Thursday, 16 May 2024
หาเสียง

“ชวน”ชื่นชม3อดีต ส.ส.เพชรบุรี มั่นคงอุดมการณ์ไม่ขายตัวไม่ทิ้งพรรค วอนคนเพชรเลือก ”อลงกรณ์-กัมพล-อภิชาติ”เบอร์7ทั้ง3เขตพ่วงกาประชาธิปัตย์เบอร์26

เมื่อวันที่ 15 เม.ย เวลา 18.00 น.อดีตประธานรัฐสภาและอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่หาเสียงที่อำเภอบ้านลาดจังหวัดเพชรบุรีขึ้นรถแห่ปราศรัยหาเสียงพร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครเขต1 นายกัมพล สุภาแพ่่ง ผู้สมัคร เขต 2 
นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ผู้สมัครเขต3 พรรคประชาธิปัตย์เบอร์7ทั้ง3เขตจากนั้นจึงเดินทักทายประชาชนในตลาดบ้านลาดมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างคึกคัก


     นายชวนปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนเป็น ส.ส.16สมัยเห็นความจริงทางการเมืองมายาวนาน55ปี การเมืองทุกวันนี้ใช้เงินซื้อนักการเมืองเหมือนประมูลตัวแต่นักการเมือง3คนของจังหวัดเพชรบุรีมีอุดมการณ์มั่นคงไม่ทิ้งพรรคไม่ขายตัว ขอให้คนเมืองเพชรสนับสนุนนักการเมืองที่ดีมีอุดมการณ์ โดยช่วยกันเลือกอดีตส.ส.ทั้ง3คนคือนายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครเขต1 นายกัมพล สุภาแพ่่ง ผู้สมัคร เขต 2  นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ผู้สมัครเขต3 พรรคประชาธิปัตย์เบอร์7ทั้ง3เขตและพรรคประชาธิปัตย์เบอร์26 สถาบันการเมืองของประชาชนเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกของประเทศอยู่มายาวนานกว่า77ปีเป็นหลักของบ้านเมือง


  นับเป็นการมาช่วยหาเสียงผู้สมัครส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์แบบเซอร์ไพรส์ครั้งที่2ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา.

‘บัญญัติ-กัลยา-ไชยยศ-จิตภัสร์’ ขนคาราวาน ปชป.สู่อีสาน  ยิงตรงนโยบายตอบโจทย์ชาวบ้าน ประชาธิปไตยท้องอิ่ม 

(17 เม.ย.66) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช, นายไชยยศ จิรเมธากร รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคอีสาน, น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองเลขาธิการพรรค และนายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภาคอีสาน และผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง เขต 2 อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ของนายวุฒิพงษ์ นามบุตร ผู้สมัคร ส.ส. อุบลราชธานี เขต 2 เบอร์ 4 และศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง เขต 3 อำเภอม่วงสามสิบของนายศุภชัย ศรีหล้า ผู้สมัคร ส.ส อุบลฯ เขต 3 เบอร์ 2 โดยมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมงานคับคั่ง

โดย นายบัญญัติ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า จุดแข็งของ ปชป. คือ เราเป็นสถาบันพรรคการเมือง ข้อ 2 คือ มีอุดมการณ์ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความจริงจังต่อการแก้ปัญหาให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชน และจุดแข็งข้อ 3 คือ ผลงานรัฐมนตรีของ ปชป. อาทิ นโยบายประกันรายได้ช่วยประคับประคองเกษตรกรให้ลืมตาอ้าปากได้ ในช่วงเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำจากวิกฤตโควิด-19 พิสูจน์ได้จากยอดส่งออก ตนจึงมั่นใจว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรค ปชป.จะไม่ผิดหวัง ขอย้ำว่าแม้จะมีคนออกไปจากพรรคไป แต่เราก็ยังมีคนไหลกลับเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก

ร้อยเอ็ด…บรรยากาศ คนร้อยเอ็ดแห่ตะโกนเชียร์ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หลังนำทีมเพื่อไทยชุดใหญ่ ลงพื้นที่อีสานปราศรัยวันนี้

