังให้เกิดปรากฏการณ์ ‘แลนด์ไลด์ เพื่อไทยทั้งแผ่นดิน’

ในเวลาต่อมา พรรคเพื่อไทยได้เปิดรายชื่อ 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีชื่อ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ปรากฏเคียงคู่กับอีก 2 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คือ เศรษฐา ทวีสิน และ ชัยเกษม นิติสิริ 

อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยได้จังหวะผงาดจัดตั้งรัฐบาล พร้อมกับมี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 หลังจากนั้นนายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลงอีกครั้ง

และเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 พรรคเพื่อไทย ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี ครั้งที่ 1/2566 มีวาระสำคัญคือการเลือกกรรมการบริหาร (กก.บห.) ชุดใหม่ โดยในที่ประชุมมีมติโหวตให้ ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือเป็นตำแหน่งทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเธอเลยก็ว่าได้

ไม่เพียงแค่ได้เป็น ‘หัวหน้าพรรคเพื่อไทย’ เท่านั้น เธอยังนั่งตำแหน่ง ‘รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์’ ซึ่งจะเดินหน้าผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ไทยให้เลื่องลือไปทั่วโลก พร้อมขับเคลื่อนโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ สร้างรายได้ให้ครัวเรือน และสร้างตำแหน่งงานของแรงงานทักษะสูงกว่า 20 ล้านตำแหน่ง 

นอกจากนี้ยังมุ่งผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยทั้ง 11 สาขา ภายใต้กรอบงบประมาณ 5,164 ล้านบาท โดยเน้นหนักไปที่ ‘อุตสาหกรรมเฟสติวัล’ ซึ่งจะประเดิมเทศกาลแรกคือ ‘World Water Festival’ มหาสงกรานต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จัดที่ถนนราชดำเนิน และคาดว่าเงินจะสะพัดไม่ต่ำกว่า 35,000 ล้านบาท

ก็ต้องยอมรับเลยว่า นี่คือ ‘ภารกิจระดับชาติ’ ที่วางอยู่บนบ่าของ ‘ผู้หญิง’ ที่ชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ ก็หวังเหลือเกินว่า เธอจะใช้ความเป็นคนรุ่นใหม่ และวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนจากต่างประเทศ มาผนวกเป็นพลังส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ และจะ ‘คิดใหญ่-ทำเป็น’ ในเรื่องสร้างสรรค์ที่จะส่งผลดีต่อประเทศไทยในระยะยาว จนประสบผลสำเร็จอย่างมหาศาล 

…หากวันนั้นมาถึง ประเทศไทยก็จะก้าวสู่ประเทศที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก จดจำ และยอมรับมากยิ่งขึ้น

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

'เศรษฐา' คลุกวงในบิ๊กสื่อ ขอแรง 'เชียร์-หนุน' พร้อมเคลียร์ผังนอกแผน ฟาก 'รทสช.' ต้องคงไว้ช่วยค้ำศรัทธา แต่ ‘อุ๊งอิ๊ง' ดวงท่าจะไม่พาถึงนายกฯ

สวัสดีปีมังกรครับท่านผู้อ่านท่านผู้ฟังและท่านผู้ชม...

ว่ากันว่าปี 2567 จะเป็นปีมังกรร้ายมังกรเดือด...อาการของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะอยู่จะไปอยู่ในอัตรา 50/50...แบบว่าเป็นตายเท่ากัน

ทบทวนกันอีกที...ระเบิดลูกใหญ่ 5-6 ลูก...

- ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท
- ประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญ 
- พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท  
- การเลือกตั้ง สว.ช่วง มิ.ย.-ก.ค. 
- พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

...ล้วนแล้วแต่จะสร้างความร้อนแรงทางการเมืองในมิติต่างๆ...

