อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร นักการเมืองสายครีเอตแห่งปี

เป็นเรื่องที่เห็นได้ไม่บ่อยนักในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ ‘ผู้หญิง’ จะก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในแวดวงการเมือง อาจเพราะความเคยชินและการเหมารวมไปว่า ‘การเมือง’ เป็นเรื่องของ ‘ผู้ชาย’ ซึ่งถูกผูกโยงไปถึงเรื่องเพศ การต่อสู้ ฟาดฟัน และความแข็งแกร่ง

แต่ในปี 2566 ‘ผู้หญิง’ ที่ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาททางการเมืองมากที่สุดคนหนึ่งก็คือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งก้าวเท้าเข้ามาแตะวงการการเมืองครั้งแรกเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2564 ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย

ในครั้งนั้นอุ๊งอิ๊งได้ให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตัวว่า “ไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่ทำงานในฐานะที่ปรึกษาพรรค จะมาทำด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ มาด้วยหัวใจที่อยากจะผลักดันให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสที่มากขึ้นกว่านี้ ส่วนโอกาสที่จะมาทำงานการเมืองต่อหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ขอเป็นที่ปรึกษาพรรค และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด นี่คือก้าวแรกที่ได้เป็นที่ปรึกษาก็ยังตื่นเต้น กลัวทำได้ไม่ดี ขอเอาตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน อย่างอื่นไว้ทีหลัง”

ภายหลังรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ก็ได้เดินหน้าลุยงานทันที โดยไปร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ และไอเดียใหม่ ๆ กับกลุ่ม UNISEC และกลุ่ม SpaceZap ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนและผู้ที่มีความสนใจในด้านอวกาศ นอกจากนี้ยังคิดค้นนโยบาย ‘1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์’ ปลดปล่อยศักยภาพคนไทย สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง อีกด้วย

และเมื่อประเทศไทยใกล้เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็จัดเคมเปญ ‘ครอบครัวเพื่อไทย’ ให้ว่าที่ผู้สมัคร สส. ของพรรค ได้มีส่วนร่วมในการ ‘หาสมาชิก’ เป็นฐานในการ ‘คัดคน’ ลงสมัครเลือกตั้ง ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ จึงได้สวมหมวก ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ อีกหนึ่งใบ โดยเปิดตัวที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง

ต้องยอมรับว่า ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ ทำหน้าที่ ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ อย่างเต็มที่และสุดกำลังจริง ๆ เพราะขณะเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคในการเดินทางไปเหนือ อีสาน เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน เพราะก็ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อหวังให้เกิดปรากฏการณ์ ‘แลนด์ไลด์ เพื่อไทยทั้งแผ่นดิน’

ในเวลาต่อมา พรรคเพื่อไทยได้เปิดรายชื่อ 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีชื่อ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ปรากฏเคียงคู่กับอีก 2 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คือ เศรษฐา ทวีสิน และ ชัยเกษม นิติสิริ 

อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยได้จังหวะผงาดจัดตั้งรัฐบาล พร้อมกับมี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 หลังจากนั้นนายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลงอีกครั้ง

และเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 พรรคเพื่อไทย ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี ครั้งที่ 1/2566 มีวาระสำคัญคือการเลือกกรรมการบริหาร (กก.บห.) ชุดใหม่ โดยในที่ประชุมมีมติโหวตให้ ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือเป็นตำแหน่งทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเธอเลยก็ว่าได้

ไม่เพียงแค่ได้เป็น ‘หัวหน้าพรรคเพื่อไทย’ เท่านั้น เธอยังนั่งตำแหน่ง ‘รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์’ ซึ่งจะเดินหน้าผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ไทยให้เลื่องลือไปทั่วโลก พร้อมขับเคลื่อนโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ สร้างรายได้ให้ครัวเรือน และสร้างตำแหน่งงานของแรงงานทักษะสูงกว่า 20 ล้านตำแหน่ง 

นอกจากนี้ยังมุ่งผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยทั้ง 11 สาขา ภายใต้กรอบงบประมาณ 5,164 ล้านบาท โดยเน้นหนักไปที่ ‘อุตสาหกรรมเฟสติวัล’ ซึ่งจะประเดิมเทศกาลแรกคือ ‘World Water Festival’ มหาสงกรานต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จัดที่ถนนราชดำเนิน และคาดว่าเงินจะสะพัดไม่ต่ำกว่า 35,000 ล้านบาท

ก็ต้องยอมรับเลยว่า นี่คือ ‘ภารกิจระดับชาติ’ ที่วางอยู่บนบ่าของ ‘ผู้หญิง’ ที่ชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ ก็หวังเหลือเกินว่า เธอจะใช้ความเป็นคนรุ่นใหม่ และวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนจากต่างประเทศ มาผนวกเป็นพลังส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ และจะ ‘คิดใหญ่-ทำเป็น’ ในเรื่องสร้างสรรค์ที่จะส่งผลดีต่อประเทศไทยในระยะยาว จนประสบผลสำเร็จอย่างมหาศาล 

…หากวันนั้นมาถึง ประเทศไทยก็จะก้าวสู่ประเทศที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก จดจำ และยอมรับมากยิ่งขึ้น

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”