วันนี้ (18 เมษายน 2566) เวลา 08.30 น.  ที่อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย นำโดย เศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย เสริมศักดิ์พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรค สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรค ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เดินทางพร้อมคณะมาถึง สนามบินร้อยเอ็ด เพื่อเดินทางไปปราศรัยใหญ่ภาคอีสานเป็นวันแรก

โดยทันทีที่คณะของพรรคเพื่อไทยเดินทางมาถึง มีผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ดพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย สถาพร ว่องสัธนพงศ์ เขต1 เบอร์ 3, ฉลาด ขามช่วง เขต 2 เบอร์ 3, จิราพร สินธุไพร เขต 5 เบอร์3, โดยมีFCเสื้อแดงพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ด ยืนเข้าแถวรอรับพร้อมมอบพวงมาลัยคล้องคอแคนดิเดตนายกฯ และส่งเสียงตะโกนดึงกึกก้อง ว่า “นายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย” ตลอดทางระหว่างที่คณะของเศรษฐา เดินออกจากสนามบิน

กาฬสินธุ์ เพื่อไทยยกทัพตอกเสาเข็มแลนด์สไลด์กาฬสินธุ์ทั้ง 6 เขต

เพื่อไทยยกทัพนำขุนพลเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย “บอล” พลากร พิมพะนิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 ตอกเสาเข็มกาฬสินธุ์ต้องแลนด์สไลด์ทั้ง 6 เขต  ด้าน“อุ๊งอิ๊ง”วีดีโอคอลอ้อนคิดถึงชาวกาฬสินธุ์ขออย่าปันใจ ย้ำพรรคเพื่อไทยไม่มีสาขา  ให้เลือกทั้งคน ทั้งพรรคแลนด์สไลด์ทั่วประเทศ ขณะที่ “เศรษฐา”ประกาศเดินหน้านโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัลให้คนละ 10,000 บาท ยืนยันไม่ยกเลิกบัตรคนจน ระบุพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คนจนจะหมดไปเอง


เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 18 เมษายน 2566 ที่สนามกีฬาโรงเรียนวังมนวิทยาคาร ต.หัวงัว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายอดิศร เพียงเกษ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย  และนายพานทองแท้ ชินวัตร เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยนายพลากร พิมพะนิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 พรรคเพื่อไทย เบอร์ 4 โดยมีนายวิรัช พิมพะนิตย์  ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย นางยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 3 นายทินพล ศรีธเรศ ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 และผู้สมัคร ส.ส.จาก จ.ร้อยเอ็ดเข้าร่วมปราศรัย พร้อมประกาศตอกเสาเข็มแลนด์สไลด์กาฬสินธุ์ทั้ง 6 เขต ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังกว่า 20,000 คน หลังจากเมื่อช่วงเวลา 15.00 น.ได้เปิดเวทีปราศรัยจุดแรกที่อำเภอกมลาไสย


โดยเวทีการปราศรัยครั้งนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ยังได้ปราศรัยผ่านระบบออนไลน์ หรือวีดีโอคอลมาถึงพี่น้องประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งนางสาวแพทองธาร บอกว่า คิดถึงพี่น้องชาวกาฬสินธุ์ รอคลอดน้องแล้วจะไปหา พร้อมขอแรงเชียร์ แรงใจ จากพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์ เลือกพรรคเพื่อไทย เราไม่มีพรรคอื่น ขออย่าปันใจ ให้เลือกทั้งคน ทั้งพรรค เลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้นให้แลนด์สไลด์ทั้ง 6 เขต และแลนด์สไลด์ทั่วประเทศ เพื่อเข้าไปเป็นรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติด และแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศ


ด้านนายอดิศร เพียงเกษ  กล่าวปราศรัยว่า ผ่านมา 8 ปีแล้ว และหมดเวลาแล้วสำหรับการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของรัฐบาล"ประยุทธ์"  ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยพร้อมที่สุด พร้อมทั้ง ส.ส.เขต พร้อมทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และพร้อมทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่จะเข้าไปกู้หน้าตาให้ประเทศไทยกลับคืนมา ขอพี่น้องประชาชนเปิดโอกาสให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลและขอพี่น้องชาวกาฬสินธุ์เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้ง 6 เขต