นั่นยังไม่นับประเด็นสำคัญคือ...การปรับ ครม. ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นแน่ และ 'เล็ก เลียบด่วน' ค่อนข้างเชื่อตามโหรใหญ่หลายสำนักว่าจะเป็นการปรับใหญ่...หลายตำแหน่ง

แต่ยังไงๆ ว่ากันว่ายังไม่ถึงคิวที่จะเอาพรรคสีฟ้า...ประชาธิปัตย์ เข้ามาแทนที่พรรครวมไทยสร้างชาติที่เริ่มมีการปล่อยข่าวกันออกมาตามสภากาแฟบางวงซึ่งวิเคราะห์ว่า การเดินหน้าปฏิรูปราคาพลังงานของ รองตุ๋ย-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อาจไม่สบอารมณ์กลุ่มทุนใหญ่บางกลุ่ม ต้องรีบตัดไฟต้นลม...

ซึ่ง 'เล็ก เลียบด่วน' ไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะคิดสั้นขนาดนั้น พวกเขาต้องรู้ดีว่า ขณะนี้พีระพันธุ์เป็นรัฐมนตรีที่ช่วยค้ำยันความศรัทธาต่อรัฐบาลได้ไม่น้อย เตะ พีระพันธุ์ ออกไปก็เหมือนเตะตัดขาตัวเอง...ปีนี้ปล่อยผ่านไปก่อน ปีหน้าค่อยว่ากันอีกที...

สำหรับอาการของ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แม้จะยังลนลานอยู่บ้าง แต่เบื้องลึกทีมงานของนายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงคนนี้ได้จัดทัพปรับแถวในหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาคิดว่าจะเป็นผลดีในการทำงานของนายกฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวรบของสื่อมวลชน...

แหล่งข่าวระดับไม่สูงมากแต่เชื่อถือได้ยืนยันกับ 'เล็ก เลียบด่วน' เหยี่ยวชราว่า...ตอนนี้ผู้บริหาร (ข่าว) ของสื่อทีวีหลายต่อหลายช่องและสื่อนสพ.หลายฉบับได้พบกับนายกฯ ตัวเป็นๆ หมดแล้ว...ความเป็นกันเองตรงไปตรงมา และรอบรู้ประเด็นเศรษฐกิจของโลกของไทย ก็เพียงพอที่จะทำให้สื่อน้อยใหญ่ให้กำลังใจ...ให้โอกาสนายกฯ คนนี้

ส่วนการกระชับพื้นที่สื่อเอาหลายรายการออกจากผังวิทยุ / โทรทัศน์ เช่น กรณียกเลิกรายการ 'คุยถึงแก่น' ช่องหอยม่วงแบบไม่บอกกล่าวอะไรนั่น แม้เป็นอะไรที่ไม่สมควรทำ แต่ถึงที่สุดก็ยังไม่ทำให้รัฐบาลรู้สึกระคายเคืองในเสียงโจมตี-ต่อต้าน...

เอาไปเอามาถ้าไม่มีปัจจัยอื่นๆ ที่คาดไม่ถึงเข้ามาแทรกซ้อน รัฐบาลเศรษฐาก็น่าจะลอดข้ามปีมังกรไปได้ เศรษฐาก็ยังจะเป็นนายกฯ ต่อไป เหตุผลสำคัญที่สุดเพราะ 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่พร้อมที่จะย่างสามขุมขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ ในปีนี้...ส่วนปีหน้าก็ต้องตามไปดูกันอีกที...ดูว่า 'คุณแม่' คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ จะเห็นเช่นไร...

แต่พูดก็พูดเหอะ...สำหรับ 'เล็ก เลียบด่วน' คุยกับหมอดูมา 3 สำนัก ล้วนทายทักว่าดวง 'อุ๊งอิ๊ง' จะไปไม่ถึงนายกฯ ดังนั้นถ้าจะสัมผัสกับคำว่า 'รัฐมนตรี' ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า...ควรจะได้เข้าไปเป็นรองนายกฯ ควบว่าการซักกระทรวง...เพื่อพิสูจน์ฝีมือและเรคคอร์ดประวัติชีวิต...

ด้วยรักและเห็นใจ...จร้า!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top