สงขลา-“หาดใหญ่ปราศัยสร้างสรรค์”ประชาธิปัตย์ จัดทีมเศรษฐกิจ ขึ้นเวที ช่วย นิพัฒน์ เบอร์ 4 เป็น ส.ส.เขต 2 สงขลา ชู ศักยภาพเมืองหาดใหญ่มีความพร้อม

ด้านคมนาคม รองรับการขยายตัวเศรษฐกิจ-แก้ปัญหาจราจร ด้านนิพนธ์ฯ ขอบคุณ ประชาชนที่สนับสนุนปชป. ย้ำ พรรคไม่ทอดทิ้งหาดใหญ่ 

นายนิพนธ์ บุญญามณี  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  นำขุนพลทีมเศรษฐกิจ  ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งฯ พร้อมด้วยนายเมธี อรุณ (เมธี ลาบานูน (รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์) ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 2 นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังกวัดสงขลา นายนิยม พรรณราย รองประธานสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ นายประสิทธิ์ ช่วยชูสกุล เลขานุการนายก อบจ.สงขลา ขึ้นเวทีปราศรัยในหัวข้อ "ทิศทางเศรษฐกิจหาดใหญ่จะเป็นอย่างไร" และ เปิดวิสัยทัศน์ของนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 4 โดยมีพี่น้องประชาชนในเขตเทศนครหาดใหญ่ และประชาชนผู้สัญจรไปมากว่าสองหมื่นคนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น  ณ บริเวณลานหน้าหอนาฬิกาหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

ซึ่งในส่วนของ ดร.สามารถกล่าวช่วงหนึ่งว่า หาดใหญ่มีทำเลยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งภาคใต้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องขับเคลื่อนหาดใหญ่ด้วยระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งพรรคมีนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ รถโมโนเรล ซึ่งหาดใหญ่จะประสบปัญหาในเรื่องการจราจรติดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งอบจ.สงขลาในสมัยท่านนิพนธ์เป็นนายกอบจ.ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยว มีระยะทางยาว 13 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่บ้านพรุ-รถตู้ตลาดเกษตรควนลังในระยะแรก ซึ่งขณะนี้ได้ทำประชาพิจารณ์ และทำในสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยหมดแล้ว ในส่วนระยะที่สองจะขยายเส้นทางจากสถานีน้ำพุ ถนนลพบุรีราเมศวร์ และจากสถานีคอหงส์ไปยังสวนสาธารณะหาดใหญ่ และระยะที่สาม จะเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างสถานีหาดใหญ่ในกับสถานีคลองเรียน จนถึงศูนย์การค้าไดอาน่า ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อรถตุ๊กตุ๊ก  รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซด์  

ดร.สามารถ กล่าวต่ออีกว่า เวลานี้ผมมีผลการศึกษา และแบบเบื้องต้นอยู่ในมือแล้ว การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะผลักดันให้โมโนเรลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งก็จะแก้ปัญหารถติดในเมืองหาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นก็มีรถไฟรางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์เชื่อมต่อไปสู่กรุงเทพฯ ซึ่งจะทำให้ย่นระยะเวลาเหลือเพียง 8 -10 ชั่วโมง ซึ่งเป็นรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อรองรับรถไฟจากประเทศมาเลเซียที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเช่นกัน ซึ่งจะทำให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และจะทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในหาดใหญ่มากขึ้น รวมถึงจะช่วยกระตุ้นให้มูลค่าการค้าการขายชายแดนระหว่างไทย- มาเลเซียพุ่งสูงที่สุดของประเทศ ราว 660,000 ล้านบาท และในส่วนของถนนมอเตอร์เวย์ พรรคปชป.ทำสายแรกตั้งแต่กรุงเทพ - ชลบุรี โดยทำเป็นมอเตอร์เวย์ จตุรทิศ  หาดใหญ่จากสะเดาไปด่านนอก แบบเสร็จแล้วเหลือเพียงการเจราจากับทางมาเลย์เท่านั้น ซึ่งจะทำให้การค้าขายการส่งออกดีขึ้น อีกเรื่องคือเรื่องของสะพานเชื่อมเกาะสมุย ถ้ามีสะพานใช้เวลาเพียง 20 นาที ซึ่งผมเป็นคนริเริ่มคิดในเรื่องนี้มานานแล้ว โดยทำเป็นแบบสะพานขึง ถ้ามีโครงการเหล่านี้จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของชาวมาเลย์และสิงคโปร์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราต้องการทำหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางขนส่ง และศูนย์กลางการเงินให้ได้ เนื่องจากหาดใหญ่มีความพร้อมในทุกด้าน จึงต้องอาศัยแรงผลักดันจากพี่น้องประชาชนให้ความมั่นใจในพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกนายนิพัฒน์ อุดมอักษร  ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 4 และเลือกพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26

‘นฤมล’ ควง ‘เอ๋ บุณณดา’ ลุยหาเสียงย่านกุฎีจีน ชูนโยบายระบบสาธารณสุขเพื่อประชาชนทุกคน

(3 พ.ค. 66) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าทีมผู้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่เขตบางซื่อ เพื่อช่วย น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ หรือเอ๋ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 32 เบอร์ 6 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) เดินรณรงค์หาเสียง โดยได้พบปะพูดคุยกับประชาชนย่านกุฎีจีน
.
โดย นางนฤมล กล่าวว่า พื้นที่เขตนี้ถือว่ามีความกว้างขวางพอสมควร ซึ่งเป็นการแบ่งเขตใหม่ของ กกต.โดยผู้สมัครของเราก็ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อสอบถามปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องประชาชน ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ เราพร้อมผลักดันให้เกิดการพัฒนาสร้างอาชีพให้กับประชาชน เพราะถือว่าเป็นเขตที่สามารถพัฒนาเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้
.
นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังให้ความสำคัญไปยังการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ โดยวันนี้การลงพื้นที่ของเราก็ตรงกับวันที่ทางชุมชนมีกิจกรรมตรวจสุขภาพของผู้กลุ่มอายุ ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ๆ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เน้นย้ำเรื่องนโยบายสาธารณสุข เพื่อให้ทั้งคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้าถึงบริการทางการแพทย์ด้วยการใช้เทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายที่เราดำเนินการมาตั้งแต่ปี 62 โดยชื่อว่า หมอถึงบ้านพยาบาลถึงเรือน ผ่านมา 4 ปี วันนี้เทคโนโลยีก็มีการพัฒนาขึ้นมาก เราก็จะใช้เทคโนโลยีตรงนี้เข้ามาช่วยเหลือประชาชน 
.
นโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา เอายาไปส่ง’ มีเนื้อหาระบุว่า จะหาหมอทั้งทีต้องเดินทาง ต้องรอคิว เข้าถึงการรักษายากลำบาก แต่วันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพรรคพลังประชารัฐจะนำระบบ Telelmed หรือการแพทย์ทางไกลมาใช้ โดยจะทำให้ไม่ว่าประชาชนอยู่ที่ไหน ก็สามารถพบแพทย์ได้"

‘วิษณุ’ ชี้!! หลากโพลมีส่วนทำกระแสเปลี่ยน ยัน!! อยากเห็นรัฐบาลเสียงข้างมากตั้งแต่ต้น

(3 พ.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายที่เริ่มดุเดือดมากขึ้น ว่า เป็นธรรมดาของการหาเสียงเลือกตั้งที่เหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา เมื่องวดเข้ามาต่างต้องพยายามที่จะทำอย่างไรให้ผู้คนจำเบอร์ให้ได้ จำชื่อให้ได้ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็รู้อย่างนี้จึงได้มีกฎหมายห้ามทำโพลก่อนวันเลือกตั้งช่วงโค้งสุดท้าย เนื่องจากจะมีผล เป็นธรรมดาที่อาจจะดุเดือดรุนแรงหน่อย อย่างไรก็ตาม โพลต่าง ๆ จะมีส่วนทำให้กระแสเปลี่ยนหรือไม่นั้น เชื่อว่าคงมีส่วน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หวั่นใจอะไรหรือไม่ หลังโพลให้พรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นพรรครัฐบาลขณะนี้นำลิ่ว นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่หวั่น ไม่เกรง เพราะไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของโพล เรื่องของประชาชน และโพลมีหลายโพล ทั้งเอกชน องค์กรของรัฐ ซึ่งตนไม่ทราบว่าอันไหนถูก อันไหนผิด อันไหนตรงหรือไม่ หรือเป็นเช่นนั้นหรือไม่ 

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการพูดถึงขั้วทางการเมืองบ้างแล้ว นายวิษณุ กล่าวว่า ปกติเขาจะไม่พูดกันก่อนวันเลือกตั้ง แต่ในคืนวันเลือกตั้งที่ผลออกแล้วเขาถึงจะพูดกัน และเมื่อพูดแล้วมันยังไม่แน่นอน เราเห็นการจัดตั้งรัฐบาลหลายครั้งมาแล้ว ที่ทำท่าว่าขั้วจะออกมาอย่างนี้ แต่ยังไม่ได้มีการประกาศผลเลือกตั้งออกมาอย่างเป็นทางการ เพียงแต่พอรู้บ้างแล้ว เช่น เมื่อเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 มี.ค.62 พอเช้าวันที่ 24 มี.ค.62 เมื่อรู้คะแนนเราจึงได้เห็นการจับขั้วกันเกิดขึ้นอย่างหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาเอาเข้าจริง ทิ้งเวลาไปอีก 1-2 เดือน กว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งออกมาเป็นทางการ ขั้วรัฐบาลก็เปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้น เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่แค่รู้คร่าว ๆ พอรู้ได้หลังปิดหีบ 24 ชั่วโมง แต่ยังปักใจไม่ได้ การเมืองก็เป็นอย่างนี้ เป็นเรื่องธรรมดา 

เมื่อถามว่า หากผลเลือกตั้งออกมาคะแนนสูสี แต่เลือกนายกรัฐมนตรี และตั้งรัฐบาลยังไม่ได้ จะเกิดสุญญากาศหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในที่สุดต้องหาทางตั้งให้ได้ เพราะในรัฐธรรมนูญกำหนด ตามมาตรา 270 ว่าให้ทำอย่างไร ไม่เกิดสุญญากาศแน่ เพียงแต่อาจจะช้าหน่อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อย่างแรกที่จะต้องทำคือ เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งไม่ค่อยพลิกโผ เมื่อได้ประธานสภาฯ แล้ว จะมีการจับขั้วกัน นั่นค่อยว่ากันอีกที

นอกจากนี้ หลังปิดหีบเลือกตั้ง กกต.ยังมีเวลาที่จะประกาศผลภายใน 60 วัน ไทม์ไลน์เป็นแบบนี้ แต่ตนตอบไม่ถูกว่าจะได้เห็นรูปร่างหน้าตารัฐบาลใหม่เมื่อไหร่ เพราะผลยังไม่ออก คะแนนยังไม่ได้ อะไรก็ยังไม่รู้เลย และในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่าต้องหานายกฯ ได้ภายในกี่วัน แต่ในที่สุดต้องเลือกกันจนได้ ทั้งนี้ แม้จะยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ แต่จะไม่เกิดสุญญากาศและไม่เกิดเดดล็อกแน่นอน เพราะในรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ให้รัฐบาลรักษาการทำอะไรได้หลายเรื่อง เช่น ขอใช้งบกลางก็ได้

เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วง กกต.หรือไม่ เนื่องจากถูกโจมตีหนักในช่วงนี้ จนต้องออกมาแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อปกป้องตัวเอง นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร ไม่ได้ติดตามข่าว เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า มี 2 ราย ขุดเรื่องสูตรคำนวณเลือกตั้งเมื่อปี 62 ขึ้นมา ซึ่ง กกต.กำลังจับตาอยู่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนเห็นจากข่าวว่าจะมีจำเลย 2 คน ขอให้ไปถาม กกต.เอาเอง เขาอุตส่าห์บอกมานิดหน่อยแล้ว แต่เรื่องอะไรตนไม่รู้

ชวน หลีกภัย นำ นิพนธ์-มาดามเดียร์-ดร.เอ้ ลุยชายแดนใต้ แฟนคลับรอส่งกำลังใจแน่นสองข้างทาง

ด้านโต๊ะครู ผู้นำศาสนา สายบุรี นำคณะต้อนรับเพื่อขอบคุณสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีได้อุดหนุนร.ร.เอกชนสอนศาสนา พลิกโฉมจนถึงวันนี้ เผย “ท่านชวน เป็นบุคคลที่พวกเราไม่ควรลืม” ที่ สุไหงโก-ลก คณะกรรมการศาลเจ้าโต๊ะโมะ ดีใจ เตรียมจัดเลี้ยงรับรองฯ

นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฏร พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นางวทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ และศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานการศึกษาทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อขอคะแนนเสียงให้แก่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดปัตตานี เขต 1 นายสนิท  นาแว หมายเลข 8 ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี โดยเริ่มตั้งขบวนจากโรงแรม ซี เอส ปัตตานี เลี้ยวซ้ายเข้าในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี  ผ่านใจกลางเมือง ต่อจากนั้นนายชวน หลีกภัยและคณะ เข้าสักการะ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งตลอดสองข้างทางได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้ส่งเสียงให้กำลังใจ มอบดอกไม้ ให้กับนายชวน หลีกภัย และคณะจำนวนมาก    

จากนั้น คณะของนายชวน หลีกภัย พร้อมด้วยนายยูนัยดี วาบา ผู้สมัครปชป.หมายเลข 6 ได้เดินทางต่อไปยังบริเวณตลาดปาลัส ของอำเภอปะนาเระ และ เขตเทศบาลเมืองตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เพื่อขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน โดยที่อำเภอสายบุรี นั้น มีโต๊ะครู ผู้นำศาสนา ครูและบุคลากรของโรงเรียน นำโดย ดาโตะนิเดร์ วาบา เจ้าของโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา รอให้การต้อนรับเพื่อแสดงความขอบคุณท่านชวน หลีกภัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า “ท่านชวน หลีกภัย เป็นบุคคลที่พวกเราไม่ควรจะลืม เพราะว่าในช่วงที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีและในสมัยรัฐบาลของท่าน ผมและคณะได้เข้าพบ และได้อุดหนุนให้กับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านก็ได้รับหนังสือและได้พิจารณาให้การอุดหนุนกับโรงเรียนเอกชน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของท่านจนถึงทุกวันนี้ เป็นการพลิกโฉมโรงเรียนเอกชนสอน
ศาสนาอิสลามในด้านวิชาการสามัญและศาสนาพัฒนาโรงเรียนเอกชนฯ ให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมกับโรงเรียนต่างๆในภาครัฐ ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีขึ้นตามลำดับ ทำให้นักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก”
ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น 

จากนั้นในเวลา 17.30 คณะฯพร้อมด้วยผู้สมัครเขต1 นราธิวาส นายวัสสันต์ ดือเร๊ะ หมายเลข 6 ได้ขึ้นรถหาเสียงขอคะแนนจากพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับจากประชาชนในพื้นที่อย่างอบอุ่นจนกระทั่งเวลา 18.45น  เดินทางต่อไปยังอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสเพื่อพบปะกับคณะกรรมการศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ ที่มีความรู้สึกดีใจและเตรียมจัดเลี้ยงเพื่อต้อนรับนายชวน หลีกภัย และคณะในการมาเยี่ยมเยียนอีกด้วย


นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

นราธิวาส-“ทวี สอดส่อง” ขึ้นรถแห่หาเสียงรอบเมืองสุไหงปาดี ชาวบ้านตอบรับดี มั่นใจประชาชาติที่พึ่งคนชายแดนใต้

วันนี (4 พฤษภาคม 66) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นำผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 3 (อ.สุไหงปาดี อ.แว้ง อ.เจาะไอร้อง) นายมูฮัมหมัดรอมือลี อาแซ เบอร์ 5 และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พูดไฮด์ปาร์คหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี โดยมีพี่น้องประชาชนชาวอำเภอสุไหงปาดีทั้งไทยพุทธและมุสลิมให้ความสนใจมายืนฟังกันจำนวนหลายร้อยคน 

โดย พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า “เราต้องสร้างรัฐสวัสดิการให้เงินค่าเลี้ยงดูบุตรแก่พ่อแม่ โดยเด็กทารกแรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 ขวบต้องได้ 4,500 บาท และเด็กอายุ 7 ขวบไปจนถึง 15 ปี ต้องได้เดือนละ 3,000 นี่ไม่ใช่เป็นเงินประชานิยม แต่เป็นรัฐสวัสดิการ คือทุกคนต้องมีสิทธิ์เสมอกัน เราต้องการสร้างคน เพราะเราต้องร่วมกันสร้างคนให้มีอนาคตที่ดี ปัญหาใหญ่ของเกษตรกรคือไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย พรรคประชาชาติจึงมีนโยบายที่จะทำให้เกษตรกรทุกครัวเรือนต้องมีกรรมสิทธิ์และสิทธิ์ในที่ดินทำกินอย่างน้อย 20 ไร่ เพราะถ้าไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง เราจะไม่สามารถที่จะทำเกษตรกรรมได้เราจะเป็นเพียงแค่ลูกจ้างหรือเป็นแค่ผู้อาศัยในที่ดินของรัฐ ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาป่าไม้และที่ดินแบบเบ็ดเสร็จ คนนราธิวาสจำนวนมากอาศัยอยู่บริเวณเขาบูโดสุไหงปาดี ได้รับผบกระทบจากกฎหมายอุทยาน เราต้องแก้กฎหมาย ซึ่งเราได้ยื่นเสนอร่างกฎหมายสู่สภาแล้ว และเราต้องทำต่อไปให้สำเร็จ ชาวสวนยางต้องมีที่ดินของตัวเอง ไม่ใช่ไปอาศัยที่ดินคนอื่นหรือรับจ้างคนอื่นกรีดยาง”

'อดีตทูตนริศโรจน์' เดือด!! บางพรรคหวังชนะทางการเมืองด้วยวิธีสกปรก ยัดเยียดแนวคิด 'ยุวชนเรดการ์ด' ให้เด็กไทยหัดขู่พ่อแม่

(6 พ.ค. 66) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า...

ไม่น่าเชื่อว่าต้องการเอาชนะทางการเมืองด้วยวิธีการที่สกปรกแบบนี้

การที่พรรคการเมืองนึงระดมเด็ก ๆ ให้ทำคลิปลง tiktok / reels พูดในทำนอง ‘ขู่’ พ่อแม่สารพัดว่า ถ้าไม่เลือกพรรค ก.ก. เหมือนกับตน ต่อนี้ไป ก็จะออกจากบ้าน / ไม่ส่งเงิน / ไม่ต้องพูดคุย เหมือนตัดขาด ตัดเยื่อใยสายสัมพันธ์ในครอบครัว เพียงเพราะพ่อแม่คิดต่างไม่เหมือนกับตัวเอง

เฮ้ย..! นี่มันวิธีการแบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ แบบ ‘ยุวชนเรดการ์ด’ สมัยนึงของจีนเลย! 

ที่มีการเอาพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ของตัวเองมาประณาม ประจาน ยึดมั่นแต่หลักการลัทธิที่ตัวเองบูชา มีการเผาทำลายหนังสือที่เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมเพราะถือว่าเป็นการขัดขวางแนวทางของพรรค จนทำให้จีนเข้าสู่ยุคตกต่ำสุด และสูญเสียมรดกทางวัฒนธรรมไปเยอะมาก 

ยุวชนเรดการ์ดของจีนหลายคนในสมัยนั้น ปัจจุบันได้ออกมาสารภาพผิดที่ครั้งนึงหลงใหลไปกับการปลุกระดมให้เกลียดแม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง ถ้าพ่อแม่มีแนวทางที่เป็นอุปสรรคต่อพรรค !!

หลายคนเคยแม้แต่ทุบตีพ่อแม่ตัวเอง จับอาจารย์ที่เคยสอนมากล้อนผมประจาน ถ่มน้ำลายใส่หน้า อาจารย์บางคนทนรับเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้ถึงกับฆ่าตัวตายไปก็มี 

บันทึกประวัติศาสตร์ของ ยุวชนเรดการ์ด จีนยุคนั้นยังหาอ่านได้ทั้งบทความและรูปภาพลองค้นกูเกิลดูก็จะเห็น